calendar_month 23 เม.ย. 2018 / stylus Admin Chillpainai / visibility 52,660 / สถานที่ยอดนิยม
เคยมีความรู้สึกที่อยากทำอะไรท้าทาย ก้าวข้ามขีดจำกัดและความกลัวของตัวเองกันบ้างมั้ยคะ ? ไม่ต้องเป็นกิจกรรมผาดโผน แอดเวนเจอร์ หรือทำอะไรแปลกๆ เสี่ยงอันตรายก็ได้ เพราะสำหรับเราแค่การเดินทางไปเที่ยวในสถานที่แปลกใหม่ ที่ไม่เคยคิดว่าจะลองไปมาก่อนก็ถือเป็นเรื่องท้าทายในระดับนึงเช่นกัน ซึ่งครั้งนี้เราเลือกที่จะไปสัมผัสประสบการณ์แบบอินเดีย เฟิร์สไทม์ ลอง "ตะลุยอินเดียครั้งแรก" กันล่ะ ! ตามไปดูดีกว่าว่ามือใหม่หัดเที่ยวอินเดียอย่างเรา จะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบอกต่อกันบ้างกับ 15 เรื่องที่คุณ(อาจ)ไม่รู้ สำหรับมือใหม่หัดเที่ยวอินเดีย ฉบับนี้เล้ยยย...
หลายคนชอบเข้าใจว่าประเทศอินเดีย เที่ยวได้ฟรี ไม่ต้องง้อวีซ่า บอกเลยว่าคิดผิดถนัดนะจ๊ะ เพราะถึงอินเดียจะเป็นประเทศในเอเชียบ้านเรา แต่ก็ต้องเสียเงินทำวีซ่าเช่นเดียวกัน เพียงแต่อาจจะสะดวกสบายกว่าประเทศอื่นนิดหน่อย ก็ตรงที่นักท่องเที่ยวสามารถทำ e-visa ผ่านทางเวปไซต์ https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html ใช้เวลาไม่เกิน 3 วัน หรือเร็วที่สุดภายใน 24 ชั่วโมงก็รู้ผล แถมราคายังประหยัดกว่าเยอะ คิดค่าเสียหายออกมาประมาณพันกว่าบาทเท่านั้นเอง ส่วนรูปที่ใช้ทำวีซ่านั้นจะใช้เป็นพื้นหลังสีขาว ขนาด 1x1 นิ้ว ถ่ายจากมือถือได้เลย จากนั้นพอวีซ่าผ่านแล้วที่เหลือ เราก็แค่ปริ้นท์แบบฟอร์มยืนยัน ตั๋วเครื่องบิน เอกสารที่พักต่างๆ เตรียมพร้อมไปยื่นให้ตม.ดู แค่นี้ก็ผ่านฉลุย พร้อมตะลุยอินเดียกันแล้ว เฮ้ !
เรียกว่าเป็นธรรมเนียมสำหรับการไปเที่ยวต่างประเทศที่มักจะต้องให้ทิป แต่บอกเลยว่าที่ประเทศอินเดีย โหดกว่านั้น !! เพราะไม่ว่าเราจะไปเที่ยว หรือเคลื่อนไหวตัวทำอะไรก็ตามที มักจะมีคนอาสามาช่วยเหลือในแทบจะทุกขั้นตอน ที่สำคัญ คือเค้าไม่ลังเลที่จะขอทิป หรือทวงกับเราแบบตัวต่อตัวซะด้วย ต่อให้คนนั้นจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือชาวบ้านธรรมดาก็ตามที ซึ่งทางที่ดี แนะนำว่าให้เลือกปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือ หรือไม่ก็ลองหาเป็นแบงค์ย่อยเตรียมเอาไว้จะดีกว่า รับรองได้ใช้อย่างแน่นอนจ้า
การกินอาหารต่างบ้านต่างเมือง ถือเป็นอะไรที่ค่อนข้างท้าทายเราพอสมควร สำหรับคนที่มาจากประเทศที่เต็มไปด้วยอาหารอร่อยทุกตรอกซอกซอยอย่างประเทศไทย แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารไทยที่ออกมาจากปากพ่อบ้านในที่พักเราก็ตาม ขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่า ที่นี่อินเดีย ! เพราะรสชาติที่ได้มาก็จะเป็นรสชาติอาหารไทยในสไตล์อินเดียนี่แหละจ้า ทั้งเมล็ดข้าวรูปร่างแปลกตา รสชาติที่เหมือนมีเครื่องเทศอยู่ในทุกเมนู นี่ยังไม่นับรวมเมนูแปลกๆที่เราไม่ได้สั่งเพราะอ่านไม่ออกอีกมากมาย แนะนำเลยว่าวิธีเอาตัวรอดง่ายๆ นอกจากมาม่า และโจ๊กกระป๋องในกระเป๋าที่ขนข้ามน้ำข้ามทะเลมาด้วยแล้ว คำว่า "Plain Omelette" จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน อ๊ะๆ ~ แต่บางเมนูก็ว่าไม่ได้นะจ๊ะ เพราะมันอร่อยจนต้องยกนิ้วให้เลยทีเดียว เอาเป็นว่า ใครอยากรู้ว่าอาหารอินเดียฉบับออริจินอลเป็นยังไง แนะนำว่าต้องมาลองด้วยตัวเองดูสักครั้งจริงๆ
ไม่ว่าเราจะไปเที่ยวที่ไหน การมีสติ รอบคอบ และระมัดระวังตัวอยู่เสมอถือเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะกับเรื่องเงินๆทองๆ ที่ประเทศอินเดีย เพราะต่อให้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเองก็ตาม เราก็อาจจะโดนโกงได้แบบหน้าตาเฉยไม่รู้ตัว ! ยกตัวอย่างเคสที่เราโดนมา คือ การเรียกแท็กซี่สนามบินตอนกลางคืนในราคา 550 รูปี ซึ่งเราและเพื่อนมั่นใจมากว่าตอนจ่ายเงินได้ยื่นแบงค์ 500 กับแบงค์ 50 ไป แต่แค่เสี้ยววินาทีที่เจ้าหน้าที่ชักชวนให้เราคุยกับเพื่อนนั้น หันกลับมาอีกที เจ้าหน้าที่บอกเราว่า มันคือแบงค์ 100 !! ด้วยความที่กำลังงงและงัวเงีย เพื่อนเราจึงควักแบงค์ 500 เพิ่มให้อีกใบ กว่าจะรู้ตัวคือตอนมาที่นับเงินแล้วหายไป 400 รูปี ประมาณ 200 กว่าบาทจ้า #นี่แปลว่ามาถึงอินเดียแล้วจริงๆสินะ #ทำไมถึงทำกับฉันได้
การเดินทางในอินเดีย สามารถเลือกได้หลากหลายทาง ซึ่งวิธียอดฮิตหนึ่งในนั้น คือ การใช้บริการรถแท็กซี่ค่ะ แต่ก็เสี่ยงเหลือเกินกับการโดนชาร์จเงินแบบไม่ยุติธรรม แล้วยังต้องเสี่ยงกับการโดนโกงซะอีก ทางที่ดีหากต้องการจะเดินทางไปไหน แนะนำว่าให้เรียกใช้ Uber ไปเลยจะดีกว่า เพราะเมื่อคิดออกมาแล้ว ราคาต่างกับแท็กซี่ธรรมดาแค่นิดเดียวเท่านั้น ที่สำคัญคือสามารถเรียกผ่านแอปพลิเคชั่นเหมือนบ้านเราได้เลย สะดวกสุดๆ
ยอมรับเลยว่า การจราจรในประเทศอินเดียนี่โหดสูสีใกล้เคียงกับเวียดนาม ไม่เพียงแต่เรื่องการบีบแตรที่เสียงสนั่นไปสามบ้านแปดบ้านแล้ว ก็ต้องยกให้สกิลการข้ามถนนของประชาชนชาวอินเดียไปครอบครองนี่แหละ เพราะการจะข้ามถนนแต่ละครั้งของคนที่นี่ ไม่มีทั้งการลังเล หรือรีรอใครอย่างแน่นอน เรียกว่าข้ามได้ข้าม และต้องข้ามให้ได้ด้วย !! โดยเฉพาะตามสี่แยกใหญ่ ที่จะมีรถราพุ่งเข้ามาหาเราจากทุกสารทิศ ซึ่งวิธีแก้ปัญหาง่ายๆ ถ้าหากจำเป็นต้องข้ามถนนที่อินเดียก็คือ แนะนำให้หาจังหวะข้ามไปพร้อมกับคนอินเดียเลยจ้า ขอบอกว่าเวิร์คที่สุดแล้ว 55555
ประเทศอินเดียเค้าก็มีรถไฟใต้ดิน และรถไฟไฟฟ้ามาหานะเธอ ยิ่งถ้าคุณเลือกเที่ยวในเมืองหลวงอย่างนิวเดลีแล้ว การเดินทางด้วย Metro เป็นอะไรที่สะดวกสบาย และเที่ยวได้ง่ายมาก จนถึงมากที่สุด โดยนักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตรโดยสารแบบ Tourist Pass ได้ในราคา 200 รูปี ซึ่งจะแบ่งเป็นค่าตั๋ว 150 รูปี และอีก 50 รูปีเป็นค่ามัดจำบัตร สามารถนั่งกี่เที่ยวก็ได้ภายใน 1 วัน และจะได้เงินค่ามัดจำคืนเมื่อคืนบัตร แต่สำหรับเราเลือกเก็บไว้เป็นที่ระลึกมากกว่า เพราะคิดไปคิดมาก็แค่ 25 บาทเท่านั้นเอง
ความพิเศษอีกหนึ่งอย่างของนักท่องเที่ยวชาวไทยเรา คือ ในสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งของประเทศอินเดีย เมื่อโชว์พาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทางไทย ยังสามารถใช้ลดค่าบัตรผ่านประตูได้ในราคาเทียบเท่าคนอินเดียเลยค่ะ ซึ่งข้อยกเว้นในส่วนนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักแพร่หลายในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยมากนัก เอาเป็นว่าถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสได้ไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยว หรือโบราณสถานในอินเดียเมื่อไหร่ ก็อย่าลืมติดพาสปอร์ตไปยื่นให้เจ้าหน้าที่เป็นการรักษาผลประโยชน์ตัวเองกันด้วยล่ะพวกเธอ
ติดตามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> https://learningpune.org/2015/03/10/bimstec
หมายเหตุ : ยกเว้นที่ทัชมาฮาล และราคาค่าเข้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง
แม้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ที่ Recommended ว่าต้องไปเยือนสักครั้งให้ได้ แต่รู้หมือไร่ ? กับบางสถานที่บางแห่งในประเทศอินเดียก็มีข้อยกเว้น เกี่ยวกับการถ่ายภาพอยู่เหมือนกันนะ รวมถึงยังมีการตรวจสอบที่ค่อนข้างเข้มงวด ทั้งแบบเครื่องสแกน และระบบลูบๆคลำๆ เลยทีเดียว แต่ไม่ต้องห่วงไปค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่เค้าจะทำการแยกตรวจค้นออกเป็นฝั่งชาย-หญิง ปลอดภัยแน่นอน และถึงแม้เราจะเอาของมีค่าอย่างกล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือเข้าไปด้านในไม่ได้ แต่ระบบฝากของที่ดีเยี่ยม มีการถ่ายรูปยืนยันตัวตนแสดงความเป็นเจ้าของก็ทำให้เราสามารถชื่นชมความสวยงามของสถานที่ต่างๆได้แบบไม่ต้องกังวล ตัวอย่างเช่น มหาวิหาร Akshardham Temple ในกรุงนิวเดลี เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสถานที่บางแห่งที่สามารถถ่ายรูปได้ แต่จะมีค่าใช้จ่าย หรือสามารถถ่ายรูปได้ แต่ห้ามใช้ขาตั้งกล้องแตกต่างกันออกไปจ้า
หลายคนเคยบอกเราไว้ว่า คนอินเดียชอบเซลฟี่มาก ตอนได้ฟังครั้งแรกใจเราก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แถมยังขำด้วยนะว่าอะไรมันจะขนาดนั้น แต่พอได้ไปสัมผัสประสบการณ์อินเดียเฟิร์สไทม์แล้วนั้น เฮ้ย มันจริงยิ่งกว่าจริง ! โดยเฉพาะกับเมืองหลวงอย่างกรุงนิวเดลี ไม่ว่าคุณจะถ่ายรูปกับเพื่อนในกลุ่ม ถ่ายกับแฟน หรือถ่ายอะไรอยู่ก็ตาม มักจะชอบมีคนอินเดียมาขอแจมเซลฟี่กับบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยเสมอ จนบางทีพวกเค้าถึงขั้นยอมรอต่อคิวเพื่อให้ได้เซลฟี่กับเราเลยก็มี รู้แบบนี้แล้วไปอินเดียคราวหน้า เช็คเสื้อหน้าผมให้เป๊ะปังไว้ก่อนยิ่งดี เพราะไม่แน่นะว่าคุณอาจจะเข้าขั้นฮอตจนต้องวิ่งหนีกล้องเลยก็ได้ 555555
เวลาซื้อของในประเทศอินเดีย ทางที่ดีเมื่อพ่อค้าหรือแม่ค้าบอกราคามาให้ลองต่อราคาไว้ก่อน ยิ่งถ้าใครมีสกิลการต่อของเก่งล่ะก็ ขอบอกเลยว่าลองต่อไปเลยจ้าแบบ 50/50 นี่แหละ ! แม้ว่าในครั้งแรกคนขายจะบอกว่าลดไม่ได้ก็ตามที แต่เชื่อเถอะว่าตื๊อและอดทนให้หนักแน่นเข้าไว้ ผลที่ได้มักจะดีเสมอ 55555 ถึงสุดท้ายจะลดให้ไม่ถึง 50% แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าซื้อราคาเต็มแบบไม่ต่ออะไรเลยนะจ๊ะ ขอบอก ตัวอย่างที่เราเจอมาคือ พี่ในทริปคนนึงซื้อผ้าพันคอแคชเมียร์ที่คนขายบอกราคามา 10,000 รูปี ที่คนขายยืนยันว่าย๊งไง๊ยังไงก็ไม่ลดให้แน่นอน แต่ด้วยความหนักแน่นและเก่งกาจในการต่อราคาว่าถ้ายูไม่ลด ฉันก็ไม่ซื้อ ! สุดท้ายเราเลยได้ผ้าพันคอมาในราคา 5,000 รูปี สวยๆ
สนามบินทุกแห่งในโลก อาจจะเปิดให้ใครก็ได้ที่ถือพาสปอร์ตและ Boarding Pass เข้าใช้บริการได้ แต่ไม่ใช่กับสนามบินที่ประเทศอินเดีย ! เพราะต่อให้คุณจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางในวันนั้นก็ตามที แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลาเช็คอิน หรือยังไม่ถึง 3 ชั่วโมงก่อนเกทคุณเปิดล่ะก็ คงต้องบอกว่าหมดสิทธิ์ ยิ่งความคิดที่จะแอบเข้าไปก่อนนี่หมดหวังไปได้เลย เพราะทุกประตูในสนามบินล้วนมีเจ้าหน้าที่คอยสแกนคนเข้า-ออกอยู่ตลอดเวลา เอาเป็นว่าถ้าใครไม่อยากมาเตร็ดเตร่รอเก้อเพราะห้ามเข้าสนามบิน ก็อย่าลืมคำนวณเวลาเช็คเอาท์จากที่พัก และเวลาเดินทางดีๆด้วยนะจ๊ะ รวมถึงต้องเผื่อเวลาสำหรับการสแกนกระเป๋าสัมภาระในด่านก่อนหน้าที่ค่อนข้างจะตรวจเข้มและใช้เวลาไว้ด้วยเช่นกัน
ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าทิชชู่จะสำคัญต่อชีวิต จนกระทั่งได้มาเยือนประเทศอินเดีย นอกจากทิชชู่เปียกที่ใช้เวลาเราเข้าห้องน้ำแล้ว กระดาษทิชชู่แห้งเองก็สำคัญไม่ต่างกัน เพราะที่นี่เค้าไม่ใช้ทิชชู่นุ่มนิ่มเป็นมิตรต่อจมูกแบบบ้านเราแน่นอน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นความโชคดีหรือโชคร้ายที่ตอนไปทิชชู่เราหมด ! เลยได้ทดลองทิชชู่ก๊อบแก๊บของคนอินเดียแบบเฟิร์สไทม์ 55555 ส่วนสาเหตุที่เราเรียกทิชชู่ก๊อบแก๊บนั้นเพราะมันเป็นเสียงก๊อบแก๊บจริงๆค่ะ ฟีลเหมือนกระดาษไขกึ่งถุงพลาสติกมากๆ ยิ่งใครที่น้ำมูกไหลจนต้องใช้บ่อยๆด้วยแล้ว บอกได้คำเดียวว่าพังจ้า จมูกลอกจนแสบไปหมด คราวหน้านอกจากผ้าปิดปาก ปิดจมูกสำหรับกันฝุ่นแล้ว สัญญาว่าจะไม่ลืมทิชชู่แน่นอน #ฮือ TT
ถ้ามีใครสักคนถามว่า จะไปเที่ยวที่ไหนถึงได้วิวสวยงามเหมือนประเทศฝั่งยุโรปได้ในราคาเอเชีย เราไม่ลังเลเลยที่จำตอบว่า "แคชเมียร์" ค่ะ หลายคนอาจไม่รู้ว่าเมืองแคชเมียร์ ในแคว้นจัมมูของประเทศอินเดียที่มีพรมแดนติดกันกับประเทศปากีสถานนั้น ในสมัยที่ตกเป็นเมืองขึ้นของการล่าอาณานิคม ชาวอังกฤษได้ยกให้แคชเมียร์เป็นเหมือนกับเมืองตากอากาศสำหรับใช้พักผ่อนหย่อนใจ ด้วยความสวยงามของทัศนียภาพท่ามกลางอ้อมกอดแห่งขุนเขา และทุ่งหญ้าที่สวยงาม โดยเฉพาะกับสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง Gulmarg , Pahalgam , ทะเลสาบ Dal Lake ที่เต็มไปด้วยบ้านเรือ หรือแม้แต่สวน Tulip Garden ก็ล้วนเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้หลายคนหลงคนตกหลุมรักแคชเมียร์ สาวงามแห่งประเทศอินเดียได้ไม่ยากเลย
แม้หลายครั้งเราจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในแคว้นแคชเมียร์ ทางตอนเหนือของประเทศอินเดียอยู่บ่อยๆ ว่ามีการสู้รบ หรือประท้วงกันบ้าง แต่จากการที่เราได้ไปสัมผัสมาด้วยตัวเองนั้น บอกเลยว่าไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลยค่ะ ชาวบ้านที่นี่ยังใช้ชีวิตกันแบบสงบสุขเหมือนเดิม นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยังเอนจอยสนุกสนานกับการท่องเที่ยวได้เหมือนปกติ อาจจะมีบ้างที่พบเจอทหารถือปืนตามจุดต่างๆในเมือง หรือแถบชายแดนมากสักหน่อย นั่นก็เป็นเพราะว่าเป็นการรักษาความสงบของบ้านเมืองนั่นเองจ้า นอกนั้นเที่ยวได้สบายใจหายห่วง คอนเฟิร์ม !
เรียบเรียงโดยชิลไปไหน
Tags: อินเดีย เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับอินเดีย ที่เที่ยวอินเดีย แคชเมียร์ kashmir
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 01 พ.ย. 2024 | 250 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 27 ต.ค. 2024 | 1,352 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่กิน | 03 พ.ย. 2024 | 485 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 30 ต.ค. 2024 | 435 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 1,485 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 816 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 10 ต.ค. 2024 | 6,087 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 10 ต.ค. 2024 | 931 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 22 ต.ค. 2024 | 1,600 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 10 ต.ค. 2024 | 4,291 อ่าน