โรงแรมดุสิตดีทู เขาใหญ่ (dusitD2 khao yai) ที่พักพร้อมกิจกรรมมากมายในอ้อมกอดธรรมชาติ

หน้าฝนแบบนี้เขาใหญ่คือสถานที่เที่ยวใกล้กรุงที่เราคิดขึ้นมาเป็นตัวเลือกแรกๆ เลยล่ะค่ะ ด้วยระยะทางที่ใกล้ขับรถไปไม่เกิน 3 ชั่วโมงคุณก็จะได้ทักทายกับภูเขาเขียวขจี และสายหมอกที่ปกคลุมในยามเช้า วันนี้ชิลไปไหนจะพาขับรถไปเที่ยวเขาใหญ่พร้อมกับพักที่พักสุดหรูท่ามกลางอ้อมกอดธรรมชาติกับ โรงแรมดุสิตดีทู เขาใหญ่ (dusitD2 khao yai) จะน่าพักแค่ไหนตามเราไปชมกันเลย

เราออกจากกรุงเทพฯ แต่เช้ามุ่งตรงสู่ โรงแรมดุสิตดีทู เขาใหญ่ (dusitD2 khao yai) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็เข้าสู่พื้นที่ของเขาใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้มากมาย ซึ่งทำเลที่ตั้งของโรงแรมอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ บรรยากาศสงบเป็นส่วนตัว ให้เราได้หายใจเข้าปอดได้อย่างเต็มที่ มาถึงก็ไปเช็คอินกันก่อนค่ะ แค่เดินเข้ามาก็ประทับใจกับการบริการของพนักงานที่ยิ้มแย้มและให้ความช่วยเหลือเราอย่างดีตลอดเวลา

การตกแต่งของที่นี่เป็นสไตล์โมเดิร์นทันสมัยเน้นใช้สีอบอุ่น ผสมผสานวัสดุตกแต่งจากไม้ เน้นใช้เพดานสูงทำให้รู้สึกโปร่งโล่งสบาย มีลมพัดเย็นตลอดเวลา ซึ่งบริเวณล็อบบี้เขาจะทำเป็นกึ่งโอเพ่นแอร์คือไม่ใช้เครื่องปรับอากาศ แต่มีมุมห้องรับรองที่ติดเครื่องปรับอากาศในขณะที่เรานั่งรอเช็คอินเช็คเอาท์ให้ด้วย ซึ่งระหว่างที่เรารอเช็คอินก็จะรู้สึกลมเย็นๆ ไม่ร้อนเลยล่ะคะ พนักงานต้อนรับเราด้วยเวลคัมดริงค์ก่อนจะพาไปแนะนำห้องพักที่อยากทิ้งตัวลงนอนตั้งแต่แรกเห็นกันเลย

ห้องพักของที่นี่มีจำนวน 79 ห้อง แบ่งเป็นห้อง Deluxe 50 ห้อง, ห้อง Deluxe Plus 25 ห้อง, ห้อง D Corner Suit 2 ห้อง และห้อง Duplex Suite 2 ห้อง ซึ่งห้องที่เราจองมาวันนี้เป็นห้อง Deluxe Plus ค่ะ เปิดประตูเข้ามาก็แทบจะกรี๊ดดด กับความโรแมนติกและเซ็กซี่ของห้องพักที่มีอ่างอาบน้ำตั้งอยู่กลางห้องเลยล่ะค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวจะโป๊นะคะ เพราะมีผ้าม่านกั้น ใครที่มากับเพื่อนแล้วเขินก็ปิดผ้าม่านแล้วแช่น้ำได้อย่างสบายใจ ส่วนใครมากับคุณแฟนก็ถึงช่วงเวลาแห่งความโรแมนติกที่จะชักชวนคุณแฟนมานอนแช่น้ำและถูหลังให้กันเบาๆ 

ห้องนี้มีพื้นที่กว้างขวางถึง 32 ตารางเมตร ภายในเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง ทีวี ตู้เซฟ ไดร์เป่าผม กาต้มน้ำร้อน สัญญาณอินเตอร์เน็ตไวไฟ แต่ที่ชอบที่สุดคือมีเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตัลให้ได้ชั่ง บนโต๊ะมีเวลคัมฟรุ๊ตผลไม้สดๆ หวานชื่นใจ อีกทั้งยังฟรีมินิบาร์ทั้งขนมและเครื่องดื่มในห้องกินได้หมดเลยค่ะ ไฮไลท์คือเตียงนอนที่นอนสบายเหมือนดูดวิญญาณทำให้เราไม่อยากตื่นเลยล่ะค่ะ

ห้องน้ำจะแยกห้องอาบน้ำแบบฝักบัวกับห้องสุขาด้วยกระจกแบบขุ่นพร้อมประตูกระจกที่สามารถสวิงไปปิดอีกด้านได้ มีเครื่องใช้ในห้องน้ำทั้งสบู่เหลว แชมพู ครีมนวดผม ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ให้บริการครบครันกันเลยค่ะ

ระเบียงที่ให้เราชมวิวภูเขาฟินๆ ยิ่งในค่ำคืนไหนที่ฝนตก ตื่นมายามเช้าจะมีสายหมอกจางๆ ปกคลุมขุนเขาสวยงามมากๆ

หลังจากเก็บของเข้าห้องพักกันแล้วก็ขออนุญาตพนักงานคนสวยไปชมที่พักรูปแบบอื่นกันบ้างค่ะ ซึ่งห้องพักที่เราพามาชมในครั้งนี้คือห้อง Duplex Suite ซึ่งมีให้บริการเพียง 2 ห้องเท่านั้นในโรงแรม เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับห้องพักที่แบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นส่วนห้องนั่งเล่นพร้อมกับมีโต๊ะทานอาหาร มีบันไดไม้ระแนงเชื่อมต่อไปยังชั้นบนในส่วนของห้องนอน

ห้องนอนยังคงคอนเซ็ปต์เซ็กซี่ซีทรูเหมือนเดิม มีอ่างอาบน้ำตั้งอยู่กลางห้อง ห้องนี้ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน แยกพื้นที่ส่วนห้องนั่งเล่นและห้องนอนออกจากกัน

ไฮไลท์ของที่นี่ต้องนี่เลยค่ะสระว่ายน้ำที่หันหน้าเข้าหาภูเขา ซึ่งภายในสระถ้าเราดำน้ำลงไปจะได้ยินเสียงดนตรีเพราะๆ ด้วยนะคะ และภายในสระยังมีหินอัคนีที่รักษาให้อุณหภูมิของน้ำอบอุ่นแต่ไม่ร้อน พร้อมกันนั้นภายในสระว่ายน้ำยังทำเป็น Sunken Seat สำหรับนั่งทานอาหารจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ชมวิวฟินๆ ของภูเขา ซึ่งในช่วงหน้าหนาวจะมีเตาผิงให้ความอบอุ่นอีกด้วยค่ะ บริเวณด้านข้างสระว่ายน้ำมีโซนหน้าผาจำลองที่มีบริการปีนผา ราคา 300 บาท/ชั่วโมง ให้บริการสำหรับสายแอดเวนเจอร์ที่อยากท้าทายหัวใจ

มีบริการเรือคายัค ราคา 300 บาท/ชั่วโมง เส้นทางที่พายจะเป็นทะเลสาบพายในที่พักที่เชื่อมต่อกับโซนเรสิเดนซ์บรรยากาศดีเหมาะกับการมาพายเรือเล่นยามเย็นมากๆ 

มาดูโซนเวรี่คิวท์ของที่นี่กันค่ะ กับบ้านน้องอัลปาก้าที่มีน้องอัลปาก้าสุดน่ารักสองตัวชื่อน้องชาน่าตัวสีขาว เป็นเพศเมีย ตัวนี้ถ้าเราก้มตัวลงไปเอาแก้มไปใกล้ๆ เขาเขาจะจุ๊บแก้มเรากลับมาด้วยค่ะน่ารักมากๆ ส่วนตัวสีน้ำตาลชื่อเจ้าบราวนี่เป็นเพศผู้ตัวนี้จะชอบกอด นอกจากนี้ยังมีน้องกระต่าย น้องไก่ซิลกี้ ที่เราสามารถเก็บผักที่มีอยู่ในฟาร์มเล็กๆ ของโรงแรมไปให้อาหารน้องๆ ได้ด้วยนะ 

มีบริการห้องฟิตเนส ห้องสตรีมซาวน่า ห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยงสัมนา พร้อมบริการพาเที่ยว Night Safari ราคา 3,500 บาท/คัน (รับได้ 10 คน) Cooking Class ราคา 2,500 บาท/ท่าน ที่สามารถเลือกเมนูที่จะทำได้ 3 เมนู นอกจากนี้ยังต้อนรับสัตว์เลี้ยงสำหรับแขกที่เลือกมาพักในห้องดีลักซ์ชั้นล่างเท่านั้น ให้บริการเพียง 8 ห้อง

ในส่วนของห้องอาหารที่นี่มีห้องอาหารหลักชื่อว่ามูสิ กริล ให้บริการอาหารเช้าตั้งแต่เวลา 6.30-11.00 น. หลังจากนั้นเปิดบริการ All Day Dining จนถึงเวลา 23.00 น.

วันนี้เราได้มาลองชิมเมนูสุดอร่อยของที่นี่ซึ่งเป็นพิซซ่าแป้งบางกรอบวัตถุดิบส่วนใหญ่นำเข้าจากอิตาลีใส่ชีสเยอะเน้นๆ โดยเราสั่งมาสี่หน้าค่ะ ได้แก่ ฮาวายเอี้ยน, ซาลามี,คาปริซิโอซา และมาร์เกริต้า บอกเลยว่าอร่อยทุกหน้าชีสเยอะสะใจมาก และด้วยความที่แป้งบางกรอบเราจึงสามารถกินได้เยอะตามพุงต้องการงานนี้เลยจัดกันไปคนละถาดกันเลย

ส่วนใครที่อยากสัมผัสช่วงเวลาดินเนอร์สุดโรแมนติกสามารถจองโคคูนลักษณะเหมือนรังนกที่ซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้ใหญ่ และมีวิวภูเขาแบบพาโนราม่าให้ได้นั่งทานอาหารในบรรยากาศสุดโรแมนติก โดยคุณสามารถสั่งจองเซ็ตดินเนอร์ในราคา 1,250 บาท/ท่าน ซึ่งเป็นเมนูที่ทางเชฟเรคคอมเม็นด์มาให้ บอกเลยว่าใครที่อยากมาขอแฟนแต่งงานมุมนี้รับรองคุณแฟนเซย์เยสชัวร์

ส่วนอาหารเช้าบริการอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติที่มีเมนูให้เลือกทานหลากหลาย อร่อยมากๆ ค่ะ เป็นมื้อเช้าที่อิ่มและมีความสุขมากๆ 

เรียกว่า โรงแรมดุสิตดีทู เขาใหญ่ เป็นสถานที่พักผ่อนอย่างแท้จริง เพราะมีทั้งธรรมชาติที่สวยงาม สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน และกิจกรรมให้ทำอีกมากมาย ตกหลุมรักที่นี่เข้าแล้วสิเรา ถ้าได้มาเขาใหญ่อีกเราก็จะเลือกพักที่นี่อีกแน่นอนค่ะ

ที่ตั้ง :  โรงแรมดุสิตดีทู เขาใหญ่ (dusitD2 khao yai) เลขที่ 678 ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
ราคา :  5,000 -6,500 บาท
เบอร์ติดต่อ : 044-003000
GPS : https://goo.gl/maps/LAYazpEY7XbnBjqZ6

จองที่พัก  โรงแรมดุสิตดีทู เขาใหญ่ (dusitD2 khao yai)  ออนไลน์ที่นี่

แผนที่  โรงแรมดุสิตดีทู เขาใหญ่ (dusitD2 khao yai)

Tags: นครราชสีมา ที่พัก เขาใหญ่ ที่พักเขาใหญ่ จองที่พักเขาใหญ่ โรงแรมเขาใหญ่ รีสอร์ทเขาใหญ่ ต้อนรับสัตว์เลี้ยง โรงแรมดุสิตดีทู เขาใหญ่ DusitD2 Khao Yai

เขียนโดย

นางสาวฮานะ ชิลไปไหน

แชร์บทความนี้