เที่ยวเมืองพิจิตร ชมตลาดเก่าวังกรด แล้วจับรถไฟไปพิษณุโลก

"หยิบกระเป๋าเจ้าใบเก่ง ใส่กางเกงก็ตัวเก่า บอกรองเท้าคงต้องเดินกันหลายวัน....”

เสียงเพลงดังขึ้น เป็นสัญญาณการออกเดินทางอีกครั้ง

การเดินทางของฉันครั้งนี้ เป้าหมายอยู่ที่พิษณุโลกและเพชรบูรณ์

ซึ่งมีคนแนะนำมาว่าให้ลองเดินทางไปเที่ยวช่วงหน้าฝนดู

รับรองว่าจะได้อีกบรรยากาศที่งดงามมากๆ

ฉันเลยคิดว่าจะลองพิสูจน์ว่ามันงดงามเพียงใด

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว เลยขอนำร่องวันนึงเที่ยวเมืองพิจิตร

จังหวัดพิจิตร เมืองชาละวัน จังหวัดที่อยู่ไม่ไกลพิษณุโลก

อาจฟังดูเหมือนเป็นทางผ่าน แต่เราจะไม่ปล่อยให้ผ่านเลย...

เริ่มต้นเช้าตรู่ทันทีที่ถึงเมืองพิจิตร ที่ "วัดโพธิ์ประทับช้าง"

วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่สร้างในสมัยสมเด็จพระพุทธเจ้าเสือ (พ.ศ. 2242)

ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 27 กิโลเมตร

ไปตามถนนสายพิจิตร-วังจิก ก่อนถึงวังจิก 2 กิโลเมตร

ด้านหน้าวัดมีต้นไม้ใหญ่สองต้นคือ ต้นโพธิ์ประทับช้าง และต้นมะเดื่อ

ว่ากันว่าบริเวณระหว่างต้นไม้ใหญ่สองต้นนี้ เคยเป็นสถานที่ประสูติ

และฝังรกของสมเด็จพระพุทธเจ้าเสือพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยา

ต่อมาเมื่อท่านได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ ท่านจึงสร้างวัดขึ้นข้างต้นโพธิ์ใหญ่

พระราชฐานนามวัดแห่งนี้ว่า "วัดโพธิ์ประทับช้าง"

เพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน ณ สถานที่ประสูติของพระองค์

เดินเท้าต่อเข้าไปภายในวัด ยังคงรักษาสภาพโบราณสถานเอาไว้

มีร่องรอยกำแพงวัดเก่า กำแพงโบสถ์ที่สึกกร่อนไปตามกาลเวลา

ด้านในอุโบสถประดิษฐาน "หลวงพ่อโต" พระพุทธรูปที่มีอายุยาวนานกว่า 300 ปี

เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อีกองค์หนึ่งในจังหวัดพิจิตร

ไหว้พระทำบุญกันเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางต่อไปยัง "ตลาดเก่าวังกรด"

ตลาดวังกรดตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน ไม่ไกลจากตัวเมืองพิจิตร

เดิมชื่อ "บ้านวังกลม" และได้เปลี่ยนเป็น "วังกรด" ตามชื่อของสถานีรถไฟ

ตลาดวังกรด เกิดขึ้นจากการเป็นชุมทางของการเดินทางรถไฟสายเหนือ

ต่อมาก็กลายเป็นตลาด ศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญของพิจิตร

ทันทีที่ลงจากรถ ก็พบเห็นบ้านไม้สองชั้นเรียงรายไปตามถนนเส้นเล็กๆ

ก่อนที่จะออกไปชื่นชมความงามของตลาดวังกรด ขอแวะพักเติมพลังกันก่อน

ที่ "ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มไซ้ลุ่ย" ร้านนี้ตั้งอยู่กลางตลาดหน้าหอนาฬิกา

ที่พามาร้านนี้ก็เพราะว่า เป็นร้านขายอาหารตามสั่ง และก๋วยเตี๋ยว

ซึ่งจะไม่เหมือนที่อื่นๆ เพราะว่าเป็น "ก๋วยเตี๋ยวต้ม" สูตรพิเศษ

ยังคงงงอยู่... เลยขอออกมาชมคุณป้าน่ารักๆ ทำก๋วยเตี๋ยวให้เราทาน

ถึงกับบางอ้อ เพราะเขาต้มเส้นก๋วยเตี๋ยวและน้ำซุป

ไม่ใช่การลวกเหมือนร้านอื่นๆนั่นเอง!!

มองไปในชามก๋วยเตี๋ยวที่เห็นเขียวๆนั่น.... พริกค่ะ 

ความเผ็ดนี่ได้ใจมาก หากใครไม่ชอบรสจัด ก็บอกเขาก่อนเน้อ...

อิ่มหนำกันแล้วก็ออกเท้าเดินทางไปเยี่ยมชมตลาดวังกรดกัน

ในตลาดมีที่เดินเล่นหลายที่ เช่น ศูนย์ข้อมูลชุมชนตลาดวังกรด

ซึ่งด้านในจะมีนิทรรศการ และจัดแสดงของใช้โบราณ

เพื่อสะท้อนภาพวันวานที่มาที่ไปของตลาดวังกรดแห่งนี้

ศาลเจ้าพ่อวังกรม ศูนย์รวมใจของชาวบ้าน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านพอดี

บ้านหลวงประเทืองคดี ผู้ที่ริเริ่มและให้การสนับสนุนการสร้างตลาด

ส่วนบ้านหลังนี้ เป็นอาคารทรงตึกหลังแรกของตลาดวังกรด

มีอายุมากว่า 80 ปี แล้ว (โอ้โห...)

เดินเที่ยวชุมชนบริเวณถนนเส้นกลาง ถ้าใครกลัวไม่รู้ว่าชุมชนนี้มีอะไร

ให้ดูที่หน้าบ้านแต่ละหลังที่เรียงรายอยู่สองฝั่งของถนน

จะมีป้ายข้อมูลของผู้ที่อยู่อาศัยและประวัติความสำคัญต่อชุมชนแขวนเอาไว้

อย่างเช่น บ้านเจ๊เล็กขายขนมหวาน บ้านเฮียอ้อนขายของโชว์ห่วย

ภาพคุณตาคุณขายยังขายของอยู่ที่ร้าน ผู้คนถีบสามล้อและจักรยาน

วิถีชีวิตที่เนิบช้าแบบนี้ เป็นภาพที่เห็นได้ทั่วไปในตลาดวังกรด

คุณยายคนนี้แกเคยทำขนมหวานมาก่อน นำของเครื่องใช้ประเภททองเหลืองมาให้ชมกัน

โอ่งมังกรเก่าแก่ และเงินตราโบราณ อายุอานามยาวนานเกือบร้อยปีค่ะ

ภาพคุณยายขายของเล่นให้เด็กๆ ที่ร้านขายของโชว์ห่วย

แดดร่มลมตกก็จะเห็นคุณยายออกมานั่งคัดข้าวสารที่หน้าบ้าน

เดินเที่ยวชมสถานีรถไฟวังกรด ใครอยากจะมาเที่ยวตลาดโดยทางรถไฟ

ก็สามารถมาได้ โดยการขึ้นรถไฟที่หัวลำโพง

ขบวนที่จอดสถานีวังกรดจะมีวันละ 4 เที่ยว

สามารถโทรสอบถามได้ที่ โทร 1690 หรือ www.railway.co.th

หรือใครสะดวกมาทางรถ ที่นี่ก็มีรถตู้โดยสารออกจากอนุสาวรีย์ชัยทุกวัน

วันละ 9 เที่ยว เริ่มตั้งแต่ 7:00-19:00 น.  รถมาส่งถึงตัวตลาดพอดีเลย

"ตลาดเก่าวังกรด" สามารถเที่ยวได้ในวัน ศุกร์-เสาร์ ตั้งแต่ 8:30-15:00 น.โดยประมาณ

สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่กลุ่มอนุรักษ์วังกรด โทร 056-672020 หรือ 083-163-0084

ออกเดินทางกันต่อ... หากใครมีเวลาก็ลองแวะมาเที่ยวแบบพักผ่อนหย่อนใจที่ "บึงสีไฟ"

แหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ติดอันดับต้นๆของประเทศ และเป็นสวนสาธารณะของจังหวัดพิจิตร 

มีรูปปั้นพญาชาละวัน ตามตำนานเรื่องไกรทอง ให้ได้ถ่ายรูปคู่อีกด้วย

เพื่ออรรถรสที่ดีเยี่ยมของการเดินทาง

เราต้องลองเดินทางในรูปแบบที่หลากหลายดูบ้าง...จริงมั้ย...

อย่างเช่นการนั่งรถไฟจากพิจิตรไปพิษณุโลก โดยขึ้นที่ "สถานีรถไฟพิจิตร" ในตัวเมือง

(หรือใครอยากจะลองนั่งรถไฟจากตลาดวังกรด มาถึงพิษณุโลกเลยก็ทำได้)

สถานีรถไฟพิจิตร เป็นสถานีรถไฟที่มีความสวยงามมาก

แม้จะเป็นอาคารขนาดไม่ใหญ่ แต่รูปแบบอาคารสไตล์นีโอคลาสสิคแบบนี้

ก็ทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองย้อนยุคกลับไปสมัยรัชกาลที่ 5 ยังไงยังงั้น

สถานีรถไฟสวยๆแบบนี้มีแค่เพียงสองแห่งในประเทศไทย

คือสถานีรถไฟหัวลำโพงกรุงเทพฯ และสถานีรถไฟพิจิตรแห่งนี้นี่เอง...

ปู๊น... ปู๊น... รถไฟมาแล้ว 

เราจับรถไฟจากพิจิตรไปพิษณุโลกด้วยขบวนสปริ้นเตอร์

ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึงก็มาถึงเมือง "พิดโลก" แล้ว

พิษณุโลก เป็นเมืองใหญ่ และเป็นศูนย์กลางภาคเหนือตอนล่าง

แตกต่างกับเมืองพิจิตรที่ยังเป็นเมืองเล็กๆเงียบๆ

มาถึงพิษณุโลกเวลาบ่ายคล้อยเย็นแบบนี้

ขอศึกษาวัฒนธรรมของคนพิดโลกกันสักหน่อยก็แล้วกัน

พรุ่งนี้จะได้เก็บที่เที่ยวธรรมชาติสวยๆให้เต็มอิ่มจุใจทั้งวันไปเลย... 

ใครที่มาพิษณุโลก ห้ามพลาดเลยที่จะเข้าไปสักการะพระพุทธชินราช

ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ที่ชาวบ้านเรียกกัน

และหากใครมีเวลาอีกสักนิดก็ขอให้ลองไปชมเรื่องราวความรู้ ประวัติศาสตร์

และวัฒนธรรมของจังหวัดต่างๆในแถบภาคเหนือตอนล่าง

ที่ “พิพิธภัณฑ์เมืองพิษณุโลก" ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักศิลปะและวัฒนธรรม

มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

หลังจากที่ได้ท่องเที่ยวและอิ่มเอมความรู้ไปด้วยแล้วนั้น

ปิดท้ายมื้อเย็นวันนี้ เห็นทีจะต้องเข้าร้านดัง ที่ร้าน "ครัวต้นปีบ" ร้านอาหารไทยในตัวเมือง

กับเมนูอร่อย เช่นยำถั่วพลู ปูนิ่มทอดกระเทียม หรือว่าจะเป็น "ปูหลน" ก็อร่อยมากเลย

นับเป็นการปิดท้ายค่ำคืนอย่างมีความสุขเลยล่ะ 

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี

ททท. จังหวัดพิษณุโลก ที่พาเราไปชิลกันในกรีนซีซั่นแบบนี้

พรุ่งนี้เช้าเราจะพาคุณเดินทางกันต่อ ขึ้นภูเขา เที่ยวน้ำตก

ชมความงามของหมอกฝนที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

และภูทับเบิก ยอดเขาสูงสุดแห่งเพชรบูรณ์ จะสวยสดงดงามขนาดไหน..

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ

ชิลไปไหน....ไปด้วย....

เรื่องและภาพ : This road is mine

จองที่พักแบบ Online ได้ทันที

 

Tags: พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ตลาดเก่าวังกรด เมืองชาลวัน

เขียนโดย

Admin Chillpainai

แชร์บทความนี้