calendar_month 24 ก.พ. 2025 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 40 / เที่ยวต่างประเทศ
เกียวโต (KYOTO) เมืองเก่าของญี่ปุ่น ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์มากมาย วันนี้ชิลไปไหนรวบรวม 30 ที่เที่ยวเกียวโต ญี่ปุ่น เที่ยวเกียวโตไปไหนดี อัปเดตใหม่ ให้คนที่กำลังวางแพลนไปเที่ยวเกี่ยวโตได้ตามไปเที่ยวกัน จะมีที่ไหนบ้างตามไปชมกันเลย
วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera) หรือที่คนไทยเรียกว่าวัดน้ำใส มาจากชื่อวัดในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่าน้ำบริสุทธิ์ ซึ่งวัดคิโยะมิซุนั้นเป็นวัดเก่าแก่อายุพันกว่าปีที่สร้างขึ้นในยุคสมัยเฮอันตอนต้นราวปี ค.ศ.780 และได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ไฮไลท์ของวัดนี้คือระเบียงไม้อาคารของวัดที่สูงจากพื้นดินประมาณ 13 เมตร ความมหัศจรรย์คือไม่ใช้ตะปูในการสร้างเลย ซึ่งในฤดูใบไม้ผลิตัวอาคารจะเต็มไปด้วยความสวยงามของดอกซากุระ และในฤดูใบไม้ร่วงบริเวณนี้ก็จะถูกปกคลุมไปด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามมากๆ ค่ะ
การเดินทาง : นั่งรถบัสเบอร์ 100 หรือ 206 จากสถานีเกียวโตไปลงป้าย Gojo-zaka หรือ Kiyomizu-michi
ค่าเข้า : 400 เยน
เปิด : ทุกวัน 6.00-18.00 น. (ช่วงที่จัดงานไฟจะเปิดถึง 21.30 น.)
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/826T2gdsvC2Xy6xx6
ถนนสายกาน้ำชา ถนนหน้าวัดคิโยะมิซุ อยู่ในย่านฮิงาชิยามะถนนสายเล็กๆ ที่จะเป็นเนินทั้งสองข้างทางเรียงรายไปด้วยบ้านเรือนไม้เก่าสไตล์ญี่ปุ่น สาเหตุที่ชื่อถนนสายกาน้ำชาเพราะในอดีตมีร้านขายพวกเครื่องปั้นดินเผากาน้ำชาดินเผาเรียงราย ปัจจุบันเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านขนม คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย
การเดินทาง : นั่งรถบัสเบอร์ 100 หรือ 206 จากสถานีเกียวโตไปลงป้าย Gojo-zaka หรือ Kiyomizu-michi
พิกัด GPS : https://maps.app.goo.gl/eFZsmHRMQVLofKQ29
ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ เป็นศาลเจ้าสำคัญในศาสนาชินโต ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองเกียวโต โดยลักษณะเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้คือเสาโทริอิสีแดงนับพันต้นตั้งเรียงรายไปตามแนวของภูเขาอินาริซึ่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีความสูง 233 เมตร จากระดับน้ำทะเล และถ้าจะเดินไปให้ถึงยอดของภูเขาจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ ศาลเจ้าฟูชิมินั้นเป็นศาลเจ้าที่บูชาเทพเจ้าอินาริ ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งข้าวในศาสนาชินโต โดยมีจะมีสุนัขจิ้งจอกเป็นผู้ส่งสาร ซึ่งในศาลเจ้าแห่งนี้ก็จะเต็มไปด้วยรูปปั้นสุนัขจิ้งจอก ใครอยากมาถ่ายรูปสวยๆ กับเสาโทริอิที่เรียงรายไปบนภูเขาก็มากันได้เลย
การเดินทาง : นั่งรถไฟเจอาร์จากสถานีเกียวโตไปลงที่สถานีอินาริ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
ค่าเข้า : ฟรี
เปิด : ทุกวัน
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/W1zU2H35Y3qTNaAz7
ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) ศาลเจ้าเก่าแก่ของเกียวโตอายุ 1,350 ปี ตั้งอยู่ระหว่างย่านกิอองและฮิงาชิยามะ จุดเด่นคือตัวอาคารด้านในจะประดับประดาโคมไฟนับร้อยด้วยที่จะสว่างสไวในยามค่ำคืน และในช่วงเทศกาลกิอองมัตสึริในช่วงเดือนกรกฎาคมจะมีการแห่รถลากขนาดใหญ่ที่จะแห่ไปรอบเมืองและจะมีนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาชมเทศกาลที่ศาลเจ้าแห่งนี้มากมาย
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 206 จากสถานีเกียวโตไปลงป้าย Gion
ค่าเข้า : ฟรี
เปิดบริการ : ตลอดเวลา
พิกัด GPS : https://maps.app.goo.gl/F4QBtzZLug2Pd26d9
สวนมารุยามะอีกหนึ่งจุดชมซากุระในกรุงโตเกียวโดยตั้งอยู่ใกล้กับศาลเจ้ายาซากะเป็นสวนที่เต็มไปด้วยต้นซากุระมากมายมีทั้งแบบดอกสีขาวและดอกสีชมพูโดยในช่วงซากุระบานจะมีร้านค้าร้านอาหารมาเปิดร้านที่นี่พร้อมกับมีชาวญี่ปุ่นที่จะมานั่งฮานามิปาร์ตี้พูดคุยกันใต้ต้นซากุระบรรยากาศครึกครื้นมากๆ และในตอนกลางคืนยังมีการประดับประดาไฟที่ต้นซากุระให้ชมอีกด้วย
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 206 จากสถานีเกียวโตมาลงสถานี Gion (สวนอยู่ด้านหลังศาลเจ้ายาซากะ)
ค่าเข้า : ฟรี
พิกัด GPS : https://maps.app.goo.gl/5wFcYCWJcLDWDy4t8
แม่น้ำคาโมะ คือแม่น้ำที่ไหลผ่านเมืองเกียวโต โดยตอนเย็นเราจะหาชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวมานั่งชิลริมแม่น้ำ ทำกิจกรรมออกกำลังกาย พักผ่อนชิลๆ ซึ่งจุดที่เราอยากแนะนำให้มานั่งเล่นจะอยู่ตรงกิอองที่มีสะพานชิโจพาดผ่าน มีร้านรวงที่เป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่นของย่าน Pnotocho เป็นฉากหลัง และเห็นภาพภูเขา แม่น้ำที่สวยงามมากๆ เป็นจุดนั่งชิลสำหรับคนที่อยากหนีคนเยอะๆ มานั่งปิกนิกชิลๆ ริมน้ำกัน
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 206 จากสถานีเกียวโตมาลงสถานี Gion แล้วเดินมานิดเดียว
พิกัด GPS : https://maps.app.goo.gl/ets4cvXGgxoA4ZeE9
ย่านกิอองแห่งนี้ก็เป็นย่านบ้านเก่าที่เต็มไปด้วยร้านน้ำชามากมาย ใครที่อยากมาเดินชมวัฒนธรรม ชมเกอิชาตัวจริงก็ต้องมาที่นี่ได้เลยค่ะ แต่แนะนำว่าไม่ควรไปรบกวนเขานะคะ เพราะเขาอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้มาแต่งตัวโชว์ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Keihan Main Line มาลงสถานี Gion-Shijo หรือนั่งรถบัสสาย 86 หรือสาย 206 จากสถานีเกียวโตมาลงที่กิอองได้ค่ะ
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/T6i7qmSbJkA8kjD16
สถานีเกียวโต ศูนย์กลางการเดินทางทุกอย่างในเกียวโตไม่ว่าจะเป็นรถบัส รถไฟ หรือรถไฟวิ่งระหว่างเมือง นอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางแล้วที่นี่ยังมีความโดดเด่นในเรื่องการดีไซน์โดยตัวอาคารนั้นสร้างเสร็จเมื่อปี 1997 สร้างขึ้นเพื่อฉลองครบ 1,200 ปีของเมืองเกียวโต ออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่น Hora Hiroshi (ผู้ที่ออกแบบ Umeda Sky Building ในโอซาก้า) โดยพยายามถ่ายทอดเกียวโตในอดีตผ่านการออกแบบในสมัยใหม่โดยเน้นใช้โครงเหล็ก ซึ่งมีทั้งหมด 15 ชั้น ชั้นบนสุดจะมีสวนบนดาดฟ้าที่เราสามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ด้วย นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมภายในอาคารแห่งนี้
การเดินทาง : สถานีเกียวโต
พิกัด GPS : https://maps.app.goo.gl/S9GsPVstwCeNwNXPA
ตรงข้ามกับสถานีเกียวโต คือเกียวโตทาวเวอร์แลนด์มาร์คสำคัญของเมืองเกียวโตสูง 131 เมตร เป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดในเมืองเกียวโต สร้างเสร็จเมื่อปี 1964 ส่วนจุดชมวิวจะอยูที่ความสูง 100 เมตรสามารถมองเห็นเมืองเกียวโตได้แบบ 360 องศา ในตัวอาคารเกียวโตทาวเวอร์ยังมีทั้ง โรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกมากมาย
การเดินทาง : ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีเกียวโต
ค่าเข้า : 900 เยน
เปิดบริการ : ทุกวัน 10.00-21.00 น.
พิกัด GPS : https://maps.app.goo.gl/vJZ3ebiP6o8Gpkco9
วัดคิงคะคุจิ (Kinkakuji Temple) หรือวัดทอง หรือวัดอิคคิวซังที่คนหลายคนรู้จัก เป็นวัดพุทธนิกายเซน ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น จุดเด่นของวัดคิงคะคุจิ คืออาคารสีทองที่ตั้งอยู่ริมบ่อน้ำและสวนแบบญี่ปุ่น ซึ่งอาคารหลังนี้เคยเป็นที่พักของโชกุนอะชิคางะ โยชิมิทซึ ซึ่งอาคารหลังนี้เกิดเหตุไฟไหม้หลายครั้งและล่าสุดได้ถูกเผาทำลายลงไปในปี 1950 โดยพระที่คลุ้มคลั่ง ซึ่งตัวอาคารในปัจจุบันได้รับการปรับปรุงขึ้นในปี 1955 บริเวณรอบๆ มีสวนญี่ปุ่นที่ออกแบบได้สวยงามมากๆ ให้คุณได้เดินชมสวนยิ่งในช่วงใบไม้แดงที่นี่จะสวยงามมากๆ ค่ะ
การเดินทาง : นั่งรถเมล์สาย 12,59,101,102,204,205 ลงป้าย Kinkakuchi-Michi
เปิด : ทุกวัน 9.00-17.00 น.
ค่าเข้า : 500 เยน
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/AqEznt85rRPw53H87
วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple) สร้างเพื่อเป็นที่พักอาศัยหลังวัยเกษียญของโชกุนอะชิคางะ โยชิมาสะ ในปี ค.ศ.1482 ซึ่งตัวอาคารไม้สร้างจำลองจากตัวอาคารของวัดทอง หรือวัดคิงคะคุจิ แต่ต่อมาเมื่อโชกุนอะชิคางะ โยชิมาสะเสียชีวิตลงก็ได้กลายเป็นวัดเซนในปี 1490 และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1994 ภายในมีสวนเซนที่สวยงาม ใครอยากมาสัมผัสวัฒนธรรมแบบเกียวโตแท้ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดดอกไม้ พิธีชงชา การจัดสวนต้องมาชมที่นี่เลยค่ะ อีกทั้งที่นี่ยังเป็นจุดชมใบไม้แดงที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเกียวโต
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 5, 17 จากสถานีเกียวโตไปลงป้าย Ginkakuji
ค่าเข้า : 500 เยน
เปิด : ทุกวันเวลา 8.30-17.00 น. (ในเดือนมีนาคม-เดือนพฤศจิกายน) และเวลา 9.00-16.30 น. (ในเดือนธันวาคม - เดือนกุมภาพันธ์)
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/8PEccQEfCmL1GCb5A
วัดเออิคันโดะ (Eikando Temple) หรือชื่อเป็นทางการว่าวัดเซนรินจิ (Zenrinji Temple) เป็นวัดพุทธนิกายโยโด ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองเกียวโต เป็นวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องการชมใบไม้แดงมากๆ ค่ะ และยิ่งในตอนกลางคืนของฤดูใบไม้ร่วงที่นี่จะเปิดไฟสวยงามมากๆ ตัววัดจะสร้างเป็นอาคารไม้มีทางเดิน มีสวนหินเซนให้นั่งชมและไขปริศนาแห่งธรรม
การเดินทาง : นั่งรถเมล์สาย 5 ไปลงป้าย Nanzenji-Eikando-michi
ค่าเข้า : 600 เยน (ฤดูใบไม้ร่วงตอนกลางวัน : 1000 เยน , ฤดูใบไม้ร่วงตอนกลางคืน : 700 เยน)
เปิด : 9.00-17.00 น.
พิกัด GPS : https://maps.app.goo.gl/kMdLvMrAxeaWU4Hs5
วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji) วัดพุทธในนิกายเซนสร้างขึ้นราวปีค.ศ.1236 ชื่อของวัดนี้เป็นการรวมชื่อของสองวัดใหญ่ในเมืองนาราคือวัดโทไดจิและวัดโคฟุคุจิไว้ด้วยกัน จุดเด่นของวัดนี้คือสะพานทางเดินไม้ Tsutenkyo Bridge ความยาวประมาณ 100 เมตร โดยในช่วงฤดูใบไม้ฃเปลี่ยนสีในช่วงเดือนพฤศจิกายนจะถูกปกคลุมไปด้วยใบแม้แดงสวยงามมากๆ ซึ่งที่นี่เป็นจุดชมใบไม้แดงในเกียวโตที่ห้ามพลาด
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 208 จากสถานีเกียวโตมาลงป้าย Tofukuji
ค่าเข้า : เข้าชมเฉพาะ Tsutenkyo Bridge ราคา 600 เยน / ชมตัวอาคารวัดกับสวน 500 เยน หรือเลือกชมทั้งหมดราคา 1,000 เยน
เปิด : เวลา 9.00-16.30 (เดือนเมษายน - ตุลาคม ), เวลา 8.30-16.30 น. (เดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม), เวลา 9.00-16.00 น. (กลางเดือนธันวาคม - เดือนมีนาคม)
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/X7sNz2sghwsNBqig8
ทางเดินสายปรัชญา (Philosopher’s Path) หรือในภาษาญี่ปุ่น Tetsugaku No Michi ตั้งอยู่ระหว่างวัด Ginkakuji และวัด Nanzenji โดยทางเดินสายปรัชญามีระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรค่ะ เป็นทางเดินเล็กๆ เลียบคลอง โดยที่นี่เป็นจุดชมซากุระมนช่วงฤดูใบไม้ผลิที่สวยมากๆ เเพราะทั้งสองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นซากุระนับร้อยต้นและระหว่างทางจะมีวัดมากมายให้เราได้เข้าไปชม รวมถึงยังมีร้านอาหาร ร้านคาเฟ่เรียงรายตลอดทาง
การเดินทาง : ไปเริ่มต้นที่ วัด Ginkakuji โดยนั่งรถบัสสาย 5, 17 จากสถานีเกียวโตไปลงป้าย Ginkakuji แล้วเดินตามทางเดินสายปรัชญาไปยังวัด Nanzanji
ค่าเข้า : ฟรี
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/p9oUGwjR3phW5Dt76
เดินมาตามทางเดินสายปรัชญาเรื่อยๆ จนถึงสุดทางเราก็จะพบกับอีกหนึ่งวัดสวยสำคัญของเมืองเกียวโต นั่นคือวัดนันเซนจิ (Nanzen-ji Temple) วัดพุทธในนิกายเซนที่ประวัติการสร้างอยู่ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 13 ภายในวัดจะมีวัดย่อยอีกมากมายค่ะ ซึ่งตัวอาคารเดิมของวัดนั้นถูกทำลายลงไปในสงครามกลางเมืองราวปีค.ศ.1333-1573 โดยตัวอาคารปัจจุบันนั้นจะเป็นอาคารที่สร้างขึ้นหลังช่วงปีนี้ค่ะ จุดเด่นของวัดนี้คือประตูทางเข้าหรือ Sanmon ที่ทำด้วยไม้ขนาดใหญ่โดยสร้างขึ้นในปี 1628 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่งเหล่าทหารหาญที่เสียชีวิตในเหตการณ์ปิดล้อมปราสาทโอซาก้าในปี 1615 โดยด้านบนของประตูสามารถเดินขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ด้วยค่ะ
การเดินทาง :นั่งรถบัสสาย 5 จากสถานีเกียวโตมาลงสถานี Nanzenji Eikando-Michi
ค่าเข้า : ประตู Sanmon 600 เยน
เปิด : 8.40-17.00 น. (ปิดวันที่ 28-31 ธันวาคม)
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/YSqQH77a3Yp9j5L5A
ถ้ามาเกียวโตในช่วงซากุระ ขอแนะนำหนึ่งจุดชมดอกซากุระที่สวยงามตระการตามากๆ ค่ะ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากวัดนันเซนจิ เดินมาเรื่อยๆ เราจะพบกับ ทางรถไฟสายเก่าคีอะเกะ (Keage) ซึ่งเป็นทางรถไฟที่ไม่มีรถไฟวิ่งแล้วนะคะ ทั้งสองข้างทางของรางรถไฟเรียงรายไปด้วยต้นซากุระ เป็นหนึ่งจุดที่ถ่ายดอกซากุระออกมาได้สวยงาม คลาสสิคมากๆ
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 5 จากสถานีเกียวโตมาลงตรงวัดนันเซนจิหรือจะนั่งรถไฟมาลงสถานี Keage ออกทางออก 1 แล้วเดินมาเรื่อยๆ ก็จะถึงค่ะ
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/c92dAZazT4sYiMdd7
ศาลเจ้าเฮอัน (Heian Shrine) ศาลเจ้าสำคัญในเมืองเกียวโตอายุร้อยกว่าปี จุดเด่นคือเสาโทริอิสีแดงขนาดใหญ่ยักษ์ตั้งโดดเด่นอยู่บริเวณทางเข้าศาลเจ้า โดยตัวอาคารหลักของศาลเจ้านั้นเป็นการจำลองพระราชวังอิมพีเรียลในยุคเฮอันขึ้นมาแต่มีขนาดเล็กกว่า ภายในศาลเจ้ายังมีส่วนของพิพิธภัณฑ์ สวน และมีจุดชมซากุระที่จะบานช้าที่สุดในเกียวโตให้ชมกันอีกด้วย
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 5 จากสถานีเกียวโตไปลงที่สถานี Okazaki Koen Bijutsukan / Heian Jingu-mae
ค่าเข้าชม : ฟรี
เปิดบริการ : ทุกวัน 6.00-17.00 น.
พิกัด GPS : https://maps.app.goo.gl/8WYuxduai71EKYTr6
ตลาดนิชิกิหรือฉายาครัวแห่งเกียวโต ที่นี่เป็นตลาดในร่มขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านขายวัตถุดิบในการทำอาหาร ร้านขายของฝากมากมายที่เรียงรายกว่าร้อยล้าน ซึ่งในส่วนร้านอาหารจะมีทั้งแบบมีที่นั่ง และแบบเป็นเทคอะเวย์ที่สามารถยืนทานได้ ใครอยากหาที่เดินหาของกินก็มาที่นี่เลยแต่ขอบอกว่าช่วงกลางวันคนจะเยอะมากๆ
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 5 จากสถานีเกียวโตมาลงสถานี Shijo Kawaramachi
เปิดบริการ : ประมาณ 10.00-18.00 น.
พิกัด GPS : https://maps.app.goo.gl/R8NzkLoY3DWPzZG77
วัดโทจิ (Toji Temple) วัดเก่าแก่ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก สร้างขึ้นในยุคเฮอันตอนต้น ในช่วงที่มีการย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่เกียวโต ราวปีค.ศ. 700 จุดเด่นของวัดนี้คือเจดีย์ 5 ชั้นสร้างขึ้นในปี ค.ศ.826 สูง 57 เมตร ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำวัด
การเดินทาง : เดิน 15 นาทีจากสถานีเกียวโต หรือนั่งรถไฟสาย Kintetsu Kyoto Line มาลงสถานี TOji
ค่าเข้า : 500 เยน
เปิด : ทุกวันเวลา 8.00 - 17.00 น.
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/zzmy5ZzkeSwsa8op7
ถ้าอยากหาที่เที่ยวที่เงียบสงบสักที่ในเกียวโตแนะนำที่นี่เลยค่ะ วัดชิเซ็นโด (Shisendo Temple) วัดเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกียวโตที่บรรยากาศเงียบสงบ ซึ่งที่นี่เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1641 ตัวอาคารวัดสร้างแบบเรียบง่ายด้วยหลังคาที่มุงด้วยหญ้า พื้นปูด้วยเสื่อตาตามิ มองออกไปจะเห็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นมีต้นอาซาเลียแคระที่จะออกดอกเบ่งบานในช่วงเดือนพฤษภาคมและมีต้นเมเปิล เป็นสถานที่ที่มีบรรยากาศสงบเข้าถึงความเป็นเซ็นอย่างแท้จริง
การเดินทาง : นั่งสาย 5 จากสถานีเกียวโตมาลงสถานี Ichijoji Sagarimatsucho และเดินต่อไปประมาณ 7 นาที
ค่าเข้า : 700 เยน
เปิดบริการ : ทุกวัน 9.00-17.00 น.
พิกัด GPS : https://maps.app.goo.gl/xqpa3vQkqji1nxXb8
แต่ถ้ามีแรงเหลือแนะนำว่าให้เดินไปอีกหน่อยใช้เวลาประมาณ 16 นาทีผ่านย่านที่อยู่อาศัยของคนเกียวโตที่บรรยากาศเงียบสงบ คุณก็จะมาพบกับอีกหนึ่งวัดที่สวยงามและเงียบสงบกับวัดมันชูอิน (Manshuin Temple) เป็นวัดพุทธของนิกายเท็นไดที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 จุดเด่นคือเป็นวัดที่มีสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่สวยงามมากๆ ยิ่งในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีวัดแห่งนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งจุดชมใบไม้แดงที่สวยงามสุดๆ
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 5 จากสถานีเกียวโตไปลงป้าย Ichijoji Shimizucho แล้วเดินต่อไปประมาณ 15 นาที
ค่าเข้า : 600 เยน
เปิดบริการ : ทุกวัน 9.00-17.00 น.
พิกัด GPS : https://maps.app.goo.gl/cNJWrBN5ZaAVWQYK6
อาราชิยามะ (Arashiyama)สถานที่พักผ่อนท่ามกลางภูเขาและสายน้ำที่มีวิวทิวทัศน์ราวกับภาพวาดกันทีเดียว ซึ่งอาราชิยามะนั้นเป็นสถานที่ชมใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วง และซากุระในฤดูใบไม้ผลิที่งดงามมากๆ ค่ะ มีสะพานโทเก็ตสึเกียวที่ทอดผานแม่น้ำโฮซู ด้านหลังเป็นภูเขาอาระชิที่จะเปลี่ยนสีสันไปตามฤดูกาล มีทางเดินเลียบแม่น้ำที่เราสามารถเดินชมธรรมชาติหรือใครอยากลองใช้บริการล่องเรือเขาก็มีเรือแจวโบราณบริการนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ รอบๆ อาราชิยามะจะเต็มไปด้วยที่เที่ยวมากมายทั้งป่าไผ่ วัด เรียวกังให้บริการใครอยากมาสัมผัสความสวยงามของฤดูกาลต่างๆ ต้องมาชมที่นี่กันเลย
การเดินทาง : สามารถนั่งรถไฟจากเกียวโตมาลงสถานี Saga-Arashiyama
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/W7CpYe2NVSUPZZWHA
ที่เที่ยวยอดฮิตในอาราชิยามะรวมถึงเป็นที่เที่ยวสุดฮิตในเกียวโตก็ต้องที่นี่เลยค่ะ ป่าไผ่อาราชิยามะ(Arashiyama Bamboo Grove) การเดินทางจากเกียวโต สามารถนั่งรถไฟไปลงสถานี Saga Arashiyama แล้วเดินไปยังป่าไผ่ได้ค่ะ โดยทางเข้าป่าไผ่จะอยู่ใกล้กับวัดเทนริว หรือถ้านั่งรถเมล์ก็นั่งสาย 28 จากสถานีเกียวโตแล้วลงป้าย Arashiyama Tenryuji Mae ทางเข้าหาไม่ยากเลยค่ะเพราะจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมามากมาย ทางเดินจะเป็นเนินเขาเล็กๆ ไม่ชันมาก ตลอดระยะทางจะมีไผ่ขึ้นอยู่สองข้างทาง สวยงามมากๆ ยิ่งในช่วงเดือนธันวาคมจะมีการประดับโคมตามทางเดินของป่าไผ่ตลอดทางในยามค่ำคืนสวยงามมากๆ ค่ะ
การเดินทาง : รถไฟลงสถานี Saga Arashiyama, รถเมล์สาย 11,28,93 ลงป้าย Arashiyama Tenryuji Mae
เข้าชมฟรี
พิกัด GPS : https://g.page/arashiyama-bamboo-forest?share
ใกล้ๆ กับป่าไผ่เป็นที่ตั้งของวัดเท็นริวจิ (Tenryuji Temple) อีกหนึ่งวัดสำคัญของเกียวโตค่ะ โดยวัดเท็นริวนั้นเป็นวัดพุทธนิกายเซ็นสำนักรินไซ เป็นหนึ่งในห้าวัดพุทธนิกายเซ็นที่มีความสำคัญที่สุดของญี่ปุ่น ในปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก ประวัติความเป็นมาของวัดเท็นริวนั้นมีมาอย่างยาวนาน โดยเริ่มประมาณต้นยุคเฮอันสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพระจักรพรรดิโก-ไดโงะ โดยโชกุนอะชิคางะ ส่วนชื่อของวัดเท็นริวหรือที่แปลเป็นไทยว่ามังกรสวรรค์นั้นมาจากที่ทาดาโยชิ น้องชายของโชกุนอะชิคางะฝันว่ามีมังกรสีทองกำลังบินผ่านแม่น้ำ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นดวงวิญญาณของพระจักรพรรดิโก-ไดโงะ เลยได้ตั้งชื่อวัดนี้ว่าวัดเท็นริวหรือวัดมังกรสวรรค์นี้ขึ้นมา ภายในวัดมีสวนเซนที่สวยงามมากๆ ยิ่งในช่วงใบไม้แดงเราจะพบกับสีสันของใบไม้ที่เปลี่ยนสีทั้งภูเขา เป็นอีกหนึ่งวัดที่ควรค่าแก่การมาเที่ยวมากๆ ค่ะ
การเดินทาง : รถไฟลงสถานี Saga Arashiyama, รถเมล์สาย 11,28,93 ลงป้าย Arashiyama Tenryuji Mae
ค่าเข้า : 500 เยน
เปิด : 8.30-17.30 น.
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/ksPoxvg6YNKcGMrY6
มาอาราชิยามะ ก็ต้องห้ามพลาดมานั่งรถไฟสายโรแมนติกหรือ Sagano Romantic Train ซึ่งเป็นรถไฟสีแดงสุดคลาสสิคที่วิ่งเลียบแม่น้ำ Hozugawa จาก Arashiyama ถึง Kameoka ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาที ตลอดทางเราจะได้พบกับวิวภูเขา แม่น้ำ ยิ่งถ้ามาในช่วงฤดูใบไม้ผลิบอกเลยว่าสวยงามตาแตกจริงๆ ค่ะ เพราะตลอดเส้นทางจะเต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี ในส่วนตู้รถไฟจะมีแบบตู้ธรรมดา และอีกหนึ่งตู้ที่จะเป็นต้แบบพิเศษ มีหลังคาใสที่เห็นวิวด้านบนได้ด้วย ใครจะมาแนะนำว่าควรจองมาก่อนโดยสามารถจองออนไลน์ได้ยิ่งในช่วงไฮซีซั่นรถไฟจะเต็มเร็วมากๆ
ค่ารถไฟ : 880 เยน/เที่ยว
จองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ : https://www.sagano-kanko.co.jp/en/
พิกัด GPS : https://maps.app.goo.gl/tUiym9QDZyARnzd77
ออกจากตัวเมืองเกียวโตเดินทางไปยังเมืองเล็กๆน่ารักท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขา อยู่บริเวณทางเหนือของเกียวโตสามารถนั่งรถบัสจากสถานีเกียวโตมาลงที่โอฮะระได้เลยค่ะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างทางนั่งมาก็ชมธรรมชาติกันเพลินเลย ซึ่งที่โฮฮะระมีวัดมากมายอยู่ท่ามกลางธรรมชาติต้นไม้ ป่าเขาและน้ำตก วัดที่เราชอบมากๆ คือวัด Sanzenin ซึ่งพื้นรอบๆ วัดจากถูกปกคลุมไปด้วยมอสสีเขียวเหมือนพรมเลยล่ะค่ะ และวัด Hosen-in ซึ่งจะมีห้องที่ปูด้วยเสื่อตาตามิให้เราได้นั่งดื่มชา ทานขนมชมต้นสนอายุกว่า 700 ปีงดงามราวกับภาพวาดกันเลยทีเดียว
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 17 จากสถานีเกียวโตมาลงที่โอฮะระได้เลยค่ะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/P5Q65xPDoUPBPA296
ช่วงนี้เทรนด์ชาเขียวกำลังมาแรง เราเลยจะพาไปเมืองแห่งชาเขียวกันหน่อยกับเมืองอูจิ เมืองสุดน่ารักที่ตั้งห่างจากเกียวโตไปทางใต้อยู่ระหว่างเมืองเกียวโตกับเมืองนารา สามารถนั่งรถไฟจากสถานีเกียวโตมาได้ใช้เวลารประมาณ 20 นาทีเท่านั้น เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องมัทฉะ โดยมีร้านขนมที่ทำจากชาเขียวให้ได้ชิมกันมากมาย ภายในเมืองยังมีที่เที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วัด ศาลเจ้า พิพิธภัณฑ์นินเทนโด ใครอยากหาแหล่งชาเขียวคุณภาพดีและหาเมืองเล็กๆ สำหรับเดินเล่นแบบวันเดย์ทริปจากเกียวโตก็มากันได้เลย
การเดินทาง : นั่งรถไฟจากสถานีเกียวโตมาลงสถานี Uji ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
พิกัด GPS : https://maps.app.goo.gl/bByYcmwzapNfMZCt9
อีกหนึ่งเมืองเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากเกียวโตไปไม่ไกลกับเมืองคุระมะ (Kurama) โดยสามารถนั่งรถไฟจากเกียวโตไปประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะพบเมืองบรรยากาศสงบ เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ โดยไฮไลท์ของเมืองนี้คือมีวัด Kuramadera เป็นวัดที่ตั้งอยู่เชิงเขา ซึ่งใครชอบเทรกกิ้งจะมีทางเดินขึ้นไปบนเขาไปยังอาคารของวัดที่อยู่บนเขาสามารถเห็นวิวมุมสูงจากด้านบนซึ่งใช้เวลาประมาณ 45 นาที จากนั้นสามารถเดินกลับเส้นทางเดิมหรือจะเดินต่อไปยังเมือง Kibune เมืองเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กันได้ ระหว่างเดินเราจะผ่านจุดที่มีรากไม้ใหญ่ที่เลื้อยไปบนพื้นทำให้เป็นเส้นทางที่สวนแปลกตาน่ามาค้นหาความสวยงามกันมากๆ ทางเดินมีบางช่วงชันแต่รับรองว่าทางค่อนข้างดี ใครที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเข่าก็สามารถเดินได้เลยค่ะ นอกจากนี้เขายังมีกระเช้าให้บริการด้วยแต่จะให้บริการครึ่งทางจากพื้นราบไปยังตัววัดจากนั้นเราต้องเดินเอง
การเดินทาง : จากสถานีเกียวโตนั่งรถไฟไปยังสถานีโทฟุคุจิแล้วนั่งรถไฟ Keihan ไปลงสถานี Demachiyanagi แล้วต่อรถไฟสาย Eizan ไปยังสถานี Kurama ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
พิกัด GPS : https://maps.app.goo.gl/Bg8ERAdXvqsrkmXFA
คิบุเนะ (Kibune) เมืองเล็กๆ ที่ใกล้กับเมืองคุระมะ เป็นเมืองที่น่ารักมากๆ ตัวเมืองจะตั้งเลียบไปกับแม่น้ำคิบุเนะที่เต็มไปด้วยเรียวกัง และยังมีร้านอาหารริมน้ำซึ่งเขาจะทำที่นั่งที่ยื่นไปในน้ำตกให้เราได้นั่งทานอาหารพร้อมชมวิวน้ำตกอีกด้วย ที่สำคัญเมืองนี้ยังมีศาลเจ้าคิฟุเนะ ศาลเจ้าสำคัญของเมืองเป็นที่สถิตย์ของเทพเจ้าแห่งน้ำและฝนเป็นเทพเจ้าที่ปกป้องผู้คนบนท้องทะเล ซึ่งทางเข้าจะมีเสาโทริอิสีแดงขนาดใหญ่พร้อมกับบันไดทางเดินขึ้นไปยังตัวศาลเจ้าที่จะเรียงรายไปด้วยโคมไฟสีแดงสวยงามมากๆ ใครที่มาเกียวโตอยากหาเมืองสวย บรรยากาศเงียบสงบต้องมาที่นี่เลย
การเดินทาง : จากสถานีเกียวโตนั่งรถไฟไปยังสถานีโทฟุคุจิแล้วนั่งรถไฟ Keihan ไปลงสถานี Demachiyanagi แล้วต่อรถไฟสาย Eizan ไปยังสถานี Kibuneguchi ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วนั่งรถบัสต่อไปอีกประมาณ 5 นาที
พิกัด GPS : https://maps.app.goo.gl/ZAmpxGo8xwJsS2Ex6
ที่สุดท้ายสำหรับคนที่อยากมาชมบรรยากาศมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นแนะนำมาชมได้ที่ มหาวิทยาลัยเกียวโต (Kyoto University) หรือที่เรียกย่อว่าเคียวได มหาวิทยาลัยเก่าแก่อันดับสองของญี่ปุ่น ภายในบรรยากาศร่มรื่นมีอาคารที่ผสมผสานสไตล์ตะวันตก ดูขลังและคลาสสิคมากๆ ค่ะ หรืออยากลองไปชิมอาหารภายในโรงอาหารของมหาวิทยาลัยก็ได้เลย บอกเลยว่าอร่อยและราคาถูกมากๆ
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 206 จากสถานีเกียวโตไปลงป้าย Kyodai Seimon-mae
พิกัด GPS : https://maps.app.goo.gl/KynG9BNMeYZwyLuH6
บทความแนะนำ:
Tags: ญี่ปุ่น เกียวโต kyoto ที่เที่ยวเกียวโต เที่ยวเกียวโต japan
เที่ยวต่างประเทศ | 20 ก.พ. 2025 | 157 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 14 ก.พ. 2025 | 449 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 11 ก.พ. 2025 | 366 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 07 ก.พ. 2025 | 399 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 06 ก.พ. 2025 | 433 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 08 ก.พ. 2025 | 361 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 07 ก.พ. 2025 | 402 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 05 ก.พ. 2025 | 297 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ ทริปตัวอย่าง | 23 ม.ค. 2025 | 655 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 27 ม.ค. 2025 | 1,376 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 22 ม.ค. 2025 | 1,406 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 20 ม.ค. 2025 | 786 อ่าน