ทริปเที่ยวพัทยา 2 วัน 1 คืน พักผ่อนสบาย เช็คอินคาเฟ่สุดชิค ทานอาหารบนรูฟท็อป

หน้าร้อนแบบนี้ ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ไปเที่ยวทะเลกันดีกว่าค่ะ โดยทริปนี้เราจะไปเช็คอินกันที่พัทยา ทะเลใกล้กรุงฯ ที่ขับรถไม่นานก็ได้เที่ยวแบบฟิน ๆ เพราะมีทั้งที่กิน ที่เที่ยว ที่พัก และคาเฟ่น่ารัก ๆ อีกเพียบ วันนี้ชิลไหนได้จัดทริปตัวอย่างเที่ยวพัทยา 2 วัน 1 คืน พักผ่อนสบาย เช็คอินคาเฟ่สุดชิค ทานอาหารบนรูฟท็อปมาให้เพื่อน ๆ ได้ไปเที่ยวตามกัน จะสนุกสนานและฟินขนาดไหนไปชมกันค่ะ

หลังจากวางแผนเดินทางเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางกันแล้วค่ะ ทริปนี้เราเดินทางกันด้วยรถส่วนตัว ออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าเลยค่ะ เราจะเริ่มต้นทริปกันด้วยความสนุกสนานไปเล่นกิจกรรมทางอากาศมมันส์ ๆ กัน โดยกิจกรรมที่เราเลือกไปมันส์กันในทริปนี้ก็คือการบินพารามอเตอร์ที่ BFA Flying Club จากรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงที่หมายแล้วค่ะ ที่นี่เขามีพื้นที่กว้างขวางมาก ๆ สามารถรองรับการทำกิจกรรมได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งพารามอเตอร์, ไมโครไลต์, เครื่องบิน และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย 

ใครที่กังวลเรื่องความปลอดภัยบอกเลยว่าหายห่วงค่ะ เพราะเขาจะมีทีมงานคอยตรวจเช็คสภาพลมเพื่อความปลอดภัยของลูกค้า ทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญที่คอยดูแลทุกอย่างอย่างใกล้ชิด โดยเขาจะเราบินข้ามทะเลทำให้ได้เห็นวิวพัทยาจากมุมสูง สวยงามอลังการสุด ๆ สแถมใรที่อยากเก็บภาพความประทับใจไว้ เขาก็มีบริการกล้อง Gopro และสามารถนำมือถือขึ้นไปถ่ายรูปได้อีกด้วย บอกเลยว่าฟินมากกก

BFA Flying Club

ที่ตั้ง : ทุ่งกลม-ตาลหมัน 15, เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง ชลบุรี 20150

โทรศัพท์ : 061 808 7722

เวลาทำการ : 05:30–8:00 และ 14:00–18:30 น.

Facebook : BFA Flying Club

เว็บไซต์ : https://www.bfaflyingclub.com/

GPS : https://goo.gl/maps/EbUkVQvoKss2wpvXA

หลังทำกิจกรรมกันเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปกันเลยค่ะ ที่เที่ยวต่อไปเราจะไปกันแบบชิล ๆ กันบ้าง เดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะถึง เขาชีจรรย์ กันแล้ว ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตในพัทยาเลยก็ว่าได้ เพราะมีไฮไลต์อย่างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ความสูบ 130 เมตร หน้าตักกว้าง 70 เมตร ที่แกะสลักอย่างงดงามบนหน้าผาหินขนาดใหญ่ อีกทั้งที่นี่ยังถือเป็นพระพุทธฉายที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย น่ามาสักการะบูชามาก ๆ ค่ะ 

นอกจากพระพุทธรูปอันงดงามแล้ว บริเวณรอบ ๆ ยังรายล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจีมากมาย ทั้งยังมีสวนสวย ๆ ที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน มีสนามหญ้าสีเขียวที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดี มีอาคารเอนกประสงค์ และพื้นที่จอดรถให้บริการ ใครเป็นสายบุญ สายชิล บอกเลยว่าเหมาะมากค่ะ เพราะถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะแก่การมาพักผ่อนหย่อนใจเพลิน ๆ มาสักการะพระพุทธรูปเพื่อความเป็นสิริมงคล แถมใครยังเขาชมฟรีอีกด้วย 

เขาชีจรรย์

ที่ตั้ง : ซอย เขาชีจรรย์ ตำบล นาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ ชลบุรี 20250

เวลาเปิดบริการ : 06:00–18:00 น.

GPS :https://goo.gl/maps/AsgSXrExTmgNJFVB9

เผลอแป๊บเดียวก็ได้เวลาททานอาหารกลางวันกันแล้วค่ะ มื้อเที่ยงนี้เราจะไปทานกันที่ Bull Beach Club คาเฟ่& Restaurant ที่นี่เป็นทั้งคาเฟ่และร้านอาหารเลยค่ะ ตัวร้านมีการออกแบบตกแต่งเป็นธีมบาหลีโบฮีเมียน มีกลิ่นอายความเป็นทะเลเบา ๆ บรรยากาศมีชิล ๆ เพราะตัวร้านตั้งอยู่ใกล้กับทะเลเลยค่ะ แถมยังมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ ให้เลือกเยอะมากกกก ใครเป็นสายคอนเทนต์แนะนำว่าเตรียมกล้องให้พร้อมเลย เพราะได้ถ่ายรูปกันแบบรัว ๆ อย่างแน่นอน 

ภายในร้านมีโซนที่นั่งให้เลือกทั้งแบบอินดอร์ที่เป็นห้องแอร์ และโซนเอาท์ดอร์รับลมธรรมชาติ ใครที่มาช่วงเย็นแนะนำว่าให้นั่งโซนด้านนอกเลยค่ะ เพราะนอกจากจะได้รับลมเย็น ๆ ฟังเสียงน้ำทะเลเบา ๆ แล้ว จะเห็นวิวพระอาทิตย์ตกดิด้วย แต่วันนี้เรามาทานเป็นมื้อกลางวัน เลยขอหนีร้อนเลือกเป็นโซนด้านในห้องแอร์ค่ะ 

ทางด้านเมนูอาหารที่นี่เขาก็มีให้ได้ลิ้มลองครบทั้งเครื่องดื่ม ของหวาน ของคาวเลยค่ะ รวมทั้งอาหารอาหารไทย อาหารตาเลียน เขาก็มีให้บริการเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เมนูฟิวชัน ร้านนี้มีความโดดเด่นตรงที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี ทำแป้งพิซซ่าเองสดใหม่จากเตาทุกวัน เมนูสเต๊กก็ใช้เป็นเนื้อเกรดเอดรายเอจ ทำให้เนื้อนุ่มละมุนลิ้น ตัวซี่โครงทางร้านก็คัดสรรอย่างดี นำมาหมักกับซอสสูตรพิเศษของทางร้าน เสิร์ฟคู่กับเครื่องเคียงอย่างข้าวโพด มะเขือเทศ และกระเทียมสีดำที่ทางร้านนำไปอบสมุนไพรสูตรเฉพาะ เมนูนี้บอกเลยว่ารสชาติอร่อยมาก พลาดไม่ได้เลยค่ะ 

ในส่วนของเครื่องดื่ม เราเลือกสั่งเป็น เมนูซิกเนเจอร์อย่าง "Bull Beach Sound" เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของไข่ขาว มีรสเปรี้ยวนำ อร่อยสมเป็นเมนูซิกเนอเจอร์เลยค่ะ ส่วนอีก 2 แก้ว เราเลือกสั่งเป็นอิตาเลียนโซดาค่ะ โดยไซรัปของที่นี่ทางร้านให้แบบเกรดคุณภาพ อร่อยเข้มข้น สดชื่นทุกแก้วอย่างแน่นอน

Bull Beach Club คาเฟ่& Restaurant 

ที่ตั้ง : 27 หมู่1 เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง ชลบุรี 20150

โทรศัพท์ : 085 516 8798

เวลาเปิดบริการ : จ-พฤหัส  15:00-23:00 น. ศ-อาทิตย์ 11:00-23:00 น.

Facebook : Bull Beach Club

GPS : https://goo.gl/maps/az4TfsiLP35e6irM7

หลังจากทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็ได้เวลาที่ต้องเช็คอินที่พักกันแล้วค่ะ คืนนี้เรานอนที่ตัวเมืองพัทยาเลย โดยเราจะพักกันที่ Pattaya Sea View Hotel (โรงแรมพัทยาซีวิว) ที่นี่เป็นอีกหนึ่งที่พักที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพัทยาเลยค่ะ ทั้งยังอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว ร้านสะดวกซื้อ และแหล่งชุมชน แถมยังอยู่ไม่ไกลจากชายหาดพัทยา ใครที่อยากเล่นน้ำทะเล เดินเล่นชิล ๆ ริมชายหาดก็สามารถเดินไปได้แบบสบาย ๆ เลย 

ที่นี่มีห้องพักให้เลือกหลากหลายรูปแบบค่ะ แต่ห้องพักที่เราจองมาในทริปนี้จะเป็นห้อง One Bedroom Suite Ocean View ค่ะ เนื่องจากตัวห้องพักมีความกว้างขวาง มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ  ห้องนี้เป็นห้องที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม ทำให้สามารถมองเห็นวิวทะเลพัทยาได้อย่างเต็มที่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตัวห้องมีการแบ่งแยกโซนห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นอย่างชัดเจน พักผ่อนสบายสุด ๆ เลยค่ะ 

นอกจากความสะดวกสบายภายในห้องพักแล้ว ห้องนี้ยังมาพร้อมกับระเบียงที่สามารถมองเห็นวิวทะเลพัทยาได้อย่างกว้างขวาง อีกทั้งช่วงเย็นยังสามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกดินได้อีกด้วย บอกเลยว่าสวยงามมากกกก

หลังจากเช็คอินเข้าห้องพัก เก็บของ และพักจนหายเหนื่อยแล้ว  ก็ได้เวลาทานอาหารเย็นแล้วค่ะ ที่นี่นอกจากจะเป็นที่พักที่มีความสะดวกสบายแล้ว เขายังมี Virgin Rooftop Pattaya รูฟท็อปบรรยากาศสุดโรแมนติกให้เราได้ไปเช็คอินกันอีกด้วย ซึ่งรูฟท็อปของโรงแรมนี้บอกเลยว่าดีงามมากกก เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เราเลือกพักที่นี่เลยค่ะ ตัวรูฟท็อปจะตั้งอยู่ที่ชั้นบนสุดของโรงแรมค่ะ แบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างจะมีเคาท์เตอร์บาร์ที่ให้บริการเครื่องดื่มแบบครบวงจร ตกแต่งด้วยไฟสีสันสดใส ใครชอบความคึกคัก สนุกสนาน

ส่วนบริเวณชั้น 2 จะให้ความรู้สึกชิลขึ้นมาอีกนิดค่ะ ชั้นนี้จะไม่มีหลังคา มีความโปร่งโล่งสบาย ไม่รู้สึกอึดอัด ใครที่อยากชมวิวทะเลและดูพระอาทิตย์ตกดินยามเย็นแนะนำว่าให้ขึ้นมานั่งที่ชั้นนี้เลยค่ะ เพราะเขามีการออกแบบโดยใช้กระจกใสกั้น ทำให้สามารถมองเห็นวิวทะลพัทยาได้อย่างชัดเจน มีมุมเปลที่สามารถไปนั่งเล่นชิล ๆ พร้อมได้รูปเก๋ ๆ ได้ บรรยากาศคือชิลมากกกก

นอกจากบรรยากาศจะดีงามแล้ว ด้านเมนูอาหารก็มีให้เลือกเยอะแยะมากมายเลยค่ะ แต่เมนูอาหารส่วนใหญ่ของที่นี่จะเป็นแบบอินเตอร์เนชันแนล วันนี้เราเลือกสั่งเป็น French Oyster, Virgin Scallop Salad, Spagetthi Vongole, Truffle Cream Soup และ Pork Chop ทุกเมนูบอกเลยว่าวัตถุดิบมีความสดใหม่ ปรุงรสได้อย่างกลมกล่อม อร่อยทุกเมนูเลยค่ะ

ตัดภาพมาที่เช้าวันที่ 2 ของทริปแล้วค่ะ เช้านี้เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราจะทานอาหารเช้ากันภายในที่พักเลยค่ะ ห้องอาหาร Ocean House จะตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ใกล้กับล็อบบี้ ให้บริการอาหารแบบอินเตอร์เนชันแนลบุฟเฟ่ต์ รวมทั้งอาหารไทยอีกหลากหลายเมนู ภายในห้องอาหารมีความกว้างขวาง มีโต๊ะให้เลือกนั่งมากมาย ด้านหน้าเป็นกระจกใสที่สามารถชมวิวเมือง และซึมซับวิถีชีวิตของผู้คนในย่านนี้ได้ 

Pattaya Sea View Hotel (โรงแรมพัทยาซีวิว)

ที่ตั้ง : หมู่ที่ 9 115/8 ถนน พัทยาเหนือ อำเภอบางละมุง ชลบุรี 20150

ราคา : เริ่มต้น 2,500 บาท (ราคาที่พักอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดสอบถามจากทางที่พักโดยตรง)

โทรศัพท์ : 0982570602

Facebook : Pattaya Sea View Hotel

เว็บไซต์ : https://www.pattayaseaviewhotel.com/

GPS : https://goo.gl/maps/kk5oaMzyVRsjbu53A

จองที่พัก โรงแรมพัทยาซีวิว ออนไลน์ได้ที่นี่

หลังจากอิ่มอร่อยกับมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไปเที่ยวต่อแล้วค่ะ จุดหมายแรกที่เราจะเดินทางไปเช็คอินก็คือ Tiger Park (สวนเสือพัทยา) อีกหนึ่งที่เที่ยวสุดน่ารักที่ควรค่าแก่การมาเช็คอิน โดยเราจะพาไปชมความน่ารักของน้องเสือกันค่ะ ที่นี่เราสามารถเข้าไปถ่ายรูปกับน้องเสือได้ด้วย ใครอยากถ่ายแบบตัวเล็ก หรือเป็นพี่เสือตัวโต ๆ ก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลย โดยระหว่างที่เราเล่นกับน้อง ๆ ก็จะมีเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งเสือที่นี่ยังถูกฝึกมาให้อยู่กับคนได้ ใครที่กังวลเรื่องความปลอดภัยไม่ต้องห่วงเลยค่ะ นอกจากนี้เขายังมีโซนห้องอาหารไว้สำหรับนั่งทานอาหารพร้อมดูเสือไปด้วยได้ บอกเลยว่าน้อง ๆ แต่ละตัวน่ารักมากกกกก

Tiger Park (สวนเสือพัทยา)

ที่ตั้ง :  349/9 หมู่ที่ 12 อำเภอบางละมุง ชลบุรี 20150 

เวลาเปิดบริการ : ทุกวัน 9:00–18:00 น.

โทรศัพท์ : 038 255 221

Facebook : Tiger PARK Pattaya

GPS : https://g.page/Tigerparkpattaya?share

หลังจากนั้นก็เดินทางเพื่อไปเช็คอินที่เที่ยวต่อไปกันเลยค่ะ จุดหมายต่อไปบอกเลยว่าสายถ่ายรูปจะต้องถูกใจอย่างแน่นอน เพราะที่ที่เราจะไปเช็คอินก็คือ House Of Benedict ที่นี่ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของพัทยาที่สายโศเชียลพลาดไม่ได้เลนค่ะ เพราะเขามีมุมถ่ายรูปให้ได้ไปแชะภาพเยอะมาก ๆ เรียกได้ว่าไม่ว่าจะถ่ายภาพที่มุมไหนก็ออกมาสวยทุกมุม เพราะเขามีการตกแต่งตั้งแต่หน้าทางเข้าเลย เพราะมีการจำลองสถานีรถไฟในสมัยก่อน มีความวินเทจ น่ารักสุด ๆ 

หลังจากซื้อบัตรเรียบร้อยแล้ว เดินเข้ามาด้านในก็จะพบมุมถ่ายรูปที่มีความอลังการ แบ่งออดเป็น 2 ชั้น แต่ละชั้นมีห้องย่อย ๆ ที่ตกแต่งในธีมที่แตกต่างกันออกไป เช่น ห้องสไตล์บาหลี, ห้องเตียง, โซนม้าหมุน, โซนจีน, โซนอินเดีย ฯลฯ บอกกเลยว่าสวยทุกมุม เลือกถ่ายไม่ถูกเลยค่ะ 

หลังจากถ่ายรูปกันจนจุใจก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกลเลยค่ะ เพราะที่นี่เขาก็มีโซนอาหารไว้ให้บริการเช่นกัน โดยโซนนี้จะมีร้านรวงต่าง ๆ ตั้งอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทาโกะยากิ, แฮมเบอร์เกอร์, น้ำผลไม้, ชานมไข่มุก, คาเฟ่, รวมทั้งบาร์ที่ตั้งอยู่รอบ ๆ พื้นที่ ใครมาเช็คอินที่นี่บอกเลยว่าไม่ต้องกลัวหิวเลยค่ะ 

House Of Benedict

ที่ตั้ง : 91 10 หมู่ 1 ตำบล นาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ ชลบุรี 20150

โทรศัพท์ : 080 305 8685

ค่าเข้า : คนไทย 100 บาท / ต่างชาติ 200 บาท

เวลาเปิดบริการ : 11.00-22.00 น.

Facebook : House Of Benedict

GPS :https://goo.gl/maps/9YKHedKLqkTbgbbU7

หลังจากเที่ยวกันจนเต็มอิ่ม ต่อไปก็ได้เวลาเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันแล้วค่ะ ถือเป็นอีกหนึ่งทริปที่เก็บครบทั้งที่กิน ที่เที่ยว ที่พัก เหมาะแก่การไปเที่ยวตามในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์มาก ๆ ใครที่อยากไปเที่ยวชิล ๆ แบบไม่ต้องลางานก็สามารถนำทริปตัวอย่างนี้ไปปรับใช้ได้เลย รับรองว่าจะเป็นทริปที่สนุกสนานและประทับใจกลับไปอย่างแน่นอน

Tags: ชลบุรี พัทยา ที่เที่ยวพัทยา ที่กินพัทยา คาเฟ่พัทยา ที่พักพัทยา BFA Flying Club เขาชีจรรย์ Bull Beach Club คาเฟ่& Restaurant Pattaya Sea View Hotel โรงแรมพัทยาซีวิว Virgin Rooftop Pattaya Tiger Park สวนเสือพัทยา House Of Benedict

เขียนโดย

Admin Chillpainai

แชร์บทความนี้