calendar_month 17 ม.ค. 2022 / stylus Admin Chillpainai / visibility 304,721 / ทริปตัวอย่าง
Story : ปู่บอกให้ออกเดิน
Photo : เต่าตาหวาน
เชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ขับรถบนถนนมองออกไปแล้วเห็นภูเขา อากาศดีเย็นสบาย ทั้งยังเป็นเมืองที่โตขึ้นเรื่อยๆ มีอะไรใหม่ๆ ฝุดขึ้นให้เราได้เห็นแบบไม่รู้เบื่อ และยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ความพิเศษของทริปนี้เราจะออกเดินทางไปเก็บเกี่ยวความสุขในช่วงหน้าฝน ฤดูกาลที่หลายๆ คนต้องกังวลไปกับการเดินทางที่ไม่สะดวกสบายที่ชวนคิดไปต่างๆ นานา ทั้งที่จริงแล้วหน้าฝนนั้นมีดีในหลายๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นราคาห้องพักที่ถูกลง นักท่องเที่ยวไม่หนาแน่น ไม่ต้องแย่งกันกินแย่งกันใช้ ที่พูดได้คำว่าเดียวว่าฟินจะตาย เที่ยวในช่วงเรนนิ่งซีซั่น...
จุดหมายปลายทางที่เราจะออกเดินกันในทริปนี้
กรุงเทพฯ เราเดินทางด้วยสายการบิน ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชั่งโมง ก็ถึงสนามบินนานาชาติเชียงใหม่แล้วค่ะ และจากสนามบินเชียงใหม่ เราได้เรียกรถแดงให้ไปส่งที่ท่ารถช้างเผือก เพื่อเดินทางต่อไปยังเชียงดาว
จากท่ารถช้างเผือก ให้นั่งรถบัสสีส้มสายช้างเผือก - ฝาง ราคาค่ารถคนละ 40 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงนิดๆ รถก็มาหยุดที่ท่ารถเชียงดาว และจากท่ารถจะมีรถจากโรงแรมมารับไปยังที่พักซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร
จากท่ารถเราใช้เวลาเดินทางกันเพียง 10 นาที ก็ถึงที่พักในคืนแรกของเราแล้ว ซึ่งคืนนี้เราได้มาพักกันที่ เดอะ ทีค รีสอร์ท เชียงดาว ที่บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นไปด้วยต้มไม้น้อยใหญ่ และที่สำคัญจากที่พักสามารถมองเห็นดอยหลวงเชียงดาวได้แบบเต็มตาอีกด้วยค่ะ
นอกจากวิวที่สวยงามของดอยหลวงเชียงดาวแล้ว ภายในที่พักยังมีมุมนั่งเล่นพักผ่อนริมบึงน้ำขนาดใหญ่ ที่ชิลสุดๆ และยังเป็นมุมถ่ายภาพขุนเขาสะท้อนลงในแอ่งน้ำที่สวยงามอีกมุมของรีสอร์ทอีกด้วยค่ะ
ห้องพักของเราในคืนนี้จะเป็นห้องพัก หลังเล็กริมบึงน้ำด้านใน ซึ่งด้านหน้าที่พักจะมีมุมนั่งชิลๆ จิบเบียร์เย็นๆ พร้อมชมวิวดอยหลวงเชียงดาวและธรรมชาติรอบด้านแบบเพลินๆ จนลืมเรื่องวุ่นในเมืองกรุงฯได้ดีทีเดียว
ในช่วงหัวค่ำเราทานอาหารกันที่รีสอร์ท ซึ่งจะมีห้องอาหารที่เปิดให้บริการเมนูอร่อยๆ หลากหลายเมนูทีเดียว มื้อเย็นเราเลือกทานกันไม่เยอะ ขอเน้นเป็นเครื่องดื่มเย็นชื่นใจอย่างเบียร์วุ้น แก้วแช่ เหมาะกับบรรยากาศเย็นๆ จิบไป คุยไป พูดเลยฟินสุดๆ
เมื่อมาถึงเชียงดาวแล้วสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือการนอนดูดาว ที่แพรวพราวเต็มท้องฟ้าให้ได้นอนนับกันจนเช้าก็นับกันไม่ครบ เพราะจากตรงนี้ดาวเยอะมาก!!
และไม่ใช่แค่ดาวยังมองเห็นทางช้างเผือกอีกด้วยนะ
ซื้อวอเชอร์ราคาพิเศษ เดอะ ทีค รีสอร์ท เชียงดาวได้ที่นี่
เช้านี้เราได้ตั้งว่าจะขึ้นนั่งชิลๆ รับลมเย็นๆ กันที่ระเบียงดาว ซึ่งเป็นที่พักโฮมสเตย์ที่ฮอตฮิตของเชียงดาว และด้วยความตั้งใจที่ถึงแม้จะจองที่พักที่นี้ไม่ทัน ขอแค่ได้ขึ้นมานั่งฟิน จิบกาแฟชิลๆ ยามเช้าก็คุ้มแล้ว เราจึงจ้างรถในรีสอร์ทให้ขับมาส่งที่นี่
บ้านระเบียงดาวโฮมสเตย์จะอยู่ห่างออกไปจากที่พักประมาณ 17 กิโลเมตร ที่แม้ทางขึ้นจะเป็นทางที่โค้งคดเคียวแต่ถนนหนทางลาดยางอย่างดีสะดวกสบาย ซึ่งระหว่างทางจะต้องเสียค่าเข้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเชียงดาว คนละ 20 บาทด้วย สำหรับใครจะเช่ามอเตอร์ไซต์หรือรถยนต์จากเชียงใหม่มาเที่ยวก็ไม่อันตรายอย่างที่คิด แต่ควรมีทักษะในการขับรถมากพอ
เราใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่นาทีก็มาถึงบ้านระเบียงดาวโฮมสเตย์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ของชาวลีซอชื่อหมู่บ้านนาเลา และนอกจากบ้านระเบียงดาวโฮมสเตย์ ที่นี่ยังมีบ้านวิวดอยหลวงเชียงดาวที่เปิดเป็นที่พักโฮมสเตย์อีกแห่งหนึ่งด้ว
จุดชมวิวบ้านวิวดอยหลวงเชียงดาว จะมีมุมนั่งชิลๆ สองจุดคือด้านบนที่เหมาะสำหรับถ่ายภาพ และด้านล่างจะมีที่นั่งชมวิวชิลๆ ส่วนบ้านพักก็จะกระจ่ายๆ ไปตามเนินเขารอบๆ หากสนใจที่พักสามารถโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 089 559 8272
หลังจากเดินสำรวจกันรอบหมู่บ้าน เราก็เดินตามทางลงเขามาเรื่อยๆ ก็เจอระเบียงที่นั่งสุดชิลหรือมุมสุดฮิตที่หลายคนมต้องถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และนั่งจิบกาแฟกันเบาๆ ชมสายหมอกที่ไหลเอื้อยในยามเช้า จากจุดนี้พูดเลยว่าฟินระดับ 10
หลังจิบกาแฟกันจนหมดแก้ว เลยเดินเล่นชมวิวบรรยากาศรอบๆ บ้านระเบียงดาว ซึ่งบ้านพักของระเบียงดาวจะถูกสร้างให้หันหน้าออกไปทางดอยหลวงเชียงดาว มีระเบียงหน้าบ้านให้ได้นั่งชมวิวกันแบบฟินๆ อย่างส่วนตัว แถมในช่วงเช้ายังมีอาหารชุดขันโตกเสิร์ฟผู้ที่เข้าพัก ที่เห็นแล้วก็แอบอิจฉาเบาๆ แล้วปลอบใจตัวเองว่าครั้งหน้าแล้วกันจะมาพักที่นี่ให้ได้ แล้วก็รีบเมมเบอร์ที่พักมาฝากเพื่อนๆ เบอร์บ้านระเบียงดาวโฮมสเตย์ค่ะ 089 998 0712, 089 903 0083 อาจจะโทรยากสักหน่อยเพราะบนหมู่บ้านไม่ค่อยมีสัณญาณนะคะ
หลังเก็บเกี่ยวบรรยากาศฟินๆ ของบ้านระเบียงดาวจนหน่ำใจ พวกเราก็ขับรถกลับมายังที่พัก เพื่อเตรียมเก็บสัมภาระ และออกเดินทางไปยังท่ารถช้างเผือก ซึ่งขากลับก็ยังใช้วิธีการเดินทางแบบเดี่ยวกับขามา ด้วยการโดยสารรถบัสสีส้มสายฝาง - ช้างเผือก และนอกจากรถบัสสีส้มแล้ว ยังมีรถตู้ให้บริการอีกด้วยค่ารถจะอยู่ที่ 150 บาท แต่ต้องโทรจองที่นั่งล่วงหน้า เนื่องจากรถตู้จะวิ่งมาจากฝางที่นั่งอาจจะเต็มได้ค่ะ เบอร์โทรศัพท์ 053 456 480
จากท่ารถช้างเผือกเราได้เหมารถแดงให้ไปส่งที่เดอะไจแอนท์ หรือร้านกาแฟบนต้นไม้ที่หลายคนคงพอได้ยินชื่อเสียงกันมาบ้าง จากท่ารถช้างเผือกเราใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 2 ชั่วโมง
และด้วยเส้นทางที่โค้ง และแคบคนขับจึงต้องฝช้ความระมัดระวังอย่างมาก และถนนบ้างช่วงขรุขระ เราจึงมาถึงที่เดอะ ไจแอนท์ กันจนพระอาทิตย์ใกล้จะลับภูเขา แต่วิวแรกที่ได้เห็น ขอ
บอกเลยว่าคุ้มค่ามากกับการเดินทางมาพักที่นี่
นักท่องเที่ยวที่มาพักที่นี่ ทางรีสอร์ทจะเตรียมอาหารเย็นไว้ ซึ่งได้รวมอยู่ในราคาห้องพัก ซึ่งจะประกอบไปด้วยอาหารเย็น 4 - 5 อย่าง อาหารเช้ามีให้เลืกเป็นข้าวต้ม อเมริกันเบรคฟาส กาแฟ นมน้ำส้ม กิจกรรมโหนสลิง และที่พิเศษสุดจะได้นั่งชมวิวจิบกาแฟแบบส่วนตัวตั้งแต่ตื่นอีกด้วย ในส่วนของห้องพักที่นี้จะมีห้อง 2 แบบ คือห้องพักใหญ่ 5,000 บาท และห้องพักเล็ก 3,500 บาท สามารถโทรจองห้องพัก 086 776 2946
ห้องพักที่เราได้พักในคืนนี้จะเป็นห้องพักใหญ่ ภายในห้องจะตกแต่งอย่างเรียบง่าย ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีเพียงพัดลม อุปกรณ์อาบน้ำ ผ้าเช็ดตัว ห้องน้ำสะอาดสะอ้าน ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ใครที่เป็นโรคกลัวน้ำเย็นแนะนำให้ซักแห้งค่ะ
เช้านี้เราตื่นมารับลมเย็นๆ และทานอาหารเช้ากันที่บริเวณร้านกาแฟ ซึ่งในช่วงเช้าจะมีเพียงลูกค้าที่เข้าพักเท่านั้น เราจึงได้ฟินกับบรรยากาศ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากแวะมาดื่มกาแฟ และทานเบเกอรี่อร่อยๆ สามารถแวะมาได้ตั้งแต่ 11.00 - 15.00 น. แต่ถ้าใครอยากฟินกับบรรยากาศร่มไม้ใหญ่และขุนเขาแนะนำให้พักที่นี่สักคืนจะได้ฟินกันตั้งแต่ตื่นนอนส่วนตัวแบบสุดๆ เลยทีเดียว
หลังจากอิ่มเอมไปกับบรรยากาศฟินๆ กาแฟหอมๆ เราก็เตรียมตัวเดินทางไปยังนิมมานฯ ซึ่งระหว่างทางเราก็เดินเล่นถ่ายภาพตามจุดต่างๆ และมาแวะกินข้าวเที่ยงกันที่ธารทองลอด์จ ซึ่งร้านนี้พี่คนขับรถแดงเป็นคน Recommend เราเลยขอแวะจัดอาหารเหนือกันสักมื้อ
บรรยากาศภายในธารทองลอด์จจะร่มร่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ มีพืชเมืองหนาวขึ้นเขีนวขจีเต็มพื้นที่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็รู้สึกสดชื่นแบบสุดๆ ในส่วนอาหารมีเมนูแนะนำเป็นน้ำพริกหนุ่มผัดลวกผักสด ผักเสี้ยนผัดไข่ และต้มยำไก่ใบมะขาม
หลังจากอิ่มกันจนพุงแปร่ เราก็เดินต่อซึ่งจุดหมายปลายทางของเราจะเป็นนิมมานฯ ซอย 13 ซึ่งจากร้านอาหารธาทองลอด์จ จะอยู่ห่างออกไปประมาณ 45 กิโลเมตร ซึ่งขากลับใช้เส้นดอยสะเก็ด จะผ่านทุ่งนาสีเขียวๆ ให้ได้ถ่ายภาพกันแบบเพลินๆ
เราาใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงที่พักในคืนที่สามของเรา ซึ่งคืนนี้เราจะพักกันที่โรงแรฮักนิมาน ซอย 13 ที่พักสไตล์โมเดิร์นกลางเมือง เดินทางสะดวกสุดๆ ราคาห้องอยู่ที่ 1,600 - 2,500 บาท โทรจองห้องพักได้ที่เบอร์ 093 139 5990
ช่วงค่ำเราออกไปช้อปปิ้งซื้อของฝากกันที่ตลาดท่าแพ จากที่พักเดินออกมาหน้าปากซอยแล้ว เรียกรถแดงค่ารถคนละ 30 บาท พี่คนขับก็พาเรามาสิ่งที่บริเวณตลาดท่าแพ สินค้าที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าแฮนเมด เป็นงานเครื่องสาน ศิลปะ และมีของกินเล่นให้ได้เลือกชิมตลอดเส้นทาง
ช่วงเช้าฝนตกลงมาอย่างหนักแผนที่เราจะไปชิมเบอเกรี่อร่อยๆ เลยต้องพับเก็บ และเดินเล่นในซอยนิมมาน 13 ซึ่งในซอยนี้มีร้านเบเกอรี่น่ารักๆ หลายร้านทีเดียว และยังมีร้านอาหารขึ้นชื่อที่ต้องแวะไปชิมที่ร้านต๋อง เต็ม เต็ม โต๊ะ
ภายในร้านบรรยากาศร่มรื่น มีโซนที่นั่งให้เลือกแบบอนดอร์ และเอ้าท์ดอร์ ส่วนเมนูอาหารก็มี ออเดิร์ฟคนเมือง ที่ประกอบไปด้วยน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง ผัดสด ผัดต้ม ไส้อั่ว แคบหมู และแหนมสด ที่เป็นเมนูเด็ดทานระหว่างรออาหารจานอื่นๆ โทรสอบถามได้ที่ 053 894 701
หลังอิ่มเอมกับอาหารเหนือ ก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องโบกมือลาเมืองเชียงใหม่ ซึ่งจากนิมมานเราได้เรียกรถแดงคันให้ไปส่งที่สนามบินค่ารถคนละ 60 บาท ทริปนี้ของพวกเราก็ได้จบลงแบบฟินๆ ไม่ว่าจะวิวธรรมชาติสีเขียวในช่วงหน้าฝน จำนวนนักท่องเที่ยวที่ไม่มากจนต้องแย่งกันกินกันใช้ ทริปเชียงใหม่ฤดูชุ่มฉ่ำทำให้เราหลงรักเชียงใหม่แบบไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
ทริปตัวอย่าง | 11 พ.ย. 2024 | 417 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 พ.ย. 2024 | 364 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 887 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 ต.ค. 2024 | 1,206 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ต.ค. 2024 | 888 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่กิน ทริปตัวอย่าง | 11 ก.ย. 2024 | 2,242 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 05 ส.ค. 2024 | 1,989 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 31 ก.ค. 2024 | 1,445 อ่าน
ทริปตัวอย่าง ที่เที่ยว | 25 ก.ค. 2024 | 1,328 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 23 ก.ค. 2024 | 2,122 อ่าน