0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

คีนาบาลู ตอนที่ 3 : ณ จุดสูงสุด 4095.2 m. แห่งคีนาบาลู

calendar_month 03 มี.ค. 2012 / stylus Admin Chillpainai / visibility 10,734 / เที่ยวต่างประเทศ

เผื่อใครจำสองตอนเเรกไม่ได้ เรามาย้อนความหลังกันที่นี่...
 

คีนาบาลู ตอนที่ 1 : เราไปตามหาอะไรในแบงค์ 1 ริงกิตกันนะ?!


คีนาบาลู ตอนที่ 2 : เส้นทางสู่คีนาบาลู

 


วันที่สองของการเดินทางบนคีนาบาลู

ป๋าปลุกเราตื่นตอนตี 2 โดยประมาณ ด้วยความที่หลับสนิทดีเเต่ก็ตื่นเต้นพอสมควร เลยมีสติตื่นตัวมาก
จัดเเจงเตรียมอุปกรณ์กันหนาวให้ครบถ้วน ลองจอน เสื้อกันหนาว(สองชั้น กันหนาวเเละกันฝน)
ผ้าพันคอ หมวก ถุงมือ ถุงเท้ารองเท้า เสื้อกันฝน ที่ห้ามลืมคือไฟฉายคาดหัว เวิร์คมากๆ
เพราะเราต้องปีนป่ายสองมือในความมืด  และที่ห้ามลืมอีกอย่างคือ แท๊คชื่อของเรา
เพราะต้องนำไปยืนยันที่ จุด Check point

 

คีนาบาลู

 

ลงมากินอาหารเช้ารองท้องนิดหน่อยที่โรงอาหารข้างล่าง เมื่อพร้อมเเล้ว เเทบจะทุกคนในที่นี้ก็ออกเดินทาง
ตี 3 เปิดประตูออกไปสู่อากาศที่เเสนหนาวเย็นด้านนอกนั่น ดีนะ ที่ฝนไม่ตกเลยสักนิดเดียว

 

เตรียมตัวมาอย่างดี เลยรู้สึกไม่หนาว ออกเดินทางจาก กม.ที่ 6 ไปยัง กม. ที่ 8.5
ซึ่งเเค่ 2 กม. เอง เเต่ว่าเราใช้เวลาไปทั้งหมด ราวๆ 5 ชั่วโมง ถึงยอดสูงสุดชื่อว่า Low's Peak
ที่ความสูง 4095.2 เมตรจากระดับน้ำทะเล

 

 

 

ระหว่างทางในความมืดนั้น เดินฝ่าป่า ปีนบันได ปีนหิน ทางชันตลอดทุกก้าวที่ย่างเดิน
เสื้อกันหนาวที่ใส่มา เหงื่อเริ่มออกจนรู้สึกร้อน ถึงกับต้องปลดออกบ้าง
เพื่อนฉันคนนึงในทีม ถึงกับคลื่นไส้ อ๊วกไปหนนึง เพราะจุกกับอาหารที่ทานไปเมื่อครู่
ป๋าสอนเทคนิคการเดินให้กับพวกเรา บอกว่า ให้ก้าวสั้นๆ เเต่คงที่ อย่าหยุดเท้ายืนนาน
เพราะอาจจะลื่นกับหินข้างล่าง เเละที่สำคัญคือ ให้ก้าวไปพร้อมจังหวะหายใจเข้าออก

 

ก็พอทำได้นะ เดินผ่านป่ามาทั้งชันทั้งเหนื่อย หยุดหอบหายใจไปหลายที
แต่มันยังเทียบไม่ได้กับ จุดที่เป็นหน้าผา 200 เมตร ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนจากทางเดินในป่า
กลายเป็นทางเดินที่มีเเต่ผาหินสูงชันเท่านั้น นับจากนี้ไป !!!
ตรงจุดนั้น อันตรายมาก ตอนที่เราเดินตรงนั้นยังมืดอยู่ น่าจะตี 4-5 เห็นจะได้
ทางกลายสภาพเป็นหน้าผาทันที ต้องไต่เชือกขึ้นไปตามหน้าผาชันเปิดโล่ง
ฉันกลัวมากกก ไม่ชอบไต่เชือกกับหน้าผาสูงเลย ร้องโวยวายว่าขึ้นไม่ได้ๆ อยู่อย่างนั้น

 

เเละเเล้วอัศวินขี่หม้าขาวก็โผล่มา มาจากไหนไม่รู้ มาคอยประกบกลุ่มของเราไว้
เป็นพี่เจ้าหน้าที่ชื่อริชาร์ท ยื่นมือมาฉุดตัวฉันขึ้นไป ไม่รู้จะขอบคุณยังไง ขอบคุณมากๆ T^T
จากนั้นก็เดินต่อไปเรื่อยๆ หลายครั้งที่หยุดนั่งพักลงไปกับหินหน้าผา
มองเห็นเเสงไฟจุดเล็กริบหรี่ (ขนาดเล็กกว่าหัวไม่ขีดไฟเสียอีก) จากบ้านเรือนที่อยู่ต่ำกว่าเมฆลงไปข้างล่าง
ลมพัดหนาวเย็นจนเเสบจมูก ริมฝีปากเริ่มแตก เเต่ไอตัวร้อนทำให้ความหนาวลดลงไปได้เพียงนิดเดียว
ดีนะที่ขึ้นตอนเช้ามืด เพราะเราไม่ต้องเห็น ไม่เสียววูบวาบเป็นทวีคูณ กับภาพความสูงที่เราปีนขึ้นมานั่น

 

ไม่นานก็จะผ่าน Check point ที่ชื่อว่า Sayat-Sayat Hut
คนที่ขึ้นมาถึงที่นี่ต้องยื่นเเท๊คชื่อที่ห้อยคอ เป็นการยืนยันกับเจ้าหน้าที่ ว่าเราผ่านเเล้ว

 

เเละทางเดินต่อจากจุดนี้ก็ถือว่า โหดสุดๆ ช่วงหนึ่ง
ลักษณะทางเดินเป็นหินแกรนิตเรียบ ลาดชันที่ประมาณ 30-45 องศาเห็นจะได้
อุณหภูมิ เกือบ 0 องศา ถ้าบวกกระเเสลมพัดเเละอากาศเบาบางด้วยเเล้ว มันจะทำให้เราเพลีย
เหนื่อยมากกกก ออกซิเจนน้อย อย่างเพื่อนเราก็ถึงกับง่วงนอนตลอดเวลา เเทบจะเดินไม่ไหว
เเต่ฉันยังไหวอยู่ พยายามเดินให้สัมพันธ์กับการหายใจตามที่ป๋าบอก
เเต่ก็บอกตรงๆเลยว่าเหนื่อยมากกกก เดินไป 10 ก้าวก็พักนั่งหายใจหอบเเฮ่กๆๆ ทีนึง แบบลึกสุดลมหายใจ
ช๊อคโกเเลตอะไร ก็ขนมากินให้เกลี้ยง เป็นการเพิ่มพลังงานและความอบอุ่นให้กับตัวเอง

 

เป็นช่วงเวลาเดินที่รู้สึกว่า ยาวนานมากกกที่สุด เดินตามเชือกไปเรื่อยๆ
มองเห็นปลายเชือกในสายหมอกลิบๆที่เบื้องหน้า เเล้วก็พูดกับตัวเองว่า
"เมื่อไหร่จะถึงสักทีวะ เห็นวิวเดิมๆอย่างนี้มานานเเล้วนะ!!!" ลมหนาวก็พัด
ทำเอาจมูกเย็น น้ำมูกไหล ปากเเตกจนเลือกออก

 

ท้องฟ้าเริ่มสว่าง ในขณะที่เราผ่าน กม. ที่ 8 กับยอด South Peak เลือนลางในด้านซ้ายมือ
ส่วนทางขวาเเสงรำไรของวันใหม่ก็เริ่มมาเเล้ว ที่ด้านหลัง ยอดเขาหูลา หรือ Donkey Ears
ณ ตอนนั้น บอกกับตัวเองว่า ไม่ต้องการขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดสูงสุดเเล้ว
มันจะขึ้นตรงไหนก็ขึ้นไป ระหว่างทางที่ไหนสักเเห่งเเหละ ไม่รีบเเล้ว!!!
ฉันถึงได้ฤกษ์ควักกระเป๋าหนัก 4 กิโลกว่า ที่แบกมาตลอดทาง หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้น

 

คีนาบาลู

ยอดเขาลูกนี้ชื่อว่า Donkey Ears ที่ได้ชื่อนี้เพราะว่า มีลักษณะคล้ายหูของลา


 

คีนาบาลู

พระอาทิตย์ขึ้นที่ Donkey Ears ในเวลา ตี 5 กว่าๆ

 

คีนาบาลู

เดินทางตามเชือก พื้นชันตลอด


 

คีนาบาลู

เดินผ่านยอด South Peak เราดีใจสุดๆ นี่ล่ะ คือสิ่งที่อยู่ในแบงค์ 1 ริงกิต!!

 

คีนาบาลู

ป้าย กม. ที่ 8 ด้านหลังคือยอดเขา St. John's Peak

 


เเม้ว่าจะเหนื่อยเเสนเหนื่อย เเต่ใจจริงๆเเล้ว ทุกคนเชื่อมั่นนะ
ว่าจะต้องเดินต่อไปให้ถึงยอด Low's Peak ให้ได้ ในเมื่อเราเห็นมันลิบๆที่เบื้องหน้าเเล้วนั่นไงหล่ะ!!
ใช่แล้ว... ผ่านพ้นหมอกที่ลงจัด เมื่อฟ้าเริ่มสาง เรามองเห็นยอดสูงสุดวับๆแวมๆ ที่ด้านหน้าเราสุดสายตา
เเละมองเห็นว่า มีผู้คนมากมายที่ไปยืนที่ยอดนั่นเเล้ว ยิ่งเป็นเเรงฮึดให้เราเร่งฝีเท้าเดินไปถึงให้ได้

 

คีนาบาลู

ต้องก้าวเดินต่อไป เป้าหมาย Low's Peak คือยอดแหลมตรงกลางในภาพ
 

คีนาบาลู

ยอดสูงสุด Low's Peak มีผู้คนมากมายขึ้นไปถึงเเล้ว


 

ตอนนี้ฟ้าส่างเต็มที่เเล้ว อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น สองขาก็ยังก้าวต่อไปไม่หยุดหย่อน
หันหลังกลับไปมองทางที่จากมาเป็นครั้งคราว เริ่มรู้สึกตัวเรืื่อยๆว่า มนุษย์เราช่างตัวเล็กกะจิดริ้ดจริงๆ
เมื่อเทียบกับขุนเขาที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน

 

คีนาบาลู

ยอด South Peak ที่จากมา เห็นคนเป็นจุดเล็กๆ บนพื้นหิน



คีนาบาลู

ยอดเขาสวยแปลกตา ระหว่างทางเดินไปยอดสูงสุด

 

เอาล่ะ ช่วงสุดท้ายจริงๆ ของการเดินทางมาสองวันเต็มๆ อยู่ตรงหน้าฉันเเล้ว
เเหงนหน้ามองเบื้องหน้า... มันคือก้อนหินใหญ่ๆ ซ้อนทับกันจนถึงยอด
เเละทางเดียวที่เราจะขึ้นไปถึงให้ได้ คือการไต่โฟรวิลล์ 4 ล้อ ขึ้นไป
ระหว่างทางขึ้นตรงนี้ มีผู้คนมากมายที่กำลังไต่กลับสวนทางลงมา
ทุกคนสัมผัสถึงยอดสูงสุดเเล้ว บางคนก็ขึ้นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอด (ขึ้นเร็วมากๆ)
เเละทุกคนที่ไต่กลับลงมา บอกกับทีมฉันว่า "ขึ้นให้ถึงให้ได้นะ อีกนิดเดียว อย่าเพิ่งถอดใจ อีกนิดเดียวค่ะ"
ขาฉันอ่อนล้า เมื่อถึงวาระที่จะต้องไต่สี่มือ เเต่ก็ต่อสู้กับหัวใจตัวเองสุดใจขาดดิ้น

 

คีนาบาลู

คีนาบาลู

คีนาบาลู

อีกนิดเดียวก็จะถึงเเล้ว!!
 

 

ถ้าเทียบการผจญภัยเรื่องนี้อย่างในหนัง หนังเรื่องนี้ก็คงจะกำลังดำเนินมาถึงจุดไคลแมกซ์ เข้าเต็มที
หลังจากการเดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อยมาเกือบ 24 ชั่วโมง
ต่อสู้กับเรี่ยวเเรง สภาพอากาศ เเละหัวใจ สองขาสองมือ ก็พาฉันปีนป่าย
จนถึงจุดสูงสุดแห่งคีนาบาลู ...ยอด Low's Peak ที่ความสูง 4095.2 เมตร ในที่สุด!!!
ปากอยากจะร้องตะโกนว่าดีใจโพดๆเป็นภาษามาเลเซีย เเต่ไม่รู้จะร้องว่าอย่างไร

 

รุ่นพี่ที่เคยขึ้นมาถึงคีนาบาลูคนนึงเคยกล่างกับฉันว่า ตอนที่เขาขึ้นไป ส่งใจไปให้ถึงก่อน
ตัวค่อยตามไปให้ถึง เเละสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาขึ้นจนถึงให้ได้คือ ธงชาติไทยที่กำอยู่ในมือ
ก็ไม่เคยเข้าใจถึงคำพูดของรุ่นพี่คนนี้ จนได้มาสัมผัสมันด้วยหัวใจตัวเองจริงๆ


 

และนี่คือวิว 360 องศา บนยอด Low's Peak...

คีนาบาลู

South Peak ด้านซ้าย / St. John's Peak ด้านขวา

 

คีนาบาลู

อีกชื่อนึงของ St. John's Peak คือชื่อ เขากอริลล่า ก็ดูหน้ามันสิ!
 

คีนาบาลู

South Peak เเละทางที่เราเดินกันมา
 

คีนาบาลู

ถัดจากยอดเขาลงไปก็เป็นหุบเหว น่าหวาดเสียวจริงๆ

 

คีนาบาลู

คีนาบาลู... เราทำสำเร็จเเล้วค่ะ!!

 

คีนาบาลู

ขอบคุณเจ้าหน้าที่ริชาร์ท ที่พาเรามาถึงบนนี้ จูงเพื่อนขึ้นมา ให้กำลังใจขณะเดินไม่ไหว
พี่ๆ เจ้าหน้าที่ที่นี่ ขึ้นยอดมาเเล้วไม่ต่ำกว่า 100 ครั้งค่ะ ^0^


 

เราขึ้นมาถึงเกือบๆ 8 โมงเช้า ขึ้นช้ากว้าใครเขา จนข้างบนยอดนี้ไม่มีใครเหลืออยู่เเล้ว
(คนส่วนใหญ่จะเริ่มเดินลงตอน 7 โมงเช้า แต่เเค่ 7 โมงเรายังไม่ถึงยอดเลยค่ะ)
อาจจะดูเหมือนเป็นข้อเสีย เพราะว่า จะทำให้เราลงช้า ซึ่งจะไม่ทันอาหารเช้าที่จะหมดตอน 10.30 น.
เเต่ฉันว่า มันก็คือโชคดีอย่างที่คงไม่มีใครที่ขึ้นเขาในวันนี้ เจออย่างที่เราเจอวันนี้เเล้ว...
เราผ่านยอด South Peak เราก็ผ่านตอนพระอาทิตย์ขึ้นและท้องฟ้าเปิดโล่ง
ในขณะที่หลายคนรอดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยความเหน็บหนาวที่ยอดสูงสุด Low's Peak นี่
ท่ามกลางหมอกที่ลงจัด ฟ้าปิดไม่เห็นวิว แถมก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมายบนนี้
แต่ทีมเรา เเม้จะมาช้า เเต่ก็ได้มาเจอฟ้าที่เปิดสวยงาม ไม่หนาวมาก เเละบนนี้ไม่มีใคร มีเพียงเรา ^__^
เเละที่โชคดีที่สุดคือ เราไม่เจอกับฝนเลยสักหยดนึง (ปกติ ส่วนมากแแล้ว การมาพิชิตเขาลูกนี้จะต้องเจอกับฝน)

 

ความสุขมีไม่นาน โพสท่าถ่ายรูปกับป้ายสูงสุดจนหนำใจเเล้ว ก็ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางกลับ
เหลือเวลาอีกประมาณ 2 ชั่วโมง เราจะสามารถลงไปทันบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าหรือไม่นะ
ขาลงนี่ชิวๆกันมาก เดินไปร้องเพลงไป ถ่ายรูปกันไป
พี่ริชาร์ทเร่งให้เราเดินเเล้ว เเต่ก็เร็วไม่มากเพราะความลั้ลลาของเรา

 

คีนาบาลู

บางคนก็ใช้วิธีไต่เชือกลง
 

คีนาบาลู

เเดดมาเเล้ว เริ่มร้อน

 

คีนาบาลู

หันกลับไปมองยอด Low's Peak ที่จากมา ตอนฟ้าใสๆ (ด้านขวา)

 

เจอวิวเเบบนี้ขาลงเข้าไป เรียกว่า อึ้งเพราะความอลังการมากมาย
ถือว่าดีมากๆนะ ที่ตอนขามา เรามองไม่เห็นวิวด้านล่าง ไม่งั้นคงกลัวจนไม่กล้าไต่เชือกขึ้น

 

คีนาบาลู

คีนาบาลู

คีนาบาลู

มันชันจริงๆนะ

คีนาบาลู

เชือกต่อเชือก บางคนจับเชือกไต่ บางคนก็ไม่จับ เเล้วเเต่ความถนัด

 

คีนาบาลู

คีนาบาลู

และเราก็ผ่านจุด Sayat-Sayat Hut อีกครั้ง พวกเราเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ออกมา


 

ดูวิวข้างหน้าสิคะคู๊ณณณ น่าหวาดเสียว เเต่สวยมากมาย เรามาอยู่เหนือเมฆจริงๆ (แดดจัดมากๆ เเทบเป็นลม)
 

คีนาบาลู

คีนาบาลู

คีนาบาลู  คีนาบาลู

ดูความชันมันสิ!

 

ผ่านจุดอันตราย 200 เมตร ตรงนี้ที่ฉันเกือบถอดใจไม่ขึ้นไป ในตอนเช้ามืด
ขาลงนี่บางคนถนัดไต่เชือกลง เเต่ฉันไม่ถนัด นั่งถัดก้น กระดืบๆลงไป

 

คีนาบาลู

คีนาบาลู

 

เเละอย่างที่คาด คือลงไปก็ไม่ทันอาหารเช้า เเละก็เริ่มมีอาการอ่อนล้า เนื่องจากเเดดจัดตอนเดินลงมา
ทันทีที่ไปถึงที่พัก ลมเเทบจับ เเต่ก็ต้องรีบๆ ไปเก็บกระเป๋าข้าวของ ฝากให้ลูกหาบ
ป๋าเผื่ออาหารเช้าไว้ให้พวกเรา เเต่ไม่มีใครทานลง เพราะว่าทุกคนยังเหนื่อยมากๆ อยู่
พวกเราเริ่มเดินลงช้ากว่าใคร ตอน 11 โมงครึ่ง ขาลงนี่ ถ้าไม่ได้ไม้เท้าพยุงช่วยเอาไว้จะปวดเข่ามากมาย

 

เวลาที่ใช้เดินกลับ โดยทั่วไป ประมาณ 3-5 ชั่วโมงค่ะ ถึงพื้นดินเบื้องล่างราวๆ 5 โมงเย็น
ที่ประตูขาออก เราได้รับประกาศนียบัตร เเละก็ได้ข้าวกล่องมื้อที่เเพงที่สุดในชีวิตมาทาน (ประมาณ 500 บาท)
เเต่ด้วยความที่เหนื่อยมากเลยทานไปได้หน่อยเดียว แอบเสียดายเพราะข้าวกล่องนี้
อัดเเน่นเสียยิ่งกว่ากล่องข้าวน้อยฆ่าเเม่เสียอีก 5555+

 

พวกเรานั่งรถตู้กลับเข้าเมืองคีนาบาลู ผ่านเส้นทางคดเคี้ยวมากมายน่าเวียนหัว
ฉันครุ่นคิดถึงเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นต่างๆ ที่ได้ประสบมา 2 วันเต็มๆ คิดย้อนตั้งเเต่เริ่มต้นจนจบบริบูรณ์
การมาเยือนคีนาบาลูครั้งนี้มันถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิต มันเป็นสิ่งที่พวกเราต่างรอคอย
เเละฝันใฝ่นักหนา เเละมันก็เป็นจุดเริ่มต้น ที่ทดสอบความฝันใฝ่ด้านการปีนเขาที่ยิ่งใหญ่มากไปกว่านี้

 

ฉันเเละเพื่อน ไม่ได้เเค่มาพิสูจน์ความเเข็งเเรงของร่างกาย
เเต่พวกเราได้มาพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ของหัวใจตัวเอง
และจุดมุ่งหมายของการเดินทางไม่ได้อยู่เเค่เพียงยอดสูงสุด
แต่หากอยู่ที่เรื่องราวมากมาย ทุกวินาที ตั้งเเต่เริ่มต้นจนถึงปลายทาง

 

คีนาบาลู

คีนาบาลู

 

รุ่นพี่นักเดินป่าที่รู้จักกันดีคนนึงของฉัน บอกเอาไว้
เมื่อเขาได้เห็นภาพเเละเรื่องราวมากมายของการเดินทาง ที่ฉันได้ถ่ายทอดให้ฟังครั้งนี้ว่า

 

"กลุ่มเพื่อนของหนู
เป็นตัวอย่างที่ดีเลยนะ

มากับโชค และ มิตรภาพ

พี่เห็นภาพแล้วมีความสุขตาม



ทุกวันที่พี่ยังชอบเดินป่า ขึ้นดอย ก็เพราะเรื่องนี้

ความสุขที่หนูได้รับ มันยากจะอธิบายใช่ไหม



แต่พี่รู้สึกได้นะ ถึงไม่หมดทั้งหัวใจของหนูก็ตาม

"

 

คีนาบาลู

 

ฉันขอรับเอามันมาเป็นบทสรุปของเรื่องราวการเดินทางสู่คีนาบาลูครั้งนี้ด้วยความรู้สึกที่ล้นหัวใจก็เเล้วกัน :)


เรื่องโดย : This road is mine

 



เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai