calendar_month 17 ต.ค. 2018 / stylus Admin Chillpainai / visibility 51,506 / รีวิวที่พัก
หากคุณเบื่อความวุ่นวายในเมืองหลวง เราอยากจะชวนคุณออกไปค้นหาความสงบ ค้นพบความสุขแบบเรียบง่ายในบรรยากาศแบบสโลว์ไลฟ์กันที่ “อาสาฟาร์มสเตย์” ฟาร์มสเตย์ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาที่โอบล้อม แวดล้อมไปด้วยนาข้าว สวนยาง สวนลิ้นจี่ และไร่สับปะรดบนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ในหมู่บ้านแม่สลองใน อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ไม่ไกลจาก ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอนมากนัก
จะดีแค่ไหน...ถ้าเราได้ตื่นมาพร้อมกับอากาศสดชื่น เปิดประตูระเบียงห้องออกไปก็เห็นวิวทุ่งนาเขียวขจีอยู่ตรงหน้า ได้ไปพักผ่อนใช้ชีวิตช้าๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่บริสุทธิ์ สัมผัสประสบการณ์สนุกๆ แปลงร่างเป็นชาวนาเรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์ ตกเย็นได้ลงมือทำอาหารเย็นแบบพื้นเมือง แล้วพูดคุยล้อมวงกินข้าวร่วมกับโฮสต์ที่เป็นครอบครัวของชาวบ้าน ทั้งหมดที่ว่ามารวมอยู่ที่นี่...อาสาโฮมสเตย์ --- ฟาร์มสเตย์
“อาสา” มาจากภาษาลาหู่อย่าง “อะสะ” ที่แปลว่า “ชีวิต” เมื่อนำมาพ้องกับคำว่าอาสาในภาษาไทยที่หมายถึงความร่วมมือกัน จึงกลายมาเป็นชื่อของที่พักฟาร์มสเตย์แห่งนี้ ที่ตั้งใจเปิดเป็นที่พักสามารถอยู่ได้อย่างสะดวกสบาย ปลอดภัย และเป็นส่วนตัว โดยที่ยังคงไว้ซึ่งคอนเซ็ปต์ของโฮมสเตย์ คือ มีเจ้าบ้าน (โฮสต์) คอยดูแลและเรียนรู้วิถีชีวิตไปพร้อมๆ กัน
อาสาฟาร์มสเตย์ ในโครงการเริ่มต้น มีบ้านพักทั้งหมด 4 ห้อง สร้างขึ้นเป็นหมู่เรือนทั้งหมด 3 หลัง โดยมีบ้านพักของโฮสต์อยู่ตรงกลาง เป็นทั้งที่รับประทานอาหาร ทำกิจกรรมอย่างการทำขนมและอาหารใส่ปิ่นโตไปวัดในตอนเช้า ฯลฯ ส่วนด้านข้างซ้ายขวาคือบ้านพักสำหรับแขกที่มาพักในฟาร์มสเตย์ โดยมีศาลานั่งเล่นที่เปิดโล่งรับลมเย็นๆ จากชายทุ่งไว้เป็นที่นั่งเล่นพักผ่อนส่วนกลาง
สำหรับห้องพักที่นี่ตกแต่งในสไตล์เรือนไม้ทางภาคเหนือแบบประยุกต์ โดยใช้ไม้จากบ้านเก่าทั้งหมดนำมาสร้างใหม่โดยการออกแบบของสถาปนิกระดับมือรางวัล จนออกมาเป็นบ้านพักที่เรียบง่ายแต่ดูเก๋สะดุดตา ชั้นบนเป็นบ้านไม้ แบ่งออกเป็นห้องนอน ห้องน้ำในตัว พร้อมมุมนั่งเล่นพักผ่อน ภายในห้องอากาศเย็นสบายจนไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ ด้วยระเบียงกว้างที่มีทางเดินเชื่อมรอบห้อง แต่ละด้านสามารถเลื่อนบานประตูและเปิดหน้าต่างออกมาเพื่อรับลมให้ถ่ายเทได้ทุกด้าน อ้อ..ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนยุงกัด เพราะทางที่พักมีมุ้งให้ทุกห้อง โดยในตอนเย็นจะมีโฮสท์ที่คอยดูแลมากางมุ้งให้เราเรียบร้อยเลยค่ะ
ทุกห้องจะมีห้องน้ำ 2 ห้อง ที่แยกโซนห้องอาบน้ำและห้องสุขาออกจากกัน พื้นและผนังเป็นปูนเปลือยผสมสีน้ำตาลอิฐที่ให้ความรู้สึกกลมกลืนและใกล้ชิดกับธรรมชาติ หากใครอยากแปลงร่างเป็นชาวนา ในห้องพักก็มีชุดเสื้อม่อฮ่อมพร้อมพร็อบน่ารักๆ อย่างหมวกงอบและย่ามผ้าทอพื้นเมืองให้เราได้เข้าถึงวิถีชาวนากันแบบหัวจรดเท้ากันเลยทีเดียว จะใส่เดินเที่ยว ถ่ายรูปเล่น หรือทำกิจกรรมทั้งวันเลยก็ได้ค่ะ
ส่วนห้องพักชั้นล่างเหมาะสำหรับใครที่มาพักเป็นกลุ่มหรือครอบครัวใหญ่ มีให้เลือกทั้งห้องพักแบบ 3 เตียง และ 4 เตียง ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบเดียวกันกับห้องชั้นบน ทั้งแอร์ Pocket Wi-Fi เครื่องทำน้ำอุ่น ไดร์เป่าผม พร้อมห้องน้ำในตัวให้ทุกห้อง ตกแต่งได้สวยงามไม่แพ้รีสอร์ต 4 ดาว ยกเว้นแค่ไม่มีทีวีภายในห้องเท่านั้น ซึ่งเป็นความตั้งใจของทางฟาร์มสเตย์ที่อยากให้แขกที่มาพักได้อยู่กับธรรมชาติและใช้เวลาร่วมกันมากกว่าการดูทีวี
หลังจากเช็คอินเก็บของไว้ในห้องพักเรียบร้อยแล้ว เราไปทานมื้อเที่ยงกันที่ศาลากลางนา ที่สามารถมองเห็นวิวทุ่งนาเขียวขจีได้สุดสายตา นั่งเล่นสักพักทางเชฟก็นำอาหารมาเสิร์ฟถึงที่ด้วยการใส่กระจาดแบบคานหาม โดยต้อนรับเราด้วยเมนูอาหารเหนือขึ้นชื่ออย่าง “ขนมจีนน้ำเงี้ยว” น้ำเงี้ยวเข้มข้นสูตรเชียงรายแท้ๆ สามารถเลือกได้ว่าจะเอาเป็นขนมจีนหรือเส้นแบบข้าวซอย ตบท้ายด้วยผลไม้อีกจานใหญ่ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่อิ่ม เติมได้เรื่อยๆ เลยค่ะ
ตอนบ่าย เราออกไปเดินเที่ยวภายในฟาร์มเพื่อย่อยอาหารกัน แปลงนาที่นี่ปลูกข้าวไว้หลายสายพันธุ์ ทั้งข้าวหอมนิล ข้าวเหนียวพันธุ์สันป่าตอง ฯลฯ โดยปลูกแบบไม่ใช้สารเคมี นอกจากนี้ ยังมีแปลงนาที่รอการปักดำ สำหรับแขกที่มาพักได้สัมผัสประสบการณ์การดำนาอีกด้วย
บรรยากาศภายในไร่คึกคักไม่เงียบเหงา ด้วยเสียงของฝูงเป็ดและห่านที่เดินขบวนตรวจตรารอบแปลงนาทุกวัน นอกจากนี้ ยังมี “หอม หอม แฟมิลี่” ครอบครัวน้องควายประจำไร่ 4 ตัว นำทีมด้วยแม่สร้อยทอง, พี่ตัวเล็ก, หอมนวล และหอมนิล คอยเล็มหญ้ากินอยู่บนเขา พอเย็นๆ ก็ลงมานอนแช่น้ำสบายตัวให้เราถ่ายรูปใกล้ๆ ส่วนใครอยากเห็นขั้นตอนวิธีการกรีดยางพาราชัดๆ ก็เดินขึ้นไปเที่ยวบนภูเขา ให้คุณลุงอดุลย์ ที่คอยดูแลไร่ช่วยสาธิตให้ดูได้ และยังมีของแถมเป็นวิวสวยๆ ด้านบนที่มองเห็นทิวทัศน์ได้ไกลถึง 3 ดอย ทั้งดอยที่เป็นที่ตั้งของวัดถ้ำป่าอาชาทอง ดอยตุง และดอยนางนอนได้ไกลๆ จากบนยอดเขานี้อีกด้วย
พอแดดร่มลมตก เราไปทำสปากลางทุ่งกันต่อ จุดเด่นของสปาที่นี่คือ จะใช้สุ่มไก่นำมาประยุกต์แทนตู้อบไอน้ำหรือห้องซาวน่า โดยใช้สมุนไพรพื้นบ้านอย่างไพล ขมิ้นชัน ใบเปล้า ใบมะขาม ฯลฯ จากบ้านสมุนไพรนำมาใส่หม้อหุงข้าวที่ต้มน้ำไว้ จากนั้น เราจะเข้าไปอบสมุนไพรภายในสุ่มประมาณ 30 นาที ซึ่งก่อนจะทำสปาสุ่มไก่ ทางพี่ๆ จะเตรียมน้ำชาสมุนไพรไว้ให้เราจิบก่อนเพื่อปรับอุณหภูมิของร่างกาย จากนั้นจึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมชุดคลุม โดยเราจะใส่ทั้งชุดคลุม หรือค่อยถอดชุดออกภายในสุ่มก็ได้ ไอน้ำจะช่วยขยายรูขุมขนให้สมุนไพรเข้าไปบำรุงผิวของเราอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ยังมีบริการพอกหน้าด้วยสมุนไพร และบริการเสริมอย่างนวดแผนไทยในราคาชั่วโมงละ 600 บาท สำหรับใครที่อยากนวดผ่อนคลายพร้อมได้มองวิวทุ่งนาสีเขียวสบายตาไปด้วยแบบนี้
หลังจากพักผ่อนในฟาร์มสเตย์มาทั้งวัน ตอนเย็นเราไปจ่ายตลาดพร้อมโฮสต์เพื่อซื้อวัตถุดิบกลับมาทำอาหารที่โฮมสเตย์ และยังมีโอกาสได้ทดลองทำอาหารพื้นเมืองด้วยตัวเองอย่างเมนูน้ำพริกอ่อง แกงผักกาดจอ ลาบคั่ว และไก่ทอดขมิ้น อาหารง่ายๆ ปรุงเสร็จใหม่ร้อนๆ ที่ช่วยกันปรุงด้วยใจมื้อนี้ ออกมาน่าประทับใจไม่แพ้อาหารในร้านหรู แถมยังสนุกและภูมิใจว่าเป็นฝีมือของเราเองอีกด้วยค่ะ
เสร็จแล้วก็ล้อมวงกินข้าวพร้อมกันกับครอบครัวโฮสต์ อิ่มแล้วลงมือทำขนมพื้นบ้านอย่างขนมกล้วยใส่ปิ่นโตไปวัดสำหรับเช้าวันรุ่งขึ้น ถึงแม้ว่ากระทงที่เราเย็บบางอันจะบุบๆ เบี้ยวๆ ไปบ้าง แต่บรรยากาศกลับอบอุ่นเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ตอนเช้าเราตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์อย่างสดชื่น จัดการมื้อเช้าที่เป็นอาหารง่ายๆ แต่ได้พลังงานสูงอย่างเมนูข้าวต้มหมูสับ ไข่ป่ามหรือไข่ย่างหอมๆ ในกระทงใบตอง กล้วยปิ้งออร์แกนิค ขนมปังทาแยม พร้อมกาแฟดริปหอมๆ ที่โฮสต์ลงมือชงให้ชิมด้วยตัวเอง ตบท้ายด้วยของหวานอย่างขนมกล้วยที่เราลงมือทำเมื่อคืน เสร็จแล้วก็เตรียมหิ้วปิ่นโตไปทำบุญที่วัดกัน
สำหรับใครที่ซื้อแพ็คเกจที่พัก 2 วัน 1 คืน นอกจากจะได้มาพักผ่อนแบบสโลว์ไลฟ์ที่นี่ เรายังจะได้เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมที่ทางฟาร์มสเตย์จัดขึ้นสำหรับแขกที่มาพักโดยเฉพาะ และเรียนรู้วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวบ้านในพื้นที่ชุมชนแม่สลองใน ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมกับนักท่องเที่ยวที่มาพัก เช่น ผู้เฒ่าผู้แก่ที่มาช่วยทำขนม หรือชาวเขาที่มีความชำนาญในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับป่า ก็มาเป็นไกด์พานักท่องเที่ยวเดินป่า เข้ากับกระแสการท่องเที่ยวโดยชุมชน (Community – Based Tourism – CBT) ซึ่งกำลังมาแรงในช่วงหลายปีมานี้
ช่วงสายๆ เราเปลี่ยนไปสวมรองเท้าบูท พกขวดน้ำใส่ย่ามเพื่อไปเดินป่าใกล้ๆ กับที่พัก ซึ่งเป็นป่าชุมชนที่ชาวบ้านในพื้นที่ช่วยกันอนุรักษ์ไว้ เส้นทางเดินป่าระยะทางไม่ไกลมากนัก ใช้เวลาเดินแค่ประมาณ 15-30 นาที เดินได้สบายๆ ระหว่างทางมีพันธุ์ไม้แปลกตาให้ชมเป็นระยะ ทั้งลูกไม้ป่า,เห็ดป่า ฯลฯ สภาพป่าสมบูรณ์มากๆ เลยค่ะ
จากนั้นเราแวะพักทานข้าวกลางวันกันที่ชายป่า ทางที่พักเตรียมเสบียงไว้รอพวกเราพร้อมอยู่แล้ว มีที่นั่งทานอาหาร โดยใช้ใบตองรองโต๊ะและมุงเป็นหลังคา ใกล้ๆ กันไกด์ก่อไฟทำเตาย่างปลา เสียบไม้ปิ้งหมูแบบง่ายๆ แถมยังมีไข่เป็ดหลาม ผักกูดและข้าวหลาม ที่นำไปหลามใส่กระบอกไม้ไผ่ ได้ฟีลกินข้าวแบบผจญภัยกลางป่ามากๆ ไม่รู้ว่าด้วยรสชาติของอาหารหรือบรรยากาศรอบๆ ตัวกันแน่ ที่ทำให้อาหารเที่ยงมื้อนี้ดูอร่อยเป็นพิเศษกว่าที่เคย
หลังจากกินข้าวเสร็จ เราเดินย่อยอาหารกันต่อเพื่อไปยัง “บ้านป่าดู่” หมู่บ้านชาวเขาเผ่าอาข่าเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางขุนเขา ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ทำการเกษตรอย่างปลูกข้าวโพดและทำไร่สับปะรด วิถีชีวิตยังคงสงบเรียบง่าย ถึงแม้ว่าจะเริ่มมีความเจริญสมัยใหม่เข้าไปก็ตาม เราไปเดินเล่นในหมู่บ้าน ชมวิถีชุมชน ก่อนจะแวะชมการแสดงที่ชาวบ้านมารอต้อนรับในชุดพื้นเมืองอาข่าแบบดั้งเดิม ซึ่งนอกจากจะสนุกเพลิดเพลินไปกับเสียงเครื่องดนตรีพื้นบ้านอย่างแคนที่ทำมาจากน้ำเต้าแล้ว เรายังได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวอาข่าผ่านการแสดงแต่ละชุด เช่น การใช้ไม้ปลายแหลมแทงดินเพื่อหยอดเมล็ดพันธุ์ข้าว, การทอฝ้าย ปั่นด้าย และปักผ้า ฯลฯ เป็นต้น
จากนั้นเราก็ร่ำลาชาวบ้านผู้น่ารัก นั่งรถสองแถวกลับมายังที่พัก มาพักผ่อนนั่งเล่นในฟาร์มสเตย์ ซึมซับอากาศบริสุทธิ์และความสดชื่น เพื่อเก็บความทรงจำและบรรยากาศดีๆ แบบนี้ไว้ให้มากที่สุด
เวลา 2 วัน 1 คืนที่มาพักที่นี่..เหมือนกับว่าเราได้ชาร์จพลังกลับไปอย่างเต็มที่ ใครจะเชื่อว่าเพียงแค่ 45 นาทีจากสนามบินเชียงราย เราจะได้ค้นพบความสุขเรียบง่ายแบบสโลว์ไลฟ์ ได้ทั้งประสบการณ์ใหม่ๆ และมิตรภาพที่ได้รับจากโฮสต์และชาวบ้านมากมายขนาดนี้ ใครอยากมาพักผ่อนในบรรยากาศฟาร์มสเตย์แบบนี้ ลองหาวันว่างพาตัวเองมาเก็บเกี่ยวความสุขที่นี่...อาสาฟาร์มสเตย์ ที่พักที่เราสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจนเป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของนักเดินทาง
อาสาฟาร์มสเตย์
ราคา แพ็คเกจที่พัก 2 วัน 1 คืน พร้อมอาหาร 3 มื้อ และกิจกรรม เริ่มต้น คนละ 2,800 บาท
ที่ตั้ง ซอยวัดแม่สลองใน ซอย 1 หมู่บ้านแม่สลองใน ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
โทร. 097-2484674
Facebook : Ahsa Farmstay
Website: www.ahsafarmstay.com
IG: ahsafarmstay
Tags: เชียงราย ที่พักเชียงราย อาสาฟาร์มสเตย์ Ahsa Farmstay ที่พักแม่สลอง ที่พักฟาร์มสเตย์ ที่พักวิวทุ่งนา สปา
รีวิวที่พัก | 11 ต.ค. 2024 | 745 อ่าน
รีวิวที่พัก | 11 ต.ค. 2024 | 665 อ่าน
รีวิวที่พัก | 11 ต.ค. 2024 | 790 อ่าน
รีวิวที่พัก | 09 ต.ค. 2024 | 961 อ่าน
รีวิวที่พัก | 07 ต.ค. 2024 | 503 อ่าน
รีวิวที่พัก | 07 ต.ค. 2024 | 165 อ่าน
รีวิวที่พัก | 07 ต.ค. 2024 | 612 อ่าน
รีวิวที่พัก | 07 ต.ค. 2024 | 354 อ่าน
รีวิวที่พัก | 07 ต.ค. 2024 | 477 อ่าน
รีวิวที่พัก | 07 ต.ค. 2024 | 661 อ่าน