เดินทางด้วยความศรัทธาสู่พระธาตุอินทร์แขวน ประเทศพม่า

เริ่มต้นการเดินทางด้วยบรรยากาศฝนพรำเบาๆ ตลอดทั้งวัน วันนี้เป้าหมายของเราคือการขึ้นเขาไปสักการะพระธาตุอินทร์เเขวนที่อยู่ในเขตรัฐมอญประเทศพม่า เราเริ่มต้นการเดินทางด้วยการมุ่งหน้าไปยังเมืองหงสาวดี หรือที่คนพม่าเรียกว่า พะโค (Bago) ระหว่างเราก็ได้พบกับชีวิตชาวบ้านๆ ของพม่า สภาพท้องถนน หน้าตาคนพม่า รถรา เรียกได้ว่า เหมือนเมืองไทยย้อนหลังไป 30 ปีเลยทีเดียว

ระหว่างทางที่เราไปเมืองพะโคนั้น มีที่เเวะเที่ยวหลายจุดได้เเก่ วัดไจ้ปุ้น หรือพระสี่ทิศ เป็น พระพุทธรูปนั่งสูง 30 เมตรประดิษฐานหันหน้าออกทั้งสี่ทิศ สร้างโดยสี่สาวพี่น้องที่อุทิศตนสร้างพระพุทธรูปแทนตนเองให้กับพระพุทธศาสนา วัดไจ้คะวาย วัดนี้เป็นโรงเรียนสงฆ์ ชาวบ้านนิยมมาทำบุญใส่บาตรเเละเลี้ยงเพลพระสงฆ์ที่นี่ นักท่องเที่ยวอย่างเราก็ได้ร่วมบุญด้วย จากนั้น ก็เข้าสู่เขตเมืองหงสาวดี ซึ่งในขากลับจากพระธาตอินทร์แขวนเราจะแวะเที่ยว พระราชวังบุเรงนอง (จำลอง) และเจดีย์ชเวมอดอว์ (Shwemawdaw Pagoda) ที่คนไทยนิยมเรียกว่า พระมหาเจดีย์มุเตา เจดีย์ใหญ่คู่บ้านคู่เมืองที่สูงที่สุดของพม่า ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า และยังเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญสูงสุดของชาวพม่า

วัดไจ้ปุ้น

พระราชวังบุเรงนอง (จำลอง) และเจดีย์ชเวมอดอว์ (Shwemawdaw Pagoda)

ผ่านพ้นเมืองหงสาออกไป ขับรถข้ามเเม่น้ำสะโตง สักราวๆ ชั่วโมงนึง ก็มาถึงรัฐมอญ สภาพสองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวขจี และชุ่มฉ่ำด้วยสายฝนโปรย จากนี้ก็ได้เวลาเดินทางขึ้นเขา เพื่อไปยังพระธาตุอินทร์เเขวน หรือ ไจ้ก์ทิโย (Kyaikhtiyo) ตามภาษาพม่า พระธาตุอินทร์แขวน ตั้งอยู่บนภูเขาสูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ถนนที่รัฐบาลพม่าทำมีระยะทางประมาณ 9.5 กิโลเมตร รถจะแล่นมาราว 8.5 กิโลเมตร ส่วนอีก 1 กิโลเมตรสุดท้ายต้องลงเดินเอง … นัยว่า 1 กิโลเมตรที่เหลือเป็นการพิสูจน์แรงศรัทธาล้วนๆ

ลงจากรถทัวร์ เริ่มต้นด้วยรถขนหมู เอ๊ยย...รถกระบะสูง ซึ่งจุนักท่องเที่ยวได้ 25 ชีวิต ขโยก โยกขึ้นลงดั่งรถไฟเหาะ ยิ่งคนนั่งกรี๊ดกร๊าดกัน ก็ยิ่งเหมือนจะเร่งให้คนขับขับได้หวาดเสียวกว่าเดิม! ราวๆครึ่งชั่วโมงก็ไปถึงจุดปล่อยเดิน ใครจะเดินหรือนั่งเสลี่ยงต่อกันไปก็ตามเเต่จิตศรัทธา ทางเดินเรียบสบาย เป็นทางถนน ไม่ไกล เเละไม่ชันเท่าไหร่ เเต่ระหว่างทางที่ไป จะเจอพวกลูกหาบยกเสลี่ยง คอยประกบเดินตาม หวังจะเก็บคนที่เดินชึ้นแล้วถอดใจเลิกเดินกลางทาง เดินกันได้สัก 1 ชั่วโมงก็ถึงโรงเเรมบนเขา เช็คอินเก็บสัมภาระ แล้วออกเดินต่อ ด้วยเท้าเปล่าขึ้นไปบนวัด

บนเส้นทางก่อนขึ้นไปถึงองค์พระธาตุนั้น จะมีอาคารให้เข้าไปไหว้สองจุดคือ ทางด้านขวา เป็นองค์พระธาตุจำลองเเละยังมีรอยพระพุทธบาท ก็จะมีผู้คนนิยมเอาเเบงค์มาลอยน้ำเเล้วอธิษฐาน ว่ากันว่า ถ้าขอบเเบงค์ก็จะม้วนงอเข้าหากัน แสดงว่าคำอธิษฐานนั้นใกล้จะประสบความสำเร็จแล้ว ส่วนอาคารทางซ้าย คือ รูปปั้นพระนางชเวนันจิน ซึ่งนางเป็นส่วนหนึ่งในตำนานของพระธาตุอินทร์แขวน มีความเชื่อกันว่าหากเจ็บป่วยตรงส่วนไหนของร่างกาย เวลาไหว้พระนางก็ให้จับ บีบ นวดรูปปั้นพระนางตรงส่วนที่เจ็บป่วยแล้วตั้งจิตอธิษฐาน และมาจับร่างกายของเราตรงที่เจ็บป่วยก็จะหายได้

เเละเเล้ว เราก็ได้ขึ้นมาสักการะพระธาตุอินทร์เเขวน สมความตั้งใจ... ฝ่าสายหมอกฝนจนถึงองค์เจดีย์ไจ้ทิโย ลักษณะเป็นก้อนหินที่วางหมิ่นเหม่เเบบไม่น่าจะวางอยู่บนหินก้อนล่างได้ มีตำนานเรื่องเล่าน่าอัศจรรย์ต่างๆมากมาย เเละที่เเน่ๆเค้าพิสูจน์กันเเล้วว่า หินสองก้อนนั้นลอยอยู่ ไม่ได้สัมผัสกัน เพราะเคยมีคนมาพิสูจน์ด้วยการนำเส้นด้ายลอดผ่านหินทั้งสองก้อนก็ยังสามารถผ่านได้ เเละที่เราเห็นเป็นสีทองนั้น ก็เต็มไปด้วยจิตศรัทธาของคนที่มาปิดทองคำเปลวที่องค์พระธาตุทั้งนั้น ที่นี่ผู้หญิงห้ามเเตะองค์พระธาตุ เเละห้ามเข้าไปเขตในรั้ว ต้องฝากเเผ่นทองให้ผู้ชายเข้าไปปิดทองที่องค์พระธาตุ ก่อนที่จะขอสัมผัสมือถ่ายทอดบุญกลับมาให้เรา

ความเชื่อของคนพม่า บอกว่าในชีวิตนี้เราควรขึ้นมาไหว้สักการะพระธาตุให้ครบ 3 ครั้ง จึงจะถือว่าได้บุญสูงสุด ในทริปเดียวนี่แหละ เราเลยตั้งใจจะขึ้นพระธาตุ 3 ครั้ง หลังจากทานอาหารเย็นที่โรงแรม ค่ำคืนนี้เราจึงอื่มบุญด้วยการขึ้นไจ้ทิโยอีกรอบ เพื่อสวดมนต์ ทำสมาธิ ส่วนในเช้าวันที่สอง เราตื่นกันเเต่เช้าราวตี 5 เเล้วเดินเท้าเปล่าขึ้นสู่พระธาตุอีกครั้ง เพื่อตักบาตรแก่พระธาตุ

ในตอนเช้ามืด ที่หน้าวัดมีของใส่บาตรชุดใหญ่ ข้างในประกอบไปด้วย ขนมปัง น้ำ ผลไม้ ประมาณ 5-6 อย่าง และชุดธูปเทียนดอกไม้ ไว้สำหรับทำบุญใส่บาตรพระธาตุ เราหิ้วถาดไปไหว้ที่ด้านหน้าพระธาตุก่อนจะไปรดน้ำพระประจำวันเกิดที่ทางด้านขวา อธิษฐานทำบุญถวายของ สวดมนต์กันสักรอบ เเล้วก็ฝ่าสายหมอกฝนเย็นๆกลับมาทานอาหารที่โรงเเรมกัน นับว่าเราขึ้นถึงพระธาตุครบ 3 ครั้งในทริปเดียว ฮ่าๆ ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าได้บุญสูงสุดอย่างที่คนอื่นเค้าถือกันไหมนะ แต่ก็คิดว่าได้บุญพอประมาณในระดับที่เราเองดีใจ ภูมิใจ ในการได้ขึ้นไปสักการะพระธาตุอินทร์แขวนนี่แหละ

ระหว่างทางเดินลงมาจากวัด เราได้เห็นบรรยากาศวิถีชีวิตของผู้คนที่หลากหลาย เห็นพระฤาษีเดินเท้าขึ้นเขามา หาบตะกร้าสองใบ ในมือจะมีเเผ่นเหล็กแบนๆหน้าตาคล้ายกระดิ่งแบนๆ ไว้เคาะเป็นระยะๆ เห็นพระสงฆ์ เณรตัวน้อยๆ ก็หอบหิ้วสิ่งของไว้บนไหล่บ้าง เทินบนหัวบ้าง บนถนนระหว่างทางก็จะมีเด็กสาวตัวเล็กๆนั่งขายของที่ระลึกเเก่นักท่องเที่ยว ส่งสายตาเศร้าๆมาชวนให้เสียเงิน บางทีก็เกิดคำถามอะไรบางอย่างในสายตาเด็กน้อยเหล่านั้น

สายฝนยังพร่างพราย เราเดินลงจากเขาเพื่อที่จะไปขึ้นรถกระบะทรงสูงลงสู่ภาคพื้นดินตามเดิม เท้าเหยียบย่ำไปบนถนนที่เปียกเเฉะ บางช่วงน้ำตกไหลลงมาบนถนนเลยทำให้ต้องเดินลุยน้ำกันไป แต่เราก็ไม่ได้ลำบากอะไร ในเมื่อความอิ่มเอมใจในการขึ้นมาไหว้พระธาตุอินทร์แขวนตามความตั้งใจเรานั้นมันล้นพ้นอยู่ข้างใน

หากใครมีโอกาสมาเที่ยวพม่า อย่าลืมมาไหว้สักการะไจ้ก์ทิโย พระธาตุอินทร์แขวน เพราะถือเป็น 1 ใน 6 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่ประเทศพม่า และยังถือว่าเป็นพระธาตุประจำปีจอ (สุนัข) ที่คนเกิดปีนี้หรือใครก็ตามที่นับถือศาสนาพุทธต้องไปสักการะสักครั้งหนึ่งในชีวิต

ไม่แน่ว่า ถ้าหากคุณได้มาแล้ว เป้าหมายในการมาสักการะพระธาตุอินทร์แขวนสำหรับคุณอาจจะไม่ใช่แค่ครั้งเดียวก็เป็นได้

เรื่องและภาพ This road is mine

Tags: พม่า พระธาตุอินทร์แขวน ไจ้ก์ทิโย Kyaikhtiyo

เขียนโดย

Admin Chillpainai

แชร์บทความนี้