0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

น้ำมันถังเดียว เที่ยว 3 ทะเล!!! ชลบุรี-ระยอง-จันท์ 3 วัน 2 คืน

calendar_month 08 มี.ค. 2017 / stylus Top Chillpainai / visibility 215,514 / ทริปตัวอย่าง

 

Story: เชอรี่ ชิลไกด์     Photo: ลูกพีช

เดินทางแต่ละทริป ย่อมมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าน้ำมัน ฯลฯ คิดเหมือนเชอรี่มั้ยคะว่า ถ้าเราสามารถลดค่าใช้จ่ายอย่างใดอย่างหนึ่งลงได้ ก็จะมีเงินเหลือไปใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ ได้มากขึ้น การเดินทางใกล้ๆ จึงเป็นทางเลือกแรกๆ เพราะแน่นอนว่ามัน...ประหยัดค่าน้ำมัน

แต่เชอรี่ก็มีคำถามมาตลอดว่า ถ้าเรามีรถที่ประหยัดน้ำมันล่ะ น้ำมันเต็มถัง...จะพาเราเที่ยวได้ไกลแค่ไหน แบบทั้งไปและกลับ มันคงจะฟินมากหากเราสามารถพิชิตโจทย์นี้ได้สำเร็จ แถมยังมีเงินเหลือไว้ใช้จ่ายกับร้านอาหาร และที่พักดีๆ  

และทริปนี้เราได้ New Honda City 2017 มาลองขับ ซึ่ง City นั้นโดดเด่นเรื่องความประหยัด แต่ไม่ขาดเรื่องความแรง!อยู่แล้ว ยิ่งโฉมใหม่ 2017 นี้มาในรูปลักษณ์ที่สปอร์ตและพรีเมียมมากขึ้น เชอรี่เลยขออาสาขอรับหน้าที่วางแผนทริป มาดูกันว่าภารกิจนี้จะสำเร็จมั้ยกับทริป น้ำมันถังเดียวเที่ยว 3 ทะเล ชลบุรี-ระยอง-จันทบุรี 3 วัน 2 คืน

 

คืนแรกเราจองที่พักไว้ที่ Veranda Resort Pattaya (ซอยนาจอมเทียน 4) ซึ่งบริเวณชายหาดข้างๆ Veranda มีคาเฟ่สุดชิคตั้งอยู่ นั่นก็คือ Skoop Beach Cafe เราจึงปักหมุดกันว่ามื้อเที่ยงจะไปทานขนมหวานในบรรยากาศชิลริมหาดที่ร้านนี้กันก่อน และรอเวลาเข้า Check-In ห้องพักในตอนบ่าย

 เราออกจากกรุงเทพฯ ตอน 10 โมงโดยใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ ควรจะไปถึงร้านประมาณเที่ยงๆ ไม่งั้นกระเพาะจะโวยวายได้! แต่ถึงจะขับรถเร็วบนทางหลวง แต่เรื่อง "ความประหยัด" ก็หายห่วง เพราะขับเร็วทางไกลแบบนี้ ใช้Cruise Control ควบคุมความเร็วให้คงที่โดยอัตโนมัติ ทั้งประหยัด ทั้งขับสบาย 



Skoop Beach Cafe
 นาจอมเทียน ชลบุรี

 

เที่ยงนิดๆ เราก็มาถึงสกู๊ป บีช คาเฟ่ แล้ว!! (บอกแล้วว่าเรื่องความแรง City เอาอยู่) สกู๊ป บีช คาเฟ่ เป็นหนึ่งในคาเฟ่ริมหาดที่มีเพียงไม่กี่แห่งในพัทยา ตัวร้านเข้าซอยไปค่อนข้างลึก ลูกค้าส่วนใหญ่จึงเป็นคนที่ขับรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาเอง และต้องตั้งใจมาชิลที่นี่จริงๆ

ภายในร้านมี 3 โซนให้เลือกนั่ง ทั้งโซน Indoor แอร์เย็นฉ่ำ โซน Open Air เอนกายบนเบาะบีนแบ็กชมวิวมุมสูงจากชั้นสอง หรือนั่งรับลมชิลๆ ที่ชั้นล่างก็ฟินไม่แพ้กัน

แต่ถ้าอยากใกล้ชิดทะเลแบบสุดๆ ต้องโซน Beach Bar เลยจ้า แต่ช่วงกลางวันอาจจะร้อนไปสักนิด เชอรี่ขอแค่ลงไปถ่ายรูปเกร๋ๆ แล้วกลับเข้าร่มก็แล้วกันค่ะ

เมนูแนะนำของสกู๊ป บีช คาเฟ่นั้นขอบอกเลยว่าสีสันสดใส ฟรุ้งฟริ้ง น่ากินมว๊าก พวกเราเลยขอลองเมนู ไทย ที วาฟเฟิล, นูเทลล่า อิบิซ่า, โรส ไอซ์ ที, ไทย ที โฟลต อร่อยเข้มข้นทุกเมนูเลย ส่วนของคาวขอสั่งเป็นเมนู แฮมแอนด์เชสด้า ชีส วาฟเฟิล มาลอง ฟินไม่แพ้กัน อร่อยเครื่องแน่น โดยเฉพาะวาฟเฟิลกลิ่นหอมไปทั่วทั้งร้านเลยค่ะ

หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว ก็ได้เวลาเช็คอินเข้าที่พัก ซึ่งอยู่ติดกับสกู๊ป บีช คาเฟ่เลยค่ะ 

 
 
Veranda Resort Pattaya
นาจอมเทียน ชลบุรี
 

คืนแรกเรามาเช็คอินนอนชิลๆ กันที่ วีรันดา รีสอร์ท พัทยา รีสอร์ทหรูติดหาดที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้กว้างไกลสุดสายตา มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่น่าลงเล่นทั้งวัน และมุมพักผ่อนริมหาดที่ถ่ายรูปเล่นได้ไม่รู้จักเบื่อเลยค่ะ

เราพักห้อง Ocean Front เป็น Room type ยอดนิยมที่สุดของนักท่องเที่ยว เพราะเป็นห้องที่หันหน้าออกทะเล มองเห็นวิวได้แบบ 180 องศา ฟินสุดๆ


เก็บสัมภาระเข้าห้องพักเสร็จสรรพ เดินถ่ายรูปเล่นนิดหน่อย ก็ได้เวลาขับรถไปทานมื้อเย็นกันที่ที่ The Chocolate Factory Pattaya ย่านเขาพระตำหนัก ซึ่งเป็นร้านชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดร้านหนึ่งของพัทยาเชียวนะ! แค่คิดก็ฟินละ 
 

จากวีรันดา..เราขับรถชิลๆ เลียบหาดจอมเทียน แวะถ่ายรูปนั่นนี่ไปเรื่อย อ้อ..ในเมื่อเราต้องขับรถผ่านย่านชุมชนที่ไม่ได้เร่งความเร็วปรู๊ดปร๊าด! แถมแดดร่มลมตกแบบนี้ก็ไม่ต้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ถ้างั้นกดปุ่ม ECON เพื่อความประหยัดกันเลยดีกว่า 

ระบบ ECON จะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้ประหยัดน้ำมัน และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เหมาะกับการขับแบบเรื่อยๆ ชิลๆ และยังควบคุมระบบปรับอากาศไม่ให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานหนักอีกด้วย จึงช่วยให้เกิดความประหยัดนั่นเองค่ะ

 

The Chocolate Factory Pattaya
เขาพระตำหนัก พัทยา ชลบุรี

 

มาถึงร้านเดอะ ช็อคโกแลต แฟตทอรี่ แล้วจ้า! ^O^ ตัวร้านตั้งอยู่บนหน้าผาเขาพระตำหนัก เห็นวิวทะเลพัทยาในมุมพระอาทิตย์ตกพอดี ร้านมี 2 โซนให้เลือกนั่งทั้งแบบ Indoor หลบร้อนสำหรับมาทานมื้อเที่ยง และโซนระเบียง Outdoor ที่เหมาะกับดินเนอร์รับลมชมวิวพระอาทิตย์ตกแบบเนี้ย...

เมนูของที่นี่มีทั้งอาหารอิตาเลียน ไทย ซีฟู้ด มื้อนี้เราลองทานทั้ง 3 สไตล์เลย ทั้ง พิซซ่าหน้าชีสรวม, มิกซ์ซีฟู้ด และปลากระพงทอดน้ำปลา ทุกเมนูสดอร่อยมากๆ ค่ะ

อิ่มทั้งอาหาร อิ่มทั้งบรรยากาศ มื้อนี้ฟินสุดๆ ก่อนกลับไปนอนหลับฝันดี พร้อมลุยต่อในวันรุ่งขึ้น

..............................
 

เช้านี้หลังจากทานเบรกฟาต์เสร็จ เราก็ Check Out เก็บกระเป๋าขึ้นรถ (มาเที่ยว 3 วัน แต่กระเป๋าเหมือนมาอยู่ 3 เดือน "- -) บ๊ายบายวีรันดา ขับรถมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางต่อไป Next Station ระยอง จังหวัดอะไร๊ มีความเร็กเก้สุดๆ ระยอง ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ

ไว้อาลัยให้มุกเมื่อกี้ 5 วิ "- - แต่ไหนๆ ก็พูดถึงเพลงขึ้นมาแล้ว หยิบสมาร์ทโฟนมาต่อฟังเพลงระหว่างขับรถไปด้วยเลยดีกว่า หรือถ้าจะฟังวิทยุก็สามารถค้นหาคลื่นและใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆได้อย่างสะดวกเพราะเป็นหน้าจอระบบสัมผัส ยิ่ง City คันนี้มีลำโพงถึง 8 ตัว.. เพลินไปเลยล่ะค่ะ^^  

อัพเดทระยะทางกันนิดนึง ทริปนี้เราขับกันไปแล้ว 158 กิโลเมตร
 

Happy Camper Cafe
ตัวเมืองระยอง
 

อย่าว่างั้นงี้เลยนะคะ หิวอีกแล้ว 55+ แหม...ก็ขับรถมาตั้ง 50 กว่ากิโลฯนี่คะ ขอแวะร้านชิคๆ ในตัวเมืองระยองหน่อยก็แล้วกัน กับร้านนี้ แฮปปี้ แคมเปอร์ คาเฟ่ คาเฟ่สไตล์แคมป์ปิ้งสุดชิค ติดริมคลองในสวนร่มรื่น ไม่ต้องมีห้องแอร์ก็ชิลได้ มีหลากหลายมุมให้เลือกนั่งเอนกาย สำหรับเชอรี่ขอนั่งริมน้ำละกัน

ถึงจะเป็นคาเฟ่แต่ที่นี่มีเมนูทั้งคาว-หวานเลยนะคะ และที่เชอรี่เซอร์ไพรส์สุดๆ เพราะไม่คิดว่าจะมาเจอก็คือข้าวน้ำพริก+ปลาทูคุณปู่ และข้าวคลุกกะปิริมคลอง แค่ได้ชิมคำแรกเข้าไปเท่านั้นแหละค่ะ ที่เค้าพูดกันว่ากะปิดีต้องระยองเนี่ยเรื่องจริงเลย กะปิหอม อร่อย เด็ดกว่าที่ไหนๆ จบของคาวก็มาต่อที่ของหวานอย่างโทสต์ และ บิงซู อิ่มแปล้..แถมราคายังน่ารักอีกอีกด้วย


อัพเดทระยะทาง ทริปนี้เราขับกันไปแล้ว 240 กิโลเมตร และกำลังจะมุ่งหน้าสู่ Sea CoCo Resort จันทบุรี ซึ่งมีระยะทางอีกประมาณ 100 กิโลเมตร พอขับพ้นจากตัวเมืองระยองก็ออกจากโหมด ECON แล้วใช้ Cruise Control ขับสบายๆ ไม่ต้องเหยียบคันเร่งให้เมื่อยขา วิ่งยาวๆ กันไปเล้ย!

 

Sea Coco Resort
 ปากน้ำแขมหนู จันทบุรี


ถึงแล้ว! ซี โคโค่ รีสอร์ท ที่พักย่านปากน้ำแขมหนู ริมถนนเฉลิมบูรพาชลทิศ พอจอดรถปั๊บ!เราก็รีบวิ่งไปถ่ายรูปหน้าหาดก่อนจะขนของลงซะอีก 55+ ต้องดึงสติกลับมา แล้วพากันไปลง Check-In ขนของเข้าห้องก่อนดีมั้ย!

ระหว่างที่เรากำลังบ้าหอบฟางขนของท้ายรถอยู่นั้น ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้เชอรี่ลืมดูไมล์ว่าขับมาเท่าไหร่ และน้ำมันในถังเหลือพอสำหรับระยะทางเท่าไหร่ พอกลับเข้าไปดูเลขไมล์เท่านั้นแหละ! 

แทบโทรไปบอกให้ที่บ้านซื้อหวย เพราะเลขที่ออกคือ 347 ทั้งบนและล่าง ซึ่งเมื่อเชอรี่ลองใช้ Google Maps คำนวณเส้นทางที่ยังต้องไปต่อจนกลับถึงกรุงเทพฯ คือ 300 กิโลเมตรเท่านั้น แบบนี้ก็สามารถสรุปได้แล้วล่ะว่าภารกิจ น้ำมันถังเดียวเที่ยว 3 ทะเล... Mission Complete!!! 

ภูมิใจกับการวางแผนของตัวเองอยู่สักพัก ขอกลับมาดูห้องพักของเรากันบ้าง ห้องพักของซี โคโค่ รีสอร์ท จะเป็นวิลล่าเป็นหลังๆ ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว การตกแต่งภายในห้องเป็นแนวเอเชียนผสมวินเทจ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ที่สำคัญวิลล่าทุกหลังจะมีเปลไว้ให้นอนชิลๆ ด้วยนะ

พักผ่อนกันพอหายเหนื่อย แต่กระเพาะสิเริ่มอยากทำงาน ซึ่งมื้อเย็นวันนี้ตั้งใจไว้แล้วว่ามาจันทบุรีต้องจัดซีฟู้ดสไตล์ไทยๆ ให้เต็มที่สักมื้อ เชอรี่เล็งร้านริมทะเลกันไว้ร้านหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เค้าว่ากันว่าร้านนี้ กุ้งเป็นกุ้ง ปูเป็นปู แต่ทะเลไม่เป็นทะเลนะ ทะเล..เป็นใจ (ง่อววว...)


ทะเลเป็นใจ
 ปากน้ำแขมหนู จันทบุรี

เลี้ยวขวาออกจากซี โคโค่ ขับรถมาตามถนนเฉลิมบูรพาชลทิต  4 กิโลเมตรก็ถึงแล้วกับร้านทะเลเป็นใจ ร้านอาหารติดหาดดีกรีความชิลระดับ10 มองทะเลได้แบบ 180 องศา แถมยังอยู่ในมุมที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้อีกด้วย เอาสิ ฟิ๊นฟิน

การตกแต่งของร้านนั้นดูเท่ เก๋กว่าซีฟู้ดทั่วไป โซนที่ชิลที่สุดยกให้เป็นโซนปูเสื่อนั่งเบาะบนสนามหญ้าริมหาด แต่ถ้ามากับผู้สูงอายุก็มีโซนโต๊ะเก้าอี้นั่งแบบปกติ เอาเป็นว่ามาชิลกันได้ทุกเพศทุกวัย

อาหารที่นี่ก็มีสารพัดเมนูให้ลองเลย เช่น หยุบหยับ (แมงกระพรุนนึ่ง) หมึกแดดเดียว, ปลากระพงทอดน้ำปลา, ต้มยำทะเลน้ำข้น และส้มตำปูม้า 

แต่ที่ขอยกให้เป็นไฮไลท์ของวันนี้คือเมนู กุ้งHey! หรือกุ้งราดซอสมะขาม (ชื่อ Hey นี่คงมาจากท่า Hi Five ของพวกมันแน่ๆ) และที่ขาดไม่ได้อย่างเด็ดขาดก็คือ ปูม้านึ่ง เมนูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาที่คอนเฟิร์มว่าเนื้อหวานและแน่นมาก! 


คืนนี้ถ้าไม่หลับเป็นตาย ก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรแล้ว ^^

..................................
 

 

ตื่นเช้ามาพร้อมกับเสียงคลื่นซัดสาด สูดอากาศบริสุทธิ์ มีเบรกฟาสต์มาเสิร์ฟถึงหน้าวิลล่า อะไรจะชิลไปกว่านี้คะ แต่หลังจากทานเบรกฟาสต์ไปสักพัก เชอรี่ก็แอบสงสัยวา เอ๊ะ! อาหารนี้มาจากไหน เพราะเท่าที่ดูแล้วในที่พักไม่มีครัว แล้วเชอรี่ก็ได้คำตอบค่ะ มันมาจากร้านฝั่งตรงข้าม Sugar Moon Cafe ซึ่งเจ้าของเป็นคนเดียวกันนั่นเอง
 

Sugar Moon Cafe
ปากน้ำแขมหนู จันทบุรี
 

หลังจากอาบน้ำแต่งตัว Check out และขนของขึ้นรถ เราขับรถข้ามฝั่งมาฝากท้องกันที่ชูก้าร์ มูน คาเฟ่ซะเลย ตัวร้านภายนอกเป็นแนว American Cottage แต่ภายในตกแต่งสไตล์ English Vintage ในโทนสีที่รู้สึกอบอุ่นน่านั่ง

เมนูที่เราลองวันนี้คือ ชีสเบอร์เกอร์หมู, ไก่ย่างชูการ์มูนสูตรพิเศษ, สปาเก็ตตี้ทะเลเส้นหมึกดำ และลาซาญญ่า ทุกเมนูอร่อยเข้มข้น รสชาติจัดจ้านถูกปากคนไทย

ทานของคาวไปแล้ว ก็ต้องปิดท้ายด้วยของหวาน ทุกเมนูที่นี่จะเป็นโฮมเมด เน้นคุณภาพ วัตถุดิบที่ใช้นั้นเกรดพรีเมี่ยมหมดเลยค่ะ เริ่มด้วยบานอฟฟี่ อัลมอนด์ วาฟเฟิล, เรดเวลเว็ท เค้ก และที่ต้องลองให้ได้คือ เค้กมะปิ๊ด(ส้มจี๊ด) ซึ่งมีที่นี่เท่านั้น ใครอยากลองต้องแวะมา

ส่วนเมนูเครื่องดื่มที่ลองชิมนั้นก็อร่อยเข้มข้น จนเราต้องสั่งโกโก้เย็นและชาเขียวเย็นแบบ Take Away ติดรถไปคนละแก้วเลยทีเดียว

สดชื่นเต็มที่แล้ว จุดหมายต่อไปของเราคืออีกหนึ่งแลนด์มาร์กหากมาจันทบุรี นั่นก็คือจุดชมวิวเนินนางพญา

จุดชมวิวเนินนางพญา
 อ่าวคุ้งวิมาน จันทบุรี

 

เส้นทางไปจุดชมวิวเนินนางพญานี้ก็คือทางเดียวกับที่ไปอ่าวคุ้งวิมาน โดยเมื่อลงถึงหาดแล้วเลี้ยวซ้าย ต้องผ่านถนนลาดชัน และโค้งขึ้น-ลงเขาอยู่หลายจุด

ใครไปครั้งแรกอาจจะต้องระมัดระวังเรื่องการใช้ความเร็วสักนิดนึง เจอถนนแบบนี้ก็เลยขอลองใช้ Paddle Shift ของ Honda City คันนี้ซะหน่อย

Paddle Shift ก็คือเกียร์ออโต้ที่มีระบบ Manual เพื่อให้ผู้ขับสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เองตามความต้องการด้วยคันโยกเล็กๆ ที่อยู่ตรงพวงมาลัย  เช่น กรณีขับเข้าโค้งด้วยความเร็วเกินไปแล้วรู้สึกว่าความเร็วไม่สัมพันธ์กับการเข้าโค้ง ก็สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างสะดวกขึ้น นอกจากนี้ Honda City ยังมีระบบ VSA ที่ช่วยในการเข้าโค้ง และระบบ HSA สำหรับการออกตัวทางลาดชัน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกด้วย

ในที่สุดก็มาถึงจุดชมวิวเนินนางพญา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นจุดที่มองเห็นถนนเฉลิมบูรพาชลทิตในโค้งที่สวยที่สุด ใครมาเที่ยวจันทบุรีก็ไม่ควรพลาดแวะชมค่ะ

ก่อนจะแวะไปเที่ยวกับจุดหมายต่อไป ขอแวะถอยจอดริมทะเลถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกอีกสักมุม

ถ่ายรูปกับทะเลจันทบุรีกันจนหนำใจแล้ว เราจะย้อนกลับไปทางระยอง และไปปิดท้ายทริปกันที่ทุ่งโปรงทองปากน้ำประแสร์และอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ดกันค่า
 

ทุ่งโปรงทอง

ปากน้ำประแสร์ ระยอง
 

แวะเก็บภาพความประทับใจไปกับความร่มรื่นของต้นโกงกางและต้นโปรง ที่ยามต้องแสงแดดแล้วพื้นที่ตรงหน้าจะกลายเป็นสีเหลืองทอง สวยงามมาก เราแวะถ่ายรูป เดินเล่นซึมซับบรรยากาศกันพอสมควร ก็ได้เวลาเดินทางต่อไปยังจุดหมายต่อไป เขาแหลมหญ้า


 

อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด
 ระยอง

ทางเข้ามาสู่ที่นี่ลำบากอยู่สักนิดสำหรับคนไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เพราะจากถนนหลักต้องผ่านด่านอุทยานฯ และข้ามเขาเข้ามาประมาณ 1 กิโลเมตร แถมยังต้องผ่านฝูงลิงเจ้าถิ่นบนเขาอีกด้วย T-T จนกระทั่งมาเจอจุดชมวิวแห่งนี้ ส่วนเกาะที่เห็นอยู่ไกลๆ นั้นก็คือเกาะเสม็ด..เสร็จทุกรายนั่นเอง

ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวครองใจสายฮิปสเตอร์ เพราะมีมุมให้ถ่ายรูปหลายมุม ไม่ว่าจะเป็นสะพานไม้เท่ๆ ถนนที่ถมหินลงไปในทะเล โขดหินรูปร่างสวยแปลกตา และเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่เลาะไปตามเชิงเขา เชื่อได้เลยใครว่ามาแวะที่นี่ต้องได้รูปกลับไปเยอะมากแน่นอน

ช่วงเวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปไวเสียจริงๆ เพราะเสร็จจากที่นี่เราก็ต้องมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ กันแล้ว แต่ไม่เป็นไร...อย่างน้อยภารกิจทริป 3 วัน 2 คืน เที่ยว 3 ทะเลแบบสุดฟินครั้งนี้ก็มิชชั่นคอมพลีท!! เดินทางด้วยน้ำมันถังเดียว ทั้งเที่ยว ทั้งกิน ครบเลย!

 สำหรับใครที่อยากหาทริปเที่ยวชิลๆ ช่วงวันหยุดก็ลองนำทริปนี้ไปใช้กันได้เลยนะคะ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย New Honda City 2017



 



 

เขียนโดย
Top Chillpainai
Top Chillpainai