0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

บันทึกการเดินทางทริปชิลแพ็คเกอร์อินโตเกียว ตอนที่ 3 การเดินทางจากนิกโกถึงโยโกฮาม่า

calendar_month 25 ก.ค. 2013 / stylus Admin Chillpainai / visibility 21,629 / เที่ยวต่างประเทศ

มาถึงวันที่ 3 กันแล้วนะคะ กับชิลแบ็คแพ็คเกอร์อินโตเกียว ครั้งที่ 1

ซึ่งเดินทางกันไปแล้วเมื่อวันที่ 24-28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ฮานะเลยขอมาเล่าเรื่องราวการเดินทางต่อจาก 2 วันแรกที่เราพาไปตะลุยย่านต่างๆ ในโตเกียวมา

คราวนี้ขอพานั่งรถไฟไกลๆ ออกไปเที่ยวดูความงดงามของป่าไม้

และความงดงามของศิลปะญี่ปุ่นบ้างที่นิกโก้

ซึ่งว่ากันว่า Nikko is Nippon (นิกโก้คือญี่ปุ่น)

karok_eat

เราตื่นกันแต่เช้า วันนี้ฮานะบอกให้สมาชิกทุกคนตุนเสบียงอาหารขึ้นไปกินบนรถไฟกันเพราะวันนี้เราต้องนั่งรถไฟนาน

จากสถานีรถไฟเจอาร์มินามิเซนจูเราใช้บัตรเบ่งเล็ก หรือบัตร JR Kanto Area Pass

ที่สามารถใช้เดินทางภายในภูมิภาคคันโต จะขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้ภายใน 3 วัน ราคาเพียง 8000 เยน

และยังสามารถนั่งรถไฟชินกันเซ็นได้อีก เรียกว่าคุ้มมากๆ

เรานั่งรถไฟเจอาร์จากมินามิเซนจูไปยังสถานีอูเอโนะ จากนั้นนั่งรถไฟชินกันเซ็นยามาบิโกะไปยังสถานีอุทสึโนมิยะ

แล้วต่อรถไฟสายนิกโก้ไลน์ไปยังนิกโก้

รถไฟของญี่ปุ่นขอบอกว่าเขาตรงเวลามาก หนึ่งนาทีก็คือหนึ่งนาที ไม่เลทไม่ช้า

ยิ่งรถไฟชินกันเซ็นก็นิ่มมาก เบาะที่นั่งกว้างกว่าเครื่องบินที่ฮานะนั่งมาจากไทยอีก

เรานั่งรถไฟชมวิวทิวทัศน์ข้างทางที่ค่อยเปลี่ยนจากเมือง จากตึกสูงที่อัดแน่นกัน เป็นบ้านคนหลังย่อมเยา

และเปลี่ยนเป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้ สะพานรถไฟที่วิ่งข้ามลำธาร

ฮานะว่าเส้นรถไฟที่วิ่งไปนิกโก้เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่มีวิวทิวทัศน์สวยมากๆ

นั่งชมวิว ทานข้าวปั้นที่ซื้อมาจากร้านแฟมิลี่มาร์ท และน้ำผลไม้ของญี่ปุ่นแค่นี้ก็ฟินแล้วค่ะ

เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงสถานีเจอาร์นิกโก้ จากนั้นเราซื้อตั๋วรถบัสวันเดย์พาสราคา 500 เยน

เพื่อนั่งรถบัสไปชมสถานที่ที่เป็นมรดกโลก

ศาลาซันบุตซึวัดรินโนจิก่อนปรับปรุง(ภาพจาก Japan-guide.com)

ศาลาซันบุตซึวัดรินโนจิระหว่างปรับปรุง(ภาพจาก Japan-guide.com)

โดยเริ่มจากที่แรกคือวัดรินโนจิ ซึ่งจากที่นี่เราสามารถซื้อตั๋วรวมชมมรดกโลกทั้งหมดประมาณ 4 ที่เพียง 1000 เยนเท่านั้น

วัดรินโนจินี้เป็นวัดพุทธที่สำคัญมากที่สุดในนิกโก้ สร้างเมื่อปี ค.ศ.766  หรือประมาณ 1247 ปีมาแล้ว

ภายในวัดประกอบด้วยศาลาที่สำคัญ 2 ศาลาคือ ศาลาหลังใหญ่ซันบุตซึ และ ศาลาไดโกมะ

ซึ่งภายในศาลาซันบุตสึนั้นเป็นที่ประดิษฐานของพระอมิตพุทธ เจ้าแม่กวนอิมพันกร และพระพุทธรูปม้าอยู่กลางพระนลาต

ตอนที่ไปศาลาหลังใหญ่ซันบุตซึนั้นเขากำลังปรับปรุงตัวอาคารอยู่ซึ่งเริ่มปรับปรุงตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2011

และจะแล้วเสร็จเดือนมีนาคม 2021 ด้านนอกเขาเลยทำเป็นตัวอาคารครอบศาลาหลังใหญ่อีกที

ฮานะเห็นครั้งแรกก็ตกใจเหมือนกันค่ะ เพราะเขาปรับปรุงกันจริงจังและรัดกุมมาก

ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยค่ะเวลาเราไปญี่ปุ่นเราจะเห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับสถานที่เก่าแก่เหล่านี้

หรือแม้แต่ต้นไม้ฮานะเคยเห็นเขาเอาผ้ามาห่อต้นไม้กันเลยเพื่อรักษาไม่ให้ต้นไม้ตายเวลาเปลี่ยนผ่านฤดูกาล

จากวัดรินโนจิเราเดินกันไปต่อสู่ศาลเจ้าโทโชกุ

ฮานะชอบต้นไม้ของที่นี่นี่มาก เพราะเคยเห็นภาพนิกโก้เมื่อหลายร้อยปีก่อน

พอมาดูตอนนี้สภาพก็ไม่ต่างจากเดิมเลย ต้นไม้ที่เคยอยู่ตอนนั้น ตอนนี้ก็ยังอยู่

รู้สึกถึงวิญญาณอันสงบเงียบของป่าไม้ ของต้นไม้ ที่ปกป้องสถานที่ศักสิทธิ์เหล่านี้มาโดยตลอด

ซึ่งศาลเจ้าโทโชกุนั้นก็เป็นศาลเจ้าที่มีความสำคัญต่อนิกโก้และต่อญี่ปุ่นมาก

เพราะเป็นสุสานของโชกุน โตกุกาว่า อิเอยาสุ ซึ่งเป็นโชกุนที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมากๆ

รวมถึงที่นี่ยังมีการอัญเชิญดวงวิญญาณอีกสองดวงคือโตโยโตมิ ฮิเดโยชิ ไดเมียวคนสำคัญ

และมินาโมโตะ โยริโตโมะ ผู้ที่จัดตั้งรัฐบาลทหาร มาสถิตย์ ณ ที่แห่งนี้ด้วย

ศาลเจ้าโทโชกุนี้เขามีชื่อเรื่องภาพแกะสลักลิงซึ่งเป็นปริศานาธรรม

ที่คนญี่ปุ่นเขากำลังมุงถ่ายรูปกันอยู่นี่แล่ะ

เป็นภาพลิงปิดตา ปิดหู ปิดปาก  คือไม่พูด ไม่มอง ไม่ฟังในสิ่งที่ไม่ดี

นอกจากนี้ยังมีภาพแกะสลักลิงที่เป็นปริศนาธรรมอีก 4 ภาพ ซึ่งแต่ละภาพมีให้ข้อคิดในการดำเนินชีวิตทั้งสิ้น

จากนั้นเราเดินต่อไปยังประตูโยเมมง

ซุ้มประตูโยเมมงที่ว่ากันว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากๆ

ภายในประกอบด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม

พอเดินเข้าไปด้านในก็จะเจอประตูอีกชั้นหนึ่งที่ชื่อว่าคารามง

ซึ่งภายในมีอาคารหลักที่เอาไว้ประกอบพิธีกรรมและไม่ได้อนุญาตให้เราเข้าไป

แต่แค่เดินชมอยู่ด้านนอกก็สัมผัสได้ถึงความสวยงามและยิ่งใหญ่ของศิลปะที่ยืนหยัดผ่านกาลเวลามาเป็นพันปี

ด้านในศาลเจ้ายังมีทางเดินไปยังสุสานโชกุนแต่คราวนี้ฮานะไม่ได้เข้าไปสักการะ

และด้านในยังมีรูปแกะสลักแมวหลับซึ่งโด่งดังอีกด้วย คราวหน้าไม่พลาดแน่ๆ

จากศาลเจ้าโทโชกุเราเดินต่อไปยังศาลเจ้าฟูตาราซัง

ทางเข้าสู่ศาลเจ้า

นิ่งสงบภายใต้สนพันปี

ตามหลักชินโตการจะเข้าศาลเจ้าก็จะต้องมาทำความสะอาดร่างกายกันก่อน

โดยมีผู้สาธิตเป็นผู้ร่วมทริปของเราคือน้องแก้วและคุณเน

โดยเริ่มจากหยิบกระบวยตักน้ำด้วยมือขวาแล้วล้างมือซ้าย จากนั้นเปลี่ยนเป็นถือกระบวยด้วยมือซ้ายแล้วตักน้ำล้างมือขวา

สุดท้ายตักน้ำเทใส่อุ้งมือเพื่อใช้บ้วนปากเป็นอันจบพิธี

แต่ก่อนที่ฮานะไปญี่ปุ่นใหม่ๆ เอ๋อมากๆ ไม่ได้เรียนรู้อะไรไปเลย เห็นกระบวยนึกว่าเอาไว้กิน

ก็กินไปหลายอึก (ซึ่งมันเย็นชื่นใจอร่อยมากๆเหมือนกัน) แต่ในความเป็นจริงไม่ควรทำนะจ๊ะ

ลองเอาภาพมาทำเป็นสีทึมๆ ดู ก็สวยและมีเสน่ห์ไปอีกแบบ

แค่มานั่งเงียบๆ ใต้ร่วมเงาของต้นไม้ ฟังเสียงสายลม และธรรมชาติรอบตัว

เราก็จะสัมผัสได้ถึงเสียงภายในหัวใจ ซึ่งเราอาจจะไม่เคยฟังมันเลย

ที่สุดท้ายของทริปนิกโก้คือไทยูอินเบียวซึ่งเป็นสุสานของโชกุนโตกุกาว่า อิเอมิตสึ

หลานของโตกุกาว่า อิเอยาสุ

ทางเข้าสุสานยังแอบมีใบไม้แดงหนึ่งต้นให้เราได้ถ่ายภาพสวยๆ กัน

ฮานะชอบบรรยากาศของที่นี่มากสมแล้วที่ได้ชื่อว่า Nikko is Nippon

สุสานตั้งอยู่บนเขาเราจึงต้องเดินขึ้นไปเรียกเหงื่อได้นิดนึง

แต่พอขึ้นไปถึงก็หายเหนื่อยเลยค่ะ

เพราะความสวยงามของศิลปะบนซุ้มประตูทางเข้านั้นสวยงามมาก

พอเดินเข้ามาก็จะพบทางเข้าสู่ตัวอาคารหลักเป็นสีทองเหลืองอร่ามท่ามกลางต้นไม้สีเขียว

จิตวิญญาณแห่งป่าและจิตวัญญาณของบรรพชนที่สถิตรวมกัน

ปกปักษ์ดินแแดนแห่งพระอาทิตย์มานานแสนนาน

ฮานะเชื่อว่าแม้ในอนาคตญี่ปุ่นจะพบเจอเรื่องราวภัยพิบัติมากมาย

แต่ความเป็นญี่ปุ่นนั้นก็ไม่มีวันเสื่อมสลาย

​จากศาลเจ้าฟูระตะซังเราเดินลงเนินมาพักทานข้าวและซื้อของฝากด้านล่าง

ซึ่งมีร้านอาหารมากมายให้ได้เลือกทาน

ส่วนฮานะขอพักดื่มชาทานขนมที่คาเฟ่น่ารักร้านนี้ละกันค่ะ

คาเฟ่น่ารักราคาไม่แพง แถมชีสเค้กยังเนื้อแน่น อร่อยอีกด้วย

จากนิกโก้เรานั่งรถไฟกลับมายังโตเกียว

แล้วจับรถไฟไปต่อยังเมืองโยโกฮาม่า

ประมาณ 45 นาทีจากโตเกียวเราก็มาถึงโยโกฮาม่า

โดยคราวนี้เราจะมาทานอาหารเย็นที่ชิน โยโกฮาม่า ราเมงมิวเซียม โดยนั่งรถไฟมาลงสถานีชินโยโกฮาม่า

แล้วเดินมาแป๊บนึงก็ถึงราเมงมิวเซียม ค่าเข้าคนละ 300 เยน

และยังมีคู่มือเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เป็นภาษาไทยอีกด้วย (แต่เป็นภาษาไทยแบบใช้อากู๋แปลนะconfuse)

พอเข้ามาด้านในก็เหมือนย้อนไปในสมัยอดีตเลยล่ะค่ะ

ใครที่เคยดูหนังเรื่อง Always Sunset on the third street

คงจะจำบรรยากาศสุดคลาสสิคในหนังได้ เพราะที่นี่บรรยากาศน่าจะอยู่ยุคเดียวกับในหนังเลย

ตัวมิวเซียมไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก 

แต่เขาให้ความสำคัญในรายละเอียดดีมากค่ะ

ภายในมีร้านราเมนประมาณ 9 ร้าน ซึ่งเขาเลือกร้านขึ้นชื่อของญี่ปุ่นตั้งแต่ฮอกไกโดยันคิวชูกันเลยล่ะค่ะ

และที่นี่เขามีทั้งไซส์เล็ก ไซส์ใหญ่ ใครที่อยากชิมให้ครบทุกร้านก็เลือกเป็นไซส์เล็กไปนะคะ

ส่วนร้านที่ฮานะเลือกชิมคือร้านนี้ค่ะ ไซตามะ คาวาโกะ ทสึเคเมง

ทสึเคเมง หรือราเมงแบบจุ่ม

จริงๆ แล้วเส้นเยอะกว่านี้แต่เพราะความหิวเลยรีบทานมารู้ตัวอีกที อ้าว!!! ลืมถ่ายรูป

ความอร่อยขอบอกว่าอร่อยที่สุดที่เคยกินทสึเคเมงมา

ฮานะเคยไปกินทสึเคเมงในไทยก็ยังไม่ได้รสชาตินี้ บางร้านมันไปบ้าง เค็มไปบ้าง

แต่ของร้านนี้ไม่มีที่ติเลยค่ะ เส้นก็นุ่ม น้ำซุปไม่มันเกินไป ไม่เลี่ยน ตัวหมูก็เคี่ยวเปื่อยจนกลายเป็นเหมือนเนื้อทูน่าไปแล้ว

กลับมายังฝันถึงทสึเคเมงของร้านนี้อยู่เลยล่ะค่ะ

ตอนแรกกะว่าจะไปชิมของร้านอื่นต่อแต่เพราะสั่งแบบไซส์ใหญ่ เลยอิ่มจนจุก

เวลาที่เหลือเลยเดินเล่นชมมิวเซียมของที่นี่สักหน่อย

ฟ้าข้างบนที่เห็นนี่ฟ้าปลอมนะคะ แต่พอถ่ายรูปออกมาเหมือนจริงมากๆ

นึกภาพตัวละครใน Always ที่กำลังตื่นเต้นกับโทรทัศน์เครื่องใหม่

จากความคลาสสิคที่เคยดูในหนังตอนนี้ก็มาอยู่ตรงหน้าจริงๆ

อารมณ์ประมานเพลินวานบ้านเราเลยล่ะค่ะ

อยากเข้าร้านไหนเลือกได้เลย

ตู้โทรศัพท์ที่เหมือนนั่งไทม์แมชชีนไปในอดีต 

ปลายสายอาจจะมีคนรอเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟัง

แม้รู้ว่าจะเป็นอดีตที่เฟคขึ้นมา แต่เราก็ยังมีความสุขที่เดินย้อนไปในอดีตนั้น

ออกจากชินโยโกฮาม่า ราเมงมิวเซียม ฟ้าก็มืดเสียแล้ว คราวนี้เราเลยขอไปนั่งชิลที่แลนด์มาร์คของเมืองโยโกฮาม่ากันต่อ

กับที่นี่ Minato Mirai ที่สามารถมองเห็นตึกแลนด์มาร์คทาวเวอร์ ตึกควีนส์ทาวเวอร์ และชิงช้าสวรรค์ที่คอสโม่เวิล์ด

แค่ได้นั่งชิลจิบสาเกหรือเบียร์เย็นๆ พูดคุยกับเพื่อนร่วมทริป

เก็บเกี่ยวความสวยงามของภาพตรงหน้าและการเดินทางครั้งนี้เอาไว้

ก็เป็นความสำเร็จที่เราจัดทริปนี้ขึ้นมาแล้วล่ะค่ะ 

คราวหน้าเราจะพาคุณไปตามหาคุณฟูจิซัง ณ ชิรากาว่าโก

จะยิ่งใหญ่และงดงามแค่ไหนรอติดตามกันได้เลย

ส่วนใครอยากร่วมทริปชิลแพ็คเกอร์อินโตเกียวครั้งที่ 2 กับฮานะ

ดูรายละเอียดที่นี่ได้เลย ชิลแพ็คเกอร์อินโตเกียวครั้งที่ 2 

 

ติดตามบทความเก่าได้ที่นี่เลย

บันทึกการเดินทางทริปชิลแพ็คเกอร์อินโตเกียว ตอนที่ 1 ญี่ปุ่นและโตเกียวทาวเวอร์ที่คิดถึง

บันทึกการเดินทางทริปชิลแพ็คเกอร์อินโตเกียว ตอนที่ 2 กินช้อปให้จุในในโตเกียว

 

เรื่องและภาพ นางสาวฮานะ



เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai