calendar_month 30 พ.ค. 2018 / stylus Admin Chillpainai / visibility 39,205 / ทริปตัวอย่าง
หน้าฝนใครว่าเที่ยวไม่ได้?! เราอยากจะชวนทุกคนออกไปลองทำอะไรท้าทายใหม่ๆ ขับรถมอเตอร์ไซค์เที่ยวซอกแซกทั่วกรุงเทพฯ กับย่านเก่าที่มีเสน่ห์อย่าง “บางรัก-เจริญกรุง-คลองสาน” กันดู พร้อมแล้วคว้าแจ๊คเก็ตกับหมวกกันน็อค…ออกไปซิ่งกันเลย!
ทริปนี้เราเลือก GPX รุ่น Demon 150 GR เป็นพาหนะคู่ใจที่จะพาเราซอกแซกตะลุยกรุงเทพฯ ปกติเคยแต่ขี่รถคันใหญ่ๆ ออกทริปต่างจังหวัดไกลๆ พอได้มาจับเจ้า Demon 150 GR คันนี้ รู้สึกว่าคล่องตัว ทำความเร็วได้ดีเหมาะกับถนนที่รถเยอะๆ และตรอกซอกซอยเล็กๆ ในกรุงเทพฯ แถมยังมาพร้อมกับดีไซน์เท่ๆ แบบสปอร์ตฟูลแฟริ่ง (Sport Full Faring) ดีไซน์ล้อ 14 นิ้ว พร้อมหน้ากากคลุมทั้งคัน ให้ลุคทั้งเท่โฉบเฉี่ยวและสปอร์ตแบบ 2 in 1
เริ่มต้นออกสตาร์ทกันที่แถวสาทร เลี้ยวเข้าสาทรซอย 8 แวะไปหลบฝนจิบกาแฟที่ Coffeelism Stand ร้านกาแฟเล็กๆ แต่คุณภาพคับแก้ว จนกลายเป็นร้านเด็ดขวัญใจของพนักงานออฟฟิศและคนทำงานในย่านนี้
ช่วงวันธรรมดาตั้งแต่เช้าไปจนถึงเที่ยง เราจะเห็นคนมาต่อคิวซื้อกาแฟกันยาวเหยียด แต่ถ้ามาช่วงเช้าๆ วันหยุดเสาร์อาทิตย์จะชิลกว่า…
เมนูแนะนำของที่นี่ มาแล้วต้องสั่งกันทุกคนคือ Black Cocoa ที่ใช้ผงคาเคา (Cacao) ที่ได้จากเมล็ดโกโก้ที่ผ่านการบดแบบเย็น ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้นกว่าโกโก้ธรรมดา
ส่วนใครเป็นคอกาแฟต้องลอง Café Late ที่ทางร้านใช้เมล็ดกาแฟพันธุ์ดี มาผสมจนได้เป็นกาแฟ House blend ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ทั้งเข้มข้นแถมยังราคาไม่แพง โดนใจชาว Coffee Lover แน่นอน!
หลังจากฝนจางเม็ดและได้คาเฟอีนมากระตุ้นความคึกคัก เราก็ขี่รถไปเช็คอินแลนด์มาร์คในย่านบางรักกันต่อที่ซอยเจริญกรุง 36 เพื่อชม “อาคารศุลกสถาน” หรือที่รู้จักกันในชื่ออดีตสถานีตำรวจดับเพลิงบางรัก ตึกสวยทรงคลาสสิคอายุกว่า 130 ปี ตั้งโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
แม้ปัจจุบันนี้ที่นี่จะถูกเปลี่ยนมือไปเป็นของเอกชน และมีข่าวว่าจะสร้างเป็นโรงแรมหรูแทนที่ บริเวณด้านหน้าอาคารกลายเป็นลานที่จอดรถส่วนบุคคลแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงความงามของอาคารรูปแบบสถาปัตยกรรมนีโอ-ปัลลาเดียน (Neo-Palladion) หลงเหลือให้เห็นอยู่ผ่านลวดลายปูนปั้นที่บริเวณขอบระเบียงและซุ้มหน้าต่างทรงโค้ง รวมทั้งรูปปั้นบนยอดจั่วอาคารด้านนอก
เนื่องจากเป็นสถานที่ส่วนบุคคล เราจึงจอดรถไว้ด้านหน้าแล้วชมความสวยงามของที่นี่แทน ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวหลังฝนตก เราค้นพบมุมเล็กๆ ที่น่าบันทึกความทรงจำไว้ ว่าครั้งหนึ่งสถานที่แห่งนี้ได้ผ่านกาลเวลามายาวนานขนาดไหน ร่องรอยของผนังอิฐเก่าที่กะเทาะบนกำแพงคือคำตอบได้อย่างดี
นอกจากอาคารเก่าสวยๆ แล้ว ในย่านบางรัก-เจริญกรุงยังขึ้นชื่อเรื่องเป็นจุดถ่ายภาพสตรีทอาร์ทสุดฮิปในกรุงเทพฯ Mission ต่อไปของเราคือการขี่รถตามหาสตรีทอาร์ทสวยๆ นั่นเอง ข้อดีของการขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวแบบนี้ คือไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องที่จอดรถ สามารถซอกแซกเข้าซอยนั้นออกซอยนี้ได้สะดวก
ขับมาเรื่อยๆ ก็สะดุดตาเข้ากับสตรีทอาร์ทบนผนังตึกบริเวณปากซอยเจริญกรุง 28 เลยหยุดจอดรถถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันซะหน่อย ภาพสตรีทอาร์ทบริเวณจุดนี้มีขนาดใหญ่ สภาพยังใหม่และค่อนข้างสมบูรณ์ วาดจนเต็มผนังตึกสองชั้นที่ตั้งอยู่ริมปากซอยทั้งสองฝั่งที่เป็นอาคารห้องแถวเก่าแก่
อาคารด้านหนึ่งที่เป็นจุดภาพวาดสตรีทอาร์ท เป็นที่ตั้งของโฮสเทลชื่อว่า Old Town ชั้นล่างเปิดเป็นคาเฟ่เล็กๆ ชื่อ “Miss Sunshine Coffee Corner” ไหนๆ ถ่ายรูปกับสตรีทอาร์ทแล้ว เลยแวะหลบร้อนนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ กันสักแป๊บนึง
จากเจริญกรุง 28 เราขับรถมาตามถนนเยาวราชแล้วทะลุเข้าเส้นทรงวาด เพื่อไปตามหารูปภาพสตรีทอาร์ทชิ้นต่อไปกันต่อ ขอบอกว่าช่วงกลางวันแบบนี้รถเยอะมากๆ แต่เราก็อาศัยสกิลและไซส์ของรถที่มีขนาดกะทัดรัดค่อยๆ ซอกแซกผ่านไปได้ นี่ถ้าหากขับรถยนต์มาคงต้องเสียเวลาติดอยู่บนถนนอีกนานพอสมควรเลยทีเดียว
ในที่สุดเราก็มาถึงสตรีทอาร์ทที่ตั้งใจมาตามหาซะที!! เป็นภาพช้างตัวใหญ่สองตัวบนผนังกำแพงตึก พิกัดค่อนข้างลึกลับสำหรับคนที่ไม่ค่อยคุ้นกับถนนเส้นนี้ แต่เราขับตาม GPS มาเรื่อยๆ ปักหมุดไว้ที่ “ลานจอดรถสำเพ็ง” พิกัดตรงเป๊ะ…ไม่ต้องกลัวหลง จอดรถไว้ริมถนนแล้วลงไปถ่ายรูปกัน! ถึงแม้องค์ประกอบภาพอาจไม่สมบูรณ์เพราะพื้นที่ข้างตัวตึกเป็นลานจอดรถ แต่เรากลับมองว่ามันเป็นเสน่ห์แบบดิบๆ ที่ไม่ได้ปรุงแต่งดี เข้ากับความเป็นสตรีทอาร์ทแบบนี้…ที่งานศิลปะสามารถอยู่ได้ทุกที่ ทั้งข้างถนน ไปจนบนผนังตึกเก่าแบบนี้
บนผนังฝั่งตรงข้ามยังมีงานกราฟิตี้บนผนังตึกอีกแห่ง แม้อาจไม่โด่งดังเท่าผลงานรูปช้าง แต่เราก็มองว่ามันสวยไปอีกแบบเหมือนกัน ที่สำคัญ…คือมันเป็นผลงานที่สะท้อนถึงความตั้งใจของศิลปินผู้สร้างสรรค์ กว่าจะสร้างผลงานบนผนังตึกสูงหลายชั้นแบบนี้สำเร็จคงไม่ใช่เรื่องง่าย
จากจุดริมถนนทรงวาด หน้าจอโทรศัพท์เราเตือนว่าแบตเตอรี่ใกล้หมดพอดี เลยจัดการเสียบสาย USB ชาร์จมือถือไปพลางๆ จัดว่าเป็นอีกฟังก์ชั่นที่สะดวกเหมาะกับคนที่ชอบขี่รถมอเตอร์ไซค์เที่ยว ไม่ต้องพกพาวเวอร์แบงค์ให้พะรุงพะรังหนักกระเป๋า
จุดหมายที่ต่อไปของเราคือ Warehouse 30 คอมมูนิตี้เปิดใหม่สุดฮิปในย่านเจริญกรุง ที่เนรมิตโกดังเก่าสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้กลายเป็นพื้นที่ที่รวบรวมทั้งงานศิลปะ ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ และไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุคใหม่ ผสมเข้ากับ Story และความมีเสน่ห์ของย่านเจริญกรุง ช่วยพลิกโฉมให้ย่านนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง นอกจากตั้งใจว่าจะมากินมื้อเที่ยงที่นี่แล้ว เรายังอยากจะมาเดินเล่นดูร้านค้าดีไซน์เจ๋งๆ และอาร์ตแกลเลอรี่ที่นี่ ระหว่างรอเวลานัดเพื่อนตอนเย็น
ภายในโครงการ Warehouse 30 มีร้านอาหารและคาเฟ่ให้เลือกหลากหลายร้าน เราเลือกไปเช็คอินกันที่ร้าน The Fox and The Moon Cafe ร้านอาหารแบบ All Day Brunch ที่มีคอนเซ็ปต์ไม่เหมือนใคร โดยเกิดจากความตั้งใจของเจ้าของร้านอย่าง แพร-พิมพ์ลดา ไชยปรีชาวิทย์ เซเลบริตี้เชฟ ที่ต้องการนำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาครีเอทเป็นเมนูพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของร้านขึ้นมา
แน่นอนว่า เราเองก็ไม่พลาดที่จะลองชิมเมนูแนะนำของร้านว่าจะแตกต่างและครีเอทขนาดไหน ประเดิมด้วยจานแรกกับ The MOON Soup ซุปรสชาติเข้มข้นที่ผสมเนื้อปูและหมึกดำ โดยมีจุดเด่นคือไข่แดงที่หยอดเป็นรูปวงกลมคล้ายพระจันทร์อยู่ตรงกลาง เวลาทานทางร้านจะจุดไฟเผาก้านโรสแมรี่ที่อยู่บนขอบจานทำให้มีกลิ่นหอมและช่วยลดกลิ่นคาวของไข่แดง
ต่อกันด้วยเมนูที่สอง กับ “Spicy Quinoa Salmon” สลัดควินัวและแซลมอนรมควัน ราดด้วยน้ำสลัดซีฟู้ดรสแซ่บจัดจ้านสไตล์แบบไทยๆ จัดเป็นเมนูฟิวชั่นที่เก๋ไก๋ไม่เบา แต่ขี่รถมาทั้งวัน…ยังไงก็ขอเติมพลังให้อยู่ท้องด้วยจานหลักอย่าง “สปาเก็ตตี้ปลาเค็ม” ที่ทางร้านใช้ปลาเค็มจากท้องถิ่นมาทำเป็นเมนูฟิวชั่นผัดเข้ากับเส้นสปาเก็ตตี้ โรยหน้าด้วยหมูแผ่นอบกรอบ เป็นหมูแผ่นแบบไทยแท้ๆ ไม่ใช่เบคอน รสชาติกลมกล่อมลงตัวเลยทีเดียว
ตบท้ายด้วยเครื่องดื่ม Signature ของทางอย่าง “The Fox Nitro Soda” ซึ่งเป็นโซดาที่ทางร้านทำเองจากส่วนผสมอย่างน้ำลิ้นจี่ บ๊วยดอง และขมิ้น ผสมกับโคล่าที่ทำจากเมล็ดกาแฟเป็นช็อตอยู่ด้านล่าง ก่อนเติมไนโตรโซดาลงไป จิบแล้วให้ทั้งความรู้สึกสดชื่นจากน้ำโซดา แต่ยังคงให้รสชาติความลึกเข้มข้นของกาแฟโคล่าในแก้วเดียวกัน แนะนำให้ลองสั่งมาชิมดู
อิ่มแล้ว ไปเดินเล่นย่อยอาหารในโครงการกันต่อ อย่างที่บอกว่าใน Warehouse 30 มีทั้งอาร์ตแกลเลอรี่ และร้านค้าดีไซน์เก๋ๆ ชิคๆ อีกหลายร้าน แต่ที่เรารู้สึกชอบมากก็คือ การออกแบบให้แต่ละร้านมีสเปซที่สามารถเชื่อมต่อกัน คุณอาจนั่งทานอาหารที่ร้านนี้ แล้วเดินทะลุกำแพงโกดังไปเดินดูเสื้อผ้า หรือของตกแต่งบ้านที่อีกฝั่งหนึ่งก็ได้ ทำให้เรารู้สึกมีอิสระในการเคลื่อนไหว ไม่จำกัดอยู่ในพื้นที่แคบๆ
นั่งชิล เดินเล่นชมงานศิลปะอยู่สักพัก อยู่ๆ แดดที่จ้าก็หายวับไปพร้อมกับเมฆก้อนใหญ่ที่ตั้งเค้า ท้องฟ้ามืดครึ้มทะมึนมีเสียงฟ้าร้องคำรามมาแต่ไกล พอเราขี่รถออกมาได้แป๊บเดียว…ฝนเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้ง เรียกว่าวันนี้เจอครบทั้งแดดจ้าและฝนกระหน่ำ สมรรถภาพของรถนับเป็นสิ่งที่สำคัญในช่วงหน้าฝนแบบนี้
ซึ่งโชคดีที่นอกจากดีไซน์สวยๆ แล้ว GPX รุ่น Demon 150 GR ยังมีจุดเด่นอยู่ที่โช้คอัพหน้าแบบหัวกลับ Upside-down จากแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง KAYABA เสริมความแน่นให้อารมณ์สปอร์ตแบบเต็มๆ จัดไฟหน้า - หลัง แบบ Full LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยว พร้อมเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวรถด้วย Realest Trellis Frame เฟรมถักแบบรอบคัน เวลาขี่ไปบนถนนที่เปียกและมีน้ำฝนเกาะอยู่บนพื้นถนนลื่นๆ ก็มีระบบดิสก์เบรกหน้า-หลังทำให้มั่นใจได้ทุกครั้งที่มีการเบรกว่ารถจะไม่สะบัดจนเสียการทรงตัว
เราขี่รถฝ่าสายฝนที่โปรยปรายลงมาข้ามไปยังฝั่งธนฯ เพราะตอนเย็นเรามีนัดกับกลุ่มเพื่อนไปแฮงค์เอาท์กันที่ “ล้ง 1919” ที่เที่ยวแลนด์มาร์คใหม่ของกรุงเทพฯ ที่บูรณะอาคารและท่าเรือเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิง Heritage ที่อนุรักษ์สถาปัตยกรรมไทย-จีนเอาไว้
สุภาษิตที่บอกว่า “ฝนตกไม่ทั่วฟ้า” คงเหมือนกับสถานการณ์ตอนนี้ของเราจริงๆ เพราะปรากฏว่าฝั่งโน้นยังแห้งสนิท ไม่มีเม็ดฝนให้เห็นสักนิด…เหมือนท้องฟ้ากลั่นแกล้งให้เปียกเล่นซะงั้น! แต่พอถึงจุดหมายปลายทาง อารมณ์เซ็งก็ค่อยๆ หายไป เราทิ้งสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจไว้ข้างหลัง ได้มีโอกาสมาทักทายเจอเพื่อนๆ ที่ไม่ได้เจอกันนานทั้งที…จะให้ฝนตกแค่นี้มาทำให้เป็นอุปสรรคไปทำไม?
พวกเรานัดเจอกันที่ “ร้านเพลินวานพาณิชย์” ร้านกาแฟบรรยากาศสไตล์โบราณคลาสสิคในยุค1920 ซึ่งนอกจากจะเสิร์ฟเมนูกาแฟคุณภาพดีที่ปลูกภายในประเทศเท่านั้น ที่นี่ยังมีเมนูอาหารจานเด็ดให้ลิ้มลองอีกเพียบ
พอไปถึงพวกเพื่อนๆ ก็จัดเต็มสั่งรอไว้แล้วเต็มโต๊ะ ท่าทางจะหิวจัดกันทุกคน มีทั้งผัดไทย, ข้าวไข่ทรงเครื่องกระทะร้อน และจานเด็ดอย่างข้าวผัดปลาทู ที่ทางร้านใช้ข้าวกล้องมันปูมาผัด ตบท้ายด้วยของหวานและเครื่องดื่มอย่าง ไอศกรีมแตงโมปลาแห้ง, จี๊ดจ๊าดหวานเย็น และกาแฟน้ำตาลสดอีกคนละแก้ว กินกันไปคุยกันไปเพลินจนแทบลืมเวลาเลยทีเดียว
สุภาษิตจีนบอกว่า ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีวันเลิกรา…หลังจากทานข้าวกันเสร็จแล้วทุกคนก็โบกมือแยกย้าย ไม่ลืมที่จะนัดเจอกันใหม่อีกครั้งหน้า ส่วนเราขอเดินเล่นซึมซับบรรยากาศที่นี่ต่ออีกสักนิด คิดไม่ผิดที่ยอมขี่รถฝ่าฝนเพื่อมาเจอเพื่อนๆ ทุกคนที่นี่ ถึงจะเปียกปอนบ้าง…แต่แลกกับบทสนทนาดีๆ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ แถมยังได้เดินเล่น ถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้แบบนี้ แค่นี้ก็เกินคุ้ม
ถ่ายรูปได้สักพัก ฝนก็เทกระหน่ำลงมาอีก เรารอให้ฝนซาแล้วค่อยขี่รถกลับบ้าน ได้มีโอกาสชมวิวกรุงเทพฯ ช่วงพลบค่ำที่ชุ่มฉ่ำโปรยปรายไปด้วยละอองฝนเล็กๆ…เป็นอันจบทริปขี่รถเที่ยวกรุงเทพฯ กลางสายฝน จะว่าไปแล้วก็ต้องขอบคุณฤดูฝนที่สอนให้เรารู้จักอดทนและรอคอย อย่างที่มีคนเคยพูดไว้ว่า “ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ” เราเคยคิดว่ามันก็แค่ประโยคที่เอาไว้ปลอบใจตัวเองรึเปล่า? แต่พอได้มีโอกาสมาลองสัมผัสดูจริงๆ ก็ได้ข้อสรุปให้กับตัวเองว่า ถ้าเราไม่กล้าที่จะออกไปไหนเพียงเพราะกลัวเปียกฝน แล้วจะได้เจอประสบการณ์และความสวยงามในมุมมองอื่นๆ แบบนี้ได้ยังไง จริงไหมครับ?
Tags: กรุงเทพ ที่เที่ยวกรุงเทพ ที่เที่ยวบางรัก ที่เที่ยวเจริญกรุง ที่เที่ยวคลองสาน สตรีทอาร์ท Street Art Warehouse 30 ที่เที่ยวเปิดใหม่ในกรุงเทพ The Fox and The Moon Cafe คาเฟ่กรุงเทพ ร้านอาหาร All Day Brunch ล้ง 1919 เพลินวานพาณิชย์ ที่เที่ยวถ่ายรูปสวยในกรุงเทพ ขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยว มอเตอร์ไซค์ GPX Demon 150 GR
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 553 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 ต.ค. 2024 | 919 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ต.ค. 2024 | 649 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่กิน ทริปตัวอย่าง | 11 ก.ย. 2024 | 1,998 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 05 ส.ค. 2024 | 1,756 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 31 ก.ค. 2024 | 1,249 อ่าน
ทริปตัวอย่าง ที่เที่ยว | 25 ก.ค. 2024 | 1,184 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 23 ก.ค. 2024 | 1,887 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 16 ก.ค. 2024 | 1,369 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 05 ก.ค. 2024 | 1,682 อ่าน