calendar_month 02 ต.ค. 2020 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 62,227 / รีวิวที่พัก
เข้าสู่ปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะพอดีในการควงแขนคุณแฟนขับรถไปเที่ยวเขาใหญ่ เพื่อให้ร่างกายได้สัมผัสอากาศดีๆ โอบกอดสายหมอกในยามเช้า และนอนชมแสงดาวในยามค่ำคืน ซึ่งที่พักที่เราเลือกไปพักในทริปนี้คือที่พักสุดน่ารักราคาหลักพันแต่วิวหลักล้านที่ชื่อว่า บ้านชีสเค้ก รีสอร์ท เขาใหญ่ แค่ฟังชื่อก็น่ารักจนอยากจะว้าปไปแล้วใช่ไหมล่ะคะ ถ้าอยากรู้ว่าจะน่ารัก น่าพักแค่ไหน เตรียมสะกิดคนรู้ใจแล้วไปโบกมือลาหน้าฝน ต้อนรับลมหนาวกับเราได้เลย
จากกรุงเทพฯ เราปักหมุด GPS ในมือถือไว้ที่บ้านชีสเค้กเขาใหญ่ รีสอร์ท >> https://goo.gl/maps/va76aMCvfaEkpvif7 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะ วันนี้พยากรณ์อากาศในมือถือบอกว่าจะมีฝนตกเล็กน้อย ซึ่งพอเราเลี้ยวเข้าถนนธนะรัตน์ปุ๊บสายฝนก็โปรยปรายมาทักทาย ฝนทิ้งฤดูในช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ก็ช่วยแต่งแต้มให้เขาใหญ่มีบรรยากาศที่สดชื่น ต้นไม้ใบหญ้าต่างๆ ที่ได้รับน้ำฝนต่างมีชีวิตชีวาขึ้น การได้ขับรถออกจากเมืองหลวงอันวุ่นวายแล้วมาสบตากับภูเขาสีเขียวๆ แบบนี้ก็ทำให้เราสองคนหายเหนื่อยจากการเดินทางเป็นปลิดทิ้ง
GPS ของเราส่งสัญญาณว่าไม่กี่นาทีเราจะเดินทางเข้าสู่บ้านชีสเค้ก รีสอร์ท เขาใหญ่แล้ว ไม่นานรถของเราก็เลี้ยวเข้ามาจอดบริเวณที่พัก ที่จอดรถภายในที่พักกว้างขวาง เบื้องหน้าเราคือที่พักหลังสีขาวดีไซน์ทรงกล่องที่ตั้งเรียงรายอยู่ท่ามกลางขุนเขา ทุ่งหญ้า และไร่เกษตรกรรม เราสองคนเดินเข้าไปในที่พักพร้อมกับเสียงทักทายของคุณลุงคุณป้าผู้ดูแลรีสอร์ทที่ทักทายเราเหมือนลูก เหมือนหลาน คุณลุงคุณป้าบอกกับเราว่า หนูขับรถมาเหนื่อยๆ นั่งพักกินน้ำกันก่อน พร้อมกับยื่นน้ำผลไม้ที่เป็นเวลคัมดริงค์ให้กับเรา และพาเราไปชมห้องพักแบบต่างๆ ซึ่งห้องพักของที่นี่มีให้เลือกทั้งแบบพัก 2 คนไปจนถึงพักเป็นกรุ๊ป 8 คนกันเลยทีเดียวค่ะ
มาชมบ้านพักสำหรับ 2 คนที่เราจองมากันค่ะชื่อว่า Deluxe Mountain Roof View เป็นบ้านพักหลังสีขาวที่ตั้งเรียงรายมีทั้งหมด 10 หลังชมวิวภูเขาได้อย่างเด่นชัดโดยไม่มีหลังไหนบังวิวกันเลย มาพร้อมดาดฟ้าที่สามารถขึ้นไปชมวิวพร้อมทานหมูกระทะด้านบนได้ด้วย วิวของที่นี่เราให้เต็ม 100 แบบไม่หักกันเลย เพราะเป็นวิวแบบพาโนราม่าที่เราสามารถนอนชมวิวภูเขาได้อย่างเต็มอิ่ม
ภายในห้องแต่ละห้องจะตกแต่งคล้ายกันด้วยสไตล์โคซี่เน้นใช้สีเรียบง่าย เข้ามาในห้องแล้วรู้สึกผ่อนคลายมีเตียงขนาดใหญ่ตรงกลางพร้อมกับที่นอนที่นอนสบายจนไม่อยากลุกกันเลยทีเดียว ภายในห้องจะมาพร้อมกับทีวีแอลซีดี เคเบิลทีวี ตู้เย็นมินิบาร์พร้อมน้ำดื่ม ผ้าขนหนู ไดร์เป่าผม กาต้มน้ำไฟฟ้า ชา กาแฟ แก้วน้ำ ผ้าขนหนู 2 ผืน อ๊ะความเก๋ของห้องที่นี่ที่สาวๆ อย่างเราต้องกดไลค์คือไฟบริเวณกระจกสำหรับแต่งหน้าได้อย่างดีทีเดียวค่ะ
ส่วนในห้องน้ำจะเป็นแบบฝักบัวพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น แยกส่วนเปียกและส่วนแห้งด้วยฉากกั้นในห้องน้ำ มีเครื่องสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระ ส่วนของใช้ในห้องน้ำก็ครบครันค่ะ ทั้ง สบู่ แชมพู หมวกคลุมผมพลาสติก แปรงสีฟัน ยาสีฟัน และแก้วน้ำ
แม้การตกแต่งของห้อง Deluxe Mountain Roof View จะคล้ายกันแต่การออกแบบแต่ละห้องก็มีความไม่เหมือนกันนะคะ เราขออนุญาตคุณลุงคุณป้าชมห้องอื่นๆ ก็พบความเก๋ของแต่ละห้องที่ดีไซน์แตกต่างกันไป เช่น บางห้องจะมีสเต็ปของพื้นห้อง บางห้องเปิดประตูไปจะพบฉากกั้นเล็กๆ ก่อนที่จะเข้าสู่บริเวณพื้นที่เตียงนอน
สำหรับราคาของห้อง Deluxe Mountain Roof View วันอาทิตย์-พฤหัสจะอยู่ที่ 1,700 บาท/คืน ส่วนวันศุกร์-เสาร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 1,900 บาท/คืน ราคารวมอาหารเช้าแล้วค่ะ ส่วนใครที่ต้องการเสริมเตียงสามารถเสริมได้ไม่เกิน 1 คนค่ะ ราคาเตียงเสริมพร้อมอาหารเช้า ผู้ใหญ่ 500 บาท/คน และสำหรับเด็กอายุ 6-15 ปี คิดราคา 300 บาท/คน
ด้านนอกของบ้านพัก Deluxe Mountain Roof View จะมีบันไดนำสู่ชั้นดาดฟ้า โดยแต่ละหลังก็จะมีตำแหน่งการวางบันไดที่แตกต่างกันออกไป บางห้องอยู่บริเวณด้านข้าง บางหลังก็จะอยู่บริเวณด้านหน้า
ด้านบนมีโต๊ะ เก้าอี้ไม้สำหรับนั่งชิล หรือจะสั่งหมูกระทะมาปิ้งบนชั้นดาดฟ้าก็ได้ค่ะ เพราะทางที่พักมีบริการสั่งหมูกระทะจากข้างนอกมาให้ ราคา 350 บาท/ชุด ไม่มีชาร์จเพิ่มเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการบริเวณรอบๆ ที่พัก และชุดนึงสามารถทานได้ 2-3 คนกันเลยทีเดียว
หลังจากเก็บของเข้าบ้านเสร็จเรียบร้อยเราเลยขอดูบ้านพักประเภทอื่นภายในรีสอร์ทเพิ่มเติมค่ะ เผื่อวันหลังชวนครอบครัวหรือนัดเดอะแก๊งค์มาปาร์ตี้ก็จะได้จองมาได้ โชคดีที่วันนี้ยังไม่มีลูกค้าเข้าเลยได้ชมบ้านประเภทต่างๆ อีก 2 หลัง นั่นก็คือบ้าน Suite Mountain Roof View และ Family Deluxe Villa
เริ่มด้วยบ้าน Suite Mountain Roof View ที่มีหลังเดียวเท่านั้น มาพร้อมชั้นดาดฟ้าเช่นเดียวกัน ตั้งอยู่บริเวณสระว่ายน้ำ มี 2 ห้องนอน และ 1 ห้องน้ำ พักได้ 4 คน และสามารถเสริมได้สูงสุด 2 คน ราคาหลังนี้วันอาทิตย์-พฤหัส 3,500 บาท ส่วนวันศุกร์-เสาร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 4,000 บาท
พอเปิดประตูห้องนี้มาเราก็จะเจอห้องนอนห้องแรกก่อนเลยค่ะ โดยห้องนี้มีทีวีแอลซีดี เคเบิลทีวี เครื่องปรับอากาศ และตู้เย็น
จากนั้นเดินทะลุห้องนี้ไปด้านในจะเจอโซนกลางที่มีห้องแต่งตัว พร้อมกับกระจก ไดร์เป่าผม กาต้มน้ำไฟฟ้า ชาและกาแฟ พร้อมกับห้องน้ำตรงกลาง
ส่วนห้องด้านในสุดเป็นห้องนอนห้องที่สองค่ะ ภายในห้องนี้จะมีทีวี และเคเบิลทีวีเช่นเดียวกัน แต่ละห้องมีประตูปิดแยกห้องกันชัดเจนนะคะ ใครที่มาเป็นครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ คุณลูก หรือกลุ่มเพื่อนเล็กๆ เราแนะนำหลังนี้เลยค่ะ
และแบบสุดท้าย Family Deluxe Villa บ้านหลังใหญ่สุดและมีเพียงหลังเดียวของที่นี่ มีทั้งหมด 2 ชั้นค่ะ ประกอบไปด้วย 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พักได้ 8 คน ราคาหลังนี้สำหรับวันอาทิตย์-พฤหัส 7,500 บาท ส่วนวันศุกร์-เสาร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 8,000 บาท เสริมได้สูงสุด 4 คนค่ะ
ชั้นล่างจะประกอบไปด้วย 2 ห้องนอน และ 1 ห้องน้ำส่วนกลางที่ใช้ร่วมกันค่ะ และมีพื้นที่ด้านนอกที่มีโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 6 ตัว ตู้เย็นขนาดใหญ่ สามารถใช้แช่ของสำหรับปาร์ตี้ได้เลย
เดินขึ้นบันไดชั้นบนมาจะพบกับห้องนอนซ้ายและขวา โดยห้องนอนแต่ละห้องจะมีห้องน้ำในตัวให้เลย
ขอบอกว่าห้องนอนด้านบนวิวดีมากๆ ค่ะ พร้อมกับมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่สามารถนอนชมวิวภูเขาได้จากเตียงนอน
เดินชมบ้านพักต่างๆ กันแล้วก็ถึงเวลาเปลี่ยนชุดลงว่ายน้ำในสระว่ายน้ำระบบเกลือของรีสอร์ท ที่มีทั้งสระเด็กและสระผู้ใหญ่พร้อมกับจากุซซี่รอบสระ สระเปิดให้บริการตั้งแต่ 7 โมงเช้า ไปจนถึง 2 ทุ่ม
หลังจากว่ายน้ำชมวิวภูเขาสุดฟินกันแล้ว เราก็สั่งหมูกระทะกับทางที่พักไป 1 ชุด ซึ่งระหว่างรอหมูกระทะมาส่งก็ตะลุยถ่ายรูปเล่นภายในรีสอร์ทที่มีมุมให้เราได้เลือกถ่ายมากมาย ทั้ง รถเอทีวี ชิงช้า ป้ายของบ้านชีสเค้กที่มีภูเขาเป็นแบ็คกราวด์อยู่ด้านหลัง และยังมีมุมเก๋ๆ อย่างระเบียงบนต้นไม้ให้ถ่ายรูปสวยๆ กันอีกด้วย
มีสนามเด็กเล่นสำหรับน้องๆ หนูๆ ด้านหลังคือวิวภูเขา รับรองว่าถ้าน้องๆ ได้มาเล่นที่นี่จะมีความสุขกันแน่นอน
ไม่นานหมูกระทะก็มาส่งที่รีสอร์ทกันแล้วค่ะ ซึ่งตอนที่หมูกระทะมาถึงฝนเริ่มโปรยปรายลงมา คุณลุงคุณป้าที่ดูแลที่พักเลยแนะนำให้เราติดเตาบริเวณโซนห้องอาหารด้านล่างแทน แอบเสียดายที่ไม่ได้ไปทานบนชั้นดาดฟ้าบ้านของเรา แต่คุณลุงคุณป้าก็แนะนำว่าถ้าฝนหายสามารถย้ายขึ้นไปทานด้านบนได้ เราเลยนั่งทานบริเวณด้านล่างกันก่อน
หมูกระทะของที่นี่ชุดละ 350 บาทมีทั้งหมู กุ้ง ปูอัด หมึกกล้วย ไข่ดิบ พร้อมผักสด วุ้นเส้นมากมายเลยค่ะ รับรองว่า 3 คนก็ยังอิ่ม เพราะเขาให้มาเยอะมากๆ ความเด็ดของหมูกระทะที่นี่คือน้ำจิ้มที่อร่อยมากๆ หวาน เผ็ด เค็มกำลังพอดี เติมกระเทียมสับและพริกที่เขาแพ็คมาลงไปสักหน่อย ฟินยาวกันเลยทีเดียว
ความน่ารักของที่นี่คือมีน้องแมว น้องหมาใจดีให้เล่นด้วยค่ะ อย่างน้องแมวที่อยู่ในรูปนี้คือน้องมารวย ตัวอ้วนปุ๊ก ขี้อ้อนมากๆ ทาสแมวอย่างเราละลายกันเลยทีเดียว
ในความโชคร้ายที่ฝนตกก็ยังมีโชคดีที่ไม่นานฝนก็หาย เราสองคนเลยขอคุณลุงคุณป้าขึ้นไปปิ้งหมูกันบนชั้นดาดฟ้า นั่งทานไป ชมวิวภูเขา และแสงดาวที่ทอประกายก็ยิ่งทำให้หมูกระทะที่อร่อยอยู่แล้วนั้นกลับเพิ่มความอร่อยขึ้นหลายเท่ากันทีเดียว แถมคนใกล้ๆ ยังเป็นส่วนที่ทำให้มื้อนี้อร่อยเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
นอกจากนี้ใครที่อยากมาปาร์ตี้ปิ้งย่างบาร์บีคิวก็สามารถซื้อมาปิ้งได้เลย ทางที่พักมีบริการเตาปิ้งย่าง พร้อมกับจาน ชาม ช้อน ถังน้ำแข็งให้ แต่ไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องเสียงและไมโครโฟนเนื่องจากใกล้แหล่งชุมชน และงดใช้เสียงหลัง 4 ทุ่มเป็นต้นไป
อิ่มกันแล้วก็เดินชมวิวยามค่ำคืน เสียดายว่าวันนี้เมฆฝนเยอะไปหน่อย เลยไม่เห็นดวงดาวบนท้องฟ้าเท่าไร คุณลุงคุณป้าบอกกันเราว่าถ้ามาช่วงอากาศดีๆ จะเห็นหมู่ดาวที่เปล่งประกายบนท้องฟ้านับพัน นับล้านดวง สวยงามมากๆ
ชาร์จแบตร่างกายกันมาอย่างเต็มที่เช้านี้เลยเตรียมพร้อมมาทานอาหารเช้า ซึ่งอาหารเช้าของที่นี่จะเป็นเซ็ตค่ะ ประกอบไปด้วยข้าวต้มหมูและข้าวผัดกุ้งที่ไม่ต้องเลือกว่าจะทานอะไร เพราะเขาเสิร์ฟมาให้เราเลยถึง 2 จาน คุณลุงคุณป้าบอกว่ากลัวลูกค้าไม่อิ่มเลยจัดมื้อเช้าแบบเต็มที่ ซึ่งขอยก 10 นิ้วคอนเฟิร์มเลยว่าอาหารเช้าของที่นี่ทั้งข้าวต้มและข้าวผัดอร่อยมากๆ ข้าวผัดมีกุ้งตัวโตๆ ให้ 2 ตัว แถมโปะไข่ดาวไข่แดงเยิ้มๆ มาให้เราอีก ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะเขายังจัดโซนมินิบุฟเฟ่ต์ที่มีทั้งขนมปังปิ้ง ครัวซ็องโยเกิร์ต นมสด คอนเฟล็ค ชา กาแฟ ไมโล โอวัลตินน้ำผลไม้วันที่เราไปเป็นน้ำสับปะรดกับน้ำฝรั่งอร่อยสุดๆ ค่ะ ตักทานได้ไม่อั้น คุณลุงคุณป้าบอกเราด้วยเสียงหัวเราะว่าไม่อิ่มไม่ให้กลับบ้านนะ 555
อิ่มจัง จนอยากจะเปิดห้องนอนต่อกันอีกคืนเลยทีเดียว
และแล้วก็ถึงเวลาบอกลาคุณลุงคุณป้าและบ้านชีสเค้กแห่งนี้ไปพร้อมสายฝนที่ค่อยๆ จางๆ ไป สิ่งที่ทำให้เราประทับใจบ้านชีสเค้ก เขาใหญ่ รีสอร์ทแห่งนี้ไม่ใช่เพียงวิวที่สวยระดับหลักล้านอย่างเดียว แต่การบริการสุดอบอุ่น การต้อนรับจากหัวใจที่ส่งมาให้ทั้งรอยยิ้ม อาหารเช้า ที่พักนุ่มๆ เตียงนอนหอมๆ ก็ทำให้เราสองคนตกลงกันว่าเมื่อสายลมหนาวพัดมาเราจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง
ที่ตั้ง : บ้านชีสเค้ก เขาใหญ่ รีสอร์ท ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
ราคา : 1,700 – 8,000 บาท
เบอร์ติดต่อ : 083 821 8338
Line ID : banncheesecake
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/wtyHE4o4Sx2r9Diw7
Tags: นครราชสีมา ที่พัก เขาใหญ่ บ้านชีสเค้ก เขาใหญ่ รีสอร์ท ที่พักเขาใหญ่ รีสอร์ทเขาใหญ่ เที่ยวเขาใหญ่ โรงแรมเขาใหญ่
รีวิวที่พัก | 19 พ.ย. 2024 | 490 อ่าน
รีวิวที่พัก | 18 พ.ย. 2024 | 105 อ่าน
รีวิวที่พัก | 11 พ.ย. 2024 | 922 อ่าน
รีวิวที่พัก | 08 พ.ย. 2024 | 340 อ่าน
รีวิวที่พัก | 05 พ.ย. 2024 | 714 อ่าน
รีวิวที่พัก | 11 ต.ค. 2024 | 1,228 อ่าน
รีวิวที่พัก | 11 ต.ค. 2024 | 1,030 อ่าน
รีวิวที่พัก | 11 ต.ค. 2024 | 1,921 อ่าน
รีวิวที่พัก | 09 ต.ค. 2024 | 2,080 อ่าน
รีวิวที่พัก | 07 ต.ค. 2024 | 829 อ่าน