calendar_month 25 ก.ค. 2017 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 33,408 / เที่ยวต่างประเทศ
มีคนเคยถามฮานะว่าไปญี่ปุ่นบ่อยๆ มีเมืองไหนที่ยังไม่ได้ไปและอยากไปไหม คำตอบที่ฮานะตอบไปคือภาคโทโฮคุที่อยู่ตอนเหนือของเกาะฮอนชูประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นภูมิภาคที่มีธรรมชาติสวยงามมากๆ และวันนี้ฝันของฮานะเป็นจริงแล้วกับทริปตะลุย 3 จังหวัดในโทโฮคุได้แก่ อาโอโมริ อิวาเตะ และอาคิตะ แบบจัดเต็ม 5 วัน 4 คืน จะสนุกแค่ไหนไปชมกันเลย
จากกรุงเทพฯ เรานั่งเครื่องบินสายการบิน Japan Airlines ไปลงที่สนามบินฮาเนะดะ แล้วต่อเครื่องของ Japan Airlines ไปยังสนามบินเมืองอาโอโมริ
สถานที่ที่แรกที่เราไปคือ Nebuta Warasse จะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟอาโมโมริเลยค่ะ สามารถเดินไปได้ประมาณ 5 นาที
ที่นี่เป็นสถานที่จัดแสดงโคมไฟเนบุตะในงานเทศกาล Nebuta Matsuri เป็นงานเทศกาลที่ขึ้นชื่อของจังหวัดอาโอโมริ โดยงานนี้จะมีขึ้นในต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี โดยปีนี้มีกำหนดจัดวันที่ 2-7 สิงหาคม
งานเทศกาล Nebuta Matsuri นั้นเป็นเทศกาลที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเริ่มต้นเมื่อประมาณปี 1,600 ที่มาของเทศกาลเกิดจากที่ฤดูร้อนเป็นฤดูที่หลายคนมักขี้เกียจไม่อยากออกไปทำงาน ซึ่งคำว่า Ne ก็มาจากคำว่า Nemui ที่แปลว่าง่วงนอนในภาษาญี่ปุ่น เทศกาลนี้จึงเป็นเทศกาลที่ทำให้ทุกคนขยันขันแข็ง กระตือรือร้น ไล่ความง่วงนอนให้ออกไป โดยมีการแห่โคมไฟ Nebuta ทั้งหมด 22 ตัวไปรอบเมือง
โดยโคมไฟ Nebuta ที่จัดแสดงใน Nebuta Warasse นั้นจะมีทั้งหมด 5 ตัว ซึ่งเป็นโคมไฟที่ได้รางวัลจากงานเทศกาลปีที่ผ่านมา
โคมไฟ Nebuta แต่ละตัวมีขนาดกว้างประมาณ 9 เมตร สูง 7 เมตร และหนัก 4 ตัน โดยมีค่าใช้จ่ายในการทำประมาณ 4-5 ล้านเยน/ตัว ซึ่งทุกๆ ปี จะมีบริษัทใหญ่ๆ ในญี่ปุ่นที่สนับสนุน Nebuta แต่ละตัว
ตัวโคมไฟทำจากกระดาษ ใช้ลวดในการทำโครงร่าง ภายในมีหลอดไฟแอลอีดีประมาณ 1,000 ดวง ซึ่งในอดีตใช้เทียนในการให้แสงสว่าง ลวดลายของเนบูตะนั้นนำมาจากตัวละครในคาบูกิที่ดูสวยงามและน่าเกรงขาม
ใครที่อยากไปชมเทศกาล Nebuta Matsuri ที่สวยงามแบบนี้ก็มากันได้ช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่เมืองอาโอโมรินะคะ
ที่ตั้ง : Nebuta Warasse 5 นาทีจากสถานีรถไฟอาโอโมริ
ค่าเข้า : 600 เยน
เปิดให้บริการ : 9.00-19.00 น.
ใกล้ๆกับ Nebuta Warasse คือ A-Factory ร้านขายของฝากและผลิตภัณฑ์ของเมืองอาโอโมริ อารมณ์คล้ายๆ O-Top บ้านเราเลยค่ะ ใครที่อยากหาซื้อของฝากก็มาที่นี่กันเลย
อาโอโมรินั้นเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องแอ๊ปเปิ้ลที่นี่จึงมีผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากแอ๊ปเปิ้ลมากมาย ทั้ง น้ำแอ๊ปเปิ้ล ขนมที่ทำจากแอ๊ปเปิ้ล และยังมีพืชผักผลไม้ของเมืองอาโอโมริให้เลือกซื้ออีกด้วย
พายแอ๊ปเปิ้ลของฝากขึ้นชื่อของเมืองอาโอโมริ
น้ำแอ๊ปเปิ้ลๆ สดๆ หวานอร่อยมากๆ ค่ะ
ที่ตั้ง : A-Factory 5 นาทีจากสถานีรถไฟอาโอโมริ
เปิดบริการ : 9.00-20.00 น.
และใกล้ๆ กับ Nebuta Warasse ยังมีที่เที่ยวน่าเที่ยวนั่นก็คือ Hakkodamaru Memorial Ship พิพิธภัณ์เรือ Hakkodamaru ซึ่งเคยเป็นเรือเฟอร์รี่ที่แล่นจากอาโอโมริไปยังเมืองฮาโกดาเตะ จังหวัดฮกไกโด สามารถเข้าไปชมได้โดยเสียค่าเข้าชม 500 เยน
ส่วนที่พักที่เราพักคืนนี้นั้นคือ Hotel Jal City Aomori ทำเลดีใกล้สถานีรถไฟอาโอโมริ เดินจากสถานีได้ประมาณ 5 นาที ราคาเริ่มต้นประมาณ 9,000 เยน/คืน สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องครบครัน
จองที่พัก Hotel Jal City Aomori ที่นี่
เช้านี้เราตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปทานอาหารที่ตลาดปลา Furukawa ตลาดปลาใจกลางเมืองอาโอโมริ ที่มีอาหารขึ้นชื่อคือ "นคเคะดง (nokkedon)" เป็นเมนูข้าวหน้าปลาดิบที่สามารถเลือกหยิบปลาที่ชอบและโปะไปบนข้าวได้เลย
เริ่มต้นเราจะต้องซื้อคูปองที่มีสองราคาคือ 650 เยน และ 1,300 เยน ตัวคูปองจะเป็นกระดาษแผ่นใหญ่ที่แบ่งเป็นคูปองเล็กๆ สามารถฉีกออกได้ เราซื้อแบบ 1,300 เยนค่ะ มีคูปองเล็กๆ 10 ใบ พอได้คูปองแล้วก็ Have Fun เลยค่ะ โดยเราจะนำคูปองเดินไปซื้อปลาดิบตามร้านต่างๆ ในตลาดที่เขาจะใส่จานเล็กๆ เอาไว้ให้ จะมีเขียนไว้ว่าเมนูนี้ใช้คูปองกี่ใบ ก็ฉีกได้เลยตามจำนวนคูปองที่เขียนไว้
เริ่มจากนำคูปองไปซื้อข้าวก่อน แล้วเดินถือชามข้าวไปซื้อปลาดิบในตลาด
หอยเชลล์หรือ Hotate ตัวใหญ่หวานอร่อยมากๆ
หลังจากเลือกของที่อยากกินแล้วก็มานั่งทานบริเวณโต๊ะที่ทางตลาดจัดเอาไว้ มีโชยุ มีวาซาบิ ตะเกียบ และน้ำชาให้บริการ คอนเฟิร์มเลยว่าสดและอร่อยมากๆ ค่ะ
ที่ตั้ง : Furukawa Fish Market เดิน 5 นาทีจากสถานีรถไฟอาโอโมริ
เปิดบริการ : 7.00-17.00 น.
จากนั้นเราเดินทางต่อไปยัง ภูเขา Hakkoda ซึ่งเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างเมืองอาโอโมริและทะเลสาบโทวาดะ มีความสูง 1585 เมตร เป็น 1 ใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นสถานที่ที่ชมใบไม้แดงได้สวยงามมากๆ ค่ะ โดยจากเมืองอาโอโมริใช้เวลาเดินทางไปประมาณ 60 นาทีโดยรถบัสของ JR buses ที่วิ่งระหว่างอาโอโมริไปยังทะเลสาบโทวาดะ ค่ารถประมาณ 1100 เยน/เที่ยว (สามารถใช้ JAPAN RAIL PASS ได้)
รถบัสจะมาส่งเราที่สถานี Hakkoda Ropeway แล้วก็มาซื้อตั๋วเพื่อขึ้นโรปเวย์แบบไป-กลับ คนละ 1,850 เยน แบบเที่ยวเดียวราคา 1,180 เยน กระเช้าจะพาเราไต่ระดับความสูงจากสถานี Sanroku ไปจนถึงสถานี Sancho Park ที่ระดับ 1,324 เมตร โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที แม้ช่วงที่เราไปไม่มีใบไม้แดงแต่วิวทิวทัศน์ก็สวยงามมากๆ เลยค่ะ ต้นไม้สีเขียวขจีท้องฟ้าสีฟ้าสดใส
พอขึ้นมาปุ๊บก็มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เราได้เดินเทรกกิ้งเล็กๆ เรียกเหงื่อชมความสวยงามของธรรมชาติบนยอดเขา Hakkoda ใครอยากมาชมใบไมแดงที่นี่แนะนำประมาณปลายเดือนกันยายน - กลางเดือนตุลาคมภูเขาทั้งลูกก็จะกลายเป็นสีแดงสวยงามมากๆ
ส่วนในฤดูหนาวจะมีกำแพงหิมะที่เรียกว่า Hakkoda Walk ให้ชมความงดงามกันอีกด้วย
ที่ตั้ง : Hakkoda Ropeway ตั้งอยู่ระหว่างเมืองอาโอโมริและทะเลสาบโทวาดะ
เปิดบริการ : 9.00-16.20 น.
ค่าบริการ : แบบไป-กลับ คนละ 1,850 เยน แบบเที่ยวเดียวราคา 1,180 เยน
เราเดินทางต่อไปยัง Towada Art Center ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ Contemporary Art ที่ตั้งอยู่ในเมืองโทวาดะ จัดแสดงงานศิลปะสมัยใหม่จากทั่วโลก โดยมีทั้งนิทรรศกาลแบบถาวรและหมุนเวียนให้เราเดินชมได้อย่างจุใจ โดยจุดเด่นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะทำเป็นทางเดินกระจกใสที่เชื่อมต่อห้องจัดแสดง โดยตลอดทางจะมีผลงานศิลปะให้ได้ชมและมีส่วนร่วมตลอดทางเลยค่ะ
ผลงานศิลปะที่ชื่อ Standing Woman ของศิลปินชาวออสเตรเลีย Ron Moeck ทำได้ทึ่งเหมือนจริงมากๆ
Bridge of Light ผลงานของ Ana Laura Alaez ศิลปินชาวสเปน ที่เราสมารถมีส่วนร่วมโดยการเดินผ่านสะพานแห่งนี้ได้ด้วย
On Clouds ผลงานของ Tomas Saraceno ศิลปินชาวอาร์เจนตินา
และรอบๆ เมืองโทวาดะยังมีผลงานศิลปะของศิลปินที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย เช่น สนามเด็กเล่นแห่งนี้ที่เป็นผลงานของ Yayoi Kusama ศิลปินชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง และอื่นๆ อีกมากมายที่เราสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ด้วย
ที่ตั้ง : Towada Art Center ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบโทวาดะและเมือง Hachinohe สามารถนั่งรถบัสจากทะเลสาบโทวาดะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่ารถ 1,850 เยน (สามารถใช้ JAPAN RAIL PASS ได้)
เปิดบริการ : 9.00-17.00 น.
ค่าบริการ : 510 เยนสำหรับนิทรรศกาลถาวร และ 1,000 เยน สำหรับนิทรรศกาลหมุนเวียน + นิทรรศกาลถาวร
จาก Towada Art Center เราจะเดินทางไปชมธรรมชาติยังลำธาร Oirase แต่ก่อนจะไปเดินขอแวะมาทานข้าวแกงกะหรี่แอ๊ปเปิ้ลที่โรงแรม Hoshino Resorts Oirase ขอบอกว่าเป็นโรงแรมที่วิวดีมากๆ ติดลำธารและอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม
ข้าวแกงกะหรี่แอ๊ปเปิ้ลซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่เลยค่ะ โดยเขาจะเสิร์ฟน้ำแกงกะหรี่แยกมาให้เราตักราดตามชอบได้
เนื้อแอ๊ปเปิ้ลจะผสมผสานอยู่ในเนื้อแกงกะหรี่ ทำให้รสชาติออกเปรี้ยวอมหวานอร่อยมากๆ ค่ะ
ลำธาร Oirase หนึ่งในสถานที่ชมใบไม้แดงที่สวยงามมากๆ ของญี่ปุ่น โดยตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Towada-Hachimantai ตัวลำธารจะขนานไปกับถนนสามารถเดินชมธรรมชาติได้โดยระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดิน 2.5 ชั่วโมง
ตลอดสองข้างทางก็จะเต็มไปด้วยธรรมชาติสวยงามมากๆ ค่ะ ลำธารสีฟ้าอ่อนที่ไหลไปตามธารน้ำปกคลุมไปด้วยต้นไม้สีเขียว ซึ่งช่วงที่ฮานะไปตอนนั้นเป็นช่วงฤดูร้อนป่าทั้งป่าเป็นสีเขียวสดใส แต่ถ้าใครมาช่วงปลายเดือนตุลาคม - ต้นเดือนพฤศจิกายน ก็จะพบกับสีเหลือง สีแดงของต้นไม้ที่มีลำธารน้ำไหลเคียงคู่ เป็นภาพที่สวยงามราวกับภาพวาดเลยล่ะค่ะ
มีน้ำตกสวยๆ ให้ชมตลอดทาง
ใครอยากมาเดินชมความงดงามของที่นี่สามารถนั่งรถบัสที่วิ่งระหว่างเมืองอาโอโมริมายังยาสุมิยะ ใช้เวลาประมาณ 165 นาที ค่ารถ 3,090 เยน/เที่ยว โดยอาจจะเริ่มต้นที่ป้าย Yakeyama แล้วเดินชมทะเลสาบมาเรื่อยๆ จนถึงทะเลสาบโทวาดะได้เลย
ชมวิวทะเลสาบโทวาดะจากมุมสูง ซึ่งทะเลสาบโทวาดะนั้นเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ตั้งอยู่ในบริเวณเขตอุทยานแห่งชาติ Towada-Hachimantai เป็นสถานที่สำหรับชมใบไม้แดงที่ได้รับความนิยมและสวยงามมากๆ
จากจังหวัดอาโอโมริเราเดินทางสู่เมือง Kosaka เมืองเล็กๆ น่ารักในจังหวัดอาคิตะ ในอดีตเมืองนี้เป็นเมืองเหมืองแร่และมีปัญหาเรื่องมลพิษแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยต้นไม้ เพราะมีการเริ่มฟื้นฟูมาประมาณ 100 ปีที่ผ่านมาด้วยการปลูกต้นไม้และมีการนำต้น Acacia จากประเทศจีนนำมาปลูกที่นี่
ซึ่งสถานที่ที่แรกที่เราจะพาไปชมในวันนี้คือ Kosaka Railroad Rail Park อดีตคือสถานีรถไฟ Kosaka แต่ตอนนี้ได้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์รถไฟจัดแสดงหัวรถจักรและตู้รถไฟโดยจุดเด่นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือเราสามารถเข้าไปชมถึงห้องคนขับได้เลยค่ะ
หัวรถจักรอายุ 80 ปีที่เราสามารถเข้าไปชมในห้องคนขับได้
ส่วนคันนี้เป็นรถไฟที่ทำจากกล่องกระดาษและใช้ถ่าน 99 ก้อนในการวิ่ง วิ่งได้ได้ 8.5 กิโลเมตร
ที่ออกตั๋วรถไฟในอดีต
นอกจากจะได้ชมประวัติศาสตร์ของรถไฟแล้วที่นี่เขายังมีกิจกรรม Rail Bike ฮานะไปลองแล้วค่ะ สนุกมากๆ โดยจะเป็นรถที่วิ่งบนรางรถไฟสามารถนั่งได้คันละ 4 คน โดยด้านหน้าจะมีที่ปั่นเหมือนจักรยานเลยค่ะ แล้วเราก็ปั่นแบบชิลๆ ไปตามรางรถไฟสนุกมากๆ
ที่ตั้ง : เมือง Kosaka ตั้งอยู่ในจังหวัดอาคิตะ และยังติดจังหวัดอาโอโมริ โดยสามารถนั่งรถบัสจากสถานีรถไฟอาโอโมริใช้เวลาประมาณ 60 นาที
เปิดบริการ : 9.00-16.30 น.
ค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 500 เยน/เด็ก 250 เยน
จาก Kosaka Railroad Rail Park เราสามารถเดินไปชมโรงละครเก่า Korakukan ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1910 โดยตัวอาคารทำจากไม้ด้านนอกดีไซน์สไตล์ตะวันตก สามารถจุผู้ชมได้ 600 คน โดยโรงละครแห่งนี้จัดแสดงละครคาบูกิซึ่งเป็นละครดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่แสดงโดยผู้ชายล้วน ปัจจุบันก็ยังมีการจัดแสดงละครอยู่เสมอ
ตัวเวทีทำจากไม้ มีทางเดินด้านข้างซ้าย-ขวาที่เรียกว่าฮานามิจิเพื่อให้ตัวละครสามารถเดินโดยรอบได้
ด้านล่างเวทีที่เรียกว่า Naraku จะมีกลไกที่สามารถปรับระดับของทางเดินฮานามิจิให้ขยับขึ้นลงได้ และตัวเวทีด้านล่างสามารถหมุนได้ด้วยแรงคน
ห้องแต่งตัวของนักแสดงโดยมีภาพและลายเซ็นของนักแสดงคาบูกิชื่อดังมากมาย
ในอดีตที่นี่เคยเป็นสำนักงานของบริษัทเหมืองที่สร้างตั้งแต่ปี 1905 การตกแต่งเป็นสไตล์เรเนซองส์และยังผสมผสานศิลปะแบบมัสยิดของศาสนาอิสลามเข้าไปด้วย
ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์ของการทำเหมืองแร่ที่น่าสนใจมากๆ
ที่ตั้ง : เมือง Kosaka ตั้งอยู่ในจังหวัดอาคิตะ และยังติดจังหวัดอาโอโมริ โดยสามารถนั่งรถบัสจากสถานีรถไฟอาโอโมริใช้เวลาประมาณ 60 นาที
เปิดบริการ : 9.00-17.00 น.
ค่าบริการ : 330 เยน
คืนนี้เราพักที่ Yuze Hotel ที่พักสไตล์เรียวกังในจังหวัดอาคิตะ ล้อมรอบไปด้วยขุนเขาและสายน้ำ
โดยที่นี่มีออนเซ็นให้ได้แช่ชมธรรมชาติด้วยนะคะ ส่วนห้องพักที่เรานอนเป็นแบบสไตล์ญี่ปุ่นรวมอาหารเช้าและอาหารเย็นเริ่มต้นที่ประมาณ 13000 เยน/คน/คืน สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ที่นอนสไตล์ญี่ปุ่นที่จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาปูให้เรา
ห้องน้ำจะแยกเป็นห้องสุขาและห้องอาบน้ำพร้อมกับอ่างอาบน้ำ
จองที่พัก Yuze Hotel ที่นี่
วันนี้เราเดินทางไปยังเมือง Kazuno ในจังหวัด Akita เพื่อไปชมโรงเก็บ Yatai หรือเกี้ยวที่ Antora ซึ่งใช้ในเทศกาล Hanawa Bayashi ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 19-20 สิงหาคมนี้
โดยเทศกาล Hanawa Bayashi จัดขึ้นเพื่อบวงสรวงเทพเจ้า Ubusunagami ของศาลเจ้า Sakiwai-Inari ในเมือง Kazuno โดยเทศกาลนี้มีมาประมาณพันกว่าปี ภายในงานจะมีการลากเกี้ยว Yatai 10 คันโดยมาจาก 10 เมืองในจังหวัดอาคิตะ ไปตามท้องถนนในเมือง โดยตรงกลางของเกี้ยวจะมีพื้นที่ให้คนตีกลองและเดินไปพร้อมกับเกี้ยวอย่างสนุกสนาน โดยเกี้ยวแต่ละตัวนั้นมีอายุประมาณ 50 ปี สูง 3 เมตร หนัก 2 ตัน ราคาต่อคันประมาณ 15 ล้านเยน
โดยภายใน Antora ยังมีกิจกรรมให้เราได้ลองทำ Miso Tanpo ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดอาคิตะ มีคุณป้าชาวญี่ปุ่นที่น่ารักและใจดีเป็นคนสอนวิธีการทำ Miso Tanpo คุณป้าเล่าว่าเจ้า Tanpo นั้นจุดกำเนิดมาจากสมัยก่อนมีคนที่เดินทางเข้าป่าและพกข้าวปั้นโอนิกิริไปด้วย และได้ลองนำมาเสียบไม้และนำไปย่างไฟก็พบว่ามันอร่อยมากๆ และต่อมาก็ได้นำเจ้า Tanpo นั้นมาเป็นอาหารหลายๆ แบบเช่นมาทามิโสะกลายเป็น Miso Tanpo หรือนำเอาไปหั่นเป็นชิ้นที่เรียกว่า Kiri Tanpo แล้วไปใส่ในหม้อไฟนาเบะถ้านึกไม่ออกว่ารสชาติเป็นยังไงให้นึกว่านำข้าวจี่ไปใส่ในหม้อไฟก็จะคล้ายกันมากๆ ค่ะ
มาดูวิธีการทำ Miso Tanpo กันค่ะ โดยนำข้าวพันธุ์ Akita Komachi ที่มีความเหนียวนำมาบดแบบหยาบๆ แล้วนำไปพันกับไม้สน จากนั้นนำไปย่าง
พอเริ่มเหลืองได้ที่ก็นำไปทาด้วยซอสมิโสะ แล้วไปย่างไฟอีกครั้งก็นำมาทานได้แล้วค่ะ
ความหอมและรสชาติหวานๆ เค็มๆ ของมิโสะ เมื่อนำไปทาบนข้าวและนำไปย่างจะทำให้ Tanpo นั้นอร่อยมากๆ ยิ่งกินตอนร้อนๆ ในช่วงอากาศหนาวด้วยนั้นจะยิ่งฟินมากๆ
จากจังหวัดอาคิตะ เราเดินทางสู่จังหวัดอิวาเตะ เพื่อจะไปปีนเขาฮะจิมันไต ซึ่งตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติโทวาดะ-ฮะจิมันไต
ภูเขาฮะจิมันไตนั้นมีความสูงถึง 1613 เมตร การเดินทางไปฮะจิมันไตนั้นไปได้หลายทางทั้งนั่งรถบัสจาก Morioka,Tazawako และ Kazuno-Hanawa ส่วนเรามาจากทาง Kazuno-Hanawa โดยมีรถบัสจากสถานีรถไฟ Kazuno-Hanawa ที่วิ่งมาถึงสถานี Hachimantai-chojo ใช้เวลาประมาณ 80 นาที ค่ารถ 1,350 เยน ให้บริหารช่วงปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤศจิกายน
รถบัสไต่ไปตามความสูงของภูเขาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงบริเวณจุดจอดรถของภูเขาฮะจิมันไต จากตรงนี้จะมีเส้นทางเดินเขาโดยมีทั้งแบบเดินชิลๆ 40 นาที และเดินแบบจริงจัง 2 ชั่วโมง
ฮานะขอเลือกแบบเดินชิลๆ 40 นาที โดยจะมีเนินให้เรียกเหงื่อในตอนต้นเล็กน้อย พอหมดเนินก็จะเดินสบายแล้วค่ะ เดินชมธรรมชาติที่สวยงามของยอดเขาที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาพันธุ์เพลินมากๆ ค่ะ
ด้านบนของภูเขาจะมีทะเลสาบซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะอยู่มากมาย ทะเลสาบแรกที่เรามาชมเรียกว่าทะเลสาบแว่นตา เพราะมีลักษณะเป็น 2 ทะเลสาบคู่กันมองด้านบนจะเหมือนแว่นตา รอบๆ ทะเลสาบยังมีหิมะหลงเหลือให้เห็นอยู่ แม้จะเข้าสู่ฤดูร้อนแล้วก็ตาม
น้ำในทะเลสาบจะมีสีเขียวอมฟ้าสวยงามมากๆ ค่ะ
ที่ตั้ง : ภูเขาฮะจิมันไต ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติโทวาดะ-ฮะจิมันไต จ.อาคิตะ
จากนั้นเราเดินทางไปยังเมือง Morioka ในจังหวัดอิวาเตะเพื่อไปทาน Wanko Soba ที่ร้าน Azumaya ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Morioka
ซึ่งความพิเศษของ Wanko Soba คือเป็นโซบะที่ไม่ได้เสิร์ฟมาถ้วยเดียวจบ แต่จะมีพนักงานทยอยถือถ้วยโซบะเล็กๆ มาเสิร์ฟให้เราและเทใส่จานเรา การกิน Wanko Soba จึงไม่ใช่แค่การกินแต่คือความบันเทิง การแข่งขันว่าใครจะได้กินมากที่สุด บางคนกินได้เป็นร้อยถ้วยเลยล่ะค่ะ
อารมณ์เหมือนกินก๋วยเตี๋ยวเรือบ้านเรา แต่ต่างตรงที่ว่าถ้าเราอยากกินก๋วยเตี๋ยวเรือเพิ่มเราต้องสั่งแต่ Wanko Soba จะมีคุณป้าพนักงานมายืนข้างๆ มือนึงถือถาดใส่ถ้วยโซบะ อีกมือหนึ่งก็จับถ้วยเทให้กับลูกค้า ถ้าเราไม่ปิดฝาแสดงว่าเรายังไม่อิ่ม คุณป้าก็จะคอยยืนเทให้เราไปเรื่อยๆ เลยค่ะ
ถ้าอิ่มแล้วก็ปิดฝาถ้วยแบบนี้คุณป้าก็จะเลิกเทโซบะใส่ถ้วยเรา หลังจากทานแล้วทางร้านยังมีป้ายชื่อพร้อมจำนวนถ้วย Wanko Soba ที่เราทานได้มอบให้เป็นที่ระลึกด้วยค่ะ
ที่ตั้ง : ร้าน Azumaya ตั้งอยู่หน้าสถานีรถไฟ Morioka
คืนนี้เราพักที่ Shizukishi Prince Hotel สกีรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติในจังหวัดอิวาเตะ ซึ่งที่นี่ยังมีออนเซ็น สนามกอล์ฟ และไฮไลท์ที่เรามาพักที่นี่เพราะคืนนี้เราจะไปนั่งเคเบิลคาร์เพื่อขึ้นไปดูดาวภายบนยอดเขา Takakurayama กันค่ะ
ห้องพักที่นี่เขาจะดีไซน์สไตล์โมเดิร์นทันสมัย สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องที่เราพักเป็นแบบ Twin Room พร้อมอาหารเช้าและอาหารเย็นบุฟเฟ่ต์ในราคาประมาณคนละหมื่นกว่าเยน
ดีไซน์ทันสมัยน่านอนมากๆ
โดยอาหารเย็นของที่นี่เป็นบุฟเฟ่ต์ นานาชาติค่ะ และที่พิเศษคือมีปูด้วยนะเนื้อหวานมากๆ
ปูและซีฟู้ดแบบไม่อั้น คุ้มมากๆ
มีของหวานช็อคโกแลตฟองดูว์ด้วยค่ะ
จากนั้นก็ถึงเวลาไปชมดาวกันแล้วค่ะ โดยบริเวณหน้าโรงแรมจะมีสถานีเคเบิลคาร์ Shizukushi Ropeway ให้เราขึ้นไปชมดาวบนยอดเขา Takakurayama ได้ด้วยค่ะ ค่าขึ้นโรปเวย์ผู้ใหญ่ 1,200 เยน / เด็ก 900 เยน
วันนี้ดาวสวยมากๆ และเป็นครั้งแรกที่ฮานะได้มานอนชมดาวที่ญี่ปุ่น โดยคนที่มาชมส่วนมากนั้นเป็นแขกของโรงแรม ทั้ง เด็ก และผู้ใหญ่ต่างตื่นตะลึงกับภาพท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดารานับล้านดวงตรงหน้า เป็นช่วงเวลาที่ประทับใจมากๆ
จองที่พัก Shizukishi Prince Hotel ที่นี่
จากจังหวัดอิวาเตะเราเดินทางกลับมายังจังหวัดอาคิตะ โดยวันนี้เราจะไปชมทะเลสาบ Tazawa ที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Towada-Hachimantai เป็นทะเลสาบสีฟ้าที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามมากๆ และยังเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วยโดยมีความลึกประมาณ 423 เมตร
จุดเด่นของทะเลสาบแห่งนี้คือรูปปั้น Tatsuko ซึ่งตามตำนานเล่าว่ามีหญิงสาวได้อธิษฐานขอให้ตนนั้นสวยตลอดไปแต่คำอธิษฐานนั้นไม่เป็นความจริง เธอเลยโดนสาปให้กลายร่างเป็นมังกรจมสู่ก้นทะเลสาบ ใครที่มาทะเลสาบแห่งนี้ก็ต้องมาแชะภาพคู่กับรูปปั้น Tatsuko สีทองที่ตั้งอยู่กลางน้ำทะเลสาบสีฟ้าสวยงามมากๆ
ที่ตั้ง : ทะเลสาบ Tazawa ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Towada-Hachimantai จังหวัดอาคิตะ การเดินทางสามารถนั่งรถบัสจากสถานีรถไฟ Tazawako มาลงป้าย Tazawa-kohan ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบใช้เวลาประมาณ 12 นาที ค่ารถ 360 เยน/เที่ยว
เที่ยวทะเลสาบกันแล้วเราจะพาไปเดินชมหมู่บ้านซามูไรกันค่ะที่เมือง Kakunodate ซึ่งเมืองนี้ในอดีตเป็นเมืองที่มีปราสาท Kakunodate และเป็นเมืองที่มีซามูไรพำนักอยู่ โดยจะแบ่งเขตเป็นเขตของซามูไร และเขตของพ่อค้า แต่ปัจจุบันไม่มีปราสาทแล้วแต่ยังคงหลงเหลือบ้านซามูไรที่เปิดให้เข้าชมได้ประมาณ 6 หลัง และรอบๆ เมืองก็เต็มไปด้วยบ้านเรือนแบบเก่าที่บางหลังเปิดเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านคาเฟ่ให้เราได้เข้าไปนั่งชิลได้อีกด้วย
และนอกจากจะมีชื่อเสียงในเรื่องหมู่บ้านซามูไรแล้วที่นี่ยังมีชื่อเสียงว่าเป็นสถานที่ที่ชมซากุระได้สวยงามมากๆ โดยรอบๆ เมืองจะมีต้นชิดาเระซากุระที่จะพากันเบ่งบานพาให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นสีชมพูทั้งเมืองในช่วงปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
บ้านซามูไรที่เราจะพาเข้าไปชมนั้นคือบ้านของตระกูล Aoyagi โดยภายในมีทั้งพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมือง อีกทั้งยังมีร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกอีกด้วย
มีการจัดแสดงชุดเกราะของซามูไร ชุดกิโมโน และข้าวของเครื่องใช้ในอดีตใครสนใจเรื่องราวของซามูไรสามารถมาชมที่นี่ได้เลยค่ะ ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 200 เยน
อ๊ะ เมืองนี้เขายังมีน้องหมาอาคิตะที่เป็นเซเล็บประจำเมืองด้วยนะคะ ชื่อน้องหมาบูเคมารุประจำอยู่ที่ร้าน Satoku Garden น่ารักและฉลาดมากๆ เลย ใครมาเที่ยวที่นี่แวะมาหาบูเคมารุคุงได้เลย
จากย่านซามูไรเราจะพาไปยังย่านพ่อค้าในเมือง Kakunodate โดยสถานที่ที่เราพาไปนั้นก็คือ Ando Jozo Brewery Honten ซึ่งที่นี่เป็นโรงหมักซอสถั่วเหลืองและมิโสะที่ดำเนินกิจการมาอย่างยาวนานกว่า 150 ปี ภายในมีร้านค้า ร้านอาหาร และยังมีเรื่องราวของบ้านเก่าที่เราสามารถเข้าไปชมได้ค่ะ
ตัวอาคารก่อด้วยอิฐแดงเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สวยงามมาก
ห้องโถงสำหรับรับแขกและเอาไว้จัดพิธีสำคัญเช่นพิธีแต่งงาน
บ้านญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมพร้อมกับสวนญี่ปุ่นด้านนอก
ที่ตั้ง : เมือง Kakunodate ตั้งอยู่ในจังหวัดอาคิตะ สามารถนั่งรถไฟมาลงสถานี Kakunodate ได้
จากเมือง Kakunodate เราแวะมาทานอาหารอร่อยที่ Taizan-do Home Stay House ซึ่งที่นี่เป็นที่พักและร้านอาหารแนวฟาร์มสเตย์ โดยมีคุณป้าเจ้าของบ้านเป็นคนทำอาหารให้
ผักของที่นี่เขาปลูกเองโดยมีฟาร์มอยู่หลังบ้านสดอร่อยมากๆ ค่ะ
อาหารที่เราทานกันในวันนี้อร่อยมากๆ
คุณป้าเจ้าของบ้านน่ารักมากๆ
กลับมาเที่ยวในตัวเมืองอาคิตะกันบ้างค่ะ โดยภายในเมืองมีที่เที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่นที่ Kanto Festival Center หรือพิพิธภัณฑ์เทศกาลคันโต ที่รวมเรื่องราวเทศกาลงานประเพณีที่สำคัญของเมืองให้เราได้ชม
โดยภายในพิพิธภัณฑ์จะมีเทศกาลที่น่าสนใจ 3 เทศกาล เริ่มต้นจากเทศกาล Kanto Matsuri ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3-5 สิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นเทศกาลโคมไฟที่น่าไปมากๆ ค่ะ เพราะงานนี้เขาจะเป็นงานที่โชว์ความแข็งแกร่ง สมาธิ ของนักแสดงที่จะต้องถือไม้โคมไฟ Kanto และโชว์เทคนิค ท่วงท่าต่างๆ เพื่อไม่ให้โคมไฟตก โดยไม้โคมไฟ Kanto จะแบ่งเป็นระดับได้ 4 ระดับ โดนเริ่มจากระดับเด็กอนุบาลหนัก 5 กิโลกรัม ไปจนถึงขนาดใหญ่สุดสำหรับผู้ใหญ่หนักประมาณ 50 กิโลกรัม
พี่คนนี้เก่งมากๆ โชว์ใช้หน้าผากในการถือโคมไฟได้เท่มากๆ ค่ะ
โคมไฟระดับเด็กอนุบาลที่เราลองไปถือแล้วพบว่ามันหนักมากๆ และไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
นอกจากนี้ยังมีเทศกาลที่น่าสนใจอีก 2 เทศกาล นั่นก็คือเทศกาล Bonden Matsuri ที่จะจัดในช่วงฤดูหนาววันที่ 17 มกราคม และเทศกาล Tsuchizaki Minato Hikiyama ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 20-21 กรกฎาคม ใครที่อยากมาสัมผัสความสนุกสนาน ความสวยงามของงานเทศกาลญี่ปุ่นก็มากันได้เลยค่ะ
เทศกาล Bonden Matsuri
เทศกาล Tsuchizaki Minato Hikiyama
ปิดท้ายคืนสุดท้ายที่ญี่ปุ่นกับการพักผ่อนที่โรงแรม Morino aze Tazawako ที่พักสไตล์เรียวกังใกล้กับทะเลสาบ Tazawa เป็นห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นและมีออนเซ็นให้แช่ชมธรรมชาติ ห้องพักที่เราพักเป็นแบบรวมอาหารเช้า และอาหารเย็นราคาประมาณหมื่นกว่าเยน
จองที่พัก Hotel Morino aze Tazawako ที่นี่
โบกมือลาภูมิภาคโทโฮคุ เพื่อเดินทางกลับสู่ประเทศไทย โดยทริปนี้เราได้รับความประทับใจกลับไปมากมาย ทั้ง ธรรมชาติที่สวยงาม อาหารอร่อย และผู้คนที่น่ารัก ใครที่อยากมาสัมผัสความสวยงามในเส้นทางนี้ก็ลองเดินทางมาชมกันดูนะคะ แล้วคุณจะหลงรักโทโฮคุ
Tags: ญี่ปุ่น ทริป โทโฮคุ อาโอโมริ อิวาเตะ อาคิตะ เที่ยวญี่ปุ่น ที่พักญี่ปุ่น เที่ยวอาโอโมริ เที่ยวอิวาเตะ เที่ยวอาคิตะ tohoku aomori iwate ikuta เรียวกัง ออนเซ็น Nebuta Warasse A-Factory Furukawa Fish Market Hakkoda Ropeway Towada Art Center Oirase Kosaka Railroad Rail Park Korakukan Kosaka Mining Office Yuze Hotel Hanawa Bayashi Hachimantai เขาฮะจิมันไต Wanko Soba Morioka Shizukishi Prince Hotel ทะเลสาบ Tazawa Kakunodate Kanto Festival Center Hotel Morino aze Tazawako เทศกาล งานประเพณี
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 578 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 822 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 24 ก.ย. 2024 | 689 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ย. 2024 | 1,280 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 30 ก.ค. 2024 | 2,128 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 19 ก.ค. 2024 | 4,367 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ค. 2024 | 2,116 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 18 เม.ย. 2024 | 3,554 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 21 ก.พ. 2024 | 5,472 อ่าน