ส่องนก ดูผีเสื้อ ชมทะเลหมอกหน้าร้อนที่พะเนินทุ่ง

ขอกราบสวัสดี "ชาวชิลไปไหน" ทุกๆท่านนะคร๊าบบ

เข้าหน้าร้อน จะชวนเพื่อนออกเที่ยวคลายร้อนก็ไม่รู้จะไปไหน
แค่ออกจากบ้านก็เหง่ือไหลแอนด์ไคลย้อยกันเป็นทิวแถว
สู้นอนตากแอร์เล่นวินนิ่งส์กับเพื่อนๆเพิ่มค่าไฟให้พุ่งกระฉูดดีกว่าจิงมะ อิอิ
 

แต่ช้าก่อน ใครคนนี้ก็คิดว่าอากาศแบบนี้จะไม่มีที่เที่ยว
จนกระทั่งทาง ททท.ภูมิภาค ภาคกลางได้เชิญไปเป็นพยานว่าหน้าร้อนก็เที่ยวได้นะจ๊ะ
โดยทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเพชรบุรี ร่วมกับ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
และชมรมธุรกิจท่องเที่ยวแก่งกระจาน – ลุ่มแม่น้ำเพชรบุรี ได้เปิด "โครงการ Miracle @ แก่งกระจาน"
เพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน ตลอดเดือนเมษายน

แล้วจะรอช้าอยู่ใย ไปพิสูจน์ให้ชาวชิลไปไหนกันเลยดีว่า เย้ เย้ !!

จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางธนบุรีปากท่อ วิ่งตรงตลอดจนตัดเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 4
ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางสู่เพชรบุรี ขับไปเรื่อยๆจนกระทั่งมีป้ายตัวเบ่อเริ่มบอกว่า อ. ท่างยาง
เมื่อมาถึงท่ายางแล้ว  จะเข้าเส้นทางไหนดี

ทางเข้าแก่งกระจานมี 2 เส้นทาง คือแยกขวาที่ ท่ายางเข้าไป อีกเส้นทางคือใช้เส้นทางหนองหญ้าปล้อง
ซึ่งอยู่เลยจุดนี้ต้องขับตรงไปอีกจนกว่าจะถึงป้ายแยกขวาเข้าสู่อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน

ขอบอกหน่อยนะครับว่าที่พะเนินทุ่งนี่อากาศหนาวพอประมาณ คืออากาศดีนี่แหละ

เอาเป็นว่าถ้ามีโอกาสไปละก็ เสื้อกันหนาวพกติดตัวไปด้วย ได้ใช้แน่นอนครับ

ถาม : แล้วรถยนตร์ส่วนตัวขึ้นไปพะเนินทุ่งได้รึเปล่า

ตอบ : ถ้าเป็นรถประเภท SUV หรือกระบะพันธุ์แกร่งล่ะก็สบายๆ แต่ถ้าจะไปกางเต้นท์ที่แค่บ้านกร่างล่ะก็รถเก๋งก็บ่มีปัญหา

ถาม : แล้วถ้ามีรถเก๋งแต่อยากไปสัมผัสทะเลหมอกที่พะเนินทุ่งล่ะ

ตอบ : ติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานฯครับ แต่ผมก็มีราคาค่ารถบริการขึ้นพะเนินทุ่งมาให้เผื่อคำนวณค่าใช้จ่ายกันครับ ค่ารถไปกลับบ้านกร่าง 1200, ค่ารถไปกลับพะเนินทุ่ง 1600, ค้าง บ้านกร่าง 1400/8 คน, ค้างพะเนินทุ่ง 2000/8 คน

ลองดูทางขึ้นพะเนินทุ่งครับ

ข้อมูลคร่าวๆก็ทราบกันไปแล้ว แต่ยังมีอีกอย่างที่ต้องรู้กันนะคร๊าบบบ
เดี๋ยวไปแล้วขึ้นไปเที่ยวพะเนินทุ่งกันไม่ได้ เพราะทางอุทยานฯเค้ามีเวลาปล่อยรถเพื่อขึ้นและลง
เพื่อไม่ให้รถสวนกันแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ฉะนั้นแอนด์ฉะนี้ เวลาขึ้นลงเขาพะเนินทุ่ง
รอบแรกจากบ้านกร่าง 5.30-7.30 รอบสอง 13.00-15.00
และ เวลาลงจากพะเนินทุ่ง 9.00-10.00 รอบสอง 16.00-17.00
และการพักแรมที่บ้านกร่างต้องเข้าไปถึงที่พักก่อน 17.00 และออกก่อน 19.00 นะเออ
ส่วนเรื่องระยะเวลาจากที่ทำการอุทยานฯไปพะเนินทุ่งก็ประมาณ 31 กิโล
คำนวณเวลาดูคร่าวๆก็ประมาณชั่วโมงนิดๆ

มารอต้อนรับแน่ๆ ^ ^

เอาล่ะข้อมูลก็รู้แล้วที่นี่ขึ้นพะเนินทุ่งกันเต๊อะ !!
ระหว่างนั่งรถไปพะเนินทุ่ง ลมที่ตีหน้ารวมถึงอากาศที่สูดเข้าไปนั้น มันโล่งจริงๆ
วิวรอบๆตัวที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามความเร็วของพาหนะที่พาเราไป แล้วก็ไอพอดที่บรรจุเพลงที่ช๊อบ ชอบ
รู้สึกว่าสบายอย่างบอกไม่ถูก นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้หนีจากชีวิตที่น่าเบื่อในเมืองกรุง
ทันใดขณะคิดอะไรเพลินๆ รถของเราก็หยุดตัวลงพร้อมเสียงบอกว่าข้างหน้ามีฝูงผีเสือ
จะถ่ายรูปกันมั้ย ?? คำตอบก็รู้ๆกันอยู่ครับว่า ถ่ายยยยยยยยย !!

จอดรถลงไปพิสูจน์

ขอบอกว่าผมเองก็เคยเห็นรูปทางเวบนู่น นี่ นั่น มาก็เยอะครับ แต่ยังไม่เคยเห็นเองซักครั้ง
มาครั้งนี้ก็ได้เป็นบุญตาที่ได้มาประจักษ์อยู่ตรงหน้า เพราะมันเยอะเอามากๆ
สอบถามทางเจ้าหน้าที่ ที่ร่วมเดินทางด้วยกันได้ความรู้มาว่า ผีเสื้อที่พบในแก่งกระจานนั้น
มีมากกว่า 250 ชนิด เยอะสุดๆ และข้อมูลที่สำคัญก็คือช่วงที่เราจะได้พบกับผีเสื้อหลากหลายชนิด
ก็คือช่วงระหว่างวันที่ 1 - 30 เมษายน ของทุกๆปี

มวลหมู่ผีเสื้อ

หลังจากใช้ยลโฉมผีเสื้อกันจนพอใจแล้วก็เดินทางต่อครับ
เพราะจุดที่เราแวะนั้นยังอยู่ห่างจากจุดที่เราจะไปกางเต้นท์นอนกัน ต้องทำเวลากันหน่อย
แล้วก็ถึงเวลาที่ ไอพอด ทำงานอีกครั้ง ...
จู่ๆรถก็หยุดกระทันหันอีกรอบ คราวนี้ได้ยินเสียงว่านั่น "ค่างดำ"
พร้อมข้อความต่อมาว่า หายากมากนะ ถ่ายรูปกันสิ

ตอนกำลังกระโดดพอดี

ขณะที่กำลังคว้ากล้องออกจากกระเป๋า ซึ่งค่อนข้างยากสำหรับผม เพราะทั้งซิป ทั้งตัวล็อคมันเยอะมาก
จนความคิดมันแว๊บขึ้นมาในหัวว่า กระเป๋ากล้องดีเกินป่าวหว้าาา !!
แต่ก็ไม่ท้อครับ เพื่อชาว "ชิลไปไหน" ผมยังเก็บช๊อตสำคัญได้นะครับ แม้จะแค่รูปเดียวก็เถอะ

บริเวณที่กางเต้นท์

หลังจากนั้นไม่นานก็ได้มาถึงที่พักกัน
จัดแจงสัมภาระเก็บในที่พักเรียบร้อยก็เตรียมตัวไปทำกิจกรรมกันต่อเนื่องครับ
เพราะเรายังมีเวลาเหลือพอก่อนพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า นั่นก็คือกิจกรรมการการเดินดูนก
ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลต์อีกอย่างของอุทยานแก่งกระจาน เพราะในประเทศไทย
สถานที่ที่เราจะเจอนกมากที่สุดก็ที่นี่แหละ
อยากจะบอกว่านกในประเทศไทยข้อมูลระบุว่ามีกว่า 900 กว่าสายพันธุ์
แต่ที่พะเนินทุ่งนั้น นักสำรวจเค้าเจอนกที่ไม่ว่าจะเป็นนกประจำถิ่น
หรือนกอพยพ เกือบ 500 สายพันธุ์เลยทีเดียว
และนกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของที่นี่ จริงๆคือหาที่อื่นไม่ได้นั่นแหละ คือ "นกกระลิงเขียดหางหนาม"
ซึ่งถิ่นที่อยู่เดิมอาศัยในประเทศเวียตนาม แต่มีบางตัวอพยพมาตั้งรกรากที่พะเนินทุ่ง
ถ้าใครอยากเห็นตัวเป็นๆล่ะก็ต้องมาที่นี่เท่านั้น รวมถึงต้องขอให้โชคเข้าข้างด้วยนะ

นกปรอทหัวตาขาว เป็นมิตรมากๆ

แปลกตาไปหมด

ตัวนี้ชื่อ "ตั๊กแตนผี"

เดินเพลินๆก็ต้องย้ายตัวเองไปยังจุดชมวิวพะเนินทุ่งแล้วครับ เพราะถึงเวลาถ่ายพระอาทิตย์ตกเขา

แล้วก็ภาวนาให้รุ่งเช้ามีทะเลหมอกให้เราเห็นกันเยอะๆด้วยเต๊อะ สาธุ !!!

มาทันพอดี

ช่วงปลดปล่อยอารมณ์

ข้อดีของงานเขียนก็คือ คุณๆ ท่านๆ ที่อ่านอยู่นั้น ไม่ต้องรอเวลานานมากนัก
เพราะตอนนี้ผม จะตัด ฉับ!! สู่ตอนเช้า ที่อากาศแสนจะสดชื่น แล้วก็บรรยากาศที่แสนจะอภิรมย์ อิอิ

มา.. มาดูทะเลหมอกหน้าหนาวกันหน่อย ว่าจะมีจริงอย่างที่ว่ามารึเปล่า

แสงแรกตรงจุดกางเต้นท์

เพียงแค่นั่งรถมายังจุดชมวิวที่ กม.36 โดยที่ยังไม่ถึงจุดหมายนั้นก็ต้องร้อง ว้าวววว!!
สวยมาก มาก มาก มาก เพราะเหมือนเรายืนอยู่ระดับเดียวเมฆจริงๆ
สิ่งที่ทำได้ก็คือ พยายามซึมซับ แล้วก็ถ่ายรูปมาให้เพื่อนๆได้ดูกัน

ชิล ชิล

จุดชมวิว กม.36

ถ้าไม่เห็นต้นนี้ถือว่ามาไม่ถึงจุดชมวิวนี้นะครับ

หลังจากที่กลับมาจากดูทะเลหมอกแล้วก็จัดกระเป๋าเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯกัน
แหม...แต่อยู่ๆจะกลับเลยก็กระไรอยู่ อยากจะเป็นคนดีศรีสังคมบ้าง
ดังนั้นก็เลยทำ CSR โดยการทำโป่งให้กับสัตว์ป่าทั้งหลายได้มีแหล่งอาหารเสริมกัน
ซึ่งถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากจะทำกิจกรรมร่วมกันละก็ให้ติดต่อทางอุทยานฯล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันนะ
แล้วก็ทำได้ตลอด ยกเว้นช่วงเดือน ส.ค. - ต.ค. เท่านั้น
โดยมีค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรมคือ 3,000 สำหรับการทำโป่ง และ 5,000 บาทสำหรับการทำฝาย
แล้วก็ไม่จำกัดจำนวนคนในการร่วมกันกิจกรรมดีๆแบบนี้ด้วยนะจ๊ะ

ร่วมด้วยช่วยกัน

รดน้ำเรียบร้อยก็เป็นอันเสร็จพิธี

ท้ายสุดก็ต้องขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง ที่ได้ชวนให้ไปพบกับประสบการณ์ดีๆ
และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงาน เพชรบุรี ที่ได้ดูแลทีมงาน ชิลไปไหน เป็นอย่างดีครับ

เรื่อง & ภาพ โดย onaree

Tags: กรุงเทพ แก่งกระจาน

เขียนโดย

Admin Chillpainai

แชร์บทความนี้