0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

รีวิว : How to go Nepal ความงามที่ต้องไปเยือน(สักครั้งในชีวิต)

calendar_month 06 ม.ค. 2016 / stylus Admin Chillpainai / visibility 74,500 / เที่ยวต่างประเทศ


 
การเดินทางไปเยือนเนปาลครั้งนั้นได้จบลงไปนานแล้ว แต่รายละเอียดและความทรงจำยังคงอยู่
 
วันนี้แต่เมื่อปีแล้ว ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศสิงคโปร์ หลังจากที่ผมนั่งทำ Report เสร็จ ก่อนที่จะปิดไฟเข้านอนในคืนนั้นก็เปิดไปเจอกระทู้ที่มีผลต่อการเต้นของหัวใจให้แรงขึ้น ทำให้ต้องลากเมาส์คลิ๊กเข้าไปดูเดี๋ยวนั้น เปิดเข้าไปเจอกระทู้รีวิวประเทศเนปาล ณ เวลานั้น คือครั้งแรกที่ทำให้ผมได้รู้จัก ABC หรือ Annapurna Base Camp และตามมาด้วย Poon Hill ตรงนั้นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทาง หาข้อมูล รวบรวมสมาชิก และออกเดินทาง ในเวลาต่อมา
 

ความจริงกระทู้เนปาลมีค่อนข้างมีเยอะพอสมควร ก่อนที่ผมจะเดินทางไปเนปาลก็อาศัยเสพข้อมูลจากห้องนี้เป็นหลัก เพื่อเป็นการตอบแทนเพื่อนๆห้องบลู ขอรีวิวเป็นเรื่องของการเตรียมตัวก่อนที่จะเดินทางไปเนปาลแล้วกันครับ คิดว่าน่าจะคงพอเป็นประโยชน์กับหลายคนที่มีความประสงค์ที่จะเดินทางไป Trekking ที่เนปาลบ้าง...
 

ตั๋วเครื่องบิน 
จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีอยู่สี่สายการบินหลักๆให้นักเดินทางได้เลือกตาม Budget ที่ได้วางไว้ดังนี้
Thai Airway
มีไฟท์บินตรงออกเดินทางทุกวันจากสุวรรณภูมิถึงท่าอากาศยานนานาชาติตริภูวันทุกวัน ราคาก็ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและโปรโมชั่น เท่าที่คุยกับหลายๆท่าน ไม่เจอปัญหาเรื่องการล่าช้า
 
Nepal Airline
Direct flight เหมือนกัน แต่มีบินแค่ วันจันทร์ พุธ ศุกร์ เท่านั้น บางช่วงเวลาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเหลือแค่ วันจันทร์กับวันศุกร์ โปรดตรวจสอบรายละเอียดกับสายการบินอีกที  ข้อดีของสายการบินนี้คือราคาตั๋วถูกกว่าการบินไทยและเครื่องบินลำใหม่แถมบินตรงไม่แวะพักเปลี่ยนเครื่อง แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องของการดีเลย์ทั้งไปและกลับ
 
Jet Airways
สายการบิน Low cost แต่เป็นแบบ transit flight ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่นิวเดลี เหมาะสำหรับคนที่พอมีเวลาไม่เร่งรีบมาก ช่วงที่ผมเดินทางหลังจากเปรียบเทียบกันแล้วราคาพอๆกับ Nepal Airline เลยเลือกที่จะบินตรงดีกว่า
 
Malaysia airlines

สายการบินประจำชาติมาเลย์เซีย ต้องแวะต่อเครื่องที่ KL  แต่ในขณะเดียวกันระยะเวลาที่ผมเดินทางราคาตั๋ว Economy class เนปาลแอร์ไลน์ เท่ากับ Business class ของสายการบินนี้ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวอีกเช่นกัน
 

 
Visa
สำหรับคนไทยที่เดินทางไปเนปาล สามารถทำ visa on arrival ได้ที่ช่องทางอนุญาตด่านตรวจคนเข้าเมือง ณ ท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวัน ซึ่งต้องชำระค่าธรรมเนียมเป็นเงินสกุลเงินสหรัฐ (USD) (วีซ่าท่องเที่ยวประเภท 15 วัน: 25 US$, วีซ่าท่องเที่ยวประเภท 30 วัน: 40 US$ และ วีซ่าท่องเที่ยวประเภท 90 วัน: 100 US$)
แต่เนื่องจากเมื่อเดือนที่ผ่านมาทางสถานทูตมีการปรับค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่าเพิ่มขึ้นจากเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 เป็นต้นไป
 
สรุป อัตราธรรมเนียมใหม่สำหรับนักท่องเที่ยว
15 วัน 900 บาท
30 วัน 1,450 บาท
90 วัน 3,600 บาท
 
เพื่อหลีกเลี่ยงการรอคิวนานในช่วงเทศกาลเราสามารถทำวีซ่าได้จากไทย เอกสารที่เราจะต้องเตรียมตามด้านล่างเลยครับ
- หนังสือเดินทางฉบับจริง หรือ Passport ที่มีอายุเหลือไม่เกิน 6 เดือน
- สำเนาหนังสือเดินทาง 1 ฉบับ
- รูปถ่ายสีขนาด 2 นิ้ว ฉากสีพื้น
- แบบฟอร์มการขอวีซ่า (สามารถเข้าไป Download ได้ที่ http://www.nepalembassybangkok.com/downloadform.php)
ในแบบฟอร์มจะให้กรอกที่อยู่ที่พักในเนปาล จะค้นหาจาก Agoda หรือ Hostel.com ก็ตามสะดวกเลยครับ ไม่จำเป็นต้องมีใบจองโรงแรม

- สิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือ ค่าธรรมเนียมวีซ่า 15 วัน 900 บาท / 30 วัน 1,450 บาท และ 90 วัน 3,600 บาท


 
การเดินทางขอวีซ่า สำหรับคนที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ให้ลง BTS สถานีพระโขนง แล้วกวักมือเรียกพี่วิน ให้ไปส่งเลย
และสำหรับผู้ที่เดินทางโดยรถยนต์ วิ่งเส้นสุขุมวิทสายเก่า แล้วเข้าซอยสุขุมวิท71 ฝั่งตรงข้ามจะเป็น Max value สามารถนำรถเข้าไปจอดได้ จากนั้นเดินข้ามถนนมาฝั่งตรงข้าม จะเจอประตูสีเขียว นั้นแหละเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปเลย
 
Note : 1. ยื่นวีซ่าไม่จำเป็นต้องไปยื่นด้วยตัวเอง สามารถฝากเพื่อนหรือคนอื่นไปยื่นแทนได้ โดยไม่ต้องมีหนังสือรับรอง
เวลายื่น-รับ เอกสารขอวีซ่า: 09.00 - 12.00 น. (วันจันทร์ – ศุกร์)
เวลารับเล่มหนังสือเดินทาง: 14.30 – 16.30 น. (วันจันทร์ – ศุกร์)
2. เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของรูปถ่าย ที่เราไม่จำเป็นต้องไปร้านถ่ายรูปแล้วถ่ายภาพออกมาเป็นโหลแล้วเสียเงินไปร้อยกว่าบาท ตอนผมทำวีซ่า เสิร์ช Google แล้วไปเจอกระทู้นี้ http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2012/03/E11834208/E11834208.html
หลังจากที่ผมลองทำตามแล้ว เสียเงินไปแค่ 10 บาท ได้รูปสองนิ้ว มา4รูป ใข้ทำวีซ่าจีนต่อได้ด้วย ผ่านฉลุยไม่มีปัญหาครับ 
 
สกุลเงิน
เงินรูปีเนปาล โดย 3 รูปีเท่ากับ 1 บาท (100 รูปี เท่ากับ 1 ดอลลาร์) ผมแลกเงินดอลลาร์ไปก่อนแล้วไปแลกเป็นรูปีอีกทีนึง ที่ย่านธาเมล เดินเลือกได้เลยแต่ละร้านเรทไม่เท่ากัน ใครพกเงินไทยไปด้วยก็แลกได้นะ แต่เรทไม่ค่อยดี
 
ตั๋วพร้อม วีซ่าพร้อม ที่เหลือคือการเดินทาง
 
โดยปกตินักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเนปาลก็จะซื้อทัวร์กับ Agency ก็จะรวมบริการรถรับส่งสนามบิน แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ติดต่อบริษัททัวร์ มีบริการ Taxi จากเคาท์เตอร์สนามบิน จากสนามบินไปย่านธาเมล ก็ไม่ไกล ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที ธาเมลคือย่านใจกลางเมืองหลวง มีทั้งแหล่งชอปปิ้ง อุปกรณ์ Trekking และโรงแรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกตามเงินในกระเป๋า ที่สำคัญราคาไม่แพงเลย
 
การเดินทางจาก กาฐมาณฑุ ไป โพคารา 
เหมารถ Jeep จากกาฐมาณฑุ   เรื่องราคานี่ผมว่าอยู่ที่ความสามารถส่วนบุคคลในการต่อรอง
 
รถบัส ราคาอยู่ที่ประมาณ 25 US (รวมอาหารกลางวัน) ระยะทางสองร้อยกว่ากิโลเมตร ถ้าเป็นถนนทางตรงรถทั่วไปจะวิ่งอยู่ประมาณสองชั่วโมงกว่า แต่เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นเขาและทางโค้งเยอะทำให้การเดินทางโดยรถบัสใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง
 
เบาะที่นั่งกับสภาพภายในรถบัสถือว่าโอเค มีช่องว่างให้พอยืดขาได้

 

 
เครื่องบิน ราคาตอนที่ผมไปอยู่ที่ 75 US ต่อคน (ตอนนั้นค่าเงินอยู่ที่ 1 US เท่ากับ 30 บาท)  จองล่วงหน้า สามอาทิตย์
และแน่นอนครับ ผมเลือกเดินทางขาไปโดยเครื่องบิน และขากลับโดยรถบัส ด้วยเหตุผลที่ว่าเห็นวิวสองแบบแต่ขากลับไม่อาจะเป็นแบบที่หวังไว้ เนื่องจากเพลียจากการเดินทาง เลยหลับคอพับคออ่อนมาตลอดทางเลย แง่วววว

 

 
Recommend hotel in Pokhara
 
โพคารา เป็นเมืองที่นักเดินทางหลายคนจะต้องมาแวะพักก่อนที่จะ Trekking อย่างน้อยๆหนึ่งคืน ถ้าเราไม่ได้เที่ยวในเมืองด้วย โดยรวมโพคาราจะค่อนข้างแตกต่างจากเมืองหลวงอย่างกาฐมาณฑุ เป็นเมืองที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมของหุบเขาอรรณาปูรณ และทะเลสาปเฟวา บรรยากาศดีมากการจารจรไม่ติดขัดและผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก เป็นเรื่องง่ายมากๆที่นักเดินทางหลายคนจะตกหลุมรักเมืองนี้
 
Peace Dragon Lodge ราคาห้องหลักพัน แต่สามารถนอนได้ห้องล่ะสองคนก็ตกคนล่ะประมาณหกร้อยบาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่แรงเลย ถ้าเทียบกับวิวที่จะต้องตื่นมาเจอในตอนเช้า และรถรับส่งไปกลับ จากในตัวเมืองโพคารา เจ้าของเป็นผู้หญิงชาวอังกฤษ ใจดีและอัธยาศัยดีมากๆ เป็นกันเองตลอด
 
การที่รับประทานอาหารเช้าที่เสิร์ฟพร้อมกับบรรยากาศที่อยู่ด้านหน้าคล้ายกับตกอยู่ในชั่วโมงต้องมนต์กับเมืองแห่งมนต์เสน่ห์



ฉากที่อยู่ด้านหน้าในเวลานั้น ไม่ต้องมีเงินถึงแสนก็ซื้อบรรยากาศดีๆแบบนี้ได้
 

 
ต่อจากนี้จะเป็นข้อมูลเล็กน้อยที่ผมได้รับมาจากการเดินทางครั้งนั้น แล้วอยากถ่ายทอดออกมาเพื่อที่ว่าจะได้เป็นข้อมูลเล็กๆน้อยๆให้กับคนที่วางแผนจะเดินทางไปเส้นทาง Poon Hill+ABC
 

ไกด์จำเป็นไหมสำหรับเส้นทางนี้!???
การเดินเส้นทาง Poon Hill กับ ABC ไม่จำเป็นต้องจ้างไกด์ก็ได้ แค่ลูกหาบก็เพียงพอเนื่องจากเส้นทางนี้มีคนเดินเยอะ และมีป้ายบอกตลอด ลดภาระค่าใช้จ่ายไปได้พอสมควรเลย


ที่พักระหว่างทาง
Trekking ในแต่ละวันพวกเราจะได้ที่พักในราคา 2 ดอลพร้อมกับวิวหลักล้านเป็นรางวัล
 


ในคืนก่อนเดินทางในวันถัดไปหรือ ตอนเช้าก่อนที่จะออกเดินทาง แนะนำว่าควรให้ไกด์หรือลูกหาบโทรจองล่วงหน้ากับโรงแรมในหมู่บ้านที่เราวางแผนจะไปนอน เนื่องจากว่าในบางหมู่บ้านไม่ได้มีโรงแรมเพียงพอให้ทุกได้ซุกหัวนอน  
Noted : อาหารในแต่ล่ะวันก็จะเป็นเมนูเดิมๆ รูปแบบเมนูแทบจะเหมือนกันหมด คล้ายกับสั่งทำจากร้านเดียวกัน เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายและไม่เบื่ออาหารเดิมๆ ควรเดิมอาหารแห้ง ปลากระป๋อง มาม่า ไปเพิ่มเติม
 
...การเดิน Trekking ในเนปาลจุดหมายปลายทางไม่สำคัญเท่ากับรายละเอียดของธรรมชาติที่สวยงามที่เราได้เจอระหว่างทาง...
 
เส้นทางระหว่างเดินทางไป POON HILL
 

การเดินทางไม่ใช่เพื่อเอาชนะธรรมชาติ, แต่สิ่งที่ค้นพบคือ มิตรภาพที่สวยงามเสมอ
 
His name is Harry, who is a special guest for Nepal tip.

 

ทุกการเดินทางเราจะพบกับมิตรภาพใหม่ๆเสมอ แฮรรี่หนุ่มน้อยจากเกาะอังกฤษ เดินคู่มากับผมตลอดทางจนถึงหมู่บ้านที่Poon Hill แล้วจึงขอตัวแยกออกไปตามหาครอบครัว
เส้นทางเดินจาก Poon Hill ไป ABC
 

 
:::หนังสือ Lonely Planet ฉบับประเทศลาวให้คำนิยามวังเวียงว่า "THE PARADISE LOST" หรือ สวรรค์ที่หายไป แต่สำหรับผมคิดว่าที่นี่น่าจะเหมาะกว่ากับคำว่า สวรรค์ที่หายไป:::
 

 
Noted : ด้านบน Base camp ของ ABC มีโรงแรมแค่สามหลัง ก็คือที่เราเห็นในรูปแรกด้านล่าง ถ้าอยากจะมานอนค้างคืนด้านบนต้องโทรจองนะครับ ถ้าไม่มีที่นอนจะต้องนอน Base camp ด้านล่าง คือ MBC (จากMBC เดินมา ABC ใช้เวลาประมณ 45 นาที)
 

 
เดินทางมาจนถึงโพสสุดท้ายของกระทู้นี้แล้วจริงๆ  หากข้อมูลบางส่วนตกหล่นหรือผิดลาดไปต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย แล้วพบกันใหม่กระทู้หน้า จะเป็นที่ไหนยังไม่รู้เลยครับ  สวัสดี ^^"
 
 
ขอบคุณรีวิวดีๆ จากสมาชิกพันทิป คุณนักเดินทางใต้แสงดาว 
และสามารถติดตามภาพสวยๆ เรื่องเล่าสนุกๆได้ที่แฟนเพจ Facebook Journey Mania





 

เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai