calendar_month 26 พ.ย. 2020 / stylus Admin Chillpainai / visibility 51,957 / รีวิวที่พัก
เชื่อว่าหลายคนคงเคยคิดอยากจะไปเที่ยวจันทบุรี นอนชิลริมน้ำ กินปู ดูเหยี่ยว เที่ยวชมธรรมชาติกันแบบชิลๆ แต่มักจะติดตรงที่ว่าที่พักแนวโฮมสเตย์ที่จันทบุรีส่วนใหญ่ มักจะขายเป็นแพ็คเกจต่อหัวที่รับจำนวนขั้นต่ำ 4-5 คนขึ้นไป วันนี้ชิลไปไหนจะพาไปแนะนำให้รู้จักที่นี่ “ปลายจันท์” โฮมสเตย์กึ่งรีสอร์ทหนึ่งเดียวในจันทบุรี ที่เราสามารถไปพักผ่อนในห้องพักติดริมน้ำบรรยากาศดีวิวสวยหลักล้าน ใครอยากพาเพื่อนสนิทหรือคนรู้ใจไปเปลี่ยนบรรยากาศกันแค่สองคนก็ฟิน หรือจะไปเที่ยวยกแก๊งค์ซื้อแพ็คเกจรวมที่พัก กิจกรรม และอาหาร 3 มื้อก็ได้ จะตอบโจทย์สายชิลขนาดไหน...ตามไปเช็คอินกันเลย!
ปลายจันท์ บางชัน เป็นที่พักสไตล์โฮมสเตย์กึ่งรีสอร์ท ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านท่าขาหย่าง หมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่อายุนับร้อยปีในตำบลบางชัน อำเภอขลุง ซึ่งนับเป็นดินแดนปลายสุดของเมืองจันทบุรี จนเป็นที่มาของชื่อที่พักว่า “ปลายจันท์” นั่นเอง ในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้มีทั้งคนพื้นถิ่นและชาวไทยเชื้อสายจีนที่อพยพมาตั้งรกรากทำอาชีพค้าขายตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ทำให้ในสมัยก่อนที่นี่เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่มีความรุ่งเรืองอันดับต้นๆ มีทั้งวัด, ศาลเจ้า และบ้านเรือนที่ปลูกสร้างอยู่บนผืนน้ำ การสัญจรไปมาแต่เดิมสามารถเข้าถึงได้เฉพาะทางเรือเท่านั้น ก่อนที่จะมีการตัดถนนมาถึงหมู่บ้านในภายหลัง ทำให้ที่นี่เคยถูกนับรวมเป็นหนึ่งในหมู่บ้านไร้แผ่นดินนั่นเอง
ความประทับใจแรกของเราคือบรรยากาศของที่พักที่ถูกออกแบบและก่อสร้างได้อย่างกลมกลืนกับชุมชนโดยรอบ เนื่องจากครอบครัวเจ้าของรีสอร์ทนั้นอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านท่าขาหย่างแห่งนี้มาตั้งแต่สมัยรุ่นอากงหรือคุณตา ซึ่งเคยทำอาชีพค้าขาย เปิดร้านขายของชำและรับซื้ออาหารทะเลจากชาวประมงในหมู่บ้าน ก่อนที่รุ่นลูกจะเริ่มปรับเปลี่ยนเปิดเป็นที่พักในเวลาต่อมา โดยยังคงพยายามเก็บรักษาเสน่ห์ของหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แห่งนี้เอาไว้
ตัวที่พักสร้างด้วยวัสดุธรรมชาติอย่างไม้เป็นหลัก ตั้งอยู่บริเวณปลายสุดของหมู่บ้าน โดยมีทางเดินสะพานเชื่อมระหว่างตัวบ้านพักและห้องอาหาร ด้านหน้ามีกระชังปลาที่ทางที่พักเลี้ยงไว้ พร้อมเปลตาข่ายให้นั่งเล่นชมวิว บรรยากาศชิลเหมือนได้มาพักอยู่ริมทะเลจริงๆ เลยล่ะ
เมื่อไปถึงแล้วเราก็ไปที่ห้องอาหารริมน้ำ ซึ่งมีบริการอาหารเที่ยงรอต้อนรับสำหรับคนที่ซื้อมาเป็นแพ็คเกจ โดยมีเมนูให้เลือกอิ่มอร่อยกันแบบบุฟเฟต์ ทั้งของกินเล่นอย่างเต้าหู้ทอด, ข้าวผัดทะเล, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง เมนูขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของจันทบุรี ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะอย่างน้ำซุปที่หอมเครื่องเทศและสมุนไพรต่างๆ เราสามารถเลือกได้ว่าจะเอาเส้นแบบไหน โดยไฮไลท์พิเศษอีกอย่างอยู่ที่กากหมูที่ทางที่พักทำเอง อร่อยเด็ดไม่เหมือนใครจริงๆ พอได้ทานคู่กับก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงแล้วยิ่งเข้ากันลงตัว
นอกจากนี้ ทางปลายจันท์ยังมีเครื่องดื่มอย่างน้ำชาและน้ำเก๊กฮวยหวานหอมให้เราเติมได้ไม่อั้น ตบท้ายด้วยของหวานอย่างสละลอยแก้วหวานเย็นชื่นใจ
สำหรับใครที่ไม่ได้ซื้อแพ็คเกจแบบรวมอาหาร 3 มื้อมา ก็สามารถใช้บริการสั่งอาหารจากห้องอาหารของที่พักซึ่งเปิดเป็นร้านอาหารด้วยได้ มีเมนูให้เลือกสั่งหลากหลาย ทั้งอาหารไทยและซีฟู้ด เมนูแนะนำที่พลาดไม่ได้เลยคือ “ปูก้ามผัดหวาน” ปูทะเลสดที่ผัดกับซอสเข้มข้นรสกลมกล่อมที่หาทานที่ไหนไม่ได้ และ “กั้งนึ่ง” กั้งแก้วเนื้อหวานตัวโตขนาด 4-5 ตัว/กก. นำไปนึ่งทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ จัดเป็นเมนูหายากที่จะมีให้ทานตามช่วงฤดูกาลเท่านั้น
บรรยากาศร้านอาหารของปลายจันท์ ผนังรอบด้านเปิดโล่งรับลมและสามารถมองเห็นวิวสวยๆ ใครไม่ได้พักที่นี่ก็สามารถแวะมานั่งทานอาหารชมวิวได้ หรือถ้าอยากทำกิจกรรมสนุกๆ หลังมื้ออาหาร ก็ยังมีโต๊ะสนุกเกอร์ให้เราได้เล่นกันเพลินๆ อีกด้วย นอกจากนี้ ด้านหน้าที่พักยังมีร้านของฝากเล็กๆ ชื่อว่าร้านของฝากบ้านก๋ง มาเที่ยวพักผ่อนที่หมู่บ้านชาวประมงทั้งที ต้องไม่พลาดซื้อของฝากอย่างกุ้งแห้งและกะปิบางชันที่ขึ้นชื่อ โดยเฉพาะกุ้งแห้งที่นี่นั้นกรอบอร่อยเป็นพิเศษ โดยใช้กุ้งสดกว่า 13 กก. นำมานึ่งและตากแดดกว่า 3 แดดจนกว่าจะได้กุ้งแห้ง 1 กก. ใครอยากได้ต้องสั่งจองกับทางที่พักล่วงหน้า เนื่องจากค่อนข้างมีราคาสูงและหายาก แต่ทางปลายจันท์นั้นใจป้ำใช้กุ้งแห้งอย่างดีกิโลกรัมละเป็นพัน นำมาทำส้มตำให้เราได้ทานกันด้วย
อิ่มแล้วไปเดินสำรวจห้องพักกันก่อน ที่ปลายจันท์มีห้องพักแบบรีสอร์ทให้เลือกถึง 3 สไตล์ เริ่มต้นที่บ้านแฝดริมน้ำ บ้านพักหลังใหญ่ขนาด 2 ห้องนอน ล้อมรอบด้วยผืนน้ำท่ามกลางวิวแม่น้ำมองเห็นแนวป่าโกงกางสุดสายตา ตัวบ้านอยู่ใกล้กันกับห้องอาหาร แต่แยกห่างออกมาจากห้องพักโซนอื่นๆ จึงค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว ด้านหน้ามีระเบียงกว้างๆ พร้อมที่นั่งเล่นพักผ่อนให้เรานอนรับลมเย็นๆ ชมวิวแม่น้ำได้ทั้งวัน
ห้องพักของบ้านแฝดแต่ละห้องพักได้ 4 คน (สามารถเสริมที่นอนได้ 2 คน) ราคาคืนละ 3,800 บาท (รวมอาหารเช้า) ภายในตกแต่งอย่างสวยงามสไตล์บูทีครีสอร์ท ผนังห้องเป็นปูนเปลือยขัดมันสไตล์ลอฟท์ เพิ่มความอบอุ่นด้วยพื้นไม้สีน้ำตาล มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างแอร์, ทีวี, ตู้เย็น มีห้องน้ำในตัวพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่นและสุขภัณฑ์ทันสมัยสะอาดสะอ้าน
ห้องพักแบบถัดมาคือ “บ้านเดี่ยว” บ้านพักที่ยื่นลงไปในน้ำ มีทั้งหมดจำนวน 5 หลัง สำหรับใครที่ชอบตกปลาแนะนำจองห้องพักโซนสุดท้าย 3 หลังนี้ที่อยู่บริเวณปลายรีสอร์ท เพราะสามารถพกเบ็ดมานั่งตกปลาได้จากระเบียงหน้าห้องกันได้แบบชิลๆ
ภายในห้องพักมีเตียงนอนขนาดใหญ่แบบ Double Bed สามารถพักได้ 2 คน (เสริมที่นอนได้อีก 2 คน) ราคาคืนละ 2,800 บาท รวมอาหารเช้า พร้อมมีสิ่งอำนวยความสะดวกและตกแต่งอย่างสวยงามไม่แพ้ห้องแรก โดยทุกห้องที่นี่มีอุปกรณ์เครื่องใช้ให้ครบ ทั้งผ้าเช็ดตัวนุ่มๆ หอมสะอาดน่าใช้ที่แพ็คมาในห่อพลาสติกอย่างดี และอุปกรณ์อาบน้ำอย่างสบู่, ยาสระผม, ชุดแปรงสีฟัน-ยาสีฟัน, หมวกคลุมอาบน้ำ ฯลฯ ไปจนถึงรองเท้าแตะ slipper สำหรับใส่ในห้องพัก มาตรฐานไม่แพ้โรงแรมหรือรีสอร์ทเลย
จุดเด่นของบ้านเดี่ยวแต่ละหลังคือ มีระเบียงนั่งเล่นส่วนตัวด้านหน้าห้องพัก พร้อมเก้าอี้เดย์เบดให้เรานอนเอกเขนกชมวิวริมน้ำกันชิลๆ เหมาะจะมานอนฟังเพลง หรืออ่านหนังสือสักเล่มรับลมเย็นๆ ยิ่งหากไปตรงกับช่วงที่ชาวบ้านที่นี่เรียกว่า “น้ำโต” หรือช่วงเวลาน้ำขึ้นด้วยแล้ว น้ำจะสูงถึงขอบระเบียงพอดี ตอนกลางวันที่มีแสงแดดกระทบกับผืนน้ำเป็นสีฟ้าอ่อนๆ ทิวทัศน์ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าราวกับว่าเราได้มาพักผ่อนอยู่ริมทะเลเลยล่ะ
นอกจากโซนด้านหน้าของที่พักจะเป็นวิวปากแม่น้ำเวฬุที่อยู่ห่างจากทะเลแค่เอื้อม ด้านหลังรีสอร์ทยังติดลำคลองขนาดใหญ่ที่ไหลเชื่อมออกสู่ทะเลทั้งสองฝั่ง และเป็นที่ตั้งของห้องพักแบบเรือนแถวจำนวน 5 ห้อง ซึ่งออกแบบให้คล้ายเรือนแพริมน้ำหันหน้าไปทางป่าโกงกางและบ้านเรือนของชาวบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ด้วยความที่ที่พักตั้งอยู่ในชุมชนชาวประมง ในบางช่วงอาจมีเสียงเรือของชาวประมงที่ออกไปวางอวนในตอนกลางคืนบ้าง ทางปลายจันท์จึงได้เตรียม ear plugs สำหรับแขกที่มาพักไว้ให้ด้วย เผื่อใครเป็นคนที่หูไวหรือนอนหลับยาก แต่ตอนที่เราไปพักนั้นบอกเลยว่าหลับสบายมาก ได้ยินเสียงเรือของชาวบ้าน 2-3 ครั้ง ซึ่งก็ไม่ได้รบกวนการพักผ่อนแต่อย่างใด
ห้องพักแบบเรือนแถวขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับพักได้ 2 คนกำลังพอดี แต่ก็สามารถเสริมที่นอนได้เช่นกัน ราคาคืนละ 2,200 บาท (รวมอาหารเช้า) ภายในห้องพักมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกจัดเต็มเช่นเดียวกัน ทั้งแอร์, ทีวี, ตู้เย็น ฯลฯ และห้องน้ำในตัวทุกห้อง แต่จุดเด่นที่แตกต่างจากห้องอื่นๆ คือ มีให้เลือกทั้งห้องพักแบบเตียงคู่และเตียงเดี่ยว จะมาพักเป็นคู่กับแฟนหรือมาพักชิลๆ กับเพื่อนสนิทก็ตอบโจทย์ทั้งสองแบบ
ปิดท้ายด้วยห้องพักสำหรับคนที่ซื้อมาเป็นแพ็คเกจท่องเที่ยวราคา 2,000 บาท/คน (สำหรับผู้ใหญ่ 5 ท่านขึ้นไป) กับห้องพักแบบโรงเตี๊ยมที่อยู่บนชั้นสองของอาคาร มีทั้งหมด 2 ห้อง สามารถพักได้ห้องละ 5-10 คน โดยแพ็กเกจนี้จะรวมที่พัก 1 คืน อาหาร 3 มื้อ คือมื้อเที่ยง มื้อเย็น และมื้อเช้า พร้อมกิจกรรมล่องแพเปียกชมธรรมชาติป่าชายเลน ชมเหยี่ยวแดง เที่ยวทะเลแหวกไว้ครบทุกอย่างแล้ว ที่สำคัญคือ ทางที่พักจะจัดให้นอนเฉพาะกลุ่มของพวกเราเท่านั้น ไม่ได้นอนรวมกับกลุ่มอื่น หรือหากใครซื้อมาเป็นแพ็คเกจ แต่อยากพักห้องพักแบบรีสอร์ทอื่นๆ นอนแค่ 2 ท่าน อย่างบ้านเดี่ยวหรือเรือนแถว ก็สามารถเพิ่มเงินเข้าพักได้เช่นกัน
หลังจากชมห้องพักจนทั่วแล้ว เราลงมาทำกิจกรรมให้อาหารปลาในกระชังกันต่อ ซึ่งพนักงานของรีสอร์ทจะเข็นรถนำอาหารมาให้ปลาที่เลี้ยงไว้วันละหนึ่งครั้ง เราสามารถถ่ายรูปปลาในกระชังที่เลี้ยงไว้หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งปลาเก๋า, ปลากะพง, ปลาหูช้าง, ไปจนถึงปลาช่อนทะเลตัวใหญ่ หรือจะลองให้อาหารปลาเองก็ได้
พอถึงเวลาประมาณบ่าย 3 โมง เราก็เตรียมตัวออกไปทำกิจกรรมล่องแพเปียก ซึ่งทางที่พักจะลากแพพาพวกเราออกไปเที่ยวชมทะเลแหวกและเล่นน้ำกัน โดยแพของทางปลายจันท์จะเป็นแพขนาดใหญ่ สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้หลายสิบคน พร้อมเสื้อชูชีพให้แขกที่มาพักทุกคนได้สวมก่อนลงแพเพื่อความปลอดภัย ส่วนใครไม่ได้ซื้อแพ็คเกจมาก็สามารถจ่ายเพิ่มในราคาผู้ใหญ่คนละ 150 บาท, เด็ก 100 บาท เพื่อทำกิจกรรมล่องแพเปียกได้เช่นกัน
บนแพจะมีแคร่ไม้ไผ่ให้นั่งและยังมีหลังคาเต็นท์คลุมให้เป็นระยะ ช่วงแรกๆ เราก็กลัวว่าจะร้อนหรือเปล่า แต่พอแพล่องออกไปสักพัก ก็ได้ลมเย็นๆ สดชื่นจากแม่น้ำมาช่วยคลายความร้อนของแสงแดดลงไป แถมยังได้นั่งเอาขาจุ่มน้ำชิลๆ ดูวิวสองข้างทางไปเพลินๆ
ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงจุดชมวิวทะเลแหวกบางชัน อีกหนึ่งที่เที่ยวอันซีนแห่งเมืองจันทบุรี จุดเด่นของทะเลแหวกแห่งนี้คือ พื้นทรายจะเป็นสีดำซึ่งเกิดจากการทับถมกันของเปลือกหอยและดินจากป่าชายเลน จนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของที่นี่ ซึ่งหากใครอยากมาสัมผัสบรรยากาศและเดินเล่นถ่ายรูปทะเลแหวก แนะนำให้มาช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายน โดยเฉพาะเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงที่สามารถมองเห็นทะเลแหวกเป็นสันชัดเจนที่สุด
ถึงแม้ว่าช่วงปลายปีแบบนี้จะไม่มีทะเลแหวก แต่ก็มีฝูงเหยี่ยวแดงนับร้อยๆ ตัวออกมาอวดโฉมทักทายนักท่องเที่ยวให้ถ่ายรูปและให้อาหารแทน ภาพฝูงเหยี่ยวแดงขนาดใหญ่ที่บินโฉบเหนือผิวน้ำ เป็นภาพที่น่าตื่นตาชวนประทับใจสุดๆ เพราะแสดงว่าธรรมชาติแถบนี้ยังคงอุดมสมบูรณ์อยู่มากเลยทีเดียว
นอกจากเล่นน้ำและชมเหยี่ยวแดงแล้ว อีกหนึ่งกิจกรรมห้ามพลาดคือการพายเรือคายัคชมวิวแบบชิลๆ ซึ่งทางปลายจันท์ก็เตรียมเรือคายัคมาให้พวกเราได้พายเล่นกันเต็มที่ น้ำทะเลบริเวณนี้ไม่ลึกมาก มือใหม่ก็พายได้สนุกไม่ต้องกังวล หากใครติดใจอยากพายต่อก็สามารถกลับไปพายหน้าที่พักได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซื้อแพ็คเกจทีเดียวครบ สนุกครบรสเลยทีเดียว
ใช้เวลาล่องแพเปียก ชมเหยี่ยวแดง เที่ยวทะเลแหวกกันจนถึงประมาณ 5 โมงเย็น เรือก็จะลากแพพาพวกเรากลับมายังที่พัก หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้ว เราก็มาทานอาหารเย็นกันที่บริเวณลานเฉลียงส่วนกลางของรีสอร์ทกัน โดยมีโต๊ะที่นั่งแบบเอาท์ดอร์ให้เรารับประทานอาหารใต้แสงดาวพร้อมกับชมวิวแม่น้ำในยามพลบค่ำ ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก
สำหรับอาหารมื้อเย็นในแพ็คเกจของที่ปลายจันท์จะจัดมาเป็นเซ็ต ไม่ใช่บุฟเฟต์ แต่รับประกันว่าอิ่มแน่นอน มีทั้งอาหารไทยพื้นบ้านอย่างน้ำพริกกุ้งสด เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียงอย่างชะอมชุบไข่ทอด พร้อมผักสดและผักลวกจานใหญ่ ส่วนใครชอบเมนูเรียกน้ำย่อยที่เป็นได้ทั้งกับข้าวและกับแกล้ม แนะนำ “ยำสามกรอบ” ที่มีกระเพาะปลาทอด, เม็ดมะม่วงหิมพานต์ คลุกเคล้ามาในน้ำยำรสจัดจ้าน ท้อปปิ้งด้วยเส้นปลาทาโร่ทอดกรอบ เคี้ยวกรุบๆ เพลินจนหมดจาน อย่าพลาด “ต้มยำทะเล” ที่ยกความสดจากทะเลทั้งกุ้ง, ปลาและปลาหมึกเสิร์ฟมาในหม้อไฟร้อนๆ ซดคล่องคอ ต่อด้วยปลากะพงทอดน้ำปลา ปลากะพงตัวใหญ่ทอดจนเหลืองกรอบน่ากินที่มาพร้อมกับน้ำยำรสแซ่บ จะทานเปล่าๆ หรือราดน้ำยำก็อร่อยทั้งสองแบบ
แต่ไฮไลท์ต้องยกให้เซ็ตอาหารทะเลชุดใหญ่ทั้งกุ้งลายเสือตัวโตที่ย่างจนสุกหอมน่ากิน, ปูทะเลนึ่งที่เลือกใช้ปูไซส์ใหญ่ เนื้อแน่น ก้ามสดหวาน จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บจัดจ้าน ซึ่งอาหารที่นี่เขาจะเสริฟ์ให้ร้อนๆเลยนะคะ ทำจานต่อจาน เรามาถึงก็นั่งชมวิวไปพลางๆ รอไม่นานอาหารก็ค่อยๆทยอยออกมาให้ลิ้มลองกันค่ะ ทานอิ่มแล้วต้องตบท้ายด้วยของหวานซิกเนเจอร์อย่าง “เผือกปลายจันท์” สูตรต้นตำรับของอากง เผือกเนื้อแน่นทอดมาร้อนๆ คลุกกับน้ำตาลเคี่ยวจนเกาะเป็นเกล็ดสีขาว รสชาติหวานหอมกลมกล่อม ล้างปากด้วยผลไม้สดอย่างแตงโมปิดท้าย บอกเลยว่าอิ่มจนพุงกางจริงๆ
บรรยากาศมื้อค่ำที่รีสอร์ทวันนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะคลอไปกับสายลมยามค่ำที่พัดมาเบาๆ อากาศเย็นสบายจนอยากนั่งชิลนานๆ และหากมาพักเป็นแก๊งค์ใหญ่ 40 คนขึ้นไป ทางที่พักก็สามารถจัดคาราโอเกะให้ร้องเพลงสนุกๆ กันได้ ส่วนใครอยากเดินเล่นชมจันทร์ย่อยอาหารรอบๆ บริเวณที่พักก็จัดไปตามสะดวก ถึงแม้ว่าตอนค่ำจะมองไม่ค่อยเห็นวิวแม่น้ำชัดๆ เท่าตอนกลางวัน แต่ก็มีแสงไฟที่เปิดประดับทั่วบริเวณรีสอร์ทไว้ให้เราดื่มด่ำกับบรรยากาศตอนกลางคืนแทน โดยเฉพาะบริเวณทางเดินสะพานไม้ใกล้ๆ กระชังปลา เป็นอีกหนึ่งมุมถ่ายรูปที่เราขอ recommend ว่าโรแมนติกสุดๆ
คืนนั้นเราเข้านอนกันค่อนข้างเร็ว เพราะมีนัดตื่นขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ซึ่งเราสามารถถ่ายรูปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นได้จากระเบียงหน้าห้องพักเลย วิวสวยสุดๆ โดยเฉพาะเวลาที่พระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากหลังแนวเขา แสงอาทิตย์อ่อนๆ ที่ส่องกระทบกับผิวน้ำในตอนเช้าสุดโรแมนติกแบบนี้ ยกให้ที่นี่เป็นที่พักวิวสวยติดอันดับต้นๆ ไปเลยค่ะ
จากนั้นเราก็ร่วมกิจกรรมทำบุญใส่บาตรตอนเช้า โดยทางที่พักจะเตรียมชุดสังฆทานและชุดสำหรับใส่บาตรให้แขกที่มาพักได้ร่วมทำบุญตักบาตรกัน ราคาชุดละ 100 บาท ภายในชุดจะเป็นอาหารแห้งและสิ่งของที่จำเป็นซึ่งทางที่พักได้จัดเตรียมเอง ไม่ได้ซื้อแบบสำเร็จรูปมาใช้ ซึ่งจะตรงกับความต้องการของพระภิกษุจริงๆ มากกว่า โดยพระที่นิมนต์มารับบิณฑบาตรก็คือพระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ที่วัดเทพขาหย่าง ซึ่งเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ประจำหมู่บ้านนั่นเอง
อิ่มบุญแล้วใครอยากไหว้เทพเจ้าขอพรต่อก็สามารถเดินข้ามสะพานไปเที่ยวชมศาลเจ้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องกับรีสอร์ทได้อีกด้วย ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อว่า “ศาลเจ้าบ้านท่าขาหยาง” หรือที่ชาวบ้านที่นี่เรียกกันว่าศาลเจ้าพ่อปากคลอง เป็นศาลเจ้าเก่าแก่อายุนับกว่าร้อยปีที่เหล่าพ่อค้าเชื้อสายจีนในชุมชนได้เรี่ยไรเงินกันก่อสร้างขึ้นมา จนกลายเป็นศูนย์รวมศรัทธาประจำหมู่บ้านถึงปัจจุบัน โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีนอย่างเก๋งจีนที่มีเสาประดับเป็นลวดลายมังกร ภายในประดิษฐานรูปปั้นเทพปึงเถ้ากง เทพเจ้าที่ชาวจีนโพ้นทะเลและชาวเรือเคารพนับถือ โดยเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าที่คอยดูแลคนในชุมชนให้ร่มเย็น และทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง ทำให้บ้านท่าขาหย่างแห่งนี้กลายเป็นชุมชนริมน้ำที่รวมความหลากหลายทางวัฒนธรรมได้อย่างมีเสน่ห์
หลังจากเดินเที่ยวชมวิถีชีวิตรอบๆ หมู่บ้านจนเต็มอิ่ม เราก็กลับมาเติมพลังอาหารเช้ากันที่รีสอร์ท ซึ่งทางปลายจันท์ก็จัดเต็มมื้อเช้าให้ไม่อั้น มีทั้งข้าวต้มทะเลทรงเครื่องแน่นๆ ทั้งกุ้ง,ปลา และปลาหมึก ใครกลัวไม่อยู่ท้องก็ข้าวผัดร้อนๆ เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องดื่มอย่างกาแฟ, โอวัลติน, น้ำส้มคั้น, ขนมปังปิ้ง ตบท้ายด้วยผลไม้สดอย่างแตงโมฉ่ำๆ อีกจานใหญ่
ใครกำลังมองหาที่พักจันทบุรี บรรยากาศดีวิวสวยหลักล้าน ที่มีให้เลือกทั้งห้องพักพร้อมอาหารเช้า หรือแพ็คเกจท่องเที่ยวที่รวมที่พัก อาหาร 3 มื้อและกิจกรรมสนุกๆ แบบจัดเต็ม มาเช็คอินที่ปลายจันท์ บางชัน รับรองว่าไม่ผิดหวังจนอยากจะกลับมาพักที่นี่อีกครั้งเหมือนเราแน่นอน
ปลายจันท์ บางชัน จันทบุรี
ที่ตั้ง: 21/4 หมู่ 4 หมู่บ้านท่าขาหยาง อ.ขลุง จ.จันทบุรี
ราคา: ห้องพักเริ่มต้น 2,200-3,800 บาท เสริมคนละ 500 บาท (รวมอาหารเช้า)
แพ็คเกจสำหรับ 5 คนขึ้นไป คนละ 2,000 บาท (**เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ราคา 1,000 บาท)
โทร.0817511076, 0633791222
Facebook: ปลายจันท์ (Plaichan)
ID Line: @plaichan
พิกัด Google Maps: https://g.page/Plaichan?share
Tags: จันทบุรี ที่พักจันทบุรี รีสอร์ทจันทบุรี โฮมสเตย์จันทบุรี ที่พักจันทบุรีติดริมน้ำ ที่พักวิวสวย ปลายจันท์ บางชัน ที่พักพร้อมแพ็คเก็จ กินปู ดูเหยี่ยว ล่องแพเปียก เที่ยวทะเลแหวก ร้านอาหารจันทบุรี
รีวิวที่พัก | 11 ต.ค. 2024 | 693 อ่าน
รีวิวที่พัก | 11 ต.ค. 2024 | 589 อ่าน
รีวิวที่พัก | 11 ต.ค. 2024 | 659 อ่าน
รีวิวที่พัก | 09 ต.ค. 2024 | 881 อ่าน
รีวิวที่พัก | 07 ต.ค. 2024 | 460 อ่าน
รีวิวที่พัก | 07 ต.ค. 2024 | 135 อ่าน
รีวิวที่พัก | 07 ต.ค. 2024 | 545 อ่าน
รีวิวที่พัก | 07 ต.ค. 2024 | 310 อ่าน
รีวิวที่พัก | 07 ต.ค. 2024 | 434 อ่าน
รีวิวที่พัก | 07 ต.ค. 2024 | 582 อ่าน