0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

ทริปเที่ยวเชียงใหม่-แม่กำปองแบบไม่ง้อรถส่วนตัว 3 วัน 2 คืน งบ 5,000 บาท

calendar_month 26 ม.ค. 2016 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 1,094,144 / ทริปตัวอย่าง

สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวแต่อยากไปเที่ยวเชียงใหม่
 วันนี้เกียร์กระปุกมีตัวอย่างทริปเที่ยวเชียงใหม่สนุกๆ 3 วัน 2 คืน
 เดินทางสะดวกแถมราคาประหยัดมาให้ชมค่ะ
 โดยทริปนี้เราเลือกนั่งรถทัวร์เพราะเป็นช่วงวันหยุดปีใหม่เลยทำให้ค่าเครื่องบินแพงมาก
 และเราเดินทางไปทั้งหมด 3 คน ทำให้ค่าอาหารต่างๆ เราจะหารกัน
 เลยทำให้ทริปนี้ของเราใช้เงินไปทั้งหมดประมาณ 5,000 บาทเท่านั้น
 พร้อมแล้วก็ไปชมรายละเอียดกันเลยค่ะ


05


 

 
เราเลือกใช้บริการรถทัวร์ของนครชัยแอร์โดยเป็นรถรอบกลางคืนหรือไนท์บัสเพื่อไปถึงเชียงใหม่ตอนเช้าค่ะ โดยเราเลือกรถแบบ First Class ค่ารถ 778 บาท เบาะที่นั่งใหญ่นั่งสบาย กว้างขวาง เป็นเบาะนวด มีจอพีวีให้ชมหนัง ฟังเพลง เบาะสามารถปรับนอนได้สบายไม่ต้องกลัวจะไปเกะกะคนข้างหลัง มีบริการเสิร์ฟขนม ของว่าง และเครื่องดื่มบนรถ ไม่มีมาปลุกทานอาหารระหว่างทาง การบริการให้สามผ่านเลยค่ะ 

  
 
เรามาถึงเชียงใหม่ประมาณ 8 โมงเช้า โดยวันแรกเรามีแพลนขึ้นไปเที่ยวที่หมู่บ้านแม่กำปองค่ะ โดยก่อนมาเกียร์กระปุกได้ทำการจองที่พักที่โฮมสเตย์บ้านฮิมห้วยลุงปุ๊ดป้าเป็งมา คนละ 650 บาท/คน/คืน นอกจากนี้ทางเรายังขอเพิ่มบริการรถรับส่งโดยทางที่พักคิดเพิ่มคนละ 600 บาทค่ะ  สนใจติดต่อได้ที่ 092-814-1131 / 088-547-4545
 
ลือกชมที่พักอื่นๆ ได้ที่นี่>>https://www.chillpainai.com/scoop/5591

รถที่มารับเป็นรถตู้วีไอพี นั่งสบายมากๆ เลยค่ะ โดยรถตู้มารับพวกเราแค่สามคนเท่านั้น แล้วก็พาพวกเราขึ้นไปยังหมู่บ้านแม่กำปอง 


 
ก่อนถึงหมู่บ้านแม่กำปองทางพี่คนขับแวะให้เราไปเยี่ยมชมศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก ที่นี่มีบ้านพักให้บริการ ตัวบ้านพักน่าอยู่มากเลยค่ะล้อมรอบด้วยต้นไม้และลำธาร แต่เสียดายที่นี่มักจะเต็มตลอด นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และจุดซื้อของฝากของโครงการหลวงให้บริการอีกด้วย

 

เรามาถึงหมู่บ้านแม่กำปองช่วงสายๆ จากนั้นก็เข้าไปเช็คอินที่พักซึ่งเป็นโฮมสเตย์ติดกับลำธาร ห้องน้ำรวม

   

ห้องนอนจะมีเตียง 3 เตียง ไม่มีเครื่องปรับอากาศ มีเพียงพัดลม ซึ่งจริงๆ ที่นี่อากาศไม่ร้อนไม่ต้องเปิดพัดลมเลยค่ะ ส่วนผ้าห่มก็มีให้ถึง 2 ผืน ไม่ต้องกลัวหนาว


 
หลังจากเก็บของเสร็จเราก็ไปเยี่ยมชมวัดคันธาพฤกษา (วัดแม่กำปอง) วัดที่เป็นศูนย์รวมใจของชาวบ้านแม่กำปองและจุดเด่นคือมีโบสถ์หลังเก่าที่ทำจากไม้โดยมีมอสขึ้นปกคลุมทั่วหลังคา และโบสถ์หลังเล็กกลางน้ำตกสวยงามมากๆ ค่ะ
 
 
 
จากนั้นเราเดินขึ้นเขามายังร้านชมนกชมไม้ร้านกาแฟชมวิวสวยของหมู่บ้านแม่กำปอง ทางขึ้นเขาค่อนข้างลาดชัน เรียกเหงื่อให้เราแต่พอมาถึงร้านก็หายเหนื่อยเลยค่ะเพราะวิวสวยมากๆ และขนมร้านนี้ก็อร่อยมากๆ ด้วย

 

จากร้านชมนกชมไม้สามารถเดินขึ้นเขาไปตามถนน ต่อไปยังน้ำตกแม่กำปองได้ ซึ่งเป็นน้ำตกเล็กๆ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้มากมาย


 
ในยามเย็นเราแวะมาทานอาหารอร่อยและทานขนมที่ร้านลุงปุ๊ดป้าเป็งค่ะ ร้านตกแต่งได้น่ารักมากๆ ตั้งอยู่ริมลำธาร ร้านนี้เป็นร้านที่นักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปบริเวณหน้าร้าน เพราะตัวร้านเป็นบ้านไม้เก่าเก๋ไก๋มากๆ 

  

ก่อนพระอาทิตย์ตกดินเราก็เดินชมความน่ารักของหมู่บ้านแม่กำปอง และวิถีชีวิตชาวบ้านแม่กำปองที่ส่วนมากประกอบอาชีพปลูกใบเมี่ยงและต้นกาแฟค่ะ
 

ค่าใช้จ่ายวันแรก

 ค่ารถนครชัยแอร์ 778 บาท
 ค่าที่พัก 1250 บาท
 ค่าอาหารที่ร้านชมนกชมไม้คนละ 150 บาท
 ค่าอาหารที่ร้านลุงปุ๊ดป้าเป็งคนละ 170 บาท
รวม 2,348 บาท


 

 
ตอนเช้าเรามาทานข้าวต้ม วาฟเฟิล จิบเครื่องดื่มในยามเช้าที่ร้านลุงปุ๊ดป้าเป็ง โดยเราสามารถทานฟรีเพราะรวมอยู่ในมื้อเช้าที่ทางที่พักจัดมาให้บริการกับเราค่ะ 
 
  

จากบ้านแม่กำปองทางที่พักจัดรถมาส่งเราในตัวเมืองเชียงใหม่  โดยทางพี่คนขับจะแนะนำร้านอาหารอร่อยในเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสลัด ร้านอาหารเหนือ ร้านข้าวซอย  และพี่คนขับจะพาเราแวะไปทานอาหารโดยไม่ได้คิดค่าบริการเพิ่ม ซึ่งในส่วนค่าอาหารเราจะต้องออกเอง

 ร้านที่เราเลือกคือร้านลำดีตี้ขัวแดง ร้านนี้ตั้งอยู่ที่วีคอม ตรงสันทรายเป็นร้านอาหารเหนือ มีจุดเด่นของร้านคือสะพานแขวนสีแดงที่ทางร้านเป็นคนสร้างเอง

   

ในส่วนของอาหารราคาไม่แพงเลยค่ะ และยังอร่อยอีกด้วย แนะนำจิ้นหุ้มกระดูกหมู เชียงดาผัดไข่ และตำขนุนอร่อยมากๆ

   

  
จากนั้นพี่คนขับก็พาเรามาส่งถึงที่พักคืนที่สองที่บ้านเส-ลา เกสต์เฮาส์ ในซอยนิมมานเหมินทร์ซอย 5 โดยห้องพักที่เราจองมาเป็นห้องเตียง 2 ชั้น สำหรับ 3 คน ห้องน้ำในตัว ราคาเพียง 1,340 บาท/ ห้อง/คืน เท่านั้น

 

โดยห้องที่เราพักจะตั้งอยู่ตึกตรงข้ามกับส่วนชองล็อบบี้ค่ะ พอมาถึงก็ประทับใจเลยเพราะเป็นบ้านเก่าวินเท๊จ วินเทจ

 

ห้องพักจะมีเตียง 2 ชั้น 2 เตียง แต่ละเตียงจะมีม่านปิด มีไฟอ่านหนังสือ มีโต๊ะวางคอมหรืออ่านหนังสือที่สามารถพับเก็บได้ และมีปลั๊กให้ทุกเตียงเลยค่ะ

 

ห้องน้ำจะแบ่งเป็นส่วนห้องสุขาและห้องอาบน้ำ มีชักโครก เครื่องทำน้ำอุ่น สบู่ แชมพู ห้องน้ำสะอาดมากๆ

 

ภายในห้องมีทีวี เคบิล ไวไฟ ตู้เก็บของให้ค่ะ

 

ใครสนใจก็สามารถจองได้ที่นี่เลยค่ะ

agoda_but.jpg
 booking_but.jpg
 
พอเก็บของเสร็จเรียบร้อยก็ไปเดินไปยังร้านไอเบอร์รี่ ซอยนิมมานฯ 17 ร้านยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ทานไอศกรีมพร้อมกับถ่ายรูปเก๋ๆ แต่ร้านนี้คนค่อนข้างเยอะมากๆ เลยค่ะ ใครจะมาร้านนี้ในวันเสาร์อาทิตย์ทำใจได้เลยมีทั้งนักท่องเที่ยวไทยและจีนเต็มร้านไปหมด

ดูรายละเอียดร้านเพิ่มเติมที่นี่>>
ร้านไอเบอร์รี่ 



ในตอนเย็นเราไปทานอาหารเย็นที่ร้านต๋องเต็มโต๊ะ นิมมานเหมินทร์ซอย 13  ซึ่งเต็มโต๊ะสมชื่อเลยค่ะ คนเยอะมากๆ จนต้องรอคิวอยู่นานกว่าจะได้ทาน 


อาหารของร้านนี้เป็นอาหารเหนือแต๊ๆ อร่อยสมที่รอคอย โดยลูกค้าร้านนี้ก็มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนค่อนข้างมากเลยค่ะ

  
 
ดูรายละเอียดร้านเพิ่มเติมที่นี่>>ร้านต๋องเต็มโต๊ะ

ค่าใช้จ่ายวันที่สอง

ค่าที่พักที่บ้านเส-ลาคนละ 446 บาท
 ค่าอาหารที่ลำดีตี้ขัวแดง 200 บาท
 ค่าไอเบอร์รี่ 150 บาท
 ค่าอาหารที่ร้านต๋องเต็มโต๊ะ 250 บาท


รวม 1,046 บาท
 


 
เราเช็คเอาท์ออกจากที่พักประมาณ 11 โมงค่ะ และฝากกระเป๋าไว้ที่พัก โดยโปรแกรมวันสุดท้ายเราจะปั่นจักรยานเที่ยวในเชียงใหม่ โดยเราไปเช่าจักรยานในซอยนิมมานฯ คันละ 80 บาท/วัน เป็นจักรยานมีเกียร์ปั่นสบายมากๆ

 ก่อนออกเดินทางก็มาเติมพลังที่ร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่นิมมานฯ ที่ซอยนิมมานเหมินทร์ซอย 17 ข้างๆ ร้านไอเบอร์รี่

 
 
ร้านนี้คนเยอะอีกเช่นเคยแต่ไม่โหดเท่ารัานต๋องเต็มโต๊ะ เมนูเด็ดร้านนี้คือก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่กระทะร้อนโดยจะเสิร์ฟพร้อมไข่ดาวที่เตาะลงไป เวลาทานก็คลุกไข่ให้เข้ากับก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่อร่อยมากๆ 

 
 
ดูรายละเอียดร้านเพิ่มเติมที่นี่>>คั่วไก่ นิมมาน
 
พอทานอาหารเสร็จเราก็ปั่นมาที่วัดอุโมงค์ ซึ่งจากนิมมานฯ มาวัดอุโมงค์ค่อนข้างไกลแต่ปั่นมาเรื่อยๆ รถไม่ค่อยเยอะและอากาศดีมากๆ ไม่นานก็มาถึงวัดอุโมงค์แล้วค่ะ


 

เกียร์กระปุกชอบวัดนี้มากๆ เพราะร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ เป็นวัดเก่าแก่ที่ควรแวะมาสักการะกันสักครั้ง

    
 
จากวัดอุโมงค์เราก็ปั่นต่อไปยังบ้านข้างวัด คอมมูนิตี้มอลล์สไตล์ล้านนาที่ตั้งอยู่ข้างวัดร่ำเปิง โดยเขาดีไซน์เป็นหมูบ้านไม้สองชั้น ภายในมีร้านกาแฟ ร้านขายของชำร่วย ร้านไอศกรีม ล้านกิจกรรม โดยจะมีกิจกรรมมาจัดที่นี่ตลอดเวลาเลยค่ะ

    

ร้านกาแฟของที่นี่น่านั่งหลายร้านเลยค่ะ กาแฟก็หอมและอร่อย

   
 
จากบ้านข้างวัดเราปั่นมายังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยจุดหมายคืออ่างแก้ว ที่ตั้งอยู่ภายใน มช.ค่ะ โดยเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีวิวดอยสุเทพอยู่เบื้องหลัง ซึ่งที่นี่เหมาะกับมานั่งรับลมเย็นๆ ปั่นจักรยานเล่นมากๆ ค่ะ และแทบไม่น่าเชื่อว่าที่นี่คนจีนมาเที่ยวเยอะมากๆ เยอะกว่าคนไทยอีก ซึ่งส่วนมากมาตามกระแสหนังจีนที่เคยมาใช้โลเคชั่นถ่ายทำ ส่วนเราก็มานั่งเล่น ปั่นจักรยาน ถ่ายรูปกลับไปใครอยากได้มุมฮิปสเตอร์ก็ลองมาที่นี่กันดูนะคะ

 

และปิดท้ายทริปนี้ด้วยการมาช้อปของฝากกลับบ้านที่ถนนวัวลาย ก่อนจะเตรียมนั่งรถทัวร์กลับกรุงเทพฯค่ะ



ชมรายละเอียดเพิ่มเติม>>ถนนคนเดินวัวลาย
 
ค่าใช้จ่ายวันที่สาม
 ค่าก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ 80 บาท
 ค่าเช่าจักรยาน 80 บาท
 ค่าอาหารและเครื่องดื่มที่บ้านข้างวัด 150 บาท
 ค่ารถแดง 100 บาท
 ค่าอาหารและของฝากที่ถนนคนเดินวัวลาย 800 บาท
 ค่ารถนครชัยแอร์ 778 บาท
รวม 1,988 บาท

 


 

เขียนโดย
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน