calendar_month 16 มี.ค. 2018 / stylus Admin Chillpainai / visibility 12,837 / ทริปตัวอย่าง , ที่เที่ยว
บางทีก็สงสัยนะ ว่าที่เราอาศัยอยู่ตอนนี้มันกรุงเทพ หรือเมืองหลวงของดวงอาทิตย์กันแน่ เราถึงได้ร้อน ร้อนมากกกก และร้อน(โคตรๆ)แบบทุกวันนี้ เอาง่ายๆ แค่เปิดประตูบ้านออกมาที อื้อหือ แทบละลาย ! พูดเลยว่าถ้าไขมันสลายด้วยแดดได้ก็คงผอมกันทั่วหน้า 5555555 แถมพออากาศร้อน ใจคนเราเลยยิ่งชอบร้อนตามเข้าไปใหญ่ และแน่นอนเลยว่าวิธีการหนีร้อนที่ดี มันจะมีอะไรที่ทำให้เราแฮพพรี่ เย็นทั้งกายและใจ ดีไปกว่าน้ำทะเลใสๆ ท่ามกลางท้องฟ้าสีครามสวยๆ อีกจริงปะะะะะ ?
กายพร้อม ใจพร้อม เราทำได้ ! สำหรับการเรียกรวมพลขึ้นรถให้ครบทีมในเวลา 6 โมงกว่า เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดตราด จังหวัดชายฝั่งอ่าวไทยที่มีทะเลสวยๆ ไม่แพ้ภาคใต้ ปลายทางของเราในครั้งนี้
แวะกินข้าวเช้าแถวมอเตอร์เวย์สักนิด เป็นการเติมพลัง หลังจากนั้นก็เปิดเพลง เมาท์มอย นั่งเต้น นั่งเล่นในรถ สลับกันนอนหลับกับเพื่อนแบบยาวๆ มาตลอดทาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงนิดหน่อย เราก็มาถึงท่าเรืออ่าวสัปปะรด ต่อคิวรอเอารถลงเรือเฟอร์รี่ พร้อมข้ามไปยังเกาะช้างกันล้าวว
โดยเรือจะออกทุก 45 นาที ใช้เวลาในการข้ามไปฝั่งเกาะช้างประมาณ 20 นาที มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่คนละ 80 บาท ค่านำรถขึ้นเรือด้วย 120 บาทต่อคัน
สำหรับท่าเรือที่ใช้ข้ามฝั่งจะมีให้เลือกด้วยกันหลายท่าเรือเลยค่ะ เรียกว่าเลือกพักที่รีสอร์ทไหน ก็เลือกขึ้นท่าเรือที่ใกล้ที่สุดเพื่อความสะดวก ซึ่งทริปนี้เราเลือกพักกันที่ The Emerald Cove เลยต้องเป็นท่าเรืออ่าวสัปปะรดนี่แหละ
เช็คอินเข้าที่พัก เอาของมาเก็บที่ The Emerald Cove โรงแรมบนหาดคลองพร้าว ในบรรยากาศสุดหรูระดับ 5 ดาว รายล้อมไปด้วยต้นมะพร้าว ต้นปาล์ม และเตียงผ้าใบเรียงรายอยู่ด้านหน้าหาด ภายในเชื่อมถึงกันด้วยทางเดินสะพานไม้รอบรีสอร์ท ร่มรื่นเย็นสบายมากๆ
แต่ที่เราชอบที่สุด คงหนีไม่พ้นสระว่ายน้ำใหญ่ยักษ์ความยาวเทียบเท่าสระโอลิมปิคที่ให้เราได้ลงไปแหวกว่าย ท่ามกลางวิวพระอาทิตย์ตกน้ำสวยงามทางเบื้องหน้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงนี่แหละ ที่สุดแห่งความฟิน !
จุดชมวิวไก่แบ้ จุดชมวิวมุมสูงของเกาะช้าง ที่ไม่ว่าใครมาเกาะช้างล้วนต้องหาโอกาสมาเช็คอิน เพราะจากที่นี่เราสามารถมองเห็นภาพบรรยากาศมุมสูงรอบๆเกาะช้าง และเกาะเล็ก เกาะน้อยใกล้เคียงได้อย่างสวยงามแบบพาโนรามา
แถมว่ากันว่าพระอาทิตย์ตกที่นี่โรแมนติกไม่แพ้แหลมพรหมเทพเลยด้วยนะ แต่เสียดายตรงที่เย็นนี้เรามีแพลนอื่นแล้วนะซี่ ไม่เป็นไร ไว้รอบหน้าค่อยกลับมาซ้ำใหม่ก็ได้เนอะ
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบริการส่งโปสการ์ดผ่านตู้ไปรษณีย์ใหญ่บิ๊กบึ้มให้ถึงที่ แค่หย่อนไปรษณีย์แล้วก็เตรียมตัวกลับบ้านไปรอรับได้เลย !
เย็นนี้เราแวะมาฝากท้องกันที่ร้าน มันดาเล บาร์ บีชบาร์ริมทะเลสุดชิลใกล้ที่พักของเราไม่ไกล สามารถเดินเล่นลัดเลาะหาดแบบเพลินๆ มาได้เลย
ส่วนใครยังไม่หิวมากนัก จะลงไปเล่นทะเลทำกิจกรรมเท่ๆ อย่างการแพดเดิ้ลบอร์ด พายคายัค หรือแล่นเรือใบฆ่าเวลาก็สนุกไม่แพ้กันค่ะ โดยมีค่าใช้จ่ายสำหรับแพดเดิลบอร์ดอยู่ที่ชั่วโมงละ 350 บาท เรือใบชั่วโมงละ 1,500 บาท 2 ชั่วโมง 2,500 บาท คายัคชั่วโมงละ 300 บาท
ไฮไลท์เด็ดของมันดาเล บาร์ อยู่ในช่วงยามเย็นใกล้พระอาทิตย์ตก ซึ่งหากวันไหนโชคดีเราจะได้ชมภาพท้องฟ้าเปลี่ยนสี ก่อนที่เจ้าพระอาทิตย์ดวงกลมโตจะค่อยๆลับสายตาหายไปในทะเลทางเบื้องหน้าอีกด้วย ช่างเป็นการดินเนอร์สุดฟินที่เต็มอิ่มทั้งอาหาร และบรรยากาศจนอดใจไม่ไหว ขอยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพรัวๆสักหน่อย
เมนูความอร่อยของมันดาเล บาร์ มีให้เลือกฟินทั้งแบบซีฟู้อาหารทะเลสดๆ รสชาติดีส่งตรงจากทะเล โดยเฉพาะปูม้า ที่เนื้อแน่น เด็ดและหวานมาก ! นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูไทย ยุโรป อิตาเลียน ปะปนกันไป อาทิ ปอกุ้ง ห่อหมกมะพร้าวอ่อน ซีฟู้ดพิซซ่า ต้มส้มปลากระบอก เป็นต้น
เพื่อยืนยันว่ามาถึงมันดาเล ต้องห้ามพลาดมาถ่ายรูปเช็คอินกับมุมชิงช้าตรงนี้ ! ยิ่งถ้าใครได้ภาพตอนพระอาทิตย์ตกลงมาอยู่กลางชิงช้า ยิ่งขอบอกว่าเป็น The Best Shot เลยทีเดียว เพราะบรรยากาศมันช่างสวยงามที่ตราตรึงใจ จนเราอยากให้ทุกคนได้มาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งจริงๆ
ตกกลางคืนลองสั่งค็อกเทลสารพัดสี มานั่งจิบรับลมเย็นๆ ระหว่างรอชมโชว์ควงกระบองไฟก็ชิลไปอีกแบบ
เมื่อเป็นการพักผ่อนแบบชิลๆ ทริปนี้เลยไม่ต้องรีบร้อนไปไหน เราตื่นกันสายหน่อย อาบน้ำแต่งตัว ทานมื้อเช้าให้เรียบร้อย เพราะวันนี้มีแพลนจะย้ายที่นอนจากฝั่งหาดคลองพร้าวไปยังแถบหมู่บ้านสลักเพชร สลักคอกกันบ้าง
บวกกับเมื่อวานนี้มีคนแนะนำว่าให้ลองมาเที่ยวหาดยาวอยู่หลายคนเลยค่ะ เนื่องจากยังมีความสงบ และผู้คนไม่พลุกพล่านแบบหาดทรายขาว และหาดคลองพร้าวมากนัก พอมีโอกาสทั้งที เราเลยไม่รีรอรีบชักชวนสมาชิก มุ่งหน้ามาที่หาดยาวกันอย่างไว ขับรถมาตามเส้นทางเรื่อยๆ แม้ว่าใจจะตุ้มๆต่อมๆว่าจะหลงทางรึเปล่า แต่ไม่นานป้ายที่เขียนว่า หาดยาว ก็ปรากฎสู่สายตา แหม ! เล่นเอาใจหายใจคว่ำเชียวล่ะ ช่างเป็นหาดที่ลึกลับซับซ้อนซะจริง แต่ถ้าถามเรื่องความสวยงามต้องยอมรับว่าคุ้มค่าทีเดียวค่ะ
เพราะตัวหาดทรายของหาดยาวนั้นทั้งขาว ทั้งเนียนละเอียด แถมยังสงบเงียบ และร่มรื่นมากๆ น่าแปลกที่คนไทยยังไม่รู้จักหาดนี้มากเท่าที่ควร เราจึงเห็นแต่บรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติพากันแว๊นซ์มอเตอร์ไซต์มาเที่ยว พักผ่อน นอนอาบแดด เล่นน้ำราวกับหาดส่วนตัวกันอย่างเพลิดเพลินเลยทีเดียว
ออกจากหาดยาว เราแวะถ่ายรูปตรงทางผ่านที่ จุดชมวิวอ่าวกะรัง อีกหน่อย บริเวณนี้มีทั้งศาลาให้นั่งพักผ่อน และเสาธงชาติ ซึ่งจากด้านบนยังสามารถมองเห็นเวิ้งอ่าวสวยๆของเกาะช้างได้อย่างสวยงาม
จังหวัดตราดนี่ประภาคารเยอะจริง ! นอกจากบนชายฝั่งแล้ว ที่บ้านสลักเพชรเองเค้าก็มีประภาคารไว้ให้เราได้ใช้เป็นโลเคชั่นสวยๆ สำหรับถ่ายรูปเล่นเหมือนกันนะ
ประภาคารสลักเพชรแห่งนี้ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านสลักเพชรตามชื่อเลยค่ะ เป็นสะพานคอนกรีตทอดยาวลงไปทะเล ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ถึงจะยาวไปนิด แต่พอเดินเล่นชมวิวสองฝั่งสะพานไปด้วยก็เพลินดีเหมือนกัน
นอกจากวิวจะสวยงามแล้ว ลมยังเย็นสบายทีเดียว เรานี่แทบเคลิ้มหลับเลย
เดิมทีที่นี่เคยได้ฉายาว่า "เท็กซัสแห่งเกาะช้าง" เพราะเมื่อก่อนเป็นจุดชุมนุม ค้าขายของคนเรือที่มาเทียบท่า เพราะตั้งอยู่เหนืออ่าวที่มีหมู่เกาะและทิวเขาโอบล้อม ช่วยกำบังคลื่นลมได้ดี ทางใต้สุดของอ่าวมีหาดเล็กๆ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ คือ เป็นจุดที่เกิดยุทธนาวี เกาะช้างในกรณีพิพาททางทะเลระหว่างไทยกับกองทัพเรือฝรั่งเศสในปี 1941 อีกด้วย
ส่วนคืนนี้เราเลือกพักที่ ณ ธารา รีสอร์ทขนาดกะทัดรัด แต่เต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติก สไตล์โมเดิร์นทรอปิคอลอันแสนร่มรื่นบนหาดทรายแดงค่ะ อีกทั้งยังแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติของต้นไม้ และสายน้ำทั้งน้ำตกเล็กๆ และทะเลอันแสนชุ่มฉ่ำสมความหมาย
ด้านหน้าหาดสามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆที่ปลายแหลมในยามเช้าได้อย่างชัดเจนจากทุกห้อง ท่ามกลางความเงียบสงบ เป็นส่วนตัวที่สุดบนเกาะช้างให้เราได้ซึมซับธรรมชาติระหว่างพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ บอกเลยว่าใครต้องการการหลบหนีความวุ่นวายมาใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามและเงียบสงบริมทะเล จะต้องหลงรัก ณ ธารา รีสอร์ทเกาะช้างแห่งนี้อย่างแน่นอนค่ะ
นานๆทีจะมีโอกาสมาพักผ่อนละสายตาจากหน้าจอสี่เหลี่ยมตามประสามนุษย์ออฟฟิศ มันก็อยากจะเจออะไรเขียวๆ กรีนๆ ชวนให้สบายตาบ้าง ก่อนกลับบ้านเราเลยเลือกมาล่องเรือมาด พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางป่าชายเลนกว่า 675 ไร่ นับว่าใหญ่ที่สุดบนเกาะช้างกันที่ชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอกล่ะ
เดิมทีชาวบ้านที่นี่มีอาชีพทำประมง และส่วนยางค่ะ แต่ทางจังหวัดต้องการสนับสนุนการท่องเที่ยว บวกกับเป็นอาชีพเสริมให้ชาวบ้าน กิจกรรมนำเทียว ล่องเรือชมป่าโกงกางแห่งนี้จึงได้ถือกำเนิดขึ้น
ซึ่งเรือที่เรานั่งนั้นชาวบ้านเรียกว่า ‘ เรือมาด ’ ค่ะ เป็นเรือโบราณที่ใช้ไม้ตะเคียน หรือไม้สักต้นเดียวขุด ทำเป็นที่นั่งภายในเรือ โดยเรือลำนึงสามารถนั่งได้ 4 คนค่ะ ใครสนใจก็ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ชุมนุมได้โดยตรงเลย ค่าใช้จ่ายอยู่ที่คนละ 200 บาทเท่านั้นเอง
แต่ถ้านึกสนุกอยากพายเองขึ้นมา ที่นี่เค้าก็มีบริการคายัคให้เช่าเช่นกันค่ะ ราคาจะอยู่ที่ลำละ 200 บาท ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
จากนั้นเรือจะล่องพาเราชมวิวสองฝั่งคลอง รับลม ชมวิวไปเรื่อยๆ ประมาณ 40 นาที ผ่านวิวสองข้างทางที่เป็นทั้งป่าโกงกาง วิวภูเขา ท่ามกลางความเงียบสงบเงียบของธรรมชาติ ถือเป็นการพักผ่อนร่างกายและจิตใจได้ดีทีเดียวค่ะ ซึ่งเส้นทางการพายเรือนั้น จะลัดเลาะไปตามผืนป่าโกงกางที่สามารถออกไปถึงบริเวณปากอ่าวเลยล่ะ
นั่งเรือเอาหน้าโต้ลมหันเพลินๆ ก็ได้เวลาเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันแล้ว ปิดทริปไปกับบรรยากาศดีๆ ตรงหน้า เห็นไหมเกาะช้างไม่ได้มีดีแค่ทะเลนะเออ วันหยุดมาปักหมุดเที่ยวเกาะช้างกันเลยยย ใกล้ๆ แค่จังหวัดตราดนี่เอง!
Tags: เกาะช้าง ทริปเกาะช้าง ที่เที่ยวเกาะช้าง มันดาเล หาดคลองพร้าว จุดชมวิวไก่แบ้ บ้านสลักเพชร บ้านสลักคอก
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 01 พ.ย. 2024 | 217 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 553 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 1,449 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 797 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 10 ต.ค. 2024 | 902 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 ต.ค. 2024 | 919 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ต.ค. 2024 | 649 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่กิน ที่เที่ยว | 01 ต.ค. 2024 | 2,004 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 20 ก.ย. 2024 | 1,681 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 01 ต.ค. 2024 | 1,066 อ่าน