0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

พาไปแหล่งช้อปในญี่ปุ่น ตอบโจทย์ซื้ออะไรกลับบ้านเป็นของฝากดี

calendar_month 05 พ.ค. 2016 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 73,099 / เที่ยวต่างประเทศ


 
มีหลายตัวเลือกเลยทีเดียวที่จะซื้อกลับเป็นของฝาก วันนี้เราจึงรวมข้อมูลที่แยกออกเป็นหมวดหมู่เอาใจบรรดานักช้อปกันสักหน่อย สินนค้าที่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับขาช้อปคนไทย เราสามารถแบ่งออกเป็น 9 หมวดหมู่ ดังนี้

เครื่องสำอาง ต้องที่ “ชินโอคุโบะ”

 
รูปภาพนี้ + รูปภาพปก: Nok Srihong
 
เหล่าสาวกเมคอัพจะต้องหลงรักชินโอคุโบะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มา ที่นี่มีเครื่องสำอางมากมายซึ่งเรียกได้ว่าตั้งแต่ตั้งต้นแตะบัตรออกจาก สถานีแล้วเดินไปทางขวามือเนี่ย ก็แทบจะไม่ต้องเห็นอะไรแล้วนอกจากเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นแพ็กหน้า 30 ชิ้น 1,000 เยน หรือครีมหอยทากต่างๆ ราคาก็ไม่ได้ต่างไปจากที่เกาหลีเลย เครื่องสำอางเหล่านี้นิยมซื้อเป็นเป็นของฝากจากญี่ปุ่น
 
การเดินทาง: ที่นี่ตั้งอยู่ในโตเกียวที่สถานีชินโอคุโบะ สามารถเดินทางด้วยรถไฟสาย JR Yamanote

ร้านแนะนำ:    
 
  
 
ร้านดงกิโฮเต (Donki-hotei)
เนื่องจากร้านนี้แวดล้อมไปด้วยสินค้า เกาหลีราคาสุดคุ้ม จึงทำให้ดงกิฯ สาขานี้มีสินค้าที่ต้องกระหน่ำลดราคาลงให้ไม่แพ้สินค้าเกาหลี เพราะฉะนั้นใครที่สนใจเครื่องสำอางญี่ปุ่นอยู่ก็ไม่ควรพลาดที่จะเข้าไปอัพเดทราคาที่นี่
การเดินทาง: เดินออกจากสถานีไปทางขวามือจนพบร้าน ซุรี เอฟ (スリーエフ)ให้เลี้ยวเข้าซอย ร้านจะอยู่สุดซอย
เวลาทำการ : เปิด 24 ชั่วโมง


ร้าน Skin holic
ร้านขายเครื่องสำอางเกาหลี เป็นร้านที่มีสินค้าลดราคาพวกมาสก์หน้าและลิปสติกเกาหลีเยอะมาก ส่วนมากจะเป็นสินค้าแบรนด์ที่คนไทยใช้
การเดินทาง: เดินออกจากสถานีไปทางขวามือจนพบร้าน ซุรี เอฟ (スリーエフ)ให้เลี้ยวเข้าซอย ร้านจะอยู่กลางซอย ตรงข้ามกับร้านฮอกต๊อก เป็นร้านที่มีป้ายสีชมพู
เวลาทำการ: 11.00 – 20.00 
 

ร้าน SKINGARDEN
เป็นร้านเครื่องสำอางเกาหลีร้านใหญ่ที่มีครบทุกยี่ห้อ มีสินค้าลดราคาบ่อยประเภทน้ำหอมและครีมบีบี
การเดินทาง: เดินออกจากสถานีไปทางขวามือประมาณ 2 นาทีจะเห็นอยู่อีกฝั่งถนน และจะมีทางข้ามอยู่ใกล้ๆ ร้าน
เวลาทำการ: 11.00 – 20.00 น. 
 
 

 

งานแฮนด์เมด สินค้าพื้นเมืองที่ทาคายาม่า

สถานีทาคายาม่าตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ มีชื่อเสียงเรื่องสถาปัตยกรรมที่ยังคงความโบราณ แม้กระทั่งร้าน 7-11 ของที่นั่นยังต้องทำให้เป็นสไตล์เดียวกับอาคาร ที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ลิตเติ้ลเกียวโต” เพราะยังคงความดั้งเดิมไว้เหมือนเดินเข้าเกียวโตเลยก็ว่าได้ ที่นี่ขายสินค้าประเภทพื้นบ้าน เช่น ตุ๊กตาซารุโบโบะซึ่งเป็นตุ๊กตาไม่มีหน้า งานแฮนด์เมด งานไม้ และเครื่องจักสาน ลักษณะงานจะคล้ายๆ กันทั้งถนน มีแหล่งช้อปปิ้งสองจุดหลักๆ คือ ตลาดเช้าอะไซจิ ซึ่งเต็มไปด้วยของกินและสินค้าทำมือพื้นบ้าน และที่บริเวณ ลิตเติ้ลเกียวโต ซึ่งเต็มไปด้วยของประดิษฐ์ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและพิพิธภัณฑ์
 
รูปภาพ: มินะ วาคุ วาคุ

การเดินทาง: จากสนามบินชูบุ เดินทางไปยังสถานีนาโกย่า จากที่นั่นสามารถเดินทางด้วยรถบัสหรือรถไฟก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงทั้งสองแบบ
เวลาทำการ : บริเวณอาไซจิ (ตลาดเช้า) จะเปิดทำการตั้งแต่ 6.00 – 10.00 น. และบริเวณลิตเติ้ลเกียวโต ร้านค้าและพิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่จะเปิดทำการตั้งแต่ 10.00 – 19.00 น.
 

สินค้าไอทีต้องที่ “อากิฮาบาระ”



รูปภาพ: มินะ วาคุ วาคุ
เป็นที่รู้กันว่าย่านนี้คือที่สุดของ สินค้าไอทีและมีหลายโซนมากๆ ไม่ว่าจะเป็นโซนที่คล้ายกับพันทิปบ้านเรา หรือโซนที่เป็นส่วนของห้างซึ่งภายในมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เลนส์ กล้อง โทรศัพท์มือสองขายกันเยอะ

ร้านแนะนำ:

    


ห้าง Sofmap
ร้านนี้เป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าไฟฟ้าทั้ง มือหนึ่งและมือสองที่ครบวงจรและมีหลายสาขา แนะนำเป็นพิเศษสำหรับคนที่กำลังหาเลนส์กล้องต่างๆ ร้านนี้ตั้งอยู่ทุกมุม จึงใช้ทางออกได้ทุกทาง
เวลาทำการ: 11.00 – 20.00 น.

ร้าน Ishimaru
ใช้ทางออกด้านฝั่งร้าน LABI และเดินไปทางถนนใหญ่ประมาณ 2 นาทีจะพบกับร้านสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าครบวงจรที่ใหญ่และสินค้าครบครัน
เวลาทำการ: 10.00 – 20.00 น.
 
 
ห้าง Yodobashi Camera
ที่นี่ต้องยอมรับในความใหญ่โตและความครบ ครันของสินค้า เรียกได้ว่าที่ไหนไม่มีให้มาที่นี่ ปกติเราจะเห็นโยโดบาชิในมุมแคบๆ แต่สำหรับที่นี่แล้วใหญ่และของเยอะมาก จึงไม่แปลกที่บริษัทต่างๆ มักจะมาจัดกิจกรรมเปิดตัวสินค้าใหม่ที่นี่ ทางสถานีมีทางเชื่อมต่อเข้ามาถึงห้างเลย
วลาทำการ: 9.30 – 22.00 น.
 
 

สินค้าแบรนด์เนมต้องที่ “ชินจูกุ”



รูปภาพ: Getty Images
ของแบรนด์เนมไม่ได้มีแต่ที่กินซ่าเท่านั้น ที่ชินจูกุก็มีร้านสินค้าแบรนด์เนมทั้งมือหนึ่งและมือสองที่เปิดใหม่เยอะมาก โดยเฉพาะที่บริเวณตรงข้ามกับคาบุกิโจว มีสินค้าแบรนด์เนมตั้งแต่ตึกดงกิฯ ไปจนถึง LABI ซึ่งมีสินค้าแบรนด์เนมอยู่บริเวณด้านล่าง และร้านค้าใกล้เคียงที่มีสินค้าแบรนด์เนมมากกว่า 9 ร้าน
การเดินทาง: สถานีนี้ตั้งอยู่ในโตเกียว โดยสามารถเดินทางด้วยรถไฟสายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น JR หรือใต้ดินได้ถึง 20 สาย โดยลงที่สถานีชินจูกุ

ร้านแนะนำ:

  
 
Daikokuya
เป็นร้านขายแบรนด์เนม มีทั้งมือหนึ่งและมือสอง จุดเด่นคือมีสินค้ามือสองสภาพดีเยอะ ราคาไม่สูง
การเดินทาง: ร้านจะตั้งอยู่ซอยตรงข้ามกับดงกิโฮเต ที่ทางออก East บางวันจะมีพนักงานคนไทยให้บริการ
เวลาทำการ: 11.00 – 21.00 น.

 
ห้าง Isetan
มักจะมีกระเป๋ารุ่นที่หลายๆ คนต้องการหลงเหลือที่นี่ ถ้าหาไม่เจอจากที่อื่นก็ลองมาเช็คที่นี่ได้
การเดินทาง: ออกจากทางออก East และใช้เวลาเดินประมาณ 7 นาที
เวลาทำการ: 10.30 – 20.00 น.

 
ห้าง KOMEHYO
เป็นห้างที่มีสินค้าแบรนด์เนมมือหนึ่งลด ราคาอยู่บ่อยๆ มีสินค้าแบรนด์เนมทุกประเภททั้งของผู้หญิงและผู้ชาย แต่ก็มีสินค้ามือสองจำหน่ายอยู่ไม่น้อยถึง 8 ชั้น
การเดินทาง: อยู่ตรงข้ามกับห้าง Isetan
เวลาทำการ: 11.00 – 21.00 น.

 

สินค้ามือสอง ของสะสม ต้องที่ “ถนนนากาโนะบรอดเวย์”

 
รูปภาพ: www.nbw.jp
ที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องการนำของสะสมมาขาย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์กล้องมือสองในราคาลดแบบไม่น่าเชื่อ โมเดลหุ่นยนต์ คาแรกเตอร์ต่างๆ ตั้งแต่ราคา 100 เยน หรือตุ๊กตาที่สภาพดีมากๆ เหมือนไม่เคยแกะออกจากถุงเลยในราคา 500 เยน ดูแผนที่เพิ่มเติมที่นี่
การเดินทาง: สถานีนี้ตั้งอยู่ในโตเกียว สามารถเดินทางด้วยรถไฟสาย JR Sobu หรือ Tokyo Metro และลงที่สถานีนาคาโนะและใช้ทางออกฝั่ง North ที่ถนนบรอดเวย์ เมื่อเดินไปจนถึงสุดถนนเข้าสู่บริเวณอาคารจะเป็นอาคาร 4 ชั้น จากชั้นใต้ดินถึงชั้นสี่จะเต็มไปด้วยสินค้าสะสมสภาพดีราคาถูกทั้งตึก
เวลาทำการ: 10.00 – 8.00 น.
 

ซื้อของแนวตลาดๆ ต้องที่ “อาเมะโยโกะ”

ตลาดมีทุกสิ่งให้เลือกสรร ตั้งแต่เสื้อผ้า ของกิน ยา อาหารแห้ง อาหารสด เรียกได้ว่าใครขาดอะไรจากที่ไหนมาเก็บตกได้ที่นี่
 
รูปภาพ: มินะ วาคุ วาคุ
การเดินทาง: สถานีนี้ตั้งอยู่ในโตเกียว สามารถโดยสารรถไฟสาย Yamanote หรือสาย Keihin Totoku มาลงสถานี Okachimachi หรือสถานี Ueno และเดินเข้าตลาดโดยใช้เวลาประมาณ 3 นาที

ร้านแนะนำ:
 
ร้านข้างทาง หรือรับประทานข้างทางหรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า “ยาไต” ที่บริเวณกลางตลาด อยากให้ลองรับประทานกันแบบเรื่อยเปื่อยได้เลย เช่น ผลไม้เสียบไม้ เคบับ อาหารจีนที่นั่งทานเหมือนข้างถนนบ้านเรา คุณจะได้อีกบรรยากาศที่สนุกมากๆ เพราะแต่ละร้านก็มีวิธีเรียกลูกค้าที่เป็นเอกลักษณ์ ร้านจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00 น. และปิดบริการประมาณ 2 ทุ่มเกือบทุกร้าน
 
แต่ถ้าเป็นร้านแบบซื้อกลับบ้านได้นั้นจะแนะนำ 2 จุดคือ
 
ร้านขนม Niki no kashi เป็นร้านขายขนมราคาส่ง อยู่ติดกับศาลเจ้า ถ้าเดินจากอุเอะโนะ ให้เดินเข้าทางด้านหลังห้าง Yodobashi Camera ตรงมาเรื่อยๆ จนสังเกตที่ใกล้ๆ กับร้านเอบีซีมาร์ทขายรองเท้า จะมีร้านสีแดงสองร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกันแต่ที่จริงเป็นร้านเดียวกัน มีขนมราคาถูกให้เลือกเยอะมากๆ เวลาทำการ 10.30 – 19.30 น.
 
ร้านชา Shicha เป็นร้านขายชาเขียวในรูปแบบต่างๆ ทั้งแบบผงและแบบแห้ง
 
 

เสื้อผ้าต้องที่ “ชิบูย่า”

 
รูปภาพ: Royalty Free
ที่นี่คือแหล่งนำแฟชั่นสำหรับทุกเพศทุกวัย แถวนี้มักมีเหล่าแมวมองมาคอยมองหาคนที่มีแววเข้าวงการบันเทิงของญี่ปุ่นได้ ที่นี่จึงเป็นเหมือนศูนย์รวมทุกๆ อย่างในวงการแฟชั่น
การเดินทาง: สถานีนี้อยู่ในโตเกียว สามารถเดินทางด้วยรถไฟสาย JR Yamanote, Tokyo Metro Ginza, Hanzomon และสาย Toyoko
 
ร้านแนะนำ:
 
  

ร้านขายเสื้อผู้ชาย SAKAZEN
มีเสื้อผ้าตามฤดูกาล มักมีเสื้อแจกเก็ตและเสื้อยืดมาลดราคาแบบถูกมากๆ ที่หน้าร้าน
การเดินทาง: เมื่ออกจากประตูฝั่ง Hachiko ให้เดินเข้าซอยมาทางร้านสตาร์บัค แล้วเลี้ยวซ้ายตรงทางแยก ร้านจะตั้งอยู่บริเวณหน้าป้อมตำรวจ
เวลาทำการ: 10.00 – 21.00 น.
 
ตึกปาร์โก 3
เสื้อผ้าของที่นี่เหมาะสำหรับผู้หญิงที่ เป็นสาวขึ้นมาอีกนิด และเป็นเสื้อผ้าแนวเซอร์ๆ มักมีสินค้าลดราคาในวันหยุดราชการ และลดครั้งใหญ่ในเดือนสิงหาคม และธันวาคมถึงมกราคมของทุกๆ ปี
ตึกปาร์โก 1 และ 3 จะติดกันและมีทางเชื่อมสามารถเดินได้ทั้ง 2 ตึกกันอย่างจุใจดูแผนที่ร้านค้าที่นี่
การเดินทาง: ใช้ทางออก Hachiko และเดินไปทางร้าน Loft จากนั้นให้เดินตรงไปอีกประมาณ 5 นาที
เวลาทำการ: 10.00 – 21.00 น.
 
ห้าง 109
ไม่มีสาวๆ คนไหนปฏิเสธที่จะเข้าที่นี่ โดยเฉพาะวัยรุ่น เสื้อผ้าของที่นี่จะเป็นแนวเด็กกว่าที่ปาร์โก และจะออกแนวหวานมากๆ จนถึงเปรี้ยว ช่วงเวลาที่มีการลดครั้งใหญ่จะเป็นช่วงเดือนสิงหาคม ธันวาคมจนถึงกลางมกราคมของทุกๆ ปี
การเดินทาง: ใช้ทางออก Hachiko ข้ามถนนแล้วเดินประมาณ 2 นาที
เวลาทำการ: 10.00 – 21.00 น.
 


อาหารอร่อยๆ ต้องที่ ” ชินไซบาชิ”

 
รูปภาพ: มินะ วาคุ วาคุ
ภูมิภาคคันไซเป็นที่ยอมรับของชาวญี่ปุ่น ว่ามีอาหารอร่อย สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา จะไปทั้งทีก็ต้องไปแหล่งที่ทำอะไรได้หลายๆ อย่าง จึงขอแนะนำที่ชินไซบาชิ โอซาก้า ซึ่งมีหลายร้านมาก แต่ขอยกมา 3 ร้านเบาๆ
การเดินทาง:จากสถานีชินโอซาก้า โดยสารรถไฟสาย Midosuji และลงที่สถานี Shinsaibashi ค่าโดยสาร 240 เยน
 
ร้านแนะนำ:
 
  
 
ร้านปู คานิโดระคุ
ร้านนี้ดังมากๆ ในชินไซบาชิ และก็มีเมนูสารพัดปูที่จะทำให้หลายต่อหลายคนยืนเข้าคิวอย่างใจจดใจจ่อได้ ร้านอยู่บริเวณหัวถนนที่จะแยกไปยังป้ายกุลิโกะ
เวลาทำการ: 11.00-23.00 น.
 
ทาโกะยากิ คุคุรุ (くくる)
จากป้ายโฆษณากุลิโกะให้เดินเข้าซอยมาทาง ร้านปู คานิโดระคุ อยู่ตรงข้ามร้านมีที่นั่งแต่ไม่มาก ราคาไม่แพงและมีคนต่อคิวรับประทานเยอะมาก ด้วยแป้งที่นุ่มและน้ำราดตามต้นตำรับของโอซาก้าซึ่งหารับประทานที่อื่นไม่ ค่อยได้ ทาโกะชิ้นใหญ่ จึงทำให้ร้านนี้คิวค่อนข้างแน่น
เวลาทำการ: 11.00 – 2.00 น.
 
ร้านอิซากายะ Tayoshi (たよし)
ร้านนี้อยู่ติดกับร้านทาโกะยากิ ร้านนี้อาหารชามใหญ่ และราคาประหยัดซึ่งทำให้อิ่มคุ้มโดยไม่ต้องเสียเงินมาก ราคาอาหารจะอยู่จานละ 280 – 800 เยน จะเป็นอาหารประเภทของทอด ของย่าง และกับแกล้มสไตล์ญี่ปุ่น
เวลาทำการ: 17.00 – 23.00 น.
 

อยากดื่มต้องที่ “สถานีรถไฟเจอาร์ เอชิโกะ ยูซาว่า”

ขาลุยสกีคงรู้จักที่นี่เป็นอย่างดี นีงาตะเป็นจังหวัดที่มีสินค้าหลักเป็นข้าว และเมื่อมีข้าว ก็ต้องมีการแปรรูปยอดของข้าวให้เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่สถานีเจ อาร์ เอชิโกะ ยูซาว่า จึงได้มีการจัดพื้นที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับเหล้าที่ Co Co Lo Yuzawa และที่สำคัญราคาไม่แพงเลย
 

ที่นี่ไม่ได้มีเพียงเหล้าเท่านั้น แต่ยังมีผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีส่วนผสมของเหล้า ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง ร้านเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของยีสต์ ร้านชิมเหล้า สาเกต่างๆ แบบหยอดเหรียญ หรือแม้กระทั่งออนเซ็นผสมเหล้าด้วย
การเดินทาง: จากสถานี Ueno โดยสารสายรถไฟ Shinkansen Joetsu และลงที่สถานี Echigo-Yuzawa โดยเมื่อแตะบัตรออกจากสถานีให้เดินตรงไปยังจุดขายของฝากและจะพบกับทางเข้า สู่จุดขายเหล้าขนาดใหญ่ มีสัญญลักษณ์เป็นรูปปั้นชายถือขวดสาเก ทั้งยืนและลงไปนอนกับพื้น
เวลาทำการ: 9.00 – 20.00 น.

ร้านแนะนำ:
 
  
 
                                                                   รูปภาพ: Nok Srihong 
Shirataki Sake
ร้านขายผลิตภัณฑ์เหล้า เครื่องสำอางอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าด้านซ้ายมือซึ่งเป็นเหล้าสาเกประจำเมือง
 
ร้านเหล้าหยอดเหรียญ
อยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าทางด้านขวามือ Sake Testing Guide 500 เยน ท่านสามารถลองรับประทานเหล้าโดยการแลกเหรียญที่หน้าเคาน์เตอร์ขั้นต่ำ 500 เยน จากนั้นนำเหรียญมาหยอดในตู้เหล้าร้อยกว่าชนิดให้ท่านได้ลิ้มลอง
 
ร้าน Kouji Cafe
ออนเซ็นเหล้า อยู่ด้านหลังสุดของจุด ซึ่งร้านนี้จะเป็นร้านขายเครื่องดื่มจากยีสต์ (โคจิ) แต่ในร้านได้มีโซนออนเซ็นเหล้าอยู่ด้วย
 
มีสถานที่ช้อปปิ้งอื่นๆ อีกจากทั่วโลก อ่านเพิ่มเติมที่นี่เลย > http://bit.ly/21rLkYS
 

เขียนโดย
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน