0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

เที่ยวชมทุ่งดอกไม้บนภูเรือ

calendar_month 02 ม.ค. 2013 / stylus Admin Chillpainai / visibility 58,605 / รีวิวที่เที่ยว

สำหรับปีนี้ 2558 งานจะจัดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์
ใครที่อยากไปชมบรรยากาศสวยๆ ของพรรณไม้นานาชนิด.. ตามไปดูรีวิวนี้กันเลย


karok_eat

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาทางชิลไปไหนด้วยร่วมทริปไปกับคายาริ ผลิตภัณฑ์กำจัดยุงพาไปชมแปลงปลูกไพรีทรัม

ดอกไม้ที่มีสรรพคุณไล่แมลงแต่ไม่ไล่คน ชิลไปไหนเลยไม่พลาดเก็บภาพสวยๆ บนภูเรือและสายลมหนาวมาฝากคุณผู้อ่านค่ะ

 

จากกรุงเทพฯ เรานั่งเครื่องบินจากสนามบินดอนเมืองบินตรงสู่สนามบิน จ.เลย

จากตัวเมืองเลย ประมาณครึ่งชั่วโมงเราก็เดินทางสู่ อำเภอภูเรือ

โดยที่แรกที่เรามาชมดอกไม้กันนั้นคือที่สวนลุงวุฒิ

ซึ่งเป็นสวนปลูกไม้เมืองหนาวขนาดใหญ่ของจังหวัดเลย

ที่สวนลุงวุฒินี้มีไม้เมืองหนาวมากมาย 

คุณหยุ่น รำไพ เชยกลิ่นเทศ เจ้าของสวนลุงวุฒิ และเป็นทายาทของลุงวุฒิเล่าใฟ้เราฟังว่า

คุณพ่อ(ลุงวุฒิ เชยกลิ่นเทศ) อดีตประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกฟลาวเวอร์เซ็นเตอร์ จำกัด

เป็นคนกรุงเทพฯ แล้วอยากหาที่ปลูกบ้านพักตากอากาศที่ภูเรือ

และได้มีโอกาสพบกับศาสตราจารย์ระพี สาคริก ผู้ที่แนะนำให้ลุงวุฒิปลูกไม้เมืองหนาว

โดยเริ่มต้นจากสับปะรดสี

นับจากนั้นเป็นต้นมาที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งปลูกไม้เมืองหนาวแหล่งใหญ่ในประเทศไทย

มีทั้ง นอบิเร่ กุหลาบหิน และอาซาเลียหรือ "กุหลาบพันปี" และพันธุ์ไม้อีกมากมาย

  

และที่นี่ยังเป็นที่ทดลองปลูกดอกไพรีทรัม

ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากภูเขา ADRIATIC COASTAL MOUNTAINS

ของประเทศโครเอเชีย บอสเนีย และเฮอร์เซโกวีนา ถูกขนานนามโดยเหล่านักพฤกษศาสตร์ว่าเป็

“ดอกไม้ของพระเจ้า” (Flower of God) 

เพราะสรรพคุณของเจ้าดอกไม้น่ารักชนิดนี้คือการไล่แมลงแต่ไม่ทำอันตรายต่อมนุษย์

ซึ่งในอดีตนั้นในประเทศไทยเคยมีการนำดอกไพรีทรัม

สายพันธุ์ญี่ปุ่น ชื่อ ชิรายูกิ มาทดลองปลูกที่ดอยอ่างขาง ในปี พ.ศ. 2516 – 2518

โดย โครงการหลวงพัฒนาภาคเหนือ ในพระบรมราชานุเคราะห์

ตามโครงการปลูกพืชทดแทนฝิ่นของโครงการหลวงพัฒนาภาคเหนือดอยอ่างขาง

แต่เพราะในขณะนั้นชื่อเสียงและความนิยมในสารสกัดจากดอกไพรีทรัมยังไม่เป็นที่แพร่หลาย

จึงทำให้โครงการดังกล่าวถูกระงับไป 

ปัจจุบันจึงได้มีการทดลองปลูกดอกไม้ชนิดที่ที่สวนลุงวุฒิแห่งนี้

ผลที่ได้ค่อนข้างดีแม้ว่าจะกำลังเริ่มออกไม่กี่ดอก

แต่ในอนาคตถ้ามีการสนับสนุนด้านนี้จริงจังก็คิดว่าเราคงจะได้เห็นท้องทุ่งไพรีทรัม

ที่บานเต็มท้องทุ่งแน่ๆ

ใครสนใจจะมาเที่ยวที่นี่โทรศัพท์มาสอบถามเส้นทางได้ที่ 08-1907-8318

อ้อ! เขาเปิดให้ชมฟรีด้วยนะคะ 

จากนั้นในยามค่ำคืนเราเดินทางมาพักที่นี่ค่ะ

โรงแรมแห่งใหม่กิ๊ก ชื่อ เดอพันตา

ห้องพักที่เรานอนในวันนี้ตกแต่งเรียบง่ายราคาคืนละ 1000 กว่าบาทเท่านั้น

มีระเบียงทุกห้องให้นั่งรับลมหนาวผ้าห่มอุ่นๆ หลับสบายไม่รู้เรืองแต่ในตอนเช้าเรามีนัดขึ้นไปชมความงดงามของภูเรือกันตอนตี 5 ครึ่งค่ะ

เมื่อเครื่องกันหนาวต่างๆ ทั้งถุงมือ ผ้าพันคอ ถุงเท้า หมวกไหมพรมพร้อมรถตู้ของเราก็ฝ่าความหนาวที่อุณหภูมิข้างนอกประมาณ 10 กว่าองศา

ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเพื่อขึ้นไปถึงจุดจอดรถของอุทยานแห่งชาติภูเรือจากจุดนั้นจะมีรถของอุทยานมารับเรา ค่ารถคนละ 10 บาทเพื่อขึ้นสุ่ยอดภูเรือ

ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ใครอยากท้าทายความหนาวเดินขึ้นก็ทำได้แต่เราขอชิลๆ นั่งรถขึ้นมารอคุณพระอาทิตย์บนยอดดีกว่า

คุณพระอาทิตย์ขี้อายวันนี้ขึ้นช้ามากแถมลมหนาวยังพัดพาให้หมอกหนีกระเจิงไปจนหมดเลยล่ะค่ะ

หลายคนถอดใจเดินลงกันไปแล้วแต่เราก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตารอพระอาทิตย์ขี้อายดวงนั้นอยู่อย่างเชื่อมั่น

ไม่นานพระอาทิตย์ผู้ซื่อสัตย์และมั่นคงก็โผล่ออกมาจากกลีบเมฆให้คนทีเชื่อมั่นอย่างเราได้เห็นแม้จะเป็นช่วงเวลาเล็กๆ แต่ก็มีความสุขมากเลยค่ะ

ที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดภูเรือแบบนี้

 

หลังจากเก็บภาพความสวยงามมาเต็มที่ก็เตรียมโบกมือลายอดภูเรือไปสัมผัสความงดงามของที่เที่ยวด้านล่างบ้าง

ระหว่างที่ขับรถตู้ลงมาก็พบกับทุ่งสีแดงสดที่นี่คือลานต้นคริสต์มาส หรือต้น Poinsettiaซึ่งตอนนี้เขากำลังจัดงาน เทศกาลต้นคริสต์มาสภูเรือ

จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 55 - 3 ม.ค. 56 ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอภูเรือ

มีกังหันขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางทุ่งพอถ่ายรูปมาเหมือนอยู่เมืองนอกเลยล่ะค่ะ

สีแดงสดตัดกับท้องฟ้าสีครามยิ่งช่วงที่เราไปคือตอนปลายเดือนธันวาคมอากาศดีมากๆ 

  

นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟสด ร้านขายของที่ระลึกอยู่ด้านหน้าอีกด้วยใครอยากชิลก็สั่งกาแฟสดร้อนๆ ขนมปังปิ้งหอมๆ แล้วนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงหน้าจากแดงเปลี่ยนมาเป็นเหลืองกันบ้าง

อ๊ะ !!! อย่าเพิ่งตีความเป็นอื่นนะคเพราะที่เราจะพานั้นคือทุ่งดอกดาวเรือง สีเหลืองกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

ตั้งอยู่ริมถนน ที่นี่เขาเป็นไร่ของชาวบ้านปลูกดอกดาวเรืองเพื่อจำหน่ายและต่อมาเมื่อขยายไปมากขึ้นก็กลายเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามจนมีนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านมาก็ขอลงแวะเก็บภาพเอาไว้

  

ค่าเข้าเพียงคนละ 10 บาทเท่านัั้นถือว่าเป็นที่เที่ยวแห่งใหม่ที่สวยงามและเหมาะกับช่วงลมหนาวแบบนี้มากๆ

 

หนีสีเทาจากควันรถยนต์ของเมืองกรุงมาสัมผัสสีสันของพันธุ์ไม้และความหนาวเย็นของภูเรือ จ.เลยใครเบื่อคนเยอะช่วงปีใหม่ก็ลองเดินทางมาช่วงหลังปีใหม่กันดูนะคะยังพอมีเวลาให้สัมผัสความหนาวเย็นก่อนที่ไอร้อนจะกลับมาอีกครั้ง

hum

 

เรื่อง เกียร์กระปุก

ภาพ This road is mine



เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai