ไปชมหมอก กอดเขา โดดน้ำให้ฉ่ำใจ ที่แก่งกระจาน 3 วัน 2 คืน

จากกรุงเทพฯไปยังแก่งกระจานนั้นมีระยะทางประมาณ 180 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. โดยประมาณ  วิธีเดินทางใช้เส้นทางเดียวกับรถลงใต้  โดยใช้ทางพิเศษเฉลิมมหานครข้ามสะพานพระราม 9 (สะพานแขวน) หรือใช้วงแหวนกาญจนาภิเษก เพื่อเข้าสู่ถนนพระราม 2 มุ่งหน้าไปทางสมุทรสาคร สมุทรสงคราม / เลี้ยวซ้ายที่แยกวังมะนาว เปลี่ยนเส้นทางเลี้ยวเข้าเพชรบุรี ถ.เพชรเกษม (หมายเลขทางหลวง 4)  
อำเภอแก่งกระจานนั้นสามารถเข้าจาก ถ.เพชรเกษมได้ 3 ทางหลัก คือ
1.อำเภอหนองหญ้าปล้อง
2.อำเภอท่ายาง
3.อำเภอชะอำ

มาถึงแก่งกระจานในช่วงสายๆ ขึ้นไปตามทางป้ายอุทยานขับรถเรียบเขื่อนไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับร้านอาหารมากมายริมทาง ทริปนี้เราแวะทานข้าวชมวิวเขื่อนที่ร้าน "ริมแก่ง" เมนูแนะนำคือแกงส้มชะอมกุ้งและผัดผักกูด

อิ่มแล้วขับรถเดินทางกันต่อเพื่อไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบ้านกร่าง หรือ แคมป์บ้านกร่าง
 เพื่อขนสัมภาระและขึ้นรถกระบะ 4x4 เดินทางต่อไปยังยอดเขาพะเนินทุ่ง
 หากใครอยากจะนำรถส่วนตัวขึ้นไปก็ได้  แต่ต้องชำนาญในการขับรถขึ้นเขาชันๆ ท่านใดที่นำรถเล็กมาก็สามารถจอดที่แคมป์บ้านกร่างนี้ได้และขึ้นรถของอุทยานขึ้นไป

นักท่องเที่ยวที่เดินทางไป-กลับที่เขาพะเนินทุ่ง 
 เวลาขึ้นจากบ้านกร่าง 05.30 น. - 07.30 น. เวลาลงจากเขาพะเนินทุ่ง 09.00 น. - 10.00 น. และ 16.00 น. - 17.00 น.
นักท่องเที่ยวที่เดินทางเพื่อพักค้างแรมที่เขาพะเนินทุ่ง 
 เวลาขึ้นจากบ้านกร่าง 13.00 น. -15.00 น.เวลาลงจากเขาพะเนินทุ่ง 09.00 น. -10.00 น. และ 16.00 น.-17.00 น.

 โดยเสียค่าธรรมเนียม คือ ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท รถยนต์สี่ล้อ 30 บาท รถกระบะ 40 บาท รถตู้ 50 บาท รถยนต์มากกว่าสี่ล้อ 70-80 บาท 

สามารถจองที่พักบนอุทยานฯ ได้ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช โทร. 02-562-0760
 หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โทร. 032-459-293 
 

ลืมบอกไปที่แคมป์บ้านกร่าง สิ่งที่คนพูดถึงมากที่สุดก็คือฤดูผีเสื้อ หากใครมาเที่ยวช่วงเดือน เมษา - มิถุนา ก็จะมีโอกาสเห็นผีเสื้อนับพันมาเกาะกินอาหารที่โป่ง อช.แก่งกระจาน ยังเป็นอุทยานที่คนรักธรรมชาติหลายๆ คนอยากมา อีกทั้งคนชอบดูนก หรือส่องสัตว์ต่างๆ ได้แวะเวียนมาพักผ่อนกันอยู่บ่อยๆ 

หลังจากใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเราก็จะถึงด้านบนยอดพะเนินทุ่ง มีลานกางเต็นท์และบ้านพักของอุทยาน , ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว กางเต็นท์กันเสร็จก็เดินไปดูพระอาทิตย์ตกที่จุดชมวิวพะเนินทุ่ง พอเริ่มเย็นๆ ค่ำๆ หลังจากทานข้าวเสร็จ ด้วยความชื้นและอากาศก็ค่อนข้างจะเย็นจนถึงขั้นหนาวพอสมควร  ควรเตรียมเสื้อกันหนาวพร้อมเสบียงขึ้นมาให้พร้อมด้วยจะดีที่สุด หลังจากมืดแล้วดาวยิ่งสว่าง สวยจนไม่อยากนอนเลย

ขึ้นไปพะเนินทุ่งแล้วบอกลาสัญญาณโทรศัพท์ได้เลย แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ทำให้เลิกคิดเรื่องงาน เรื่องทุกข์ต่างๆ เหมือนทำให้เราพาตัวเองมาเที่ยวและปรับตัวเข้ากับสถานที่นั้นจริงๆ ฟ้า ฝน อากาศ มันไม่แน่นอน อย่าไปหวังกับมันมาก อย่างเช่น "ทางช้างเผือก" กับหมู่ดาวนับร้อยนี้ก็เป็นเรื่องดีๆ ที่มาอย่างไม่ตั้งใจสำหรับทริปนี้

หลังจากตื่นนอน (เช้าหน่อยนะ ห้ามสาย) ให้ไปดูทะเลหมอกเลย โดยเราต้องเดินทางไปดูทะเลหมอกที่ กม. 36  เป็นจุดชมทะเลหมอกที่ไม่ไกลจากที่พัก ถึงเวลาสูดโอโซนกันให้เต็มปอด

โชคดีที่ทะเลหมอกก็มาตามนัด ไม่ผิดหวังที่ตื่นเช้า ... เห็นหมอกหนาๆ เหมือนเตียงนุ่มๆ ก็อยากจะโดดพุ่งลงไป แต่ความจริงทำไม่ได้ 55555 

หลังจากชื่นชมให้ชุ่มใจแล้วก็เตรียมตัวเก็บของกลับลงไปยังตัวอำเภอแก่งกระจานสันเขื่อนด้านล่าง เพื่อไปเล่นน้ำกันต่อ

โดยคืนที่ 2 นี้ เราจะพักกันที่ Hamony Resort ที่พักน่ารักที่เปิดตัวได้ไม่นานแต่กระแสตอบรับจากนักท่องเที่ยวดีมาก ตกแต่งด้วยตัวการ์ตูนสีสันสดใส เหมาะสำหรับเด็ก ไฮไลท์คงเป็นสไลเดอร์ยักษ์และสระน้ำให้เล่นฟรีสำหรับคนที่มาพัก เหมาะสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มใหญ่ที่จะมาพักผ่อน รีสอร์ทตั้งอยู่กลางๆ แม่น้ำเพชร ใกล้แก่งกระจานพาราไดซ์
 

หลังจากเก็บของและทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อย ก็เตรียมตัวไปล่องแพยางแม่น้ำเพชรกันต่อ โดยจะต้องไปล่องตั้งแต่ต้นน้ำซึ่งอยู่บริเวณต้นน้ำเพชรรีสอร์ทเชิงสะพานแรก สังเกตุได้ไม่ยาก โดยราคาก็ไม่แพงมากถ้าหากมากันเยอะก็จะยิ่งได้หารเฉลี่ยถูกมากขึ้น บางที่พักก็มีแพ็คเกจนี้ขายพร้อมห้องพักแล้ว หรืออาจจะมีค่ารถรับส่งที่ไปรับที่จุดขึ้นจากน้ำ หรือใครจะขึ้นจากน้ำที่รีสอร์ทเลยก็ได้ไม่ต้องเสียเวลากลับไปกลับมา

 




โดยแม่น้ำเพชรก็ไม่ได้เชี่ยวมาก  แต่ก็ลึกกำลังดี ใครอยากจะปล่อยตัวปล่อยตามน้ำไหลก็ชิลไปอีกแบบ ตามทางก็สามารถแวะเล่นพวกสไลเดอร์ของรีสอร์ทต่างๆ ได้ แต่มีค่าใช้จ่าย

ส่วนใครที่ยังแช่น้ำไม่หนำใจ ก็สามารถมาเล่นที่รีสอร์ทกันต่อได้จนถึงเย็นๆ เอาให้ตัวเปื่อยกันไปข้างกันเลย
 แต่ใครที่ยังมีเวลาอยากจะแชะรูปกับจุดเช็คอินที่แก่งกระจานสักหน่อย ก็รีบขับรถขึ้นไปบนสันเขื่อนเรียบไปจนถึงเขตอุทยานเลยไปถึงสะพานแขวน ที่เคยเป็นที่ถ่ายหนังเรื่อง "สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก" ได้นะ บรรยากาศเย็นๆ ริมเขื่อนก็น่าตั้งแคมป์ดีเหมือนกัน โดยเขตอุทยานจุดนี้ก็สามารถกางเต็นท์ได้ ให้สำหรับคนที่อยากมาเที่ยวและพักในบริเวณรอบๆ เขื่อน

หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จจนมืดค่ำ ก็ถึงเวลาปาร์ตี้วันสุดท้าย เรามาจัดหนักอาหารอีสานมื้อเย็นกันที่ร้าน "แซ่บริมทาง" ที่อยู่ก่อนถึงตัวอำเภอแก่งกระจาน ดังนั้นต้องขับรถย้อนมาไกลสักนิด แต่รับรองว่าอาหารรสชาติอร่อยใช้ได้ พออิ่มก็กลับไปจัดกันต่อที่รีสอร์ท

หลังจากจัดหนักกันเมื่อคืนก็ถึงเวลากลับ หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ 55555 ตื่นเช้ามาทางรีสอร์ทก็มีอาหารเช้าให้ เป็นแบบ ABF และข้าวต้มร้อนๆ (แก้แฮงค์) แบบฟินๆ



 


 

จากหลังสายๆ เราก็เช็คเอาท์ออกจากรีสอร์ทเพื่อกลับกรุงเทพฯ โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมงเศษ หากใครมีเวลาเหลือและยังอยากถ่ายรูปชิคๆ ด้านบนอีก ก็สามารถขึ้นไปจุดชมวิวบนสันเขื่อนหรือไปสะพานแขวนเพื่อถ่ายรูปเล่นกันก่อนกลับอีกครั้งก็ได้ .. เพราะยังอยากจะชิลลลลล
ถือว่าเป็นทริปที่มาง่ายมากกกกกกก ... มากับเพื่อนก็สนุก มากับแฟนก็แฮปปี้ มากับครอบครัวก็สุขสันต์แน่นอน

10 ที่พักแก่งกระจาน ริมแม่น้ำพร้อมสไลเดอร์ คลิกที่นี่

ชิลไปไหน
 ไป ...
 แก่งกระจาน