ทริป 5 วัน 4 คืน อินโดนีเซีย ตะลุยภูเขาไฟโบรโม่ ชมเปลวไฟสีน้ำเงินคาวาอีเจี้ยน

มาออกเดินทางไปสัมผัสความสวยงามของประเทศอินโดนีเซียกับเส้นทาง ตะลุยภูเขาไฟโบรโม่ ชมเปลวไฟสีน้ำเงินคาวาอีเจี้ยน 5 วัน 4 คืนกันค่ะ ซึ่งทริปนี้เราไปกับทัวร์เดินทางง่ายสะดวกสบาย ตามไปชมกันได้เลย

มาเริ่มกันที่วันแรกเราจะเจอคณะเวลา 07.30 น. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประตู 10 อาคารผู้โดยสารขาออก จะมีการเช็คเอกสารต่าง ๆ ให้เรียบร้อย เวลา 10.30 เราจะขึ้นเครื่องไปที่สนามบินชางกี ประเทศสิงคโปร์ เพื่อไปต่อเครื่องที่นั่น โดยครั้งนี้เราโดยสารกับสายการบิน FLYSCOOT

เวลา 14.15 เท้าแตะถึงสนามบินชางกี ประเทศสิงคโปร์แล้วเราจะได้แวะดูความสวยงามของ THE JEWEL CHANGI ที่ถูกออกแบบมาอย่างทันสมัย แวะไปถ่ายรูปกันอยากจะบอกว่ามุมนี้ถ่ายรูปสวยมาก เราจะใช้เวลาอยู่ในสนามบินชางกีประมาณ 2 ชั่วโมง

เวลา 17.25 น. เราจะเดินทางกันต่อไปสู่เมืองสุราบาย่า ประเทศอินโดนีเซีย มาถึงสนามบิน Juanda International Airport ประเทศอินโดนีเซียเวลา 18.45 น. จะมีการแวะทานอาหารค่ำก่อนเข้าที่พัก

คืนแรกที่อินโดนีเซียเราจะไปพักที่ SURABAYA SUITES HOTEL จะเป็นโรงแรมที่เราจะพักเป็นคืนแรกและคืนสุดท้าย โดยการเดินทางทั้งหมดเราจะได้นั่งรถบัสตลอดการเดินทาง

หน้าตาของรถบัสที่จะใช้เดินทางตลอดทริปนี้ค่ะ

วันนี้เราจะได้ออกไปเที่ยวสุราบาย่า คำว่าสุราบาย่าเกิดจากต่อสู้ระหว่างจระเข้กับฉลามจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ สุราบาย่าเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอินโดนีเซีย มีบทบาทสำคัญต่อชาวอินโดนีเซียเป็นอย่างมากจากการปฏิวัติประชาชาติของชาวอินโดนีเซีย จนถูกขนานนามว่าเป็น "เมืองแห่งวีระชน"

และที่เราจะไปในเมืองสุราบาย่าคืออนุสาวรีย์เรือดำน้ำสุราบาย่า เรือเรือดำน้ำของจริง KRI Pasopati 401 เป็นสถานที่ที่น่าสนใจของเมืองสุราบาย่าแต่วันที่เราไปพิพิธภัณฑ์ปิดน่าเสียดายมาก เราจึงได้ชื่นชมภายในเรือแทนเรือลำนี้เคยเป็นเรือที่ไปประจัญบานจริง ๆ คนมาเยี่ยมชมที่นี่ค่อนข้างเยอะหากมีโอกาสมาสุราบาย่าแนะนำว่าต้องมาที่นี่


ชีวิตต้องไปต่อค่ะเพราะการเดินทางเราพึ่งเริ่มเอง เราจะเดินทางไปกันต่อที่เมืองบันยูวังงี Banyuwangi เราจะแวะทานข้าวกันก่อนเพื่อเติมพลังงานกัน แต่ละเมนูน่าทานมากกกก


ซึ่งที่คาดการณ์ไว้ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง แต่วันนั้นรถค่อนข้างติดใช้เวลานานพอสมควรเกือบ 10 ชั่วโมงกว่าจะถึงก็ค่ำ เดินทางกันมาอย่างเนิ่นนานเราจะได้กินมื้อค่ำกันแล้ว


เข้าที่พัก ASTON BANYUWANGI หรือเทียบเท่า 4 ดาว เราจะนอนที่นี่ 1 เอ๊ะ! อาจจะไม่ถึงคืนเพราะพรุ่งนี้เราต้องเดินทางกันต่อ ตื่นเช้ากันสุด ๆ ไปดูว่าสิ่งที่น่าสนใจพรุ่งนี้จะเป็นอะไรกันรอชมเลยยย อยากจะบอกว่าที่พักหรูหรามากนอนสบายกันเลยทีเดียว

เข้าสู่วันที่ 3 ของทริปแล้วเวลาประมาณ 02.00 น. เราจะเดินทางไปอุทยานอีเจี้ยนกันเพื่อไปดูภูเขาไฟที่ยังไม่ดับสนิทของอินโดนีเซียตั้งอยู่ในเขตชวาตะวันออก (East Java) มีความสูงประมาณ 2,799 เมตร มีจุดเด่นคือ เปลวไฟสีน้ำเงิน (Blue Flame) โดยเราได้นั่งรถจิ๊ปไปค่ะ


พอเข้าเขตอุทยานรถไม่สามารถไปต่อได้เราต้องเดินเท้าขึ้นกันไปใช้เวลาประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง ถ้าใครไม่ไหวจริง ๆ มีรถเข็นให้บริการราคาประมาณ 800,000 รูเปียส ไม่รวมอยู่ในค่าทัวร์น้าาา


พอไปถึงจริง ๆ เราไม่สามารถไปดูเปลวไฟสีน้ำเงินอาจจะต้องดวงดีกันสักนิดนึงถ้าไปแล้วอาจจะไม่เห็นก็ได้ เพราะงั้นเราไม่ขอเสี่ยง ฮ่า ๆ เลยเลือกไปเก็บภาพที่เป็นไฮไลท์มาฝากทุกคนแทนคือภาพทะเลสาบสีเขียวมรกตในปากปล่องภูเขาไฟสวยงามกับวิวตอนเช้าดีสุด ๆ คุ้มค่าแก่การตื่นเช้าแน่นอน


รับชมความสวยงามกันจนเพลิดเพลินแล้ว แต่อย่าลืมว่าวันนี้เรามีเดินทางกันต่ออีก นั่งรถจิ้ปกลับที่พักไปทานมื้อเช้ากัน


ทานอาหารกันเรียบร้อยแล้วเราจะเดินทางกันต่อค่ะ เราจะไปโบรโม่ใช้เวลาการเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง เราจะแวะทานมื้อเที่ยงกันที่ร้าน MaK Luka


เดินทางกันมาจนถึงที่พัก GRAND WHIZ BROMO เราจะมาฝากท้องทานอาหารเย็นกันที่นี่


เข้าที่พักไปนอนกันต่อเพราะพรุ่งนี้เราจะต้องตื่นแต่เช้าอีกแล้ว

ตื่นแต่เช้ากันอีกแล้ว เวลา 02.00 น. วันนี้เราจะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นของภูเขาไฟโบรโม่ และจุดชมวิว ภูเขาพานันจากัน (Mount Penanjakan) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง โดยเราจะได้นั่งรถจิ้ปไปเช่นเคย ภูเขาพานันจา
กันมียอดสูงกว่า 2,770 เมตร

แต่ความเคราะห์ร้ายเหมือนแต้มบุญหมดเราไม่สามารถไปถึงปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่ได้เพราะเกิดไฟป่า ทำให้อดเห็นภูเขาไฟแบบใกล้ ๆเลยได้แค่ยืนชมภูเขาไฟอยู่ห่าง ๆ ที่จุดชมวิว


ปกติแล้วเราจะนั่งรถจิ๊ปไปที่ตีนภูเขาไฟแล้วขี่ม้าต่อ แต่แผนเปลี่ยนต้องขี่ม้ามาที่จุดชมวิวแทน


กลับที่พักมาทานอาหารเช้าแล้วเราจะไปกันต่อที่นํ้าตกมาดาคาริปุระ Madakaripura Waterfall รถยนต์ไม่สามารถเข้าได้จึงจะต้องใช้มอเตอร์ไซค์ของชุมชนเป็นการกระจายรายได้ให้กับคนในชุมชนด้วย พร้อมแง๊
นกันแล้ววว ไปเลยย

เดินเท้าเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร มีที่ให้เปลี่ยนชุดกันฝนกับใส่หมวกนิรภัยทุกคนต้องเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัยเพราะมันอาจจะมีเศษหินหล่นลงมาได้ เซฟตัวเองกันด้วยนะ


เราจะเดินเท้าไปที่น้ำตกกัน ถึงน้ำตกกันแล้วจะมีที่เล่นน้ำที่เรียกว่าลากูนตรงนี้เล่นน้ำได้


ตรงนี้สามารถเล่นน้ำได้ มาถึงที่นี่ต้องมาไฮไลท์นี้เลยเพราะความสวยงามของธรรมชาติมันดีสุด ๆ ทั้งสายน้ำตกและลากูนถูกใจนักท่องเที่ยวแน่นอน


วันนี้เที่ยวกันจนเหนื่อยแล้วก็ต้องเติมอาหารให้ท้องกันแวะทานข้าวกันก่อนที่เราจะเดินทางกลับสู่สุราบาย่า


เดินทางถึงสุราบาย่าก็ค่ำเลยค่ะ แวะทานอาหารค่ำกันที่ห้างใกล้ที่พัก อย่างร้าน Ta Wan ร้านนี้ตั้งอยู่ในห้างน้าา


เรากลับมาพักโรงแรมเดิมที่ SURABAYA SUITES HOTEL อยากจะบอกว่าโรงแรมนี้ใกล้ห้าง PLAZA SURABAYA ด้วยนะเผื่อใครจะมาเลือกซื้อของก็สะดวกมากเลยค่ะ 

หมดวันของวันที่ 4 เข้าสู่ที่พักคืนนี้เราจะนอนที่ SURABAYA SUITES HOTEL เป็นคืนสุดท้าย พรุ่งนี้เราต้องเดินทางกลับกันแล้วววว

วันนี้ต้องเดินทางกลับไทยแล้ว วันนี้จะเหมือนวันแรกที่มาเลยเราจะทานอาหารเช้าที่โรงแรมกันก่อน


แล้วจะเดินทางไปสนามบิน Juanda International Airport เวลา 10.15 น. ออกเดินทางจากสู่สนามบินชางกีโดยสายการบินเดิม FLYSCOOT  ถึงชางกีประมาณ 13.25 น.


เดินทางจากชางกีสู่สุวรรณภูมิ เวลา 15.25 น. ถึงสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ เวลา 16.45 น.

ทริปนี้น่าประทับใจสุด ๆ ได้ภาพสวย ๆ กลับมาฝากชาวชิลไปไหนเยอะเลย ใครมีแพลนจะเที่ยวโซนประเทศอาเซียนใกล้ ๆ ประเทศไทย ราคาทริปไม่สูงมากแนะนำให้มาที่สุราบาย่า อินโดนีเซียเลย ประทับใจแน่นอนนนนน

โทรสอบถามทัวร์เที่ยวอินโดนีเซียเพิ่มเติมได้ที่ :

064 975 0777 : K. กี้
064 975 0888 : K. เจี๊ยบ
064 975 0999 : K. มุก
064 975 0666 : K. ตูน

LINE ID : @Chillpainai https://chill.travel/LineChillpainai

Tags: โบรโม่ คาวาอีเจี้ยน สุราบาย่า มาดาคาริปุระ อินโดนีเซีย

เขียนโดย

Admin

แชร์บทความนี้