calendar_month 06 ต.ค. 2023 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 7,711 / เที่ยวต่างประเทศ
ช่วงนี้ญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงกันแล้วนะคะ วันนี้ชิลไปไหนเลยจะขอพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวญี่ปุ่นกันอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เราเดินทางไปกันทัวร์ญี่ปุ่น 5 วัน 3 คืน ซึ่งไฮไลท์ของทริปนี้คือการไปเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี พร้อมกับไปเที่ยวสตูดิโอแฮร์รี่พอตเตอร์เปิดใหม่ล่าสุดที่โตเกียว ทริปนี้ค่าทัวร์แค่ 3 หมื่นต้นๆ แต่บอกเลยว่าคุ้มค่ามากๆ พร้อมแล้วก็ออกเดินทางไปชมกันเลย
ไฮไลท์ทัวร์ญี่ปุ่น 5 วัน 3 คืน โตเกียว ฟูจิ Harry Potter Studio Tour
ชมรายละเอียดทริปที่นี่ >>https://chillpainai.com/products/JXJ934
วันแรกทางทัวร์นัดเราที่สนามบินสุวรรณภูมิตอน 2 ทุ่มเพื่อเตรียมเช็คอินสายการบินแอร์เอเชีย ฟรีกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องคนละ 20 กิโลกรัม และถือขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 7 กิโลกรัม โดยก่อนจะเช็คอินทางไกด์จะบรีฟเกี่ยวกับทริปนี้คร่าวๆ และแจกแผ่นตม. และศุลกากรให้เราแค่เซ็นชื่อค่ะ เพราะทางไกด์จะเป็นคนกรอกรายละเอียดให้หมดแล้ว จากนั้นก็จะมีการเก็บค่าทิปคนขับรถซึ่งเป็นกฎที่จะต้องจ่าย 1,500 บาท/คน นอกเหนือจากค่าทัวร์ที่เราจ่าย
ซึ่งหลังจากเช็คอินได้ตั๋วเครื่องบินกันเรียบร้อยแล้วก็เตรียมเข้าเกตุเพื่อรอเวลาไฟลท์ออกเวลา 23.50 น.
บนเครื่องไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มนะคะ ถ้าใครหิวสามารถซื้อกับทางพนักงานต้อนรับบนเครื่องโดยสามารถจ่ายได้ด้วยเงินไทย และเงินเยนก็ได้ แต่ถ้าอาหารทานไม่หมดบนเครื่องห้ามเอาลงเด็ดขาดค่ะ เพราะทางญี่ปุ่นห้ามเอาเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ต่างๆ เข้าประเทศ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมงเราก็เดินทางมาถึงสนามบินนาริตะประมาณ 8 โมงเช้า ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรอย่างง่ายดาย ซึ่งระหว่างรอรับกระเป๋ามีน้องบีเกิ้ลมาดมกระเป๋าทุกใบ ใครที่เผลอเอาเนื้อสัตว์ลงมาอาจจะโดนปรับก่อนไปเที่ยวแน่ๆ ค่ะ
จากนั้นทางไกด์จะให้เวลาเราแปรงฟัน เข้าห้องน้ำ ประมาณ 15 นาที ก่อนจะเดินออกมาด้านนอกสนามบินเพื่อขึ้นรถโค้ชปรับอากาศไปเที่ยวแบบสะดวกสบาย มีที่เก็บกระเป๋าเดินทางใต้รถ เป็นข้อดีของการมาเที่ยวกับทัวร์ที่เราไม่ต้องแบกกระเป๋าเข้าไปเที่ยวเอง
รถโค้ชเป็นแบบ 40 ที่นั่ง ซึ่งทริปนี้เรามาทั้งหมด 30 คนนั่งสบายเลยค่ะ มีพื้นที่ด้านบนให้เก็บของได้ด้วย จากนั้นทางไกด์จะแจกน้ำเปล่าให้เราวันละ 1 ขวด ระหว่างนั่งรถก็ฟังพี่ไกด์คอยเล่าเรื่องญี่ปุ่นและเล่าเรื่องราวสนุกๆ ให้กับเราบอกเลยว่าเพลิดเพลินมากๆ
นั่งมาประมาณ 1 ชั่วโมงเราก็ถึงจุดหมายแรกนั่นก็คือย่านอาซากุสะ มาถึงพี่ไกด์ก็พาเรามาทานข้าวมื้อแรกกันก่อนเลย
มื้อแรกของเราวันนี้จะเป็นเมนูชาบูค่ะ โดยเขาจะจัดให้เราเป็นเซ็ต ในเซ็ตจะมีเนื้อหมูสไลด์ ข้าว ผัก น้ำจิ้มแบบงาให้ โดยเราสามารถเติมข้าวเพิ่มได้ตลอด รวมถึงเครื่องดื่มที่เป็นรีฟิลสามารถเติมได้ไม่อั้นเช่นกันค่ะ ส่วนใครอยากทานเนื้อสามารถจ่ายเพิ่ม 1,000 เยนก็จะได้ทานเนื้อวากิวด้วยนะ มื้อนี้อิ่มอร่อยมากๆ
อิ่มแล้วก็เดินไปเที่ยวที่วัดเซ็นโซจิ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กันค่ะ ทางพี่ไกด์จะพาเราไปชี้จุดนัดพบโดยจะเล่าเรื่องราวของวัดนี้คร่าวๆ พร้อมกับบอกจุดไฮไลท์ที่ห้ามพลาดและปล่อยให้ได้เที่ยวอย่างอิสระเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
ซึ่งวันนี้วัดเซ็นโซจิคนเยอะมากๆ คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย มาถึงก็ต้องมาไหว้ขอพรองค์เจ้าแม่กวนอิมทองคำสูง 5 นิ้วที่ประดิษฐานภายในวิหารของวัดกันก่อนเลย โดยด้านหน้าจะมีกระถางธูปซึ่งเชื่อว่าถ้าเรากวักเอาควันธูปเข้าหาตัวจะช่วยในเรื่องสุขภาพ แต่ถ้ากวักเข้ากระเป๋าตังค์จะช่วยในเรื่องเงินทอง แต่ขอได้แค่เรื่องเดียวนะคะ
วัดเซ็นโซจิหรือวัดอาซากุสะ ที่มีประวัติมายาวนานสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.645 ต่อมาในปี ค.ศ.1945 โดนระเบิดเผาทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อาคารที่เราเห็นปัจจุบันคืออาหารที่สร้างขึ้นใหม่ วัดเซ็นโซจิกลายเป็นสัญลักษณ์ของโตเกียวที่ใครมาเที่ยวโตเกียวต้องมาเช็คอิน โดยไฮไลท์หลักๆ คือโคมแดงยักษ์สูง 5.5 เมตรที่ตั้งอยู่บริเวณประตูคามินาริบริเวณทางเข้าวัด
มีถนนนากามิเสะ ถนนที่เต็มไปด้วยของฝากและร้านขนมมากมายสองข้างทางทอดยาวจากประตูคามินาริมาถึงตัววัดระยะทางประมาณ 250 เมตร มีร้านดังที่ห้ามพลาดอย่างร้านซาลาเปาทอดที่ใกล้กับทางเข้าวัด ร้านขนมไดฟุกุสอดไส้ด้วยสตอเบอร์รี่สดชิ้นโตหวานอร่อย และร้านอื่นๆ อีกมากมาย แต่ใครที่ซื้อขนมทานแนะนำว่ายืนทานหน้าร้านให้หมดนะคะ เพราะคนญี่ปุ่นไม่นิยมเดินกินกัน ถ้าเราเดินกินเขาไม่ว่าแต่อาจจะโดนมองด้วยสายตาแปลกๆ ก็ได้
จากนั้นก็นั่งรถโค้ชต่อไปยังที่เที่ยวต่อไปนั่นก็คือเกาะโอไดบะ เกาะที่มนุษย์สร้างขึ้นจากการถมทะเล ที่นี่มีแลนด์มาร์คที่ห้ามพลาดนั่นก็คือหุ่นกันดั้ม RX-0 Unicorn Gundam จากซีรีส์ Mobile Suit Gundam Unicorn ขนาดเท่าตัวจริง 19.7 เมตรตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าห้าง Diver City โดยทางทัวร์จะให้เวลาเที่ยวช้อปประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ ใครเป็นสายถ่ายรูปแนะนำเดินไปถ่ายสะพานสายรุ่งริมอ่าวโตเกียว โดยตรงนั้นจะมีเทพีเสรีภาพจำลองอยู่ด้วย แล้วค่อยมาเดินช้อปในห้าง Diver City ภายในจะมีร้านเสื้อผ้าอย่างยูนิโคล่ GU H&M และอื่นๆ อีกมามาย ส่วนใครอยากชมโชว์กันดั้มเขาจะมีเป็นรอบได้แก่ รอบ 11.00 น./13.00 น./15.00 น. และ 17.00 น. เสียดายครั้งนี้เราอยู่ไม่ทันโชว์เลยไม่ได้เก็บภาพมาให้ชม
สะพานสายรุ้งและเทพีเสรีภาพจำลอง
ภายในห้าง Diver City ที่มีร้านแบรนด์เนมมากมายเอาใจสายช้อป
จากโตเกียวเรานั่งรถโค้ชมุ่งหน้าไปยังจังหวัดยามานาชิเพื่อไปยังที่พักของเราคืนนี้กับ Fujisan Graden Onsen ที่พักพร้อมออนเซ็นริมทะเลสาบยามานากาโกะ หนึ่งใน 5 ทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิ
ห้องพักคือกว้างโดนใจมากๆ เป็นห้องเตียงแฝดขนาด 40 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวกครบ
ห้องน้ำมาพร้อมอ่างอาบน้ำ โซนห้องชาวเวอร์ และชักโครกแบบอัตโนมัติ
จากนั้นก็ถึงเวลาไปทานอาหารเย็นกันค่ะ มื้อนี้พิเศษมากๆ เพราะเราจะได้ทานบุเฟ่ต์ขาปูกันโดยห้องอาหารจะอยู่ในโรงแรมเลย
แต้น แต่นนนน มาแล้วค่ะ กับขาปูที่มาในกะละมังขนาดใหญ่ โดยเรามีเวลาทานประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าหมดเขาจะมาเติมให้ตลอด บอกเลยว่าแค่มากินขาปูก็คุ้มแล้ว และทริปนี้ทางไกด์ยังนำน้ำจิ้มซีฟู้ดให้เรา พร้อมกับมีการบริการแกะปูจากพี่ไกด์ให้ด้วยนะ น่ารักมากๆ เลยล่ะค่ะ
เมนูอื่นก็มีนะ อาทิ ซูชิ ข้าว แกงกระหรี่ พิซซ่า ขนมหวานมากมาย ทานจนจุกกันไปเลยค่ะ
จากนั้นก็แยกย้ายไปพักผ่อนที่ห้อง ใครอยากลงไปแช่น้ำต่อก็อยู่บริเวณชั้นล็อบบี้ โดยออนเซ็นเขาจะแยกชาย-หญิง มีทั้งอินดอร์และเอาท์ดอร์ เปิดให้บริการถึง 4 ทุ่มค่ะ
เช้าวันต่อมาเราทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารเดิม ซึ่งมื้อนี้เป็นบุฟเฟ่ต์ค่ะ โดยเขาจะมีถาดหลุมๆ แบบนี้ให้เราเดินตักโน่นนิด นี่หน่อย ใครที่ชอบอาหารญี่ปุ่นแนวข้าว ปลาย่าง นัตโตะ ผักดอง มิโสะซุปอย่างเราคือฟินเลย อร่อยมากๆ
จากนั้นก็เช็คเอาท์แล้วนั่งรถโค้ชไปยังทะเลสาบคาวากูจิโกะ แพลนวันนี้คือไปชมภูเขาไฟฟูจิริมทะเลสาบคาวากูจิโกะที่สวนโออิชิปาร์ค ซึ่งเป็นจุดที่ชมภูเขาไฟฟูจิได้สวยงามมากๆ วันนี้โชคดีเรามาตอนที่อากาศดีเลยเห็นภูเขาไฟฟูจิชัดๆ แบบนี้เลย
รอบๆ สวนจะเต็มไปด้วยดอกไม้มากมาย มีร้านขายของฝาก มีคาเฟ่ให้สามารถซื้อไอศกรีมไปทานพร้อมนั่งชมวิวภูเขาไฟฟูจิฟินๆ
ถ้าช่วงใบไม้แดง รอบๆ บริเวณนี้จะเต็มไปด้วยพุ่มต้นโคเซียที่จะเปลี่ยนสีเป็นสีแดง พร้อมๆ กับเหล่าต้นเมเปิ้ลรอบทะเลสาบสวยงามประทับใจมากๆ
จากนั้นก็นั่งรถมาชมอุโมงค์เมเปิ้ลที่โมมิจิ ไคโร (Momiji Kairo) ริมทะเลสาบคาวากูจิโกะที่ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี จะเปลี่ยนสีสันเป็นสีแดง ส้ม เหลืองสลับกันสวยงามมากๆ
จากนั้นทางทัวร์จะพาเราไปสัมผัสพิธีชงชาที่ Kawaguchiko Shikido Duty Free จะอยู่ที่ทะเลสาบคาวากูจิโกะเลยค่ะ เป็นจุดบังคับของทัวร์แต่บอกเลยว่าไม่ได้น่าเบื่อเลย เพราะพอมาถึงเขาจะพาเราไปสัมผัสวิธีชงชาบริเวณชั้น 2 และให้ได้ลิ้มรสมัทฉะแท้ๆ และขนม จากนั้นก็มาช้อปพวกอาหารเสริม เครื่องสำอาง ขนมซึ่งใครที่ไม่ซื้อก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะแค่มาฟังน้องๆ พนักงานคนไทยที่ตั้งใจให้ข้อมูลก็เป็นเหมือนกำลังใจให้น้องๆ เขากันแล้ว
พอเป็นทัวร์ไทยปุ๊บก็มีพนักงานคนไทยและล่ามมาให้ความรู้กันเลย
อาหารเสริม และเครื่องสำอางช้อปได้ที่นี่เลย
จากนั้นก็ไปทานอาหารกลางวันในโปรแกรมค่ะ ร้านอาหารจะตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบคาวากูจิโกะกันเลย
นั่งทานไปก็ชมวิวทะเลสาบคาวากูจิโกะฟินๆ แบบนี้ได้เลย
อาหารวันนี้จะเป็นเซ็ตนาเบะหมูค่ะ ในเซ็ตจะมีข้าว ปลาทอด อุด้ง อิ่มอร่อยมากๆ นอกจากนี้ใครอยากทานซูชิทางทัวร์จะมีบริการเสริมจ่ายเพิ่มแต่ได้ทานซูชิสดๆ ไปได้ด้วย
โบกมือลาภูเขาไฟฟูจิมุ่งหน้าสู่กรุงโตเกียวกันอีกครั้งเพราะวันนี้เราจะพาไปเที่ยวสตูดิโอแฮร์รี่พอตตอตเตอร์ซึ่งเป็นไฮไลท์ของทริปนี้กันค่ะ
ชื่อเต็มๆ ของเขาคือ Warner Bros. Studio Tour Tokyo - The Making of Harry Potter ซึ่งตัวสตูดิโอจะตั้งอยู่แถวสถานี Toshimaen ค่ะ ถ้าจากชินจูกุก็นั่งรถไฟไปประมาณครึ่งชั่วโมง เดินทางไม่ยาก ค่าบัตรจะอยู่ที่ประมาณ 6,300 เยน หรือประมาณ 1500 บาทค่ะ ได้ข่าวว่าจองยากมากเต็มยาวเป็นเดือนๆ แต่โชคดีทริปนี้เราไปกับทัวร์ค่ะ ทางทัวร์จะเป็นคนจองให้เราเองเลย
ซึ่งเวลาเข้าจะมีเป็นรอบๆ ค่ะ รอบแรก 9 โมงเช้า ยาวไปจนถึง 6 โมงเย็น มีรอบทุกครึ่งชั่วโมง จะมาเช้าสุด 9 โมงและอยู่ยาวจนถึง 6 โมงก็ได้เลย บอกเลยว่าข้างในใหญ่แบบไม่วามารถเดินชมได้ภายใน 2 ชั่วโมงแน่นอน ยิ่งใครเป็นแฟนพันธุ์แท้แฮร์รี่พอตอตเตอร์เราว่าต้องใช้เวลาอย่างต่ำประมาณ 4-5 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว
เวลาเข้าเราแค่โชว์คิวอาร์โค้ดบนตั๋วแล้วให้เจ้าหน้าที่สแกนก่อนเข้า ถ้ายังไม่ถึงเวลาเข้าก็สามารถไปช้อปปิ้งของที่ระลึกไม่ว่าจะเป็นไม้กายสิทธิ์ เสื้อคลุมพ่อมดแม่มด ชุดนักเรียนฮอกวอตต์ที่มีทุกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นบ้านกริฟฟินดอร์ (Gryffindor) บ้านฮัฟเฟิลพัฟ (Hufflepuff) บ้านเรเวนคลอว์ (Ravenclaw) และบ้านสลิธีรีน (Slytherin) เลือกช้อปที่นี่ก่อนให้เต็มยศจะได้ใส่ไปถ่ายรูปด้านในได้
จุดละลายเงินเยน เห็นอะไรก็น่าซื้อไปหมดเลย
ชุดนักเรียน เสื้อคลุม มาซื้อที่นี่แล้วแต่งไปถ่ายรูปด้านในกันเลย
แค่ช้อปก็อลังการงานสร้างแล้ว
ไม้กายสิทธิ์ราคาประมาณ 4,000 เยนค่ะ มีของตัวละครหลักๆ ทุกตัว
ด้านขวาจะเป็นคาเฟ่ค่ะ มีเครื่องดื่มและอาหารให้เลือกทานเพียบเลย
ถึงเวลาเข้ากันแล้ว ซึ่งเริ่มต้นจะให้เราเข้ามาพบกับโปสเตอร์แฮร์รี่พอตเตอร์เวอร์ชั่นต่างๆ หากหลายชาติรวมถึงเรื่อง fantastic beasts ซึ่งเป็นภาคแยกของจักรวารแฮร์รี่พอตเตอร์ เป็นเหมือนการวอร์มอัพก่อนจะเข้าไปชมด้านใน
มาสร้างคิวอาร์โค้ดกันก่อนเพื่อนำไปสนุกกับกิจกรรมด้านใน
และประตูบานแรกก็เริ่มเปิดขึ้น พวกเราในห้องต่างลุ้นว่าจะได้เจออะไร
ซึ่งพอเปิดออกมาทุกคนต่างร้องดีใจกันเลยค่ะ เพราะเป็นห้องอาหารในฮอกวอตส์ที่ทำเหมือนจนน้ำตาไหล
มีชุดนักเรียนบ้านต่างๆ รวมถึงหุ่นศาสตราจารย์ ดัมเบิลดอร์ สเนป แฮกริด ศาสตราจารย์ มักกอนนากัล น้ำตาจะไหลแล้ว
มาถึงห้องนี้ก็แทบกรี๊ดที่จำลองโถงบันไดในหอนอนของเหล่านักเรียนที่ตัวบันไดมีการขยับเลื่อนได้เหมือนในหนังเลยค่ะ
และอีกไฮไลท์คือเราสามารถนำคิวอาร์โค้ดไปสแกน และไปถ่ายวิดีโอ และภาพของเราก็จะมาปรากฎบนกรอบภาพต่างๆ รอบบ้านกันเลยค่ะ ซึ่งเราจะต้องไปหาว่ากรอบไหนเป็นของเรา สนุกมากๆ
ภาพเราอยู่นี่เอง
มีการจำลองห้องนอน ห้องนั่งเล่นของแต่ละบ้าน ห้องเรียนวิชาต่างๆ ห้องปรุงยา ออกมาได้เหมือนจริงมากๆ
เตียงนอนแฮร์รี่
และยังมีหนึ่งไฮไลท์คือให้เราได้ไปร่วมเป็นกองเชียร์ในการแข่งQuidditch ในแฮร์รี่อีกด้วย เริ่ดดด
ตัวเราไปอยู่ในหนังแบบนี้เลย
อลังการงานสร้างมากๆ
มุมในห้องสมุมถ่ายรูปออกมาสวยมากๆ
และแล้วก็เข้าสู่ป่าต้องห้ามที่ทำออกมาได้ขนลุกสุดๆ พร้อมกับให้เราได้ใช้ไม้กายสิทธิ์ร่ายเวทย์มนต์เรียกผู้พิทักษ์ประจำตัวขึ้นมา
แฮกริดกับฮิปโปกริฟฟ์ บัคบีค ที่ขยับได้จริงๆ ด้วย
รถบินได้ของพ่อรอน
สามารถควงไม้กายสิทธิ์ร่ายเวทย์มนต์ได้ด้วยนะ โดยใช้เทคโนโนโลยีอินเตอร์แอคทีฟน่าตื่นเต้นมากๆ ค่ะ
ใครที่ไม่ได้ซื้อไม้ก็ใช้มือได้เลย
มีโซนเอาท์ดอร์ที่จำลองบ้านของแฮกริด
บ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเวต
ร้านขายบัตเตอร์เบียร์ที่เราสามารถนำแก้วกลับบ้านได้
รถเมล์อัศวิน (The Knight Bus)
ชานชาลาที่ 9 เศษ 3/4 ที่จำลองรถเข็นเข้าสู่โลกเวทย์มนตด์ได้ และภายในรถไฟเรายังสามารถเดินเข้าไปชมได้ค่ะ แต่คนค่อนข้างเยอะเราเลยแค่ชมด้านนอก
ต่อด้วยกระทรวงเวทมนตร์สุดอลังการ
มีกิจกรรมให้ถ่ายวิดีโอกับไม้กวาดด้วยนะ
อีกหนึ่งไฮไลท์ก็คือตรอกไดแอกอน (Diagon Alley) สถานที่ช้อปปิ้งของเหล่าพ่อมดแม่มดที่ทำออกมาได้อลังการงานสร้างมากๆ
ปิดท้ายกับฮอกวอตต์จำลองสุดยิ่งใหญ่ที่รายละเอียดต่างๆ เหมือนหลุดมาจากในหนังจริงๆ กันเลยค่ะ
เราใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงอยู่ที่นี่ที่สนุกมากๆ ก่อนจะนั่งรถโค้ชไปเช็คอินที่พักคืนนี้ซึ่งอยู่นอกโตเกียวค่ะ ใกล้กับสนามบินนาริตะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึง The Hedistar Hotel Narita ที่พักที่ใกล้กับสนามบินนาริตะ
ห้องพักคืนนี้ค่อนข้างเล็กมากๆ แต่สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบ ใครที่เอากระเป๋าใบใหญ่มา อาจจะรู้สึดอัดกินนิดนึง แต่เรานอนที่นี่แค่ 2 คืน เลยไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมาก
ห้องน้ำมาพร้อมอ่างอาบน้ำ และชักโครกระบบอัตโนมัติ
ส่วนเย็นนี้จะเป็นมื้ออิสระค่ะที่เราต้องทานเอง ซึ่งบริเวณหน้าโรงแรมมีร้านอาหารไม่ว่าจะเป็นร้านราเมนู ร้านทงคัตสึ และร้านเสต็ก มีร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเดินไปไม่ไกลมาก
ซึเคเมนหน้าโรงแรมอร่อยมากๆ
เช้าวันที่ 4 วันนี้เป็นวันอิสระค่ะ ทางทัวร์จะให้เราเลือกเดินทางกันเอง แต่ทางไกด์จะคอยแนะนำเรื่องการเดินทางให้ มีปัญหาอะไรสามารถไลน์มาแจ้งไกด์ได้ตลอด เช้านี้หลังทานอาหารเสร็จเราเลยมีแพลนเข้าโตเกียวไปเที่ยวและช้อปปิ้ง
สถานีรถไฟที่ใกล้โรงแรมคือสถานีนาริตะ สามารถนั่งรถไฟเข้าไปยังโตเกียวใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ค่ารถถประมาณ 1,100 - 1,300 เยน ใครที่กลัวงงเรื่องซื้อตั๋วรถไฟแนะนำให้ซื้อบัตร IC Card อาทิ Pasmo หรือ Suica เอาไว้ แค่เติมเงินก็ใช้แตะนั่งรถไฟในโตเกียวได้เลย รวมทั้งซ้อของในร้านต่างๆ ได้อีกด้วย
จุดหมายแรกคือตลาดซึกิจิค่ะ เรานั่งรถไฟเจอาร์มาต่อรถไฟใต้ดินและมาลงสถานีซึกิจิได้เลย ออกมาจากสถานีเดินมานิดนึงก็เจอตลาดเลยค่ะ อันนี้คือตลาดซึกิจิเก่าที่โซนพวกประมูลปลาเขาย้ายไปที่ใหม่ที่ Toyosu ตรงนี้เลยมีแค่ร้านค้า ร้านอาหาร ซึ่งคนก็ยังคงแน่นมากๆ เช่นเคย
ร้านดังๆ อย่างร้านไข่หวานคนต่อแถวยาวกันจนเราท้อแท้เลยค่ะ 555
นอกจากนี้ยังมีร้านขายปลาดิบ ผลไม้ อาหารแห้ง ร้านซูชิ ร้านข้าวหน้าปลาดิบให้เลือกทานมากมาย
จากนั้นก็นั่งรถไฟใต้ดินไปต่อที่สถานีชิบุย่าค่ะ มาโตเกียวแล้วไม่ได้มาเดินห้าแยกชิบุย่าเขาว่ามาไม่ถึง
ใครอยากช้อปปื้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง โมเดล ก็ซื้อที่นี่ได้เลย ใครที่กลัวหลงกับเพื่อนก็นัดกันได้ที่รูปปั้นน้องฮาจิโกะ
กลางคืนก่อนกลับที่พักเราแวะไปเดินเล่นกันที่ชินจูกุค่ะ ช้อปปิ้งต่อและหาอาหารเย็นทานกันที่นี่เลย
น้องแมว 3D ที่หลายเป็นจุดเช็คอินยอดฮิตของชินจูกุไปแล้ว
จากนั้นก็นั่งรถไฟกลับที่พักเตรียมตัวเดินทางกลับเมืองไทยในเช้าตรู่วันพรุ่งนี้
เช้าตรูเรามาทานอาหารเช้าประมาณตี 5.45 น. แล้วก้เช็คเอาท์เพื่อออกเดินทางไปสนามบินนาริตะ สำหรับไฟลท์บินของเราในวันนี้คือแอร์เอเชีย ไฟลท์ 9.15 น. และเดินทางมาถึงไทยเวลาประมาณ 14.35 น.
ปิดทริปเที่ยวโตเกียว ชมภูเขาไฟฟูจิและสตูดิโอแฮรร์รี่พอตเตอร์ เป็นทริปที่เที่ยวสบาย มีอาหารตามโปรแกรม 6 มื้อ จ่ายแค่ 3 หมื่นต้นๆ ก็สามารถเที่ยวญี่ปุ่นฟินๆ แบบนี้ได้แล้ว ใครที่สนใจทริปนี้สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ได้เลย >>https://chillpainai.com/products/JXJ934
สอบถามรายละเอียดได้ที่
Line @ : https://chill.travel/LineChillpainai
หรือโทรสอบถามได้ที่
064 975 0666 : K. ตูน
064 975 0777 : K. กี้
064 975 0888 : K. เจี๊ยบ
064 975 0999 : K. มุก
บทความแนะนำ:
ทริปเที่ยวโตเกียว 4 วัน 3 คืน เอาใจสายช้อปชี้เป้าร้านเครื่องหนังญี่ปุ่นสุดพรีเมี่ยม
10 ที่พักโตเกียวสำหรับครอบครัวหรือแก๊งค์เพื่อนเดินทางง่ายใกล้สถานีรถไฟเริ่มต้น 800 บาท / คน
Tags: ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น โตเกียว เที่ยวโตเกียว ทัวร์โตเกียว Harry Potter Studio Tour
เที่ยวต่างประเทศ | 21 พ.ย. 2024 | 38 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 12 พ.ย. 2024 | 266 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 883 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 1,192 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 24 ก.ย. 2024 | 917 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ย. 2024 | 1,754 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 30 ก.ค. 2024 | 2,668 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 19 ก.ค. 2024 | 5,362 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ค. 2024 | 2,640 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ค. 2024 | 1,011 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 18 เม.ย. 2024 | 3,793 อ่าน