calendar_month 15 มิ.ย. 2018 / stylus Admin Chillpainai / visibility 57,374 / ทริปตัวอย่าง
เข้าหน้าฝนแบบนี้…คิดถึงอากาศเย็นๆ หมอกขาวๆ บนยอดดอยขึ้นมาทันที เลยรีบโทรชวนเพื่อนซี้ แกร…ไปเที่ยวเชียงใหม่กัน!! คุณเพื่อนก็แสนรู้ใจตอบมาทันทีว่า เอาดิ! ทริปเที่ยวเชียงใหม่หน้าฝนของพวกเราจึงเกิดขึ้นแบบปุบปับ ลางานแล้วแพลนทริปหาตั๋วเครื่องบินกันวันนั้นเลยจ้า แบบว่าอยากไปต้องได้ไป…แต่ยังไงก็ขอตั๋วเครื่องบินกับโรงแรมแบบไม่แพงสักหน่อย จะได้เหลืองบไว้ไปเที่ยวกันแบบฟินๆ เนอะ
ทริปนี้พวกเราเลือกจองโรงแรมพร้อมตั๋วเครื่องบินจากแอพ Expedia ซึ่งหากจองเป็นแพ็คเกจโรงแรม+เที่ยวบินพร้อมกัน จะประหยัดกว่าจองแยกกันด้วยส่วนลดสูงสุดถึง 14 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว แถมถ้าหากจองผ่านแอพยังได้คะแนน Expedia Rewards เป็น 2 เท่า ซึ่งเราสามารถนำไปใช้เป็นส่วนลดในการจองครั้งต่อไปได้อีกด้วย ข้อเสนอแจ่มๆ แบบนี้จะรออะไร…รีบโหลดแอพแล้วล็อกอินเข้าไปค้นหาแพ็คเกจจองตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักราคาพิเศษกันเลยดีกว่า!
อันดับแรกเราก็เลือกโรงแรมที่ชอบ แอพจะโชว์ราคาตั๋วเครื่องบินไป-กลับพร้อมโรงแรมต่อคน เราตั้งใจว่าจะพักในตัวเมืองเชียงใหม่ทั้ง 2 คืน จะได้เดินทางไปเที่ยวสะดวกๆ ในที่สุดก็ลงมติกันว่าพักที่โรงแรมดุสิตดีทู เชียงใหม่ เพราะชอบทำเลของโรงแรมที่อยู่ใจกลางเมือง ติดกับเชียงใหม่ไนท์บาร์ซาเลย บริเวณหน้าโรงแรมก็มีที่จอดรถให้สะดวกปลอดภัย แถมถ้าจองผ่าน Expedia ยังได้ส่วนลดค่าอาหารอีก 20 เปอร์เซ็นต์ด้วย ดีงามมม…
จากนั้นเราก็เลือกเที่ยวบินที่ต้องการเดินทางขาไป ทริปนี้เราตั้งใจไปเก็บที่เที่ยวแถวนอกตัวเมืองเชียงใหม่ด้วย เลยเลือกไฟลท์ช่วงเช้าเวลา 6.50 น. ไปถึงเชียงใหม่ตอน 8 โมงเช้ากำลังพอดี จะได้มีเวลาเที่ยวเพิ่มขึ้น
ขั้นตอนต่อมา เราก็เลือกเที่ยวบินที่ต้องการเดินทางขากลับ พอเสร็จขั้นตอนนี้ระบบจะแสดงราคารวมแพ็คเกจ (แบบยังไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียม) พร้อมส่วนลดให้เห็นกันชัดเจน
จากนั้นก็เช็ครายละเอียดการจองว่าเที่ยวบินที่เราเลือกทั้งขาไป-กลับ และวันเช็คอินเข้าพักโรงแรมถูกต้องหรือไม่ เบ็ดเสร็จเราจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับเชียงใหม่ และที่พัก 2 คืน เฉลี่ยตกคนละ 6,684.82 บาท ซึ่งหากจองล่วงหน้านานๆ ก็จะได้ราคาถูกกว่านี้ พอตรวจสอบยอดเงินถูกต้องแล้วก็จ่ายเงินออนไลน์ตัดผ่านบัตรเครดิตได้เลยสะดวกมากๆ จากนั้นเราก็จะได้แผนการเดินทางมานอนกอดเพื่อความอุ่นใจว่าเดินทางได้ชัวร์
ที่สำคัญ หากใครจองล่วงหน้าไว้นานๆ ก็ไม่ต้องกลัวพลาดการเดินทาง เพราะแอพ Expedia ยังมีระบบแจ้งเตือน Push Notification ก่อน Flight Check-in รวมทั้งบอกวัน เวลา เช็คอินทั้งเที่ยวบินและโรงแรมที่เราเข้าพัก เมื่อใกล้ถึงวันเดินทาง นอกจากนี้ ยังมีการแจ้งเตือนไฟลท์ดีเลย์ หรือเปลี่ยนแปลงเวลาเดินทางให้อีกด้วย สะดวกและถูกใจคนชอบเที่ยวและเดินทางบ่อยๆ อย่างเรามากกก…
ได้ตั๋วและที่พักพร้อมออกเดินทางกันแล้ว เราไปตะลุยเที่ยวเชียงใหม่กันเลยเจ้า!!
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เราก็มาถึงสนามบินเชียงใหม่ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาต้อนรับตั้งแต่ก้าวออกจากประตูเครื่องบินกันเลยทีเดียว ทริปนี้พวกเราตั้งใจเช่ารถขับจากสนามบินไปเที่ยวโซนอำเภอแม่ริมเพื่อความสะดวก ระหว่างทางโชเฟอร์บ่นง่วง เราเลยแวะจิบกาแฟพร้อมทานมื้อเช้ากันที่ The Ironwood คาเฟ่ในป่าลึกลับของแม่ริม เชียงใหม่
บอกเลยว่าทางเข้าลึกลับสมชื่อมากๆ ขับตาม GPS ใน Google Maps บอกว่าร้านอยู่ในซอยน้ำตกแม่สา 8 แต่ความจริงแล้วถึงก่อนจ้า! ใครจะมาจากเชียงใหม่ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางเดียวกับ Cool downs Resort แล้วขับตรงไปเรื่อยๆ อีกประมาณ 500 เมตร ก็จะเห็นร้านตั้งอยู่หลังแนวกำแพงต้นไม้ร่มรื่นทางด้านขวามือ
บรรยากาศภายในร้านสวยงามน่านั่ง เหมือนได้มาจิบน้ำชากลางสวนสไตล์อังกฤษ และยังมีเรือนกระจกที่ปลูกพันธุ์ไม้ต่างๆ ทั้งแคคตัสและไม้กระถางให้เข้าไปเดินชมและถ่ายรูปได้ด้วย
เราเลือกนั่งโต๊ะในสวนด้านนอกติดริมลำธารเล็กๆ พร้อมสั่งอาหารและเครื่องดื่มมาเติมพลัง ใครมาต้องไม่พลาดลองเมนูนี้ “ข้าวคลุกกะปิดอกไม้” ที่เก๋ไก๋ด้วยการครีเอทนำดอกไม้อย่างดอกพวงชมพู, ดอกอัญชัน ฯลฯ มาเป็นเครื่องเคียง นอกจากสวยน่ากินแล้ว รสชาติยังอร่อยมากๆ ทานคู่กับ “หมูโค๊ะ” เนื้อหมูสามชั้นติดมันนิดๆ นำไปผัดกับกะปิแล้วปรุงรสจนกลมกล่อมหอมน่ากิน เพิ่มความสดชื่นด้วยเครื่องดื่มอย่างเบต้าบูสเตอร์ และชาเลม่อนกุหลาบหอมๆ อีกคนละแก้ว แค่นี้ก็พร้อมออกเดินทางไปเที่ยวกันต่อแล้วล่ะ!
มากระตุ้นอะดรีนารีนกันต่อที่ “โป่งแยง จังเกิ้ล โคสเตอร์ แอนด์ ซิปไลน์” ท้าทายความกล้ากับเครื่องเล่นรถไฟเหาะบนรางไม้ หรือจังเกิ้ลโคสเตอร์แห่งแรกในเมืองไทย เราลองแอบยืนดูคนอื่นเล่นสักพัก…ในที่สุดก็ตัดสินใจส่งเพื่อนไปเป็นตัวแทนดีกว่า 55 จริงๆ ไม่ได้น่ากลัวมากนะ…แต่เราเป็นพวกแพ้ทางเครื่องเล่นหวาดเสียวแบบนี้ เลยขอตัวไปจิบกาแฟชมนกชมไม้ชิลๆ ระหว่างรอเพื่อนเข้าคิวเล่นจังเกิ้ลโคสเตอร์
สำหรับใครเป็นสายชิลมากกว่าสายลุย แนะนำมาเช็คอินที่นี่เลย “Jungle De Cafe” (จังเกิ้ล เดอ คาเฟ่) คาเฟ่เปิดใหม่แอบอิงธรรมชาติ ตั้งอยู่ในบริเวณข้างๆ กันกับโป่งแยง จังเกิ้ล โคสเตอร์ แอนด์ ซิปไลน์ เลยค่ะ ไฮไลท์ของที่นี่คือที่นั่งเปลตาข่ายที่ยื่นออกไปบนระเบียงให้เราจิบกาแฟพร้อมกับฟังเสียงน้ำตกและชมธรรมชาติไปด้วยได้
นั่งชิลได้แค่แป๊บเดียวฝนก็ตกลงมาอีกครั้ง พอดีกับเพื่อนเล่นจังเกิ้ลโคสเตอร์เสร็จ เราเลยตัดสินใจทานมื้อเที่ยงเบาๆ ที่นี่กันไปเลยดีกว่า ส่วนมากเมนูอาหารที่นี่เป็นเมนูง่ายๆ อย่างข้าวกล่อง เราเลือกสั่งเฟรนช์ฟรายมากินเล่น คู่กับปีกไก่ทอดร้อนๆ ส่วนของหวานคือเครปเค้กอีกชิ้น ตบท้ายด้วยน้ำกีวีปั่น และ Jungle Le Hon So กาแฟอเมริกาโนเย็นสูตรพิเศษของทางร้าน ที่ผสมน้ำผึ้ง โซดา และมะนาว รสชาติเข้ากันได้ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ ดื่มแล้วสดชื่นสุดๆ เลยค่ะ
พอฝนเริ่มซา เราขับรถขึ้นดอยไปเที่ยวม่อนแจ่มกันต่อ เป้าหมายของเราในวันนี้คือการไปชมทุ่งดอกเวอร์บีน่าที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งในช่วงหน้าฝน และเราก็ไม่ผิดหวัง…ดอกเวอร์บีน่าสีม่วงกำลังบานเต็มที่ ท่ามกลางหมอกฝนสีขาวบนม่อนแจ่ม บรรยากาศโรแมนติกไม่แพ้หน้าหนาว แถมยังมีนักท่องเที่ยวไม่เยอะจนแออัด เดินถ่ายรูปเล่นได้สบายๆ
จากม่อนแจ่ม เราขับรถลงมาแวะถ่ายรูปชมวิวที่ม่อนตะวัน จุดชมวิว 360 องศาสูงที่สุดในอำเภอแม่ริม นอกจากจะเป็นจุดชมวิวแล้ว ที่นี่ยังมีที่พักและแปลงผักปลอดสารที่ปลูกลดหลั่นไปตามเนินเขา ท่ามกลางสายหมอกสีขาวบางเบาลอยผ่านช้าๆ เรียกว่าเป็นจุดชมวิวหลักล้านที่ห้ามพลาดต้องแวะมาเช็คอินอีกที่หนึ่งเลยค่ะ
เที่ยวเพลินจนเกือบลืมเวลา เรารีบขับรถลงจากดอยกลับเข้ามาตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อเช็คอินเข้าที่พักที่เราจองไว้อย่างโรงแรมดุสิตดีทู เชียงใหม่ ตอนเช็คอินแค่แจ้งชื่อและบอกว่าจองผ่าน Expedia เท่านั้น ไม่ต้องใช้เอกสารให้ยุ่งยาก แถมห้องพักที่เราเลือกจองมายังได้ Private Check-in แบบ VIP มีวอร์เชอร์ให้เอาไปแลก Welcome Drink เป็นค็อกเทลได้อีกคนละแก้ว ดีงามมากเว่อรรร์!! พอเปิดประตูห้องพักเข้าไปก็ต้องเซอร์ไพรส์อีกรอบ ตอนกดจองเราเห็นเป็นห้องแบบสตูดิโอ เลยนึกว่าเป็นห้องพักแบบธรรมดา ที่ไหนได้มันคือห้อง Studio Suite จ้า!! แบบว่าอลังการกว่าที่คิด มีทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาเบดพร้อมมินิบาร์ เห็นห้องพักแล้วอยากนอนกลิ้งเล่นอยู่ทั้งวันไม่อยากออกไปไหนเลยอ่ะ
วันนี้ตื่นเช้าแถมเดินทางเหนื่อยกันมาทั้งวัน เราตัดสินใจทานมื้อค่ำกันที่ห้องอาหารในโรงแรมเลย เพราะได้ส่วนลดค่าอาหาร 20% จากการจองผ่านแอพ Expedia มา มื้อนี้ขอดินเนอร์ด้วยเมนูอาหารเหนือล้วนๆ จัดเต็มทั้งเมนูลาบคั่ว เสิร์ฟพร้อมผักสดและผักพื้นบ้านหอมๆ ทานคู่กับแกงฮังเลและไส้อั่วรสชาติกลมกล่อม บอกเลยว่าทุกเมนูลำแต้ๆ ใครจะไปนึกว่าแค่มื้อเย็นวันแรกของทริป พวกเราก็ได้ฟินกับอาหารเหนือที่เสิร์ฟในห้องอาหารโรงแรม 5 ดาวแบบนี้ รสชาติดีไม่แพ้ร้านอาหารพื้นเมืองอื่นๆ ในเชียงใหม่ที่เราเคยไปลองชิมเลยค่ะ
เช้าวันที่สอง พวกเรารีบตื่นมาทานอาหารเช้าเสร็จแล้วล้อหมุนยิงยาวไปดอยอินทนนท์ วันนี้เราจะไปแปลงตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะกันที่ “ม่อนแกะ” ฟาร์มแกะของโครงการหลวงที่ตั้งอยู่ดอยผาตั้ง สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ หนึ่งในที่เที่ยวของเชียงใหม่ที่บางคนอาจจะยังไม่เคยรู้จัก บรรยากาศดีมากๆ นึกว่าอยู่ที่นิวซีแลนด์ไม่ใช่เชียงใหม่
น่าเสียดาย…ที่วันนั้นฝนตกตั้งแต่เช้า เจ้าหน้าที่เลยไม่ได้ปล่อยให้ฝูงแกะออกมาเล็มหญ้าบนเนินเขาเหมือนในรูปที่เราเคยเห็น แต่ก็ใจดีอนุญาตให้เราเข้าไปถ่ายรูปน้องแกะที่อยู่ในคอกได้ แต่ละตัวดูเชื่องมากๆ น่าเอ็นดูสุดๆ เราเลยตั้งใจว่าจะหาโอกาสมาเยี่ยมทักทายน้องแกะกันอีกตอนช่วงหน้าหนาวปลายปีนี้
มื้อกลางวันเราขับรถไปทานอาหารกันที่ ร้านอาหารโครงการหลวงอินทนนท์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ เชียงใหม่ บรรยากาศร่มรื่นมากๆ จากบริเวณร้านสามารถมองเห็นภูเขาและน้ำตกเป็นแบคกราวด์ไกลๆ ได้ด้วย
แน่นอนว่ามาทานอาหารที่นี่ ต้องไม่พลาดสั่งเมนูเด็ดที่นำผลผลิตจากโครงการหลวงมาสร้างสรรค์เป็นเมนูอาหารจานพิเศษมากมาย อาทิ สลัดผักอินทนนท์ ผัดสดกรอบๆ ทานคู่กับน้ำสลัดรสชาติดี อร่อยจนขนาดเพื่อนซี้เราที่ไม่ชอบกินผักต้องขอลอง ต่อด้วยเห็ดหอมผัดน้ำมันหอย และแกงส้มอินทนนท์ที่ซดน้ำซุปร้อนๆ ท่ามกลางอากาศเย็นๆ ฟินอย่าบอกใคร ส่วนใครชอบกินขาหมูหมั่นโถวต้องลองเมนูนี้ “ขาหมูหมั่นโถวฟักทอง” ขาหมูอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับหมั่นโถวทอดที่ทำจากฟักทองญี่ปุ่น เนื้อหมูนุ่มๆ ทานคู่กับหมั่นโถวฟักทองร้อนๆ เนื้อหวานหอม กรอบนอกนุ่มใน อร่อยจนหยุดไม่อยู่เลยทีเดียว
มาถึงดอยอินทนนท์ทั้งที พวกเราก็ไม่พลาดไปเที่ยวแลนด์มาร์คอย่าง “เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา” ชมป่าดึกดำบรรพ์และกุหลาบพันปีที่ถึงแม้จะยังไม่ออกดอก แต่อากาศสดชื่นในช่วงฤดูฝน บวกกับสายหมอกจางๆ ที่ปกคลุมต้นไม้ที่มีมอสสีเขียวขจีขึ้นตามลำต้นและปกคลุมไปบนพื้นดิน ทำให้พวกเราประทับใจจนเดินกางร่มถ่ายรูปกันไปแบบไม่กลัวฝนเลยทีเดียว
บ่ายแก่ๆ เราขับรถลงจากอินทนนท์กลับมาเส้นหางดง เพื่อไปเช็คอินที่เที่ยวแลนด์มาร์คอีกแห่งอย่าง “แกรนด์แคนยอนเชียงใหม่” บ่อดินขนาดใหญ่ที่รูปร่างแปลกตาคล้ายแกรนด์แคนยอนของอเมริกา จนกลายเป็นจุดถ่ายรูปสุดฮิปที่ใครมาเที่ยวเชียงใหม่ก็ต้องมาแวะที่นี่ และตอนนี้ยังปรับให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ มีทั้งสวนน้ำ และกิจกรรมแอดเวนเจอร์สำหรับใครที่ชอบความท้าทายอย่างการกระโดดน้ำจากชะง่อนผาสูง หรือจะเลือกพายแพดเดิลบอร์ด นั่งเล่นจิบเครื่องดื่มชิลๆ ก็มีร้านอาหารและคาเฟ่ให้บริการ
ปิดท้ายวันด้วยการไปเช็คอินคอมมูนิตี้สุดฮิปของเชียงใหม่อย่าง “โครงการบ้านข้างวัด” พิกัดตั้งอยู่ในย่านชุมชนวัดร่ำเปิงในตัวเมืองเชียงใหม่ ภายในมีทั้งคาเฟ่, Craft Studio สตูดิโอเวิร์กช็อปงานศิลปะอย่างภาพวาดสีน้ำ, ปั้นเซรามิก ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีแกลเลอรี่อาร์ตๆ ให้เราเดินชมงานศิลปะ และช้อปปิ้งงานแฮนด์เมดเท่ๆ ดีไซน์เก๋ไม่ซ้ำใคร เปิดให้เดินเล่นได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
แต่ร้านที่เราตกหลุมรักในบรรยากาศที่สุด ต้องยกให้ที่นี่ “มาหาสมุด” ห้องสมุดที่เปิดให้นักท่องเที่ยวและคนในชุมชนเข้ามาอ่านหนังสือที่มีมากกว่า 1,000 เล่มได้ฟรีๆ ด้านหน้ายังมีคาเฟ่เล็กๆ ที่เสิร์ฟกาแฟโบราณหอมๆ พร้อมเครื่องดื่มเย็นอย่างชาไทย และขนมง่ายๆ (แต่อร่อยเว่อร์!) อย่างบราวนี่ ที่เนื้อหนึบแน่นละมุน ไม่ร่วน ได้รสชาติเข้มข้นของช็อคโกแลตเต็มๆ คำ บอกเลยว่าต้องลอง!
สำหรับมื้อเย็นวันนี้ เราเลือกไปดินเนอร์กันที่ Daddy's Antique Cafe and Restaurant ร้านอาหารสุดชิคของเชียงใหม่ที่ตกแต่งในสไตล์ยุโรป มีมุมให้ถ่ายรูปมากมาย ตัวอาคารทำจากอิฐมียอดแหลมสไตล์โกธิค บรรยากาศชวนให้นึกว่าเรากำลังไปเที่ยวหมู่บ้านเล็กๆ ในชนบทของเยอรมันเลยค่ะ
ถึงจะทั้งเที่ยวทั้งกินกันมาตลอดทั้งวัน แต่เรื่องกินนี่พวกเราไม่หวั่นอยู่แล้ว เปิดเมนูจิ้มสั่งของคาวกันมาคนละจาน ประเดิมด้วย Grilled smoke bacon เบคอนสเต็กย่างที่มีส่วนผสมอย่างเพียวเร่ฟักทองอบ และซัลซ่าฮาลาพิโน่ โรยหน้าด้วยผักชีสด ทานตอนร้อนๆ ชีสยืดเยิ้มๆ ฟินสุดๆ ถ้าชอบเปรี้ยวก็บีบมะนาวเพิ่มรสชาติได้ ตัดเลี่ยนด้วยเมนูเด็ดอีกจานอย่าง Spicy angel hair pasta พาสต้าไส้กรอกตูลูซ ผัดกับพริกกระเทียมและพริกไทยรสชาติเผ็ดร้อน ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มที่ทั้งอร่อยและเฮลธ์ตี้อย่าง New Zealand Manuka Honey น้ำผึ้งมะนาวผสมน้ำผึ้งมานูก้าแท้จากนิวซีแลนด์ และ Rusty Giant Jar ช็อกโกแลตปั่นรวมกับโอรีโอ้สูตรเฉพาะของทางร้าน โรยด้วยคุ้กกี้และท้อปปิ้งด้วยไอติมแท่งเคลือบช็อกโกแลต ดูเหมือนไม่เยอะแต่อิ่มแปล้จนพุงกางกันทั้งคู่ แทบจะกลิ้งกลับโรงแรมกันเลยค่ะ
วันสุดท้าย เราขอเที่ยวเบาๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ประเดิมด้วยที่เที่ยวแลนด์มาร์คสุดฮิปอย่างวัดอุโมงค์ ไหว้พระและเดินสำรวจชมภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโมงค์ที่อยู่ใต้เจดีย์ทรงระฆังกลม ศิลปะแบบพุกามอายุกว่า 700 ปี
เดินสำรวจอุโมงค์ที่มีทางเข้าออกเชื่อมกันถึง 4 ช่องแล้ว ออกมาถ่ายรูปกับกำแพงโบราณที่ปกคลุมไปด้วยมอสสีเขียวเป็นที่ระลึกกันสักภาพ
ถัดไปไม่ไกลจากวัดอุโมงค์ เราขับรถไปเที่ยวกันต่อที่ “เวิ้งมาลัย” ชุมชนเล็กๆ ของคนทำงานแฮนด์เมดสุดเก๋ จัดเป็นที่เที่ยว Hidden Gem ของเชียงใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก ภายในชุมชนมีบ้านเพียงแค่ไม่กี่หลัง แต่ละหลังเปิดเป็นร้านเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ไม่ซ้ำกัน ทั้งแกลเลอรี่ภาพวาดสีน้ำ โปสการ์ด, ร้านขายของแฮนด์เมด, ร้านขายเสื้อผ้าและงานโครเชต์ ไปจนถึงร้านขายเสื้อผ้าเด็ก หนังสือนิทาน ฯลฯ
ด้านหน้าชุมชนยังมีร้าน Paper Spoon ที่ชั้นล่างเปิดเป็นคาเฟ่เล็กๆ ให้เราไปนั่งเล่นจิบกาแฟชิลๆ ในสวน หรือใครหิวจะสั่งพิซซ่ามากินก็ได้ เป็นพิซซ่าโฮมเมดแป้งบางกรอบ ท้อปปิ้งด้วยแฮม เห็ด โรยหน้าด้วยใบโหระพาสดๆ อร่อยมว๊ากกกก… กะจะสั่งมากินเล่นๆ แต่ดันอิ่มจริงๆ ซะงั้น!
ตอนบ่ายยังพอมีเวลาเหลือ เราตกลงกันว่าจะไปตะลุย Café hopping เช็คอินร้านกาแฟชิคๆ เก๋ๆ ในย่านวัดเกต ย่านเก่าที่มีเสน่ห์ของเมืองเชียงใหม่ เริ่มด้วยร้านแรกที่ Woo Café ที่ในร้านเป็นทั้งคาเฟ่ แกลเลอรี่ และร้านขายของตกแต่งบ้านแบบ 3 in 1
บอกเลยว่าร้านสวยมว๊ากกกก…ถูกใจสายคาเฟ่ที่ชอบเซลฟี่ ถ่ายรูปกันแน่นอน! แถมยังฮ็อททั้งในหมู่นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ขนาดเรามาตอนบ่ายแล้วโต๊ะยังแทบไม่ว่างเลยทีเดียว พอได้โต๊ะนั่งไม่รอช้า…รีบสั่งเมนูมาลองชิมทันที แค่จานแรกก็ชวนน้ำลายสอ กับเมนู “แตงโมปลาแห้ง” ที่แม้ทางพนักงานจะออกตัวว่าช่วงฤดูนี้แตงโมอาจไม่แดงฉ่ำน่ากินเท่าไหร่นัก แต่พอตักเข้าปากชิมคำแรก โอ้โห…มัน-ดี-มากกกก เนื้อแตงโมฉ่ำหวานเข้ากันกับปลาแห้งที่โรยหน้ามา จัดเป็นเมนูของกินเล่นที่ควรค่าแก่การสั่งมาลองสุดๆ ส่วนใครเป็นสายหวานแนะนำ “เแครอทชีสเค้ก” ที่โด่งดังขึ้นชื่อของทางร้าน เนื้อเค้กแน่นหนึบเข้มข้นกำลังดี ส่วนครีมชีสด้านบนก็เนียนนุ่มละมุนลิ้น อร่อยฝุดๆ ตบท้ายด้วยเครื่องดื่มคนละแก้วอย่าง Woo Coffee กาแฟเข้มๆ แบบดับเบิ้ลช็อตสูตรพิเศษของทางร้าน และ Mixed berries Smoothies สมูทตี้ที่ผสมเบอร์รี่ปั่นรวมกัน รสชาติเปรี้ยวอมหวานดื่มแล้วสดชื่น
ส่วนใครไม่ดื่มกาแฟ แนะนำไปจิบน้ำชายามบ่ายริมแม่น้ำปิงที่ “เวียงจูมออน ทีเฮ้าส์” ร้านชาระดับพรีเมี่ยมชื่อดังของเมืองเชียงใหม่ ตัวร้านตกแต่งสวยงามเก๋ไก๋มีกลิ่นอายความเป็นโมร็อคคันผสมอยู่ วันที่เราไปลูกค้าคนอื่นๆ ส่วนใหญ่เลือกนั่งโซนด้านในที่มีเครื่องปรับอากาศ แต่เราขอออกไปจิบน้ำชาชมสวนกันดีกว่า นานๆ ทีจะได้มีโอกาสชมสวนเขียวๆ จิบชา ฟังเสียงฝนไปด้วยแบบนี้
พวกเรามากันสองคนเลยเลือกสั่งเป็น Scone Set สโคนนุ่มๆ เสิร์ฟคู่กับโฮมเมดแยมและไลท์ครีม พร้อมน้ำชาร้อนๆ ที่เราสามารถเลือกรสชาติได้ เราเลือกสั่ง “ชาเชียงใหม่” ชาผลไม้ที่มีส่วนผสมของแอปเปิ้ล กระเจี๊ยบอบแห้ง และซินนามอน ได้นั่งจิบน้ำชาร้อนๆ หอมๆ ท่ามกลางสายฝนปรอยๆ ด้านนอกเข้ากับบรรยากาศมากๆ เลยค่ะ
เช็คอินคาเฟ่กันจุใจแล้ว เราออกมาเดินเล่นถ่ายรูปกับตึกเก่าสวยๆ ที่มีเสน่ห์ในย่านชุมชนวัดเกต เชียงใหม่ อาคารแถวนี้ส่วนมากเป็นตึกแถวโบราณ บางตึกปรับปรุงเปิดเป็นร้านอาหาร แกลเลอรี่ หรือร้านขายของที่ระลึกด้านล่าง แค่ได้ซึมซับซับบรรยากาศแบบนี้ ก็เหมือนได้ย้อนกลับไปเที่ยวเชียงใหม่เมื่อหลายสิบปีก่อนเลยค่ะ
ปิดท้ายทริปเชียงใหม่ของเราด้วยการไปเดินเที่ยวที่ตรอกเล่าโจ๊ว หรือที่รู้จักอีกในชื่อว่า“กาดม้ง” ไปเดินช้อปปิ้งเลือกซื้อของฝากที่มีให้เลือกละลานตา ทั้งเสื้อผ้า ของตกแต่งบ้าน และของที่ระลึก ส่วนใหญ่เป็นงานแฮนด์เมดฝีมือของชาวเขาเผ่าม้งที่นำมาขายเองโดยตรง ราคาไม่แพง แถมสามารถต่อรองได้ด้วย เราเลือกซื้อกระเป๋าลายผ้าม้งติดมือกลับไปหลายใบเลยค่ะ
ช้อปเพลินจนเกือบลืมเวลา เรารีบขับรถไปสนามบิน คืนรถเช่า และเช็คอินขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในไฟลท์ตอนค่ำกันค่ะ บอกเลยว่าทริปนี้ถึงจะผิดแผนไปบ้าง แต่สนุกและประทับใจเกินคาดสุดๆ หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากมาตามรอยทริปเที่ยวเชียงใหม่ฟินๆ แบบพวกเรา แล้วมองหาแพ็คเกจตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักสุดคุ้ม ลองเข้าไปดาวน์โหลด App ที่ https://bit.ly/2lj1iqP แล้วเลือกจองแพ็คเกจแบบ โรงแรม + เที่ยวบิน หรือจองผ่านหน้าเว็บ Expedia ได้ที่ลิงค์นี้เลยค่ะ https://bit.ly/2lhcWmb
จองโรงแรมและที่พักในเชียงใหม่>> https://bit.ly/2teQxKT
โรงแรมดุสิตดีทู เชียงใหม่>> https://bit.ly/2M4wWE4
Tags: เชียงใหม่ เที่ยวเชียงใหม่ ม่อนแจ่ม ม่อนตะวัน ที่เที่ยวเชียงใหม่ ที่เท่ียวแม่ริม ร้านอาหารแม่ริม คาเฟ่แม่ริม The Ironwood จังเกิ้ล เดอ คาเฟ่ โป่งแยง จังเกิ้ลโคสเตอร์ แอนด์ ซิปไลน์ แกรนด์แคนยอนเชียงใหม่ บ้านข้างวัด ที่พักเชียงใหม่ ดุสิตดีทูเชียงใหม่ ม่อนแกะ ดอยอินทนนท์ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา Daddy's Antique Cafe and Restaurant ร้านอาหารเชียงใหม่ คาเฟ่เชียงใหม่ วัดอุโมงค์ เวิ้งมาลัย Paper Spoon Woo Cafe เวียงจูมออน ทีเฮ้าส์ วัดเกต ตรอกเล่าโจ๊ว กาดม้ง จองตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พัก แพ็คเกจ expedia เอกซ์พีเดีย แอพจองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม โปรโมชั่น ราคาถูก
ทริปตัวอย่าง | 18 ธ.ค. 2024 | 99 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 12 ธ.ค. 2024 | 295 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ธ.ค. 2024 | 383 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 27 พ.ย. 2024 | 510 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 26 พ.ย. 2024 | 723 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 11 พ.ย. 2024 | 1,032 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 01 ธ.ค. 2024 | 473 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 พ.ย. 2024 | 906 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 28 ต.ค. 2024 | 1,238 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 1,397 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 ต.ค. 2024 | 1,759 อ่าน