0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

Krabi See Through เที่ยวกระบี่หน้าฝน 3 วัน 2 คืนเปียกแต่ฟินเว่อร์ กิน เที่ยว แอดเวนเจอร์แบบครบๆ

calendar_month 26 ก.ค. 2016 / stylus Admin Chillpainai / visibility 65,728 / ทริปตัวอย่าง , ที่เที่ยว


ใครๆก็บอกว่าฤดูฝนเป็นช่วงโลว์ซีซัน พ่วงมาด้วยตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่นราคาถูกมากมาย บวกกับตัวเราเองก็กำลังอยากไปเที่ยวทะเลใต้ และมีคนเอ่ยปากชวนอยู่พอดี เมื่อทุกอย่างประกอบร่างกัน พวกเราจึงไม่รอช้าที่จะเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ทำการบุ้คที่นั่งแบบด่วนจี๋โดยมีเป้าหมายของทริปนี้อยู่ที่จังหวัด "กระบี่" เมืองในฝันสำหรับวันพักผ่อน ที่มีกิจกรรมมากมายรอให้คุณละสายตาจากหน้าจอมาเยี่ยมเยือน แล้วเพื่อนๆจะได้รู้ว่ากระบี่มีดีกว่าที่เห็น !!!

02
 



เมื่อคืนนี้ตื่นเต้นจนเกือบนอนไม่หลับ แต่ในที่สุดก็ขุดตัวเองออกจากที่นอนมาสนามบินได้สักที ทำการเช็คอิน โหลดกระเป๋าลงเครื่อง แวะกินไก่บอนชอนเติมแรงเรียบร้อย เช้าวันแรกเราจึงบินตรงจากดอนเมืองมาลงที่สนามบินกระบี่ด้วยไฟลท์ราวๆ 11 โมงกำลังดี



 

หลังแลนด์ดิ้งลงอย่างนิ่มนวล เรามุ่งหน้าไปหาร้านอาหารอร่อยรองท้องกันที่ร้านขึ้นชื่ออย่างป้าอัญชลีก่อนเป็นอันดับแรก ตามคติกองทัพต้องเดินด้วยท้องนะจ๊ะ ร้านป้าอัญชลีตั้งอยู่ใจกลางกระบี่เลยค่ะ บรรยากาศร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ โดยมีเมนูขึ้นชื่อของที่นี่เป็นหอยชักตีนตัวโต ให้เราได้ลองงัดแงะแคะเนื้อออกจากเปลือกหอยมาลองชิมกันดู บอกเลยว่าได้จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดนี่ยิ่งเด็ดมว๊ากกก โดนใจอย่างแรง แต่นอกจากหอยชักตีนแล้ว เมนูอื่นก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ อาทิ สะตอผัดกุ้ง ยำถั่วพู กุ้งราดซอสมะขาม หู้ยย~ พูดถึงทีไรก็แซ่บทุกที ของแบบนี้ต้องมาลองด้วยตัวเองสักครั้งจริงๆ

ร้านป้าอัญชลี : 315/5 ถนนมหาราช ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 81000
เปิดทุกวันเวลา 10.30-15.00 น. และ 17.00-22.00 น. โทร. 075-631-796-7


 

หลังจากท้องอิ่มได้ที่จนตาชักจะปิด ได้ยินใครสักคนเปรยๆว่าถึงเวลาขยับแข้งขยับขากันแล้ว เพราะเรากำลังมุ่งหน้าไปประลองความมันส์กับเดอะแก๊งที่ Krabi Kart Speedway สนามรถแข่งโกคาร์ทระดับมาตรฐาน เพื่อสร้างความตื่นเต้นกันต่อ ถึงทีมเราจะมีนักซิ่งมือใหม่หลายคนก็หายห่วง เพราะที่นี่เค้ามีอุปกรณ์เซฟตี้และสต๊าฟคอยดูแลให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดเลยค่ะ ใครพร้อมแล้วก็ใส่ชุด สวมหมวกกันน็อคแล้วก็ลงสนามไปลุยกันโลดดด !!! 

- Krabi Kart Speedway (โทร. 075-700-522, www.krabikart.com)




มองดูนาฬิกา อ๊ะ ! ใกล้ได้เวลาสามโมง รีบเรียกรวมพลโดดขึ้นรถอย่างไว เนื่องจากเย็นวันนี้พวกเรามีแพลนล่องเรือ Live Life Andaman ชมพระอาทิตย์ตก ซึ่งโปรแกรมหลักๆ เป็นการพาเที่ยวผ่านหาดไร่เลย์ ถ้ำพระนาง และแวะชมสี่หมู่เกาะสุดฮอตอย่างเกาะไก่ เกาะปอดะ เกาะทับ เกาะหม้อพร้อมปาร์ตี้บาร์บีคิวบนเรือเคล้าเสียงเพลงอีกต่อ แถมในบางจุดยังลงดำน้ำได้ด้วย ฟินอย่าบอกใครเชียว ! (การล่องเรือเที่ยวเกาะต่างๆจะเปลี่ยนตามสภาพอากาศ และคลื่นลม) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ (www.livelifeandaman.com/livelife_sunset.php)





 

หากใครอยากลงไปเล่นน้ำ หรือลอยคอบนเจ้าหงส์ยักษ์แบบนี้ก็ได้เหมือนกัน เราล่องกันตั้งแต่บ่ายสามโมงยาวไปจนถึงหนึ่งทุ่ม ค่าเสียหายอยู่ที่ 1,800 บาท/คน บวกลบคูณหารออกมาแล้วนี่คุ้มค่าอะไรอย่างนี้ แอบกรี๊ดดังๆอยู่ในใจ










 

เสร็จจากการล่องเรือประมาณทุ่มกว่า ได้ฤกษ์มุ่งหน้ากลับที่พักของเรา "กระบี่รีสอร์ท" นั่นเองจ้า ห้องใหญ่กว้างขวางน่านอนมากๆ ทำการทดลองโดดลงเตียงเล็กน้อยก็พบว่ามันช่างนุ่มนิ่มถูกใจ เราเลยทำการลงหลักปักฐานที่นี่กัน 2 คืนรวดแบบไม่หนีไปไหน



 




โปรแกรมแรกของเช้าวันที่ 2 เราจะไปพาย Paddle Board บริเวณถ้ำเขาขนาบน้ำเล่น ดังนั้น เราจึงมาโผล่กันที่บริเวณอนุสาวรีย์ปูดำเพื่อลงเรือหางยาวที่จะมีพี่คนขับมารับเราไปปล่อยลงตรงสันทรายกลางแม่น้ำ เพื่อเตรียมตัว และรับคำแนะนำ พร้อมทั้งสาธิตวิธีการเล่นอย่างละเอียด แต่นอกจากความสนุกที่ได้กลับมาแล้ว ยังมีกำไรเป็นชมวิวสวยๆของแม่น้ำกระบี่ด้านหน้าตัวเมืองไปในตัวอีกต่อหนึ่งด้วยค่ะ เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวจริงๆ โชคไม่ดีเท่าไหร่ที่วันนี้ฝนตกลงมาอย่างหนัก การพาย Paddle Board ในวันนี้จึงค่อนข้างทุลักทุเลไปนิด แต่ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ เพราะเราถือคติว่าการเที่ยวมันต้องมีอุปสรรคบ้าง ระหว่างทางจะได้มีสีสัน~ 
 



 
ในส่วนวิธีการเล่นนั้น ผู้เล่นต้องนั่งหรือยืนทรงตัวบนแผ่นกระดานให้มั่นคง แล้วออกแรงพายไปเรื่อยๆตลอดเส้นทางของเขาขนาบน้ำ ที่สำคัญคือต้องทรงตัวให้ดี ไม่งั้นอาจมีการตกน้ำป๋อมแป๋มได้นะจ๊ะ แต่รับรองว่าปลอดภัยหายห่วงแน่นอน เพราะทุกคนที่เล่นจะต้องทำการสวมเสื้อชูชีพก่อนเล่นเสมอ 
 

 
เล่นเสร็จก็ขึ้นเรือต่อ คราวนี้พี่คนขับกำลังจะพาเราไปดื่มด่ำธรรมชาติบริสุทธิ์อย่างใกล้ชิดกันที่ถ้ำเขาขนาบน้ำซึ่งด้านในจะหินงอกหินย้อย มีหลักฐานการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ และยังเคยใช้เป็นฐานที่ตั้งของทหารญี่ปุ่น สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย



 

กลับจากพายแพดเดิ้ลบอร์ด ไปต่อกันที่ท่าเรือเจ้าฟ้าเพื่อมุ่งหน้ามายังชุมชนมุสลิมบ้านเกาะกลาง หากมาหลายคนสามารถเหมาเรือมาได้ในราคา 500 บาท แต่ถ้ามาคนเดียวแบบฉายเดี่ยวแบบเก๋ๆ ค่าเรือตกคนละ 10 บาทเท่านั้น โดยจะมีเรือสแตนบายรอที่ท่าอยู่ตลอดเวลา

พอเท้าเหยียบเกาะปุ๊บ เราก็มองหารถสามล้อเครื่องพ่วงข้างของชาวบ้านไว้เป็นที่พึ่งสำหรับพาเที่ยวชมวิถีชาวบ้านบนเกาะนี้ค่ะ วันนี้ฝนตกลงมาเล็กน้อย ต้นหญ้าเลยเขียวชอุ่ม สดชื๊นสดชื่นชวนให้สบายใจ ได้ฟีลคืนสู่สามัญเป็นธรรมชาติมากๆ ยังเห็นน้องควายยืนกินหญ้าอยู่เลย




 


มาถึงบริเวณที่สาธิตการทำผ้าบาเต๊ะของชุมชน ก็เจอคุณป้าท่านนี้กำลังลงสีผ้าอยู่พอดี ขั้นตอนในส่วนนี้ก็จะเริ่มตั้งแต่น้ำขี้ผึ้งผสมเทียนมาหลอมให้เหลว แล้วนำบล็อคสร้างภาพลงไปจุ่มเพื่อให้ขี้ผึงเกิดการแข็งตัวเป็นกรอบ คล้ายๆกรอบรูปสำหรับรอลงสี บอกเลยว่าน่าทึ่งมากๆ เพราะว่าสีที่ระบายไปจะไม่มีการไหลออกนอกกรอบเลย เรียกว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านแบบดั้งเดิมก็ว่าได้ (คนคิดค้นนี่เก่งจัง) ใครอยากอุดหนุนไว้เป็นของที่ระลึก สนนราคาอยู่ที่ผืนละ 300 บาทจ้า


ถ้าอยากระบายสีเล่นก็มีนะ ราคาเบาๆแผ่นละ 50 บาท มีให้เลือกหลายลายเชียว
 

 

เที่ยงกว่าแล้ว กระเพาะเริ่มส่งเสียงเรียกร้องบอกว่าหิวข้าวววว ร้านอาหารบ้านมะหญิงจึงเป็นคำตอบของพวกเราในมื้อนี้ ซึ่งมีเมนูเด็ดเป็นหมึกดำผัดซอสกับปูผัดออริกาโน่ แค่ได้กลิ่นท้องก็เริ่มส่งเสียงประท้วงแล้วค่ะ และแน่นอนว่ารสชาติไม่อร่อยเกินที่ได้ยินมาเลยสักนิด ชิมนู่นนิด ชิมนี่หน่อย รู้ตัวอีกทีก็เติมข้าวไป 2 จานถ้วน อิอิ





 

มองนาฬิกาเวลายังเหลือ เลยนั่งเรือไปเดินเล่นที่หาดต้นไทร อีกหนึ่งชายหาดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาปีนหน้าผาความสูงกว่าหลายร้อยเมตรเพื่อขึ้นไปชมทัศนียภาพอันสวยงามของเวิ้งทะเลได้แบบไม่มีอะไรมาบดบังสายตา ซึ่งกิจกรรมปีนหน้าผาในจังหวัดกระบี่นั้นถือเป็นที่นิยมอย่างมาก แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกนิยมมาปีนผาที่นี่ ใครอยากได้ประสบการณ์แปลกใหม่ในการมาเที่ยวกระบี่ต้องไม่ควรพลาด





วันนี้โชคดีได้เจอนักท่องเที่ยวมาปีนให้ชมเป็นขวัญตาด้วย
 



 

แอดเวนเจอร์กันมาตั้งแต่เช้า พอตกเย็นแบตเริ่มแดงพลังงานเริ่มใกล้หมด เลยขอแวะพักกินมื้อเย็นที่ร้านอาหารเขาทอง Terrace กันค่ะ ต้องบอกเลยว่าที่ตั้งของร้านนี้อยู่บนเนินเขาที่ทำเลดีมากทีเดียว เพราะเมื่อมองออกไปด้านหน้าจะเห็นวิวทะเลกระบี่ได้ในมุมกว้าง และยิ่งสวยสุดๆ ในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า รู้ตัวอีกทีบนโต๊ะก็มีแต่ของน่าทานเพียบซะแล้ว






 

เมื่อสามทุ่มยังไม่ใช่เวลานอน เราต้องหาอะไรกิน ! งั้นขอแวะมาหาโรตีบางนราเจ้าเก่าเจ้าเดิม เพิ่มเติมคือความอร่อยกัน บางนราเป็นร้านโรตีขึ้นชื่อของจังหวัดกระบี่ ริมทะเลอ่าวนาง ที่ใครจะยกให้เป็นร้านสภากาแฟยามดึกของชาวกระบี่ก็คงได้ ไปเมื่อไหร่ก็มักจะเห็นชาวบ้าน นั่งจับกลุ่มสนทนาแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันอย่างออกรสออกชาติอยู่เสมอชนิดที่ว่าแทบไม่มีโต๊ะว่าง บรรยากาศในร้านดูอบอวลไปด้วยความสนุกสนาน เป็นกันเอง พี่ๆพนักงานยิ้มแย้มแจ่มใสเรียกเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มจากลูกค้าได้ตลอดเวลาเลยค่ะ



 

เมนูเด็ดของโรตีบางนราเป็นโรตีน้ำแกง แป้งหนานุ่ม ส่งกลิ่นหอมตั้งแต่หน้าร้าน ไก่ทอด ข้าวยำ และชาชักรสชาติกลมกล่อม เข้มข้น หวาน มัน ง่ายๆ แค่นี้กลับที่พักก็เตรียมหลับฝันดีแล้วล่ะ






อรุณเบิกฟ้า นกกาโบยบิน เราตื่นกันแต่เช้าสักประมาณตี 5 นิดหน่อย อาบน้ำ แต่งตัวเรียบร้อยก็มุ่งหน้าสู่วัดถ้ำเสือ ไม่เสียแรงที่งัดทั้งแรงกาย แรงใจออกมาใช้ในการฝ่าฟันบันได 1,237 ขั้น เพื่อไปนมัสการพระธาตุและชมวิวสวยๆของเมืองกระบี่เลยค่ะ เพราะวิวบนนี้สวยจริงอะไรจริง และอากาศก็เย็นสบายได้ที่ ชิลสุดๆ 





วัดถ้ำเสือ เป็นวัดสุดอันซีนชื่อดังของจังหวัดกระบี่ที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 600 เมตร อยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 9 กิโลเมตร บรรยากาศด้านบนสวยงาม สามารถมองเห็นกระบี่มุมสูงได้ทั้งเมือง และในบางครั้งยังสามารถมองเห็นทะเลหมอกปกคลุมจังหวัดกระบี่สวยไม่แพ้ภาคเหนือเลยทีเดียว
 



 

ไหว้พระขอพรเสร็จเรียบร้อย ก็มาถึงกิจกรรมแอดเวนเจอร์สุดท้ายของทริปนี้ เราไปพายคายัคกันที่อ่าวท่าเลน จุดพายคายัคที่มีชื่อเสียงระดับโลกกันต่อ เรียกว่าพายเรือไปตลอด 2 ชม. เราจะได้เห็นสัตว์ต่างๆที่มาทักทายเซย์ไฮอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะลิงแสม ปู ปลา ค้างคาว เพราะธรรมชาติและความสวยงามระหว่างทางที่มีทั้งเขาหินปู ป่าชายเลนที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ เห็นแล้วน่าชื่นใจจริงๆที่บ้านเรายังมีธรรมชาติสวยงามแบบนี้หลงเหลือเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกให้มาเยือน

 






 

สถานที่สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด ท๊า ดา~ เราแวะมาท่าปอมคลองสองน้ำ อีกหนึ่งอันซีนของจังหวัดกระบี่แหละ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าน้ำจะเป็นสีฟ้าใส สวยงามตามแบบฉบับธรรมชาติสร้างจริงๆ แค่มองด้วยตาเปล่ายังสามารถมองเห็นตัวปลาและพืชใต้น้ำได้อย่างชัดเจน



 
ท่าปอมคลองสองน้ำ เป็นคลองสั้นๆที่มีความยาวเพียง 5 กม. ต้นน้ำมาจากภูเขาหินปูน ที่มีสารแคลเซียมคาร์บอเนตมีคุณสมบัติในการจับตะกอนลงไปใต้น้ำ ทำให้น้ำในคลองใสแจ๋ว เวลาน้ำขึ้นน้ำทะเลจะไหลเข้ามาในคลอง ทำให้คลองกลายเป็นน้ำเค็ม น้ำจะกร่อย ขุ่น ปลาจะเข้ามาหาอาหารและว่ายกลับเมื่อน้ำลง คลองเลยได้ชื่อว่า "ท่าปอมคลองสองน้ำ" 
 



 

ปิดท้ายทริปนี้ด้วยขนมจีนโกจ้อย กับสูตรขนมจีนและไก่ทอดทำเอง ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายกระบี่ มุ่งหน้าสู่สนามบินเตรียมตัวกลับบ้าน เอาไว้มีโอกาสเมื่อไหร่ เราต้องได้เจอกันใหม่แน่นอน แต่ตอนนี้คงต้องขอตัวกลับไป Make Money ก่อนแล้วล่ะ....


03

 

 

เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai