calendar_month 26 ต.ค. 2024 / stylus Admin Chillpainai / visibility 1,081 / เที่ยวต่างประเทศ
ทริปเที่ยวไอซ์แลนด์ครั้งนี้ ตัดสินใจกันว่าจะขับรถเที่ยวรอบเกาะกันไปเลย หรือที่เรียกว่า Ring Road ขับบนถนนหมายเลข 1 ระยะทางประมาณ 1,300 กิโลเมตร (ขับจริงแวะโน่นแวะนี่ ไปเคิร์กจูเฟลด้วย รวมประมาณ 2,000 กิโลเมตร) เมื่อเลือกเป็นทริปขับรถรอบเกาะแล้ว ก็ต้องลุ้นเห็นแสงเหนือระหว่างทางเอา จะไม่เหมือนทริปล่าแสงเหนือที่จะเน้นไปตามจุดฮิตที่เห็นแสงเหนือชัดๆ หรือบางทีเจอฝน อาจต้องใช้หลายคืนเพื่อรอแสงเหนือที่จุดนั้นๆ นั่นเองครับ ถ้าอยากเห็นแสงเหนือจริงๆ จังๆ แนะนำให้จ้างไกด์ที่มีประสบการณ์เขาจะพาเราไปยังจุดที่เห็นบ่อยๆ ให้ครับ
สำหรับคนที่อยากชมแสงเหนือ ข้อมูลส่วนใหญ่บอกว่าให้เดินทาง ช่วงปลายเดือนสิงหาคม - เดือนเมษายน ซึ่งเราเดินทางกันคืนวันที่ 11 ตุลาคม และกลับถึงไทยวันที่ 21 ตุลาคม 2567 (ปี 2024) เป็นช่วงพีคของฝนพอดี โดนฝนไป 2-3 วัน ลุ้นแสงเหนือกันแทบขาดใจเลยครับ
ลองมาดูรีวิวการเดินทางครั้งนี้ของชิลไปไหนในกลางเดือนตุลาคม 2024 กันครับ ว่าจะเห็นแสงเหนือวันไหน เที่ยวได้ครบมั้ย เฟลอะไรบ้าง ลุย!
สำหรับท่านที่อยากไปเที่ยวไอซ์แลนด์ แต่ไม่สะดวกของวีซ่า ไม่อยากทำอะไรให้มันวุ่นวาย ทักมาหาทีมงานได้นะครับ เรามีบริการรับทำวีซ่าหลายประเทศโดยทีมงานมืออาชีพ หรือใครไม่อยากยุ่งยากอะไรเลย สามารถเลือกไปกับทัวร์ได้นะครับ เรามีบริการจองทัวร์ไอซ์แลนด์ และรวมถึงประเทศอื่นๆ อีกเพียบ ไปกับเราบินชัวร์ ไม่ต้องกลัวโดนเท หากสนใจ ทักมาพูดคุยกับทีมงานของเราได้ตลอด 7 วัน ตั้งแต่ 9.00 - 22.00 น. ที่ LINE : @Chillpainai หรือแตะลิงก์เพิ่มเพื่อนได้ที่นี่เลย https://chill.travel/LineChillpainai
DAY 1 [12 ต.ค] : กรุงเทพ - สนามบิน KEF - Reykjavik 60 km
DAY 2 [13 ต.ค] : Reykjavik- อุทยาน Thingvellir National Park - น้ำตก Brúarfoss - น้ำพุ Geysir - น้ำตก Gullfoss 245 km
DAY 3 [14 ต.ค.] : น้ำตก Seljalandsfoss - น้ำตก Skógafoss - จุดถ่ายรูป Plane wreck - จุดชมวิว Dryholaey -หาดทรายดำ Black Sand Beach - เมือง Vik 201 km
DAY 4 [15 ต.ค.] : Vik - Jökulsárlón - Diamond Beach - Hofn 224 km
DAY 5 [16 ต.ค.] : เมือง Hofn - Vestrahorn Mountain - เมืองท่า Djúpivogur - เมืองท่า Seydisfjordur - Egilsstaðir เห็นแสงเหนือที่นี่ หน้าที่พักเลย! 329 km
DAY 6 [17 ต.ค.] : เมือง Egilsstaðir - น้ำตก Dettifoss ซากปากปล่องภูเขาไฟเก่า Skútustaðagígar น้ำตก Goðafoss - เมือง Akureyri 318 km
DAY 7 [18 ต.ค.] : เมือง Akureyri - เมือง Boganess - เขา Kirkjufell 414 km
DAY 8 [19 ต.ค.] : Grundarfjörður - เมือง Reykjavik 285 km
DAY 9 [20 ต.ค.] : เมือง Reykjavik - สนามบิน KEF - BKK
DAY 10 [21 ต.ค.] : BKK
รถที่เราเช่า Kia Sorento (7 ที่นั่ง) จัดกระเป๋าเดินทาง 28 นิ้ว 4 ใบ และ 24 นิ้ว 1 ใบ เหลือใส่ของได้นิดหน่อย (ถ้าใส่ 29 นิ้ว 5 ใบก็น่าจะได้นะครับ)
อากาศ : สดใส 1 องศา
เวลาที่ใช้บนถนน : 60 km (1 ชั่วโมง)
เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ BKK - KEF บินคืน 11 ต.ค. เวลา 20.00 น. บิน 7 ชั่วโมง ไปถึงโดฮาที่กาตาร์ และบินจากโดฮาไปนอร์เวย์อีกเกือบ 8 ชั่วโมง และบินจากนอร์เวย์ ไป เคฟลาวิคอีก 2 ชั่วโมง รวมเป็นบิน 17 ชั่วโมง ฉ่ำๆ ไปเลยครับ (ตรวจ ต.ม. ที่นอร์เวย์)
ถึงไอซ์แลนด์ 10.25 น. วันที่ 12 ตุลาคม ซื้อซิมรับรถแล้วออกเดินทางไปที่แรก Blue Lagoon เป็นบ่อน้ำแร่ร้อนยอดฮิต ใครสนใจลงไปแช่ได้ในราคาประมาณ 3 พันกว่าบาท
ขับถึงตัวเมือง เราออกไปเที่ยวที่เที่ยวประมาณนี้ครับ
เข้าที่พัก ยูนิตให้เช่าทั้งหลัง ใน เรกยาวิก (10,962 คนละ 2,192 บาท - มีที่จอดรถหน้าบ้าน) ล้างหน้าล้างตาแล้วไปเดินเที่ยวในเมือง ทีแรกเห็นว่าค่า Kp 4 เลยจะไปรอดูแสงเหนือกัน แต่ว่าเดินไปแค่ 2 ทุ่มก็เหนื่อยกลับบ้านนอนแล้วครับ เดินทางมาล้ามาก
อากาศ : สดใส 1 ถึง -2 องศา
เวลาที่ใช้บนถนน : 245 km (3 ชั่วโมง 40 นาที) GPS : เส้นทาง
เริ่มเที่ยวจาก อุทยาน Thingvellir National Park น้ำตก Brúarfoss - น้ำพุ Geysir และปิดท้ายที่น้ำตก Gullfoss
ออกจากที่พักไปถึง อุทยาน Thingvellir National Park มีค่าที่จอดรถ 1,000 isk (247บาท) ต่อวัน เดินเที่ยวได้หลายจุดทั้งน้ำตก รอยหินแยก โบสถ์ มุมถ่ายรูปเพียบ แล้วแต่จะเดินเยอะหรือเดินน้อย
ขับมาอีก 35 กิโลเมตร ก็ถึง น้ำตก Brúarfoss จากถนนใหญ่ ขับเข้าไปอีก 3 กิโลเมตร เป็นถนนลูกรัง มีค่าจอดรถ 750 isk(186บาท) เดินไปหน่อยจะเห็นน้ำตกสีฟ้า ไม่ใหญ่มาก แต่สีน้ำตกฟ้าสวยดีครับ
ขับต่อมาอีกราว 20 กิโลเมตร ถึงน้ำพุ Geysir ตั้งอยู่ริมถนน ไม่เก็บค่าที่จอด เดินไปดูน้ำพุจุดแรกไม่ไกลมาก ประมาณ 500 เมตร รอน้ำพุพุ่งประมาณ 10 - 30 นาที
ตรงที่จอดรถ มีร้านอาหาร Geysir Glima Restaurant ด้านในมีร้านขายของฝาก อุปกรณ์กันหนาว เข้าห้องน้ำฟรี
แล้วก็มาถึงไฮไลท์ของวันนี้ น้ำตก Gullfoss ขับจาก น้ำพุ Geysir มาอีก 10 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่ใหญ่และสวยมาก ห้ามพลาดเลย! ที่นี่จอดรถฟรี มีร้านขายของและร้านอาหาร คนคึกคักมาก เดินไปดูจุดชมวิวไม่ไกลมากประมาณ 800 เมตร ทางเดินสะดวกสบาย
กลับจาก Gullfoss แวะซุปเปอร์มาร์เก็ต Kronan ระหว่างทางเข้าที่พัก มีฟาร์มเยอะ เป็นจุดถ่ายรูปม้าได้ดีเลยครับ
พักที่บ้านพักสไตล์ฟาร์ม Bakland ad Lágafelli Apartments 8,558 บาท/ต่อคืน (5คน) ที่นี่มีกิจกรรมฟาร์มให้ทำแล้วแต่สมัครใจ
ฟ้าใสมาก แต่ก็ไม่เห็นแสงเหนือ คืนนี้เฟลไปครับ
อากาศ : สดใส 5 ถึง 1 องศา
เวลาที่ใช้บนถนน : 201 km (2 ชั่วโมง 44 นาที) GPS : เส้นทาง
แหกขี้ตาตื่นแต่เช้า มาถึงแปดโมงกว่าๆ จะได้วิวโล่งๆ แต่นักท่องเที่ยวก็เริ่มมากันแล้วครับ พอ 9 โมงกว่า คนเต็มพื้นที่ไปหมดเลย น้ำตก Seljalandsfoss ซึ่งเป็นน้ำตกที่เดินไปถ่ายรูปหลังน้ำตกได้ แต่ไม่ใช่เดือนนี้! น้ำตกแข็ง เดินเข้าหลังน้ำตกไม่ได้ และหนาวมากๆ ที่นี่มีค่าที่จอดรถ 1,000 isk (247บาท)
และยังมีน้ำตกที่เดินไปดูได้ หนึ่งในนั้นคือน้ำตก Gljufrabui (เดินอีก 600 เมตร) ซึ่งเป็นน้ำตกที่ต้องลอดช่องเขาเข้าไปนิดหนึ่ง แต่เปียกแน่นนอน เลยเน้นถ่ายรูปปากทางเอาครับ
ขับมาอีกหน่อย เที่ยวน้ำตก Skógafoss เป็นน้ำตกใหญ่ที่สวยอลังการมาก จอดรถฟรี เดินไปชมน้ำตกไม่ไกล แต่ถ้าเดินไปชมวิวด้านบนก็ขึ้นบันไดเกือบ 400 ขั้นได้เลยครับ
ใกล้ๆ Skógafoss มีร้าน Fish&Chip ชื่อดัง Mia’s Country van ใกล้ๆ น้ำตก เปิด 12.00 น. ราคา 2,950 isk (717บาท) เที่ยวปุ๊บเรากินกลางวันที่นี่เลย
ขับรถต่ออีกไม่ไกลก็ถึงจุดจอดรถชมซากเครื่องบิน มีค่าที่จอดรถ P1-Solhelmasandur อีก 1,000 isk (247บาท) นั่งรถเข้าไปบริเวณ Plane Wreck จ่ายค่า Shuttle Bus 3,200 isk (791 บาทต่อคน) มีเวลาให้ถ่ายรูปรอบละ 30 นาที หรือใครอยากอยู่นานกว่านั้น รอรถรอบถัดไปก็ได้ แต่ลมพัดแรงและหนาวใช่เล่นเลยนะครับ สามารถ walk-in หรือจองรอบล่วงหน้าได้ที่นี่ https://www.mountainguides.is/tour/plane-wreck-shuttle
จาก Plane Wreck เราขับไปที่ จุดชมวิว Dryholaey ที่นี่จอดฟรี แต่จะเข้าห้องน้ำต้องจ่ายเงิน ทางเดินยาวมีให้เดินหลายจุด วิวเห็นหาดทรายสีดำจากมุมสูง ทะเลที่ซัดเข้าฝั่งตูมตามสวยไปอีกแบบ
ที่จริงต้องเห็นช่องว่างของปลายแหลม แต่น้ำขึ้นแทบไม่เห็นเลย
และแล้วก็มาที่ Black Sand Beach เก็บค่าที่จอดรถ 1,000 isk (247บาท) มีคาเฟ่ที่สามารถเข้าห้องน้ำได้ ที่นี่มีจุดถ่ายรูปยอดฮิต ที่ไปยืนบนหินบะซอลต์ แต่ตอนเราไปน้ำขึ้นจนถ่ายจุดนั้นไม่ได้ ได้แต่ถ่ายรูปหาดทรายที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมา
เข้าเมือง Vik ไปแวะที่โบสถ์ Vik i Myrdal Church มีจุดถ่ายรูปที่จะเห็นวิวโบสถ์และเมืองวิก ที่เมือง Vik ที่พักน้อยและแพงมาก เราเลยเลือกพักนอกเมือง vik The Holiday Houses by Stay Iceland 11,364 บาท
อากาศ : ฝนตก เมฆมาก หมอกลง 7 ถึง 1 องศา จะบ้าตาย
เวลาที่ใช้บนถนน : 224 km (3 ชั่วโมง ) GPS : เส้นทาง
ยัง ยังไม่เจอแสงเหนืออีก!
ทริปวันที่ 4 ออกจากที่พักไม่ไกลก็เจอจุดชม Mossy Lava Fields ที่ชื่อ Gönguleið um Eldhraun พืชเก่าแก่โบราณ ด้วยฟ้ามัวๆ เลยไม่ค่อยได้เห็นอะไรเยอะเท่าไร อยู่แค่ 10 นาทีเองครับ
ต่อมาไปแวะจุดเที่ยวที่คล้ายๆ แคนยอนชื่อ Fjaðrárgljúfur แนวหินที่มีลำธารผ่ากลางคดคี้ยวเหมือนงู เป็นหินแข็ง ที่ว่ากันว่าอายุ 2 ล้านปีตั้งแต่ยุคน้ำแข็งโน่นเลย เดินเล่นชมวิวสวยดีครับ มีค่าจอดรถ 1,300 isk (318 บาท) มีห้องน้ำให้เข้าฟรี
แล้วเราก็ขับแวะข้างทางไปเรื่อยๆ มีจุดแวะข้างทางสวยๆ ที่น่าแวะประมาณนี้ครับ จุดถ่ายรูปยอดฮิต Picnic Table (ชื่อใน Google Map) เห็นวิวหุบเขา ยืนบนหินโพสท่าเท่สุดๆ ไปเลย
และอีกที่ วิวบ้านที่ด้านหลังเป็นน้ำตก Foss á Síðu ชิลมากกกก
เมื่อไปถึงทะเลสาบธารน้ำแข็ง Jökulsárlón Glacial Lagoon และ Daimond Beach ที่อยู่ใกล้ๆ กัน ฝนตกหนักมาก หมอกก็ลงจัด แทบไม่ได้เสพความงามของ 2 สถานที่นี้เลย รูปก็ได้มาเท่านี้ เฟลลลลล (เก็บค่าจอดรถที่ Jökulsárlón ที่เดียว 1,300 isk ประมาณ 318 บาท)
นี่ก้อนน้ำแข็งหรือถุงก๊อปแก๊ปอะ 5555
จากนั้นก็เดินทางไปเมือง Hofn ฝนตกตลอดทาง ตกทั้งวัน ตกข้ามวันกันแบบไม่พักเลยครับ ตกเย็น เราแวะกินข้าวกันที่ร้านดัง Pakkhus ที่ราคาสูงนิดหนึ่ง สามารถสั่งแบบคอร์ส หรือจานเดี่ยวแบบ a la cart ก็ได้ เมนูเด่นคือ กุ้ง LANGOUSTINES ราคา 9,500 isk (2,300 บาท) อาหารอื่นๆ ก็อร่อย รสชาติดีมาก เริ่มต้นที่ 2,850 isk (เมนูสตาร์ทเตอร์ - ซุป LANGOUSTINES 700 บาท) บรรยากาศดี ไปแวะกันได้ครับ
เข้าพักที่ Seljavellir Guesthouse 12,818 บาท ท่ามกลางสายฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ที่พักดี นอนสบายมาก อาหารเช้าบุฟเฟ่ต์แบบยุโรป ขนมปัง แฮมต่างๆ ชีส ไข่ ราคา 2,500 isk (600 บาท) ถือว่าอิ่มคุ้มครับ หากไม่ซื้ออาหารเช้าก็มากินกาแฟฟรีได้ครับ
อากาศ : ฝนตก เมฆมาก 7 ถึง 1 องศา
เวลาที่ใช้บนถนน : 329 km (4 ชั่วโมง 45 นาที ) GPS : เส้นทาง
ด้วยความหวังว่าฝนจะหยุด และอยากได้วิว Vestrahorn Mountain จึงลองเดินทางมาแต่ก็ไม่ได้ตามหวัง ฝนตก หมอกลงแบบไม่เห็นวิวแน่ๆ มองไป 5 เมตรยังไม่เห็นอะไรเลย เราเลยข้ามที่เที่ยวนี้ไป เฟลอีกแล้วววว ที่ Vestrahorn Mountain มีค่าเข้า 900 isk (235THB) ซื้อบัตรที่ viking cafe ข้างๆ ลานจอดรถได้เลย
ฝืนชะตาไปแวะกันที่เมืองชาวประมงวิวสวยอย่าง Djúpivogur แต่ในบรรยากาศฝนตก หมอกจัด ได้แต่จิบกาแฟในคาเฟ่ตาปริบๆ
จากเมือง Djúpivogur ไปเมือง Egilsstaðir ให้วิ่งถนนสาย 1 เลาะริมทะเล ถึงจะอ้อมแต่ทางจะดีกว่านะครับ ระวัง Google Map มันจะพาไปถนนสาย 95 จะเป็นถนนลูกรังครับ
เราเลยเดินทางต่อเพื่อเข้าเมือง Egilsstaðir พอไม่ได้แวะเยอะ เวลาเหลือ เลยลองไปเที่ยวเมือง Seydisfjordur เมืองน่ารักที่ต้องข้ามเขา(แต่วิวปังเวอร์) ไปอีก 27 กิโลเมตรจากตัวเมือง Egilsstaðir สวยน่าพักมาก เป็นเมืองท่าที่มีเรือมาจอดพอดี เมืองเล็กแต่มุมสวยเยอะมาก และเป็นจุดชมแสงเหนือยอดนิยมด้วย ถ้าได้ไปไอซ์แลนด์คราวหน้า จะพักที่เมืองนี้แน่นอนครับ
ทางขึ้นเขามีหิมะปกคลุมตลอด สวยแบบนี้ตลอดทางเลยครับ แค่ขับผ่านมาชมวิวข้างทางก็คุ้มแล้ว พอใกล้ถึงก็จะเริ่มเห็นเมืองลิบๆ ในหุบเขา สวย ว้าวเลย
คืนนี้ที่พักของเรา ชื่อ Hjartarstaðir Guesthouse 8,474 บาท ออกมาจากเมือง Egilsstaðir 18 กิโลเมตร โชคโคตรดี! บวกกับพลังการมูของผู้ร่วมทริป เราได้เห็นแสงเหนือจนได้
ที่พักนี้เองที่เราได้เห็นแสงเหนือกันแบบฉ่ำๆ ครั้งแรกในชีวิต เห็นหน้าที่พักเลย เห็นแสงเหนือครั้งแรกก็จะตื่นตาตื่นใจหน่อย ถ่ายรูปแสงเหนือกันจนหน้าสั่น (หนาวมาก) ตั้งแต่ 1 ทุ่มยันเกือบ 4 ทุ่ม ใครอยากมาลุ้นแสงเหนือ มาที่พักนี้ได้นะครับ อาจจะโชคดีแบบพวกเรา อิอิ
อากาศ : หิมะตก มีเมฆ -4 ถึง 1 องศา
เวลาที่ใช้บนถนน : 318 km (4 ชั่วโมง 30 นาที ) GPS : เส้นทาง
จากตรงนี้ต้องขับไกลเกลือสองร้อยกิโลเมตร เตรียมน้ำมันให้พร้อมก่อนเดินทางนะครับ จุดแรกที่แวะจิบกาแฟเติมพลังคือ ร้านกาแฟ Beitarhusio ร้านอบอุ่นบรรยากาศดี เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยเพราะต่อไปเราจะไปน้ำตก Dettifoss ซึ่งห้องน้ำไม่ค่อยดีครับ
มาถึง น้ำตก Dettifoss อีกหนึ่งน้ำตกสวย แต่ด้วยบรรยากาศวันนี้ที่เริ่มมีเมฆมาก หิมะตกด้วย เลยได้ภาพมาประมาณนี้ ที่นี่จอดรถฟรี แต่ไม่มีร้านอาหาร ห้องน้ำไม่ค่อยเวิร์ก เดินไกล 1.1 กิโลเมตร ทางเดินเป็นหิมะและน้ำแข็ง ลื่นง่ายมาก ต้องเดินระวังๆ และมีทางขึ้นชันด้วย ตอนที่ไปมีหิมะตกตลอดทาง ใครไม่พร้อมรอที่รถดีกว่าครับ
แล้วก็ไปต่อกันที่ ซากปากปล่องภูเขาไฟเก่า Skútustaðagígar ข้างๆ เป็นทะเลสาบน้ำแข็งสีขาวโพลน สวนสบายตามาก ที่นี่จอดรถฟรี ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไร มีทางเดินให้ไปชมปากปล่องภูเขาต่างๆ ที่ดับไปนานแล้ว วิวสวยแปลกตาดีครับ
มาอีกไม่ไกล ก็ถึงน้ำตก Goðafoss (ห่างจากเมือง Akureyri แค่ 35 กิโลเมตา) น้ำตกสวยขนาดใหญ่จุใจมาก มีจุดถ่ายรูปสวย เดินไม่ไกล ไม่เก็บค่าที่จอดรถ เป็นอีกแลนด์มาร์คที่ต้องแวะเลยครับ สวยงามและยิ่งใหญ่มาก ไปอ่านในวิกิมา มีอีกชื่อหนึ่งว่า waterfall of the goð (gods) น้ำตกของเหล่าเทพพระเจ้า
ระหว่างทางเข้าเมือง Akureyri จะมีอุโมงค์ที่ต้องเสียค่าผ่านทางภายใน 24 ชม. 1,850 isk (450 บาท) ชำระได้ที่ลิงก์นี้ https://mitt.veggjald.is/purchaseVehicleTicket?language=en
เมืองน่ารัก Akureyri ที่มีไฟแดงรูปหัวใจ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากเรคยาวิค อย่าลืมแวะจุดชมวิวเพื่อถ่ายภาพวิวเมือง Akureyri ด้วยนะครับ จุดนี้เป็นจุดที่เรามาดูแสงเหนือครั้งที่ 2 กันด้วย แม้จะสว่างไปหน่อยแต่ก็พอเห็นได้อยู่
พักที่ Apartment - Acco Ice 8,202 บาท ที่พักอยู่บนชั้น 2 ของร้านอุปกรณ์กันหนาว Icewear ที่พักนอนสบาย สวย น่ารัก มีที่จอดรถไม่ไกล จอดฟรีได้ที่ลาดจอดของเมือง ตั้งแต่ 16.00 - 10.00 น.
เดินชมเมือง Akureyri ยามเย็น-ค่ำ
ตกกลางคืนได้เห็นแสงเหนือบางๆ ขับไปดูที่จุดชมวิวเมืองที่จอดเมื่อเย็น แม้แสงสว่างไปหน่อยแต่ก็สวยดีครับ
อากาศ : ฝนตกๆๆๆ 1 ถึง -2 องศา
เวลาที่ใช้บนถนน : 414 km (5 ชั่วโมง) GPS : เส้นทาง
ช่วงเช้าเดินเล่นเมือง Akureyri ซึบซับบรรยากาศ
วันนี้จะขับกันยาวๆ เป้าหมายคือเมือง Grundarfjörður เมืองที่ตั้งของเขาเคิร์กจูเฟล ฝนตกมาตลอดทาง บางทีเป็นหิมะ บางทีลมแรงมาก ขับรถระวังๆ กันตลอดนะครับ
ขับออกมาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาทีแวะที่จุดพักรถ โบสถ์ Blonduoskirkja ใกล้ๆ กันเป็นจุดพักรถ มีปั้ม N1 มีร้านอาหารให้เลือก
ขับมาอีก 170 กิโลเมตร ถึงจุดแวะที่เมือง Borgarnes กินข้าว เข้าห้องน้ำ วิวข้างทางประมาณนี้ครับ
แล้วก็ขับมาอีก 100 กิโลเมตร จนถึง เคิร์กจูเฟล ปรากฏว่าฝนยังคงตกอยู่ ตกเสมอมาตลอดทาง ฮือๆๆ ถึงแม้ kp 5 แต่ฝนตกตลอดไม่น่าจะได้เห็นแสงเหนือ เลยกลายเป็น เคิร์กจูเฟลที่เฟลจริงๆ
คืนนี้เราพักที่ Stöð Guesthouse and apartments 8,160 บาท จริงๆ แนะนำให้พักที่อื่นดีกว่าครับ เพราะพักห้อง family ต้องยกกระเป๋าขึ้นบันไดไปชั้น 2 กระเป๋าหนักๆ ก็จะลำบากหน่อย ลองหาที่พักที่ไม่ต้องยกกระเป๋าน่าจะดีกว่าครับ
อากาศ : ฝนตกช่วงเช้า 4 ถึง -2 องศา
เวลาที่ใช้บนถนน : 285 km (4 ชั่วโมง) GPS : เส้นทาง
ตื่นเช้าไปโบสถ์ Ingjaldshólskirkja โบสถ์สีขาวได้ฟีลเกือบสุดขอบโลก สวยเท่ดีครับ ยิ่งถ้ามีน้องแกะเดินผ่านจะยิ่งเท่ไปใหญ่
แล้วก็ขับไปที่โบสถ์ดำ Budakirkja เป็นอีกโบสถ์ที่เท่ ฟีลริมขอบโลก ถ่ายรูปกันได้ฟีลจริงๆ
ช่วง 11 โมงเช้า พอเห็นว่าฝนเริ่มหยุด เราเลยขับกลับมาที่ เคิร์กจูเฟล อีกทีเผื่อได้วิว เพราะเมื่อคืนฝนตกยันเช้า หมอกลงจัด ไม่เห็นยอดหมวกพ่อมด ก็เลยลองเสียเวลาขับกลับมาดู ปรากฏว่าว้าวมากครับ แดดออก ได้ถ่ายรูปกันฉ่ำๆ เลย ที่จุดถ่ายภูเขาเคิร์กจูเฟลผ่านวิวน้ำตก
ก่อนขับกลับเรคยาวิค มาแวะกินข้าวกลางวันกันที่ Harbour Cafe อาหารอร่อย เขาจะแจกลูกอมเมื่อเข้าร้าน ถ้าไม่รับเขาจะไม่ให้เมนู 555 ราคาอาหารราวๆ 3,000-4,000 isk (ประมาณ 1,000 บาท)
มาถึงเมือง เรคยาวิค จอดรถแบบเสียเงินที่ P1 ข้างร้าน Kronan แล้วเดินเที่ยวนิดหน่อย แวะร้านมือ2 Verzlanahollin ร้านของฝาก ร้านขนมปัง Braud&Co จากนั้นแวะซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต Bonus ระหว่างทางไปที่พัก
ที่พักใกล้สนามบิน Family friendly apartment near airport 9,321 บาท ที่พักนี้ สวยสะดวกสบายมากๆ แนะนำเลยครับ
DAY 9 [20 OCT] : สนามบิน KEF - กรุงเทพ
KEF - BKK เครื่องออก 7.50
DAY 10 [21 OCT] : ถึงกรุงเทพ
ถึงไทย 12.45
จบไปแล้วครับ กันทริปเที่ยวไอซ์แลนด์ ขับรถรอบเกาะ Iceland Ring Road ชมแสงเหนือ 10 วัน 9 คืน 12-21 ตุลาคม 2024 ที่จริงยังมีข้อมูลอีกหลายอย่าง ทั้งเรื่องรถเช่า ซิมการ์ดโทร+เน็ต ประกันเดินทาง วิธีใช้แอปจอดรถ Parka แอป Handpicked เป็นแอปแนะนำที่กิน ร้านอาหาร ที่ช้อป ที่เที่ยวโดยคนไอซ์แลนด์เอง แอปเช็คแสงเหนือ Hello Aurora รวมถึงขึ้นตอนการทำวีซ่าเดนมาร์คอีก เอาเป็นว่าทีมงานจะทำรีวิวข้อมูลมาบอกต่อกันอีกครับ ระหว่างนั้น หากใครมีข้อสงสัย อยากถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถถามกับทีมงานของเราได้ตลอด 7 วัน ที่ Line : @Chillpainai หรือ แตะลิงก์นี้ได้เลยครับ https://chill.travel/LineChillpainai
บทความแนะนำ:
Tags: Iceland ไอซ์แลนด์ ขับรถเที่ยว แสงเหนือ เที่ยวไอซ์เแลนด์ เรคยาวิก Hello Aurora
เที่ยวต่างประเทศ | 21 พ.ย. 2024 | 2,119 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 12 พ.ย. 2024 | 945 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 1,396 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 1,576 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 24 ก.ย. 2024 | 1,804 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ย. 2024 | 2,548 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 30 ก.ค. 2024 | 3,490 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 19 ก.ค. 2024 | 6,776 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ค. 2024 | 4,369 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ค. 2024 | 1,154 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 18 เม.ย. 2024 | 4,376 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 21 ก.พ. 2024 | 6,404 อ่าน