0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

ทริปเที่ยวไต้หวัน 3 วัน 2 คืนก็เที่ยวได้เน็ตไม่รั่ว

calendar_month 12 เม.ย. 2017 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 39,419 / เที่ยวต่างประเทศ


 

พอได้ข่าวว่าทางไต้หวันเปิดฟรีวีซ่าให้กับคนไทยปุ๊บ ฮานะก็รีบวางแพลนชวนเดอะแก๊งค์ไปเที่ยวไต้หวันกันค่ะ โดยเป็นทริปชิลๆ ลางานแค่หนึ่งวัน เพราะเราเลือกไปวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ลองมาดูกันว่ามีเวลา 3 วัน 2 คืนเราจะเที่ยวอะไรในไต้หวันกันได้บ้าง
 


 
 
 
 



 
ก่อนเดินทางก็ต้องเตรียมตัวไปไต้หวันกันก่อน  เมื่อตั๋วเครื่องบิน ที่พัก กล้องพร้อมแล้วแต่เรื่องการใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตที่เราไม่รู้ว่าจะต้องไปซื้อซิมที่โน่นดีหรือเปล่า ประจวบเหมาะกับทาง dtac ออก แพ็กเกจเน็ต Go! อินเตอร์ มาใหม่พอดีเลยค่ะ ส่วนตัวฮานะใช้ dtac ระบบเติมเงินอยู่แล้ว คราวนี้ก็ขอลองสมัครดูว่าสัญญาณจะดีแค่ไหน


 
มาดูประเทศที่สามารถใช้ได้ค่ะ มีทั้ง ออสเตรเลีย, กัมพูชา, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, ลาว, มาเลเซีย, พม่า, สิงคโปร์, ไต้หวัน และอเมริกา โดยค่าแพ็คเกจเป็นแบบเหมาจ่าย 170 บาท/วัน สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมงไปเลยค่ะ



 
วิธีสมัครก็ง่ายมากค่ะ โดยเราสามารถสมัครได้ทั้งตอนที่อยู่เมืองไทยและตอนที่อยู่ต่างประเทศ สำหรับขั้นตอนการสมัครใช้งานขณะที่อยู่ประเทศไทย เริ่มแรกดูว่าทริปที่เราไปจะไปกี่วัน อย่างคราวนี้ฮานะไป 3 วัน คูณกับ 170 บาท จะเท่ากับ 510 บาท จากนั้นก็เติมเงินให้เท่ากับจำนวนที่เราต้องใช้ เปิดโรมมิ่งแล้วกด *118# โทรออก วันไหนไม่ใช้ก็ไม่ต้องกด เงินเหลือกลับมาใช้ที่เมืองไทยได้ ประหยัดไปอีก

ส่วนขั้นตอนการสมัครใช้งานขณะที่อยู่ต่างประเทศ ให้กด *104*725# โทรออก รอรับ SMS แจ้งการเริ่มใช้งาน แล้วเลือกเครือข่ายตามที่บริษัทกำหนด เพียงเท่านี้ก็ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้แล้วค่ะ
 
และขณะที่เราอยู่ต่างประเทศอยากเติมเงินก็สามารถเติมเงินได้ 3 ช่องทางคือ ด้วยบัตรเครดิตผ่าน quickRefill เติมเงินด้วยบัตรเครดิตรผ่านธนาคาร หรือฝากให้ที่บ้านช่วยเติมเงินด้วยบัตรเงินสดให้ก็ได้ค่ะ
 
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็ไปตะลุยไต้หวันกันเลย
 
huhuhu





 
เรานั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบินเถาหยวนของไต้หวันประมาณ 3 ทุ่มค่ะ พอมาถึงก็เปิดมือถือเลยค่ะโดยตอนนี้มือถือของฮานะเชื่อมต่อกับเครือข่าย Chuengwa ของไต้หวันเรียบร้อยแล้วค่ะ จากนั้นก็ไปซื้อตั๋วรถบัสจากสนามบินเพื่อไปยัง Taipei Main Station ที่เป็นเหมือนจุดกึ่งกลางการขนส่งของไต้หวันเลยค่ะ โดยค่ารถ 125 NT หรือประมาณ 143 บาท(อัตราแลกเปลี่ยน 1NT=1.145 ไทย) พร้อมกับบัตร Easy Card ซึ่งเป็นบัตรเดินทางในไต้หวันคล้ายๆ บัตรแรบบิทบ้านเรา
 

 
มาถึงแล้วก็ขอถ่ายบัตร Easy Card ลายน่ารักแล้วโพสท์ลงโซเชียลให้เพื่อนๆ อิจฉากันหน่อย 
 

รอรถบัสสาย 1819 ที่ป้ายหมายเลข 3 ค่ะ
 

รถบัสใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงสถานี Taipei Main Station จากนั้นก็นั่งรถไฟใต้ดินต่อไปยังที่พักของเรา NiHao Cafe Hotel ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานี Daan ค่าที่พักคืนละพันกว่าบาท / คนเท่านั้น ที่พักน่ารักมากๆ มีห้องน้ำในตัว สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ภายในที่พักมีคาเฟ่ด้วยค่ะ
 
    
 
 


วันที่สองวันนี้เราขอออกนอกเมืองไปยังเมืองจิ่วเฟิ่นเพื่อตามรอยอนิเมชั่นชื่อดังของญี่ปุ่นเรื่อง Spirited Away ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเมืองนี้ และทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองที่ฮอตสุดๆ ใครไปไต้หวันก็ต้องไปเยือนจิ่วเฟิ่นให้ได้สักครั้ง
 

 
วิธีการเดินทางไปยังเมืองจิ่วเฟิ่น  นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี Zhongxiao Fuxing แล้วออกทางออกที่ 1 จากนั้นเดินย้อนมาแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเจอป้ายรถบัสสาย 1062 Taipei to Jinguashin เพื่อไปลงยังสถานี Jiufen Old Street ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งค่ารถ 102 NT วันนี้แถวยาวมากๆ เลยค่ะ รออยู่นานกว่าจะได้ขึ้น
 

 
มาถึงเมืองจิ่วเฟิ่นแล้วค่ะ โดยภารกิจเราคือการไปตามรอยร้านน้ำชาที่อยู่ในการ์ตูนเรื่อง Spirited Away ซึ่งตลอดสองข้างทางเดินไปยังร้านน้ำชานั้นจะเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารมากมาย เดินไปชิมไปอิ่มเลยค่ะ 
 


ทางเดินไปยังร้านน้ำชา


 
ถึงแล้วค่ะร้าน Sky Castle Teahouse ร้านน้ำชาโบราณ เหมือนในการ์ตูนเรื่อง Spirited Away ได้มาชมด้วยตาตัวเองแบบนี้แล้วน้ำตาจะไหลเลยค่ะสวยงามมากๆ งานนี้เลยต้องขอไลฟ์สดด้วยสัญญาณอินเตอร์เน็ตของ dtac ไปให้เพื่อนๆ ในเมืองไทยชมกันหน่อย


 
เมืองจิ่วเฟิ่นหรือที่หลายคนเรียกว่าเมืองโคมแดง เพราะทั้งเมืองจะมีโคมแดงประดับอยู่มากมาย ยิ่งตอนกลางคืนเมื่อโคมแดงส่องสว่างจะสวยงามเป็นพิเศษเลยค่ะ



จุดชมวิวของเมืองจิ่วเฟิ่นที่สวยงามอลังการมากๆ เลยค่ะ
 


วันสุดท้ายของทริปนี้แล้ว เราขอไปชิคๆ คูลๆ ที่ Huashan 1914 creative park แหล่งรวมการแสดงนิทรรศกาลศิลปะจากทั่วโลก และมีร้านแฮนด์เมดร้านขายงานศิลปินของไต้หวันให้เลือกชมมากมายเลยค่ะ การเดินทางนั่งรถไฟใต้ดินลงสถานี Zhongxiao Xinsheng แล้วออกทางออกที่ 1 เดินไปประมาณ 300 เมตรก็ถึง Huashan 1914 creative park แล้วค่ะ
 

 
ความเก๋ของเขาคือนำโกดังเก่ามาทำเป็นอาคารแสดงศิลปะ ซึ่งนอกจากจะมาเดินชมศิลปะดีๆ แล้วยังมีมุมให้ถ่ายรูปชิคๆ มากมายเลยค่ะ


 
จาก Huashan 1914 creative park เราก็นั่งรถไฟใต้ดินต่อไปยังสถานี Ximen Station เพื่อไปช้อปปิ้งปิดท้ายทริปที่ย่านซีเหมินติงย่านช้อปปิ้งสุดฮอตของไต้หวัน


 
มาถึงก็ขอตะลุยทานอาหารขึ้นชื่อของย่านนี้ก่อนเริ่มจากร้าน Prince Cheese Potatoes มันบดราดชีสสุดฟินอร่อยสุดๆ และไม่ลืมถ่ายรูปและโพสต์ภาพด้วยอินเตอร์เน็ตของ dtac ไปให้เพื่อนๆ ในเมืองไทยอิจฉาเล่น
 


ต่อด้วยบะหมี่อาจง คนต่อคิวยาวมากๆ และอร่อยมากๆ

 

ปิดท้ายทริปกับชาไข่มุกไต้หวันที่ร้าน Dream Color ซึ่งตอนนี้นอกจากชาไข่มุกยังมีน้ำสีรุ้งที่กำลังมาแรงสุดๆ ซึ่งเป็นน้ำชา น้ำผลไม้ สีสันสวยงามแยกเลเยอร์มาเป็นชั้น ดื่มก็อร่อยถ่ายรูปก็สวยด้วยนะ 
 

 
ปิดทริปไต้หวัน 3 วัน 2 คืน อย่างมีความสุขค่ะ ทริปนี้ทำให้เรารู้ว่ามีเวลา 3 วัน 2 คืนก็เที่ยวกินฟินที่ไต้หวันได้ และทริปนี้ยังไม่พลาดการสื่อสารเพราะเรามีแพ็กเกจเน็ต Go! อินเตอร์ จาก dtac ที่ให้เราเล่นเน็ต อัพโซเชียลตลอด 3 วันกันอย่างเต็มอิ่ม ใครที่อยากมาเที่ยวมาชิลแบบนี้ก็มาตามรอยเราได้เลยจ้า





 

เขียนโดย
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน