calendar_month 28 มิ.ย. 2018 / stylus Admin Chillpainai / visibility 109,379 / ทริปตัวอย่าง
หากพูดถึงเกาะสีชังและบางแสน หลายคนคงนึกถึงเมืองตากอากาศชายทะเลสุดคลาสสิคตั้งแต่ยุคพ่อแม่ยังหนุ่มสาว หลังจากร้างราเงียบเหงามาหลายปี…ตอนนี้ทะเลยอดฮิตทั้งสองแห่งนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แถมยังกลายเป็นแลนด์มาร์คสุดฮิป แบบโพสต์รูปลง Facebook หรือ IG ไปปุ๊บ! รับรองว่าต้องมีคนทักแน่นอนว่าสีชัง-บางแสน มีมุมเก๋ๆ แบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย?
ถึงแม้ว่าน้ำทะเลอาจไม่ใสกิ๊ง…หาดทรายไม่ขาวโบ๊ะเหมือนที่อื่นๆ แต่ทะเลสีชัง-บางแสนกลับมีเสน่ห์ดึงดูดให้หลายคนมาที่นี่ มีเวลาสั้นๆ แค่วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ไปเที่ยวได้ แถมใช้งบเบาๆ อีกต่างหาก เหมาะกับจะยกแก๊งค์ไปเที่ยว หรือเกี่ยวก้อยคนรู้ใจไปสวีท ทริปนี้จะสนุกสุดฟินขนาดไหน…กระโดดขึ้นรถตามพวกเราไปเที่ยวกันเล้ยย!!
เราออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ ล้อหมุนตั้งแต่ 6 โมงเช้ากันเลยทีเดียว ข้อดีของการออกแต่เช้าคือรถยังไม่เยอะมาก แวะรับเพื่อนสาวแถวๆ บางนา ซื้อเสบียงไปกินบนรถง่ายๆ ระหว่างทาง ต้องรีบทำเวลาเพราะพวกเราจะต้องไปขึ้นเรือข้ามไปเที่ยวเกาะสีชังให้ทันรอบ 8 โมงเช้ากันค่ะ ยิงยาวจากกรุงเทพฯ ถึงท่าเรือจรินทร์ ที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอศรีราชาทันเวลาพอดี จ่ายตังค์ซื้อตั๋วคนละ 50 บาท ก็ได้ขึ้นเรือโดยสารสีฟ้าไซส์ขนาดกลางข้ามไปเที่ยวเกาะสีชังกันแล้ว
ตอนขึ้นเรือจากฝั่งศรีราชาท้องฟ้ามีเมฆครึ้ม แต่พอออกเรือมาได้สักพักเดียวแดดก็ออก เป็นสัญญาณดีบ่งบอกว่าทริปนี้เราคงไม่เจอฝน (เย้!) เลยคว้าครีมกันแดด Banana Boat Dry Balance ที่พกใส่กระเป๋าออกมาทากันระหว่างอยู่บนเรือให้พร้อมก่อนไปเที่ยว ตัวนี้คือดีงามมม…เป็นสูตรโลชั่น ไม่เหนียวเหนอะหนะ ทั้งกันน้ำกันเหงื่อ แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ด้วยล่ะ
ใช้เวลาประมาณ 45 นาที เรือก็พาพวกเรามาส่งถึงท่าเรือเทววงษ์ เกาะสีชัง กันแล้วค่ะ จากบนเรือเรามองเห็นวิวประภาคารและอาคารบ้านเรือนของชาวบ้านลดหลั่นกันอยู่บนไหล่เขา เป็นภาพที่สวยงามประทับใจตั้งแต่เริ่มทริปเลยทีเดียว
พอเรือจอดเทียบท่าเสร็จปุ๊บ เราก็ดูแผนที่ท่องเที่ยวบนเกาะ ตกลงกันว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี? จากนั้นก็เช่ารถสกายแล็ปนำเที่ยวรอบเกาะสีชังกันค่ะ ราคาเหมา 250 บาท เที่ยวได้ทั้งวันตามจุดต่างๆ ที่กำหนด ซึ่งส่วนมากก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวรูทที่นิยมกัน 3-4 แห่ง หากใครต้องการไปแวะจุดอื่นนอกเหนือจากนั้น ก็จ่ายค่าบริการเพิ่มเติมตามระยะทางใกล้ไกลอีกทีหนึ่งค่ะ
ปักหมุดจุดแรกกันที่ “สะพานอัษฎางค์” สะพานไม้สีขาวที่ทอดยาวยื่นลงไปในทะเล สร้างมาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 และมีอายุเก่าแก่กว่า 127 ปี ซึ่งสะพานอัษฎางค์แห่งนี้นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแลนด์มาร์คที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกาะสีชังเลยก็ว่าได้
วันที่เราไปมีนักท่องเที่ยวบางตา เดินเล่นถ่ายรูปได้สบายๆ ท่ามกลางแสงแดดตอนสายๆ ที่เริ่มมาทักทาย พอได้เหงื่อซึมกันนิดๆ โชคดีที่มีลมทะเลเย็นๆ พัดมาช่วยให้หายร้อนไปได้บ้าง เลยขอนั่งชมวิวจากบริเวณศาลาบนสะพานสักหน่อยละกัน
หลังจากชมวิว ถ่ายรูปเซลฟี่กันจนจุใจ เราไปจิบอะไรเย็นๆ กันที่เรือนไม้ริมทะเล ตั้งอยู่ภายในบริเวณพระจุฑาธุชราชฐาน หรือที่เรียกกันว่า “เรือนเขียว” เรือนไม้สีเขียวริมทะเลที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 ปัจจุบันนี้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการพระราชประวัติและประวัติบุคคลผู้ที่มีบทบาทสำคัญกับเกาะสีชังในอดีต ด้านล่างยังเปิดเป็นคาเฟ่เล็กๆ มีเมนูอาหารว่างและเครื่องดื่มให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมอดีตพระราชวังฤดูร้อนแห่งนี้
จากนั้นไปต่อกันที่หาดถ้ำพัง ชายหาดเดียวบนเกาะสีชังที่เป็นหาดทรายและสามารถลงเล่นน้ำได้ มีเปลผ้าใบให้นั่งชิลนั่งเล่นอาบแดดริมชายหาด นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมทางน้ำอย่างพายเรือคายัคให้นักท่องเที่ยวได้เช่าพายเล่นชิลๆ อีกด้วย
พอเห็นทะเลปุ๊บ เพื่อนที่มาด้วยก็ทำท่าจะแปลงร่างเป็นเด็กวิ่งลงทะเลทันที นี่ต้องคว้าแขนไว้เกือบไม่ทัน! คือนางอยากเล่นน้ำจัดจนลืมดูเวลา ช่วงใกล้เที่ยงแดดแรงแบบนี้มีรังสียูวีเพียบบบ!! เดี๋ยวผิวไหม้กันพอดี แบบนี้ต้องใช้ Banana Boat UltraMist Sport CoolZone สเปรย์กันแดดสูตรเย็นสดชื่น ปกป้องผิวจาก UVA/UVB ได้ยาวนาน แถมไม่ต้องกลัวว่าจะละลายเมื่อโดนน้ำ พกพาง่าย ใช้สะดวกสุดๆ แค่หยิบออกมาสเปรย์ลงบนผิวให้ทั่วทั้งตัว แค่นี้ก็พร้อมออกไปเล่นน้ำ ทำกิจกรรมสนุกๆ คูล…สู้แดดกันแล้วจ้า!
หลังจากเล่นน้ำเสร็จก็ได้เวลาเติมพลัง ที่หาดถ้ำพังมีร้านอาหารเรียงรายตลอดแนวชายหาด เราเลือกฝากท้องที่ “ร้านสาวน้อย” ที่พี่คนขับรถนำเที่ยวแนะนำว่าอร่อย พิกัดอยู่ร้านสุดท้ายด้านในสุดของหาดเลยค่ะ เล่นน้ำกันจนหิวซ่ก…เปิดเมนูสั่งซีฟู้ดสดๆ มากินกันดีกว่า จัดมาชุดใหญ่ทั้งยำรวมมิตรทะเล กุ้งเผา หอยแครงลวก ส้มตำปูม้า ต้มยำทะเล อาหารทะเลถือว่าสดใช้ได้สมกับอยู่บนเกาะเลยค่ะ แถมราคายังไม่แพงมาก เช็คบิลมาบอกเลยว่าแบงค์พันมีทอน
ปิดท้ายทริปเกาะสีชังที่ “ช่องเขาขาด” หรือช่องอิศริยาภรณ์ อีกหนึ่งจุดชมวิวยอดฮิตของเกาะสีชังที่จัดเป็น Dream Destination ก็ว่าได้ ที่จริงจุดนี้จะสวยมากช่วงตอนเย็นๆ ที่พระอาทิตย์ตก แต่พวกเรามาเที่ยวแบบวันเดย์ทริป ไม่ได้ค้างคืนบนเกาะ เลยขอมายืนแช๊ะภาพสวยริมหน้าผาแทนก็แล้วกัน
บอกเลยว่าแดดบนนี้แรงเบอร์ 10++++ ใครจะมาช่วงกลางวันต้องพกหมวกมาใส่ด้วยก็ดี ที่สำคัญ อย่าลืมทาครีมกันแดดมานะ…เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ส่วนเราขอชัวร์เอาไว้ก่อน ทา Banana Boat UltraMist Sport CoolZone ซ้ำอีกสักรอบ…ฉีดปุ๊บเย็นปั๊บ! แถมยังกลิ่นหอมสะอาด เป็นทั้งกันแดดปกป้องผิว แถมเติมความสดชื่นได้แบบ 2 in 1 เลิฟเลย!
จากนั้นเราโทรเรียกพี่คนขับรถสกายแลปให้มารับ แล้วบึ่งกลับท่าเรือไปขึ้นเรือเที่ยวบ่าย 3 โมงเย็น ลงจากรถปุ๊บก็ได้ยินเสียงเรือบีบแตรเตือนแล้วจ้าา…วิ่งกันตับแล่บเลยงานนี้ ในที่สุดก็ขึ้นเรือทันเป็นผู้โดยสารคนสุดท้ายเลยพอดี
เที่ยวตากแดดร้อนบนเกาะมาทั้งวัน เราไปเช็คอินเข้าที่พักกันก่อนที่ Marina Seaview Bangsan บูทีคโฮเทลสุดชิคติดริมชายหาดบางแสน ที่ตกแต่งในสไตล์มินิมอล มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นเบาๆ ชั้นล่างโรงแรมยังเปิดเป็นคาเฟ่น่ารักๆ ที่ใครมาเที่ยวบางแสนก็ต้องมาเช็คอิน จิบกาแฟ ถ่ายรูปกันที่นี่
ห้องพักของเราเป็นแบบ Seaview มองเห็นวิวทะเลได้จากห้องพักเลยค่ะ แต่…บอกเลยว่าไม่ธรรมดา! เพราะมาพร้อมกับหน้าต่างกระจกทรงกลมบานใหญ่ให้เราสามารถมองเห็นวิวของหาดบางแสนได้แบบเก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร เป็นเหมือนไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ ยังไม่ทันเก็บของก็ถ่ายรูปกันกระจายแล้วอ่ะ!
เก็บกระเป๋าเรียบร้อย เราขับรถจากบางแสนไปดินเนอร์ริมชายหาดชิลๆ แถวบางพระ พิกัดอยู่ที่ร้าน Sea Salt Bangpra ร้านอาหารบรรยากาศสุดฟินวิวหลักล้านริมชายหาดบางพระ ที่บรรยากาศดีมากเว่อรรร์…
คอนเซ็ปต์ที่นี่คือเป็นร้านอาหารสไตล์ Home Cook ที่เน้นอาหารสไตล์แปลกใหม่ มีทั้งเมนูอาหารพื้นบ้าน อาหารไทยฟิวชั่น และยุโรปฟิวชั่น พร้อมผสมความเป็นญี่ปุ่นไปด้วย เพราะเจ้าของร้านเคยเป็นเชฟอาหารญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์มานาน การันตีว่าอาหารทุกจานนอกจากจะหน้าตาดี พิถีพิถันตั้งแต่วัตถุดิบสดใหม่ไปจนถึงการพรีเซนท์จัดแต่งจานได้สวยงามน่ากินแล้ว ยังรสชาติอร่อยถูกปากอีกด้วย
เมนูแนะนำที่นี่ นำทีมมาด้วยจานเด่นอย่าง “หมึกหอมผัดไข่เค็ม” ที่ทางร้านใช้ปลาหมึกหอมสดๆ ทั้งตัว นำมาผัดกับไข่เค็มด้วยสูตรเฉพาะ ได้รสชาติเข้มข้นของไข่เค็มที่เคลือบปลาหมึกเต็มๆ คำ ต่อด้วยเมนูเด็ดที่เป็น Signature ของทางร้านอย่าง “ปลากะพงฟองดูว์” ที่เชฟคิดค้นนำซีฟู้ดสดๆ อย่างกุ้ง หอย และปลากะพงสด ไปจิ้มในหม้อฟองดูว์ที่เป็นน้ำซอสสูตรพิเศษ จัดเป็นเมนูที่ทั้งอร่อยและครีเอทสุดๆ
นอกจากนี้ ยังมีเมนูอื่นๆ ที่อร่อยไม่แพ้กัน ทั้งเส้นใหญ่ทอดกรอบผัดผงกะหรี่กับกรรเชียงปู, สปาเก็ตตี้หอยตลับ ที่ทางร้านใช้หอยนำเข้านำมาผัดกับน้ำพริกเผา รสชาติถูกปากคนไทย และทอดมันกุ้งที่เสิร์ฟพร้อมกับซอสสูตรพิเศษ ทานคู่กันช่วยตัดเลี่ยนได้ดี เผลอแป๊บเดียวเกลี้ยงจานเลยค่ะ
ปิดท้ายด้วยด้วยเครื่องดื่มที่มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งแอลกอฮอล์อย่างไวน์ ค็อกเทล และม็อกเทลให้เลือกสั่ง มานั่งจิบชิลๆ พร้อมชมวิวพระอาทิตย์ตกริมชายหาดบางพระ ท่ามกลางเสียงเพลงเพราะๆ จากวงดนตรีสดที่มาเล่นให้ฟังแบบนี้ คือดีงามมม…
วันที่สองเราตื่นมาทานอาหารเช้า แล้วมานั่งละเลียดจิบกาแฟชมวิวจากหน้าต่างห้องพักตอนเช้าๆ แบบไม่เร่งรีบ ซึมซับบรรยากาศให้เต็มที่ก่อนเช็คเอาท์ มองออกไปเห็นเรือประมงลำเล็กๆ ลอยอยู่กลางทะเลที่ค่อยๆ ไล่เฉดสีเข้มอ่อนเหมือนภาพวาด ฟินจนอยากยกเอาวิวแบบนี้ไปไว้ที่กรุงเทพฯ จะได้ตื่นขึ้นมากู๊ดมอร์นิ่งกับทะเลแบบนี้ทุกวันเลย
ได้คาเฟอีนมากระตุ้นความคึกคัก เราก็แต่งตัวพร้อมออกไปเที่ยวปิดท้ายทริปบางแสนกัน เสื้อผ้าหน้าผมพร้อม…ยังไงก็ต้องไม่ลืมทาครีมกันแดดปกป้องผิวก่อนออกไปเที่ยววันนี้ มองจากหน้าต่างออกไปอากาศดี ฟ้าใส แดดแรงไม่เบาเลยทีเดียวค่ะ
ประเดิมที่แรกไม่ต้องไปไหนไกลเลย… ขึ้นบันไดไปบนชั้นดาดฟ้าของที่พักเราก็มีระเบียงรูฟท็อป พร้อมมุมถ่ายรูปชิคๆ ให้ไปเก็บภาพกันจนเกือบเม็มฯ เต็มแล้ว เมื่อวานตอนเย็นเราออกไปดินเนอร์ เลยไม่ได้ดูพระอาทิตย์ตกจากบนดาดฟ้าที่นี่ ขอแก้มือใหม่มาถ่ายรูปคู่กับทะเลสวยๆ จากมุมสูงแทนก็แล้วกัน
หลังจากเช็คเอาท์เสร็จเรียบร้อย เราขับรถไปเที่ยวกันต่อที่สะพานชลมารควิถี 84 พรรษา สะพานเลียบชายทะเลที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของชลบุรี สามารถจอดรถบนสะพานลงไปเดินเล่น ชมวิวทะเลที่ล้อมรอบไปด้วยวิถีประมงและป่าโกงกางที่เห็นอยู่ไกลๆ ได้
มื้อเที่ยงเราไปฝากท้องกันที่ร้าน “ก๋วยเตี๋ยวหน้ามน” ร้านก๋วยเตี๋ยวขวัญใจนักศึกษาในย่าน ม.บูรพา บอกเลยว่าการตกแต่งร้านนี้ไม่ธรรมดา มีภาพวาดลายกราฟิตี้บนผนังให้เราได้ถ่ายรูปฮิปๆ กันด้วย
แน่นอนว่าเมนูเด่นของร้านคือก๋วยเตี๋ยวสารพัดเส้น ที่เป็นสูตรต้นตำรับจากคุณแม่ของเจ้าของร้าน มาแล้วห้ามพลาดต้องลองสั่งเมนูเด็ดอย่าง ก๋วยเตี๋ยวโบราณ ใส่ลูกเงาะ คือหมูสับผสมวุ้นเส้นแล้วปั้นเป็นลูกกลมๆ เหมือนเงาะ จัดเป็น signature ของร้าน สามารถเลือกเส้นได้หลากหลาย ทั้งเส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีเมนูเย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวเต้าหู้พะโล้ บะหมี่ไก่ตุ๋นเต้าหู้ หากใครกลัวไม่อิ่มก็มีอาหารจานเดียวง่ายๆ อย่างข้าวยำไก่ย่าง และข้าวเต้าหู้พะโล้ให้เลือกอิ่มอร่อยกันด้วย
อิ่มจากของคาวกันแล้ว ไปทานของหวานกันต่อที่ “หน้ามนหนมหวาน” คาเฟ่สุดฮ็อทในย่านบางแสนที่ห้ามพลาดมาเช็คอิน โดดเด่นด้วยการดีไซน์ตัวคาเฟ่เป็นปูนเปลือยสไตล์ลอฟท์ดิบๆ ตัดกับสวนต้นไม้ใหญ่สีเขียวร่มรื่นที่อยู่ล้อมรอบ
ในร้านมีมุมให้เลือกนั่งหลากหลายโซน ทั้งโซนอินดอร์ในห้องกระจกมีเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ส่วนใครอยากนั่งเล่นรับลมชมสวนก็มีที่นั่งเบาะกับพื้นกลางสนามหญ้าแบบชิลๆ ให้ด้วย
สำหรับเมนูขนมหวานที่นี่ บอกเลยว่าเด็ด! แถมยังมีเครื่องดื่มสูตรพิเศษจากแชมป์ค็อกเทลระดับประเทศมาครีเอทเมนูให้โดยเฉพาะ พวกเราสั่งเมนูบานอฟฟี่หน้าตาน่ากิน ด้านล่างเป็นโอริโอ้กับเนย ตรงกลางเป็นคาราเมลและกล้วยหอมทองชิ้นใหญ่ ส่วนด้านบนเป็นวิปครีมโรยหน้าด้วยผงโกโก้ ขนมอีกจานที่ต้องลองคือ พัฟฮอกไกโด พัฟครีมมัทฉะและครีมคัสตาร์ดสุดเนียนนุ่มจากฮอกไกโด ส่วนใครชอบกินขนมปังต้องไม่พลาดสั่ง “บางเหลือง” โทสต์สูตรพิเศษของทางร้านที่ใช้ขนมปังโฮมเมดจากแผนกเบเกอรี่ของโรงแรมดัง นำมาชุบไข่ กริลล์ เคลือบและใส่คาราเมลที่ทางร้านทำเอง พร้อมเครื่องดื่มม็อกเทล อย่างสตรอว์เบอร์รี่ โทนิค และ ซินนามอน เบอร์รี่ รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ดื่มแล้วสดชื่นสุดๆ
ยังไม่พอ! อากาศร้อนๆ แบบนี้ต้องกินไอติมด้วยถึงจะฟิน แนะนำสั่งเมนู “ไอติมกะทิทรงเครื่อง” ที่ทางร้านใช้ไอศกรีมกะทิเจ้าเก่าแก่ของชลบุรีนำมาเสิร์ฟพร้อมท้อปปิ้ง ทั้งถั่วลิสง ข้าวโพด ผลไม้แห้ง นมข้นหวาน ฯลฯ เวลากินก็อลังการเพราะจะมีน้ำแข็งแห้งรองอยู่ใต้ถาดส่งไอหมอกฟุ้งออกมาให้ถ่ายรูปสวยๆ อัพลงโซเชียลได้ด้วยค่ะ
นั่งเล่นกินขนมจนแดดร่มลมตก เราขับรถไปเที่ยวที่สุดท้ายกันที่ “อ่างเก็บน้ำบางพระ” อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแลนด์มาร์คของชลบุรี ใครจะมาเที่ยวที่นี่แนะนำมาช่วงเย็นๆ จะดีกว่า เพราะตอนกลางวันแดดร้อนมว๊ากกก..แต่ถ่ายรูปออกมาสวย คอนเฟิร์ม!!
แม้จะเกือบสี่โมงเย็นแล้ว แต่แสงแดดยังแรงจนเกือบไหม้ ขอเติมความเย็นสดชื่นสู้แดดด้วย Banana Boat อีกสักรอบ เพิ่มความมั่นใจในการปกป้องผิวจากแสง UVA และ UVB ที่จะมาทำร้ายผิวสวยๆ ของเราให้หมองคล้ำ
จากนั้นเราไปเดินเล่นชมวิวบนเส้นเลียบอ่างเก็บน้ำ ซึ่งเป็นถนนที่กั้นห้ามรถยนต์และมอเตอร์ไซค์เข้า มีแค่คนมาวิ่งออกกำลังกายและปั่นจักรยานเท่านั้น สามารถถ่ายรูปเล่นชิลๆ ได้สบายๆ เลยค่ะ
บอกเลยว่าทริปเที่ยวเกาะสีชัง-บางแสน 2 วัน 1 คืนของพวกเราเต็มไปด้วยความสนุกและประทับใจกันสุดๆ ใครมีเวลาวันหยุดเสาร์อาทิตย์สั้นๆ ลองชวนเพื่อนซี้หรือคนรู้ใจ สะพายกล้อง ขับรถมาเที่ยวที่นี่กัน…รับรองว่าได้รูปสวยๆ กลับไปจุใจแน่นอน!!
Tags: ชลบุรี เกาะสีชัง บางแสน เที่ยวชลบุรี เที่ยวศรีราชา เที่ยวเกาะสีชัง เที่ยวบางแสน สะพานอัษฎางค์ ช่องเขาขาด ช่องอิสริยาภรณ์ หาดถ้ำพัง ร้านอาหารเกาะสีชัง ร้านสาวน้อย ร้านซีฟู้ดเกาะสีชัง ร้านอร่อยเกาะสีชัง มาริน่า ซีวิว บางแสน Marina Seaview Bangsan ที่พักบางแสน ที่พักติดทะเล Sea Salt Bangpra ร้านอาหารบางพระ ร้านอาหารบางแสนติดทะเล ร้านวิวสวย บรรยากาศดี สะพานชลมารควิถี 84 พรรษา ก๋วยเตี๋ยวหน้ามน หน้ามนหนมหวาน คาเฟ่บางแสน ร้านอร่อยบางแสน อ่างเก็บน้ำบางพระ ทริป 2 วัน 1 คืน Banana Boat บานาน่าโบ๊ท ครีมกันแดด
ทริปตัวอย่าง | 12 ธ.ค. 2024 | 140 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ธ.ค. 2024 | 253 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 27 พ.ย. 2024 | 389 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 26 พ.ย. 2024 | 595 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 11 พ.ย. 2024 | 840 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 01 ธ.ค. 2024 | 351 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 พ.ย. 2024 | 798 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 28 ต.ค. 2024 | 1,171 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 1,228 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 ต.ค. 2024 | 1,642 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ต.ค. 2024 | 1,124 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่กิน ทริปตัวอย่าง | 11 ก.ย. 2024 | 2,569 อ่าน