0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

รีวิว : Sakura Hunter 1 Day in Tokyo 2015 (After Full Bloom สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง ปนๆกันไป)

calendar_month 05 เม.ย. 2016 / stylus Admin Chillpainai / visibility 11,043 / เที่ยวต่างประเทศ


Sakura Hunter 1 Day in Tokyo 2015
(After Full Bloom สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง ปนๆกันไป)



  
สวัสดีครับทุกท่าน อากาศหนาวกำลังจะผ่านไป อากาศอบอุ่นก็ค่อยๆผ่านเข้ามา วันนี้ผมจะพาไปชมดอกซากุระกันที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรูปภาพจากกระทู้นี้ผมไปมาเมื่อช่วงวันที่ 6 – 12 เมษายน 2015 โดยผมใช้เวลาตามล่าซากุระอยู่ที่เฉพาะโตเกียว 1 วันเต็มๆ ตามที่ได้ทำการบ้านมา ที่ไหนสวย ที่ไหนมีเยอะ ตามไปให้หมด 

Website ที่ผมใช้เป็นหลักในการวางแผน มีจัดอันดับความสวยงาม รายงานสถานการณ์รายวัน และที่สำคัญบอกวิธีการเดินทางไปด้วยครับ
http://www.japan-guide.com/
 
06.04.2015 



Tsukiji Fish Market

04.30 am ตื่นนอนออกจากที่พัก ฝนตกปรอยๆ เดินกางร่มออกจาก โรงแรมแคปซูลย่าน Tsukiji ไปยังตลาดปลา Tsukiji ตั้งแต่เช้า



เป้าหมายจะไปทาน “ซูชิ ได” อันเลื่องลือ เมื่อเดินเท้าตาม Google Map มาจนถึงจุดหมายใน Map ปรากฏว่าหาทางเข้าไม่เจอ เดินงงๆ วนไปวนมา จนเห็นคนเดินผ่านเข้าไปทางที่มีรถบรรทุกวิ่งเข้า วิ่งออก ก็จึงดินตามเขาเข้าไป (แหม่ ปล่อยเงิบไปหลายนาที ) เข้าไปถึงหน้าร้านประมาณ 05.10 am โอ้โห คนเยอะมาก แบบท้อแท้เห็นแถวแล้วต้องบอกยอมแพ้ คิดในใจ ”ถ้ารอกินนี่ วันนี้ทั้งวันคงพลาดจุดหมายต่างๆไปหลายจุด จึงยอมตัดใจไม่เข้าแถวรอ แล้วไปหาร้านอื่นทานทดแทน “


ผมจึงเดินชมตลาด หาร้านอื่นทาน จนมาเจอร้าน Donburi ที่มีนักท่องเที่ยวต่อแถวอยู่สัก 4 – 5 คน ก็ตัดสินใจเลย ร้านนี้แล้วกันที่เราจะฝากท้องไว้เช้านี้
เมนูหน้าร้าน มีรูปประกอบ ชอบอันไหนจิ้มเลย



Hokodate Don ข้าวหน้าปลาทูน่า แซลมอน ไข่หอยเม่น และไข่ปลาแซลมอล ราคา 2500 เยน ซุปมิโซะ เติมได้ไม่อั้น


 


Tsukiji Hongan-ji

ท้องอิ่มแล้วเตรียมตัวออกเดินทางกันต่อ ระหว่างทางเดินจะไปสถานีรถไฟใต้ดิน ก็เดินผ่านวัด Tsukiji Hongan-ji ซึ่งมองเข้าไปแอบเห็นซากุระกำลังบานสะพรั่งก็ขอแว้บๆ แวะเข้าไปสักหน่อย

 






Imperial Palace Tokyo 
Nijubashi bridge สะพานแว่นตา


ผมนั่งรถไฟจากสถานี Tsukiji ไปยังสถานี Nijubashi-Mae เดินออกจากสถานีมา ข้างนอกฝนลงแรงเลย ลมพัดเข้ามา ขนลุกซู่เลย (ผมดู App Weather บอกอุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส จึงหยิบเสื้อกันหนาวมาตัวเดียว รู้เรื่องเลยคับ) รออยู่ซักพักให้ฝนเบาลงหน่อยแล้วจึงค่อยเดินออกจากสถานี
จุดที่ปักหมุดแดงไว้คือจุดชมสะพานคับ 



เดินลุยฝนเข้ามาทาง Imperial palace พอข้ามสะพานเข้าเขตสวนเข้ามาเท่านั้นแหละ หันไปเห็นทิวซากุระบานสะพรั่ง โอ้ววว มาไม่เสียเที่ยวแล้ววว ฟินกันไป ขนาดฝนตกพรำๆ มีชาวญี่ปุ่นมาวิ่งออกกำลังกายบริเวณนี้







หลังจากชื่นชมซากุระเสร็จสิ้น เดินเท้าต่อมายังสะพานแว่นตา มาถึงเวลาราวๆ 8 โมงเช้า ฝนเริ่มซาๆ น้ำนิ่งพอเห็นสะท้อนเป็นแว่นตาอยู่



เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่สะพานแว่นตา ตามแพลนคือจะเดินทะลุ Imperial palace ไปทาง east gate ผ่าน east garden ขึ้นไปยัง Chidorigafuchi แต่เนื่องจาก ฝนตก และคิดว่าเดินข้างในคงอีกไลก คนคงเยอะ และระหว่างที่ยืนถ่ายรูปสะพานแว่นตาอยู่ก็เห็นผู้คนเดินผ่านไปหลายคน เลยคิดเองว่า มันน่าจะมีสถานีรถไฟอยู่ใกล้ๆ ที่ไม่ใช่สถานี เลยเดินสวนผู้คนที่เค้าเดินกันมา หวังว่าสถานีจะอยู่ไม่ไกล เดินผ่านมาเรื่อยๆก็พบ west gate มองเข้าไปเห็นต้นซากุระ ใบอ่อนเริ่มแตกแล้ว



เดินพ้นประตูไปเล็กน้อยก็พบกับสถานีรถไฟใต้ดิน Sakuradamon จ้า ขณะนั้นเวลา 8 โมงกว่าๆ ได้ กำลัง Rush hour เลย 

สถานีรถไฟ ในช่วงเวลา Rush hour ทุกคนเดินกันด้วยความเร็วประหนึ่งวิ่ง เดินเป็นเส้นทางเดียวกันหมด ในชานชาลาต่อแถวขึ้นรถไฟกันเต็มพื้นที่ คนเดินต้องเดินผ่านด้านหน้าระหว่างผู้คนที่ยืนรอขึ้นรถไฟ กับรางรถไฟ เมื่อรถไฟมา เปิดประตู ผู้คนด้านหลังจะนำพาตัวทุกท่านเข้าไปในรถไฟเอง อัดกันแบบแนบเนื้อ พอถึงสถานีที่เราจะลง เบียดลงกันเลยคับ ไม่ต้องเกรงใจ เพราะไม่เช่นนั้น จะถูกผู้คนจากภายนอกดันเข้ามาในรถไฟอีกครั้ง
 


Chidoriga-fuchi

จากที่ขึ้นรถไฟใต้ดินจากสถานี Sakuradamon ต้องมาต่อรถที่สถานี Nagatacho 
เพื่อไปยังสถานี Kundashita ต่อ เดินขึ้นมาตามทางเพื่อไป chidorigafuchi (จุดที่ปักหมุดไว้เป็นจุดชมวิวของที่นี่ครับ)



ตามทางเดินมีแต่กลีบซากุระร่วงโรย ใจคอไม่ดีเลย



ระหว่างทางแหงนหน้ามองก็เห็นซากุระคับ แต่ก็ร่วงโรยไปเยอะ แตกใบอ่อนกันส่วนใหญ่แล้วแต่ไหนๆก็มาถึงแล้ว เดินชมมันไปเรื่อยๆแล้วกัน เดินไปรอบๆ จนถึงมุมที่ทำการบ้านมา ได้มาเท่านี้จริงๆ แอบเสียใจเล็กๆ ตั้งเป้าหมายไว้ใหม่ ชั้นต้องมาใหม่ในวันที่มัน Full Bloom 







เสร็จกิจที่ Chidorigafuchi แล้วเดินทางกลับไปยังสถานีใต้ดิน Kundashita หวังจะเดินทางต่อไปยังที่อื่น ปรากฏว่าระหว่างทาง พบกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ญี่ปุ่นมาทัศนะศึกษาบริเวณนี้ มากันแบบเยอะมาก น่าจะยกกันมาทั้งวิทยาลัย แต่เขาก็เดินมากันอย่างเป็นระเบียบ เป็นแถว มีรุ่นพี่มากั้นเชือก และคอยให้หยุดเมื่อมีคนจะเดินข้าม ทำให้มาหยุดยืนอยู่บนทางเท้า ซึ่งมีขบวนนักศึกษาขวางอยู่ทำให้ข้ามไปสถานีรถไฟใต้ดินไม่ได้ พอดีว่ามีแผนที่บริเวณนี้อยู่ ก็ไปยืนอ่านแผนที่รอแล้วพบว่าใกล้ๆนี้ มีศาลเจ้า Yasukuni เห็นว่ามีขนาดใหญ่พอสมควร เดินไปแวะชมดีกว่า ไหนๆก็เวลาเหลือ และกำลังเศร้าๆจาก Chidorigafuchi
 


Yasukuni Shrine


แวะเข้ามาก็พบทัวร์จีนกำลังลงจากรถเลยจ้า กางร่มเดินเข้าไปกันกลุ่มใหญ่ บ้างก็ยืนถ่ายรูปกับเสาโทริบ้าง





เดินผ่านเสาโทริเข้ามา ก็มาพบกับประตูเข้าวัดละ ยิ่งใหญ่อลังการ งานประตูไม้ มองลอดเข้าไปเริ่มเห็นซากุระอยู่ด้วนใน มีลุ้นแล้วเรา



และสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเจอในศาลเจ้า ซากุระจ้า ยืนเรียงรายกันเต็มไปหมด แต่ก็ร่วงโรยไปเยอะแล้วเหมือนกัน แต่ก็สร้างความงามขึ้นได้เช่นกัน กลีบดอกที่ร่วงโรย กลายเป็นพรมปูพื้นให้ขาวละลานตา ดูสวยงาม ตามธรรมชาติมาก





เข้ามาถึงในตัวศาลเจ้าแล้ว แต่ก็ไม่ได้เข้าไปไหว้ศาลเจ้านะ ไหว้ไม่เป็นต้องทำยังไง ก็เลยได้แต่มองคนอื่นไหว้กันไป 



ขอแปะข้อมูลศาลเจ้านี้ไว้ซะหน่อย อ่านแล้วเพิ่งรู้ว่า โอ้ว...มันเป็นศาลเจ้าที่สำคัญแห่งหนึ่งเลยในโตเกียว

เป็นความประทับใจที่ไม่ได้คาดหวังมานะคับ กับศาลเจ้าแห่งนี้ สงบ ร่มเย็น เห็นซากุระ....
ได้ลองเดินเข้าไปในสถานที่ที่ไม่รู้ว่ามีอะไรมันก็ตื่นเต้นดีนะครับ แล้วผลที่ได้รับมามันก็คุ้มค่าจริงๆ

เดินทางกันต่อครับ ไปยังสถานที่ต่อไป ไฮไลท์ของวันนี้ ที่มีความหวังว่าจะได้ชมซากุระกันเต็มๆตาที่นี่ คือ
Shinjuku Gyoen
ออกจาก Yasukuni shrine แล้ว ก็เดินทางต่อไปยังเป้าหมายต่อไป Shinjuku Gyoen เปิด Google map หาสถานีรถไฟ คือจะเดินกลับไปสถานี Kundashita ก็ได้ แต่ก็แบบเคยผ่านทางนั้นแล้ว ก็เห็นว่ามี สถานี Ichigaya อยู่อีกทางหนึ่ง ไกลกว่าเดินกลับไปเพียง 100 เมตร เลยตัดสินใจเดินต่อไปสถานีนั้นแล้วกัน ระหว่างทางก็เดินตากฝนไปเรื่อยๆ ชิวๆ slow life จนมาถึงสถานี Ichigaya แล้วจึงนั่งรถไฟไปลงสถานี Shinjuku Sanchome เดินต่ออีกนิดหน่อยก็ถึงสวนแล้วจ้า

Shinjuku Gyeon



จุดปักหมุดแดงคือประตูทางเข้าครับ มีให้ซื้อบัตรผ่านประตู 
 
Shinjuku Gyoen

มาถึงก็จัดแจงซื้อบัตรเข้าชมกดที่ตู้ด้านหน้าได้เลย มีที่ตรวจตั๋วแบบเดียวกับสถานีรถไฟเลย มาถึงคนก็มีพอประมาณ และที่สำคัญ คนไทยเยอะมากด้วย เดินไปก็ได้ยินเสียงพูดคุยภาษาไทย อบอุนจริงๆ พอเข้ามาในสวน ทุกคนถือร่มเพราะฝนตก แต่ก็ไม่หวั่นจ้า ซากุระบลูมๆๆ กำลังรอเราอยู่
รูปถ่ายจากป้ายบอกทางในสวนคับ



ที่นี่แหละครับ ที่ผมได้ชื่นชมความงามของดอกซากุระบานแบบอิ่มเอมใจ ขอวางเป็นภาพเน้นๆ งดบรรยายช่วงนึงนะคับ



































เพลินเพลินกับซากุระแล้ว ออกจากสวน Shinjuku Gyoen ทาง Sendagaya Gate เพื่อเดินทางต่อไปยัง Meiji Jingu 
 


Meiji Jingu Shrine

ผมทำการบ้านมาแล้วว่าสามารถเดินเท้ามายัง ทางเข้า Meiji Jinku ทางด้านบนได้ ทดลองเดินโดยใช้ street view บน google map มาก่อน แล้วก็เดินตามเส้นทางเลยจ้า ฝนตกพรำๆ เดินเลียบใต้ทางด่วนมา มีหลงบ้างเวลาถึงแยก ว่าต้องเลี้ยวทางไหน จนในที่สุดก็มาเห็นซุ้มประตู แสดงว่ามาถูกทางแล้ว





เดินเข้ามาในบริเวณของ Meiji jingu พบความสงบร่มรื่น ไม่เหมือนความวุ่นวายข้างนอกที่เดินผ่านมา ทางเดินข้างในนี้ สงบมาก เหมือนเดินอยู่ในป่าใหญ่ ต้นไม้แต่ละต้นสูงๆ ทั้งนั้น





วัดนี้ดีตรงที่มีวิธีการสอนการไหว้พระ ไหว้เทพเจ้าในแบบของที่นี่ โดยมีการเขียนวิธีเป็นภาษาอังกฤษไว้ ทำให้ไหว้พระแบบญี่ปุ่นเป็นที่วัดนี้แหละ แต่บริเวณที่ไหวนั้นเขาห้ามถ่ายรูป มีตำรวจยืนคุม และคอยเตือนอยู่ตลอด นักท่องเที่ยวเยอะเหมือนกันที่วัดนี้ ก็ได้ไหว้พระ ขอพรกันไป และในวัดก็มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีเชือกแขวน พันรอบๆต้นไม้ (อารมณ์บ้านเราก็ใช้ผ้าสามสีพันต้นโพธิ์) ต้นไม้เขาใหญ่โตอลังการ เหมือนปลูกมาแล้วเป็นพันๆปีเลย







ขาออกเดินออกอีกทางหนึ่ง โดยจะมาออกทาง Harajuku เดินผ่านถังสาเกลวดลายสวยงาม เป็นถังสาเกที่มีคนนำมาบริจาคเวลาศาลเจ้ามีงานสำคัญเช่น ปีใหม่ เป็น Landmark ที่หลายๆคนมาแล้วต้องมาถ่ายภาพเอาไว้ 
เดินเลยโซนถังสาเกมาก็จะเจอจุดขายของที่ระลึก และร้านขายอาหารฟาสฟู้ด ก็เลยจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อยเพราะท้องเริ่มหิว


 


Marion Crape Harajuku 

อิ่มท้องแล้ว เดินออกมาถึงก็พบสถานี Harajuku เพิ่งทานของคาวเสร็จก็ตามหาของหวานต่อ เคยได้ยินชื่อเสียงของเครปฮาราจูกุมา แต่ก็ไม่รู้ร้านไหน ร้านอยู่ตรงไหน เดินมั่วๆไปจนถึงสี่แยก แล้วก็งง อ้าว ไหนล่ะ หลงละจ้า เปิด Google รัวๆ โชคดีมีสัญญาณ wifi-free จากสถานีรถไฟ เสริชหาเลยว่าต้องเครปร้านไหน ฝนก็ตก ที่ร่มๆก็ไม่มี ยืนกางร่มเสริชหาเป็นเรื่องเป็นราว สุดท้ายก็ได้โลเคชั่นมาว่าอยู่ในซอยเล็กๆ ก็เลยเชค Google Map แล้วก็เดินไปตามทาง หวังว่าจะเจอ ระหว่างทางก็ผ่านร้านเครปเจ้าอื่นๆ กลิ่นหอมยั่วยวนเสียจริง แต่ยังไม่ใช่เจ้าที่ตามหา ยังไม่กิน ถ้าหาไม่เจอจริงๆจะกลับมากินนะจ้ะ



ในที่สุดก็มาถึงร้านดัง MARION ฝนก็ยังตก คนก็ยังต่อแถวสู้นะ โชคดีตอนไปถึงคนไม่เยอะมาก รอคิว 10-15 นาทีก็ได้กิน ลิ้มรสชาติทีนี่ลืมเครปที่บ้านเราไปเลย อร่อยล้ำ 
บทบรรยายความอร่อย


สำหรับใครที่จะมานะครับ เอาคำว่า Marion ไปเสริชนี้ไม่เจอนะคับ ใช้คำนี้ マリオンクレープ 原宿竹下通り店 นะคับ แล้วเดินตามไปเลย ได้ทานแน่นอน ^^





おいしい
Nakameguro 

กินขนมเรียบร้อย เดินทางต่อไปยัง Nakameguro มาตามล่าซากุระริมแม่น้ำเมกุโระ กันต่อ ลงจากรถไฟมาก็พบซากุระ กับโคมไฟสีชมพู ซากุระที่นี่โรยไปเยอะมากก แทบจะเหลือแต่ก้าน กับใบอ่อน แต่ไหนๆมาแล้วก็ขอเดินชมรอบๆหน่อยละกัน











สงบ เงียบ ฟังเสียงน้ำไหล ปล่อยใจไปกับสายน้ำ ผมได้ยืนสงบจิตสงบใจอยู่พักหนึ่ง ฝนเริ่มหยุดตกแล้ว พักกายพักใจ เตรียมตัวเดินทางต่อ
 


Aoyama Cemetery

สถานที่ต่อไปที่มาเยี่ยมชมคือย่าน Aoyama นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Nogizaka แล้วเดินย้อนขึ้นมาหน่อย



ในที่สุดก็มาถึง Aoyama Cemetery ตอนแรกที่อ่านรีวิวเค้าบอกเป็นสุสาน ที่มีซากุระสวย ไอเราก็ไม่ได้คิดอะไร อยากดูซากุระก็เลยมา พอมาถึงครับ ตึ่งงงง.......บริเวณนี้ทั้งหมด เป็นสุสานญี่ปุ่น ทั้งหมดเลยครับ (นึกถึงเวลาไปสุสานจีนอารมณ์เดียวกัน เป๊ะ) ตอนไปถึงก็ช่วงเย็นแล้ว ฝนก็ตกพรำๆ ผู้คนก็ไม่มี รถราวิ่งผ่านก็น้อยนิด บรรยากาศเย็นยะเยือกมาก แล้วทางที่ดูมาตอนแรกว่าจะเดินไปก็คือ เดินผ่ากลางสุสานนี้ไปเลยจ้า โอ้วว ซากุระก็ช่างงดงาม โรยราไปตามกาลเวลาแล้ว เหลือตามที่เห็น แต่ไหนๆก็มาแล้ว ไหว้บอกเขาสักหน่อย บอกเป็นภาษาไทยก็ไม่รู้เค้าจะฟังรู้เรื่องป่าว ไม่ได้มาทำไม่ดีอะไร ขอมาเดินชมซากุระเท่านั้นเอง แล้วก็ตัดสินใจเดินเข้าไป





ระหว่างทางเดินชมซากุระไป ก็ได้ชมสุสานของที่นี่ไปด้วย แต่ละหลังนี้อลังการงานสร้างมาก มีหลากหลายรูปแบบ เป็นเสาโทริบ้าง เป็นบล็อคสี่เหลี่ยมๆ บ้าง ใหญ่เล็กตามแต่กำลังสร้าง และมักอยู่กันเป็นครอบครัว (คิดว่านะ) ไม่กล้าถ่ายรูปมากบริเวณนี้เดินผ่านไปอย่างเร็วๆ มีผู้คนวิ่งออกกำลังกายผ่านบ้าง มีคนปั่นจักรยานบ้าง ทำให้ใจชื้นขึ้นมาหน่อย จนเดินพ้นเขตสุสาน ก็จะเป็นร้านรับทำป้ายหลุมศพเต็มไปหมด.... เป็นอีกประสบการณ์นะครับ เดินเล่นในสุสานที่ญี่ปุ่น
 


World trade center Tokyo

ใกล้เย็นๆแล้ว ปีนตึกเก็บภาพมุมสูงจากตึก World trade center tokyo นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานีDAIMON แล้วเดินต่อเล็กน้อยก็ถึง ถึงจะเป็นวันที่ฝนตก ข้างบนนี้ก็มีนักท่องเที่ยวหลายคนให้ความสนใจขึ้นมาชมวิวมหานครโตเกียวมุมสูง (เสียค่าขึ้นนะ ปริ้นคูปองจากเวปลดเหลือ 500 เยน) [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
*** ได้แหล่งนี้มาจากกระทู้หนึ่งในพันทิปนี่แหละครับ ----> http://pantip.com/topic/32050940
ทางม้าลายมุมสูง



Tokyo Tower



Rainbow Bridge 



Odaiba



Tokyo City



Rainy Tokyo



ชมเมืองจนค่ำมืด ได้เวลาไปตามล่า Sakura Light-Up 
 


Night Sakura

ลงจากตึก World trade center tokyo ฝนตกหนักขึ้นจากเมื่อกลางวัน อากาศก็เย็นขึ้น เสื้อกันหนาวคู่ใจตอนนี้กันความหนาวไม่อยู่แล้ว เท้าก็เริ่มปวดจากการเดินทั้งวัน แต่ยังเหลือที่ที่แพลนจะไปอีก รีบบึ่งไปยัง Tokyo Midtown หวังจะมาชม Sakura light-up ถ่ายกลางสายฝนนี่แหละ ลมก็แรง พัดร่มแทบปลิว









ใช้พลังงานมาทั้งวันแล้ว ท้องเริ่มหิว กลับไปกินอะไรแถวๆย่าน Ginza แล้วกันก่อนกลับที่พัก มาถึงย่านกินซ่าประมาณ 3 ทุ่ม ขึ้นมาก็ตะลึงอีก ซากุระกลางเมืองเลยจ้า ลืมความหิวไป เดินถ่ายรูปสักหน่อยละกัน







ในที่สุด ท้องก็ทนไม่ไหวตอนเกือบๆ 4 ทุ่ม เดินหาร้านอาหารกันสิครับ ไม่ได้แพลนมา มีแต่ภาษาญี่ปุ่นเต็มไปหมด และร้านส่วนมากปิดหมดแล้ว เดินเข้าไปถามร้านนึง เค้าก็บอกว่าปิดร้านแล้ว ขอโทษด้วย >.< ที่พึ่งสุดท้ายก็คงหนีไม่พ้น ข้าวกล่องเซเว่น แต่จะทานกันธรรมดาๆได้ซะที่ไหนล่ะ จัดไปเลย นั่งทานกันไป ชมซากุระกันไปเพลินๆ 




ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนจบนะครับ หวังว่าพอที่จะเป็นแนวทางในการวางแผนของหลายๆคนที่ตั้งใจจะไปชมซากุระช่วงฤดูใบไม้ผลินี้นะครับ ขอให้ได้พบซากุระกันตามที่ทุกท่านหวังไว้ครับ

ปล. ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ติชม แนะนำกันได้ครับ ^^

อุปกรณ์ถ่ายภาพ 
1.    Nikon D5200 + Kit 18-105 mm / + Tokina 11 – 16 mm F 2.8
2.    Iphone 5
 



ขอบคุณรีวิวพันทิบจาก 
สมาชิกหมายเลข 1101336 



 

เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai