calendar_month 13 ส.ค. 2015 / stylus Admin Chillpainai / visibility 63,546 / ทริปตัวอย่าง
Story&Photo by : ปู่บอกให้ออกเดิน
เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นภาพสะพานไม้ไผ่ ที่ทอดยาวผ่านทุ่งนาผืนสีเขียวนี้กันมาบ้างแล้วและบ้างคนอาจจะเคยค้นหาข้อมูลที่จะออกเดินไปสัมผัสกับพลังศรัทธาของสะพานไม้ไผ่ที่ซูตองเป้ และทริปนี้ปู่บอกให้ออกเดินจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวกันที่แม่ฮ่องสอน รับรองว่าทริปนี้จะทำให้คุณอยากไปซูตองเป้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะทริปนี้ไม่ได้เดินทางยากอย่างที่คิดแน่นอน
28 กรกฎาคม 2558
หลังจากที่ได้ตั๋วมาแบบฉิวเฉียด การเดินทางก็เริ่มต้นขึ้นที่นี่ค่ะ สถานีหมอชิต เราซื้อตั๋วเดินทางเที่ยว 23.30 น. เพื่อที่จะไปถึงเชียงใหม่ในช่วงสาย จากกรุงเทพฯ ไปยังเชียงใหม่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 - 9 ชั่วโมง ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานขนาดนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าปรับเบาะให้สุด และนอนหลับยาวๆพักเอาแรง แล้วพบกันพรุ่งนี้ที่เชียงใหม่ค่ะ
โทรจองรถนครชัยแอร์ กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ โทร. 1624
โทรจองรถสมบัติทัวร์ กรุงเทพฯ - แม่ฮ่องสอน โทร. 02 792 1456
29 กรกฎาคม 2558
รถทัวร์มาถึงสถานีอาเขต จ.เชียงใหม่ประมาณ 9.00 น. ลงจากรถแล้วก็ขอเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันสักหน่อย ก่อนจะเดินหาตั๋วขึ้นแม่ฮ่องสอน และปรากฎว่า...ตั๋วรถตู้จากเชียงใหม่ขึ้นแม่ฮ่องสอนถูกจองเต็มทุกเที่ยวจ้า เหลือเป็นรถทัวร์เที่ยว 12.00 น. จากเชียงใหม่จะผ่านแม่สะเรียง ขุนยวม ถึงอ.แม่ฮ่องสอนประมาณตี 4 โอ้มายก้อด!! ด้วยความที่ไม่เคยไปแม่ฮ่องสอน พูดเลยไปถึงตอนตี 4 นี่คือมันน่ากลัวไปนะ เลยต้องเปลี่ยนแผนซื้อตั๋วขึ้นไป อ.ปายก่อนค่ะ แล้วค่อยซื้อตั๋วจาก อ.ปาย ไปอ.แม่ฮ่องสอนอีกทีหนึ่ง
โทรจองรถเปรมประชาขนส่ง โทร.053 492 999
จากเชียงใหม่ ไปอ.ปายจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ระหว่างทางจะมีแวะพักให้เข้าห้องน้ำ รับประทานอาหารประมาณ 10 นาที ก่อนจะสู้กับโค้งต่อไปอีกกว่า 500 โค้ง ประมาณ 15.00 น. เรามาถึงตัวเมืองปาย เลยจองตั๋วรถจาก อ.ปาย ไปยัง อ.แม่ฮ่องสอน เพื่อเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้ค่ะ
ภาพเส้นทางเดินรถเปรมประชาขนส่ง
ซึ่งจากอ.ปาย จะมีรถตู้ไปยังแม่ฮ่องสอน 2 รอบ คือรอบ 8.30 น. และ 11.00 น. และมีรถสองแถว 1 รอบ ตอน 7.00 น. ใครที่อยากฟินกับวิวสวยๆ ของขุนเขารอบด้าน และมั่นใจว่าตัวเองไม่เมาโค้ง รถสองแถวถือว่าเป็นตัวเลือกที่ควรลองสักครั้งในการเดินทาง
สำหรับที่พักในคืนนี้เราเลือกพักใกล้จุดขึ้นรถตู้ตอนเช้า ซึ่งจะอยู่หลังศาลอ.ปาย เป็นเกสเฮ้าส์ราคาไม่แพง ส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติพัก ใกล้ถนนคนเดิน หาของกินสะดวก เราจึงนอนแถวๆ นั้น แล้วค่อยหาเช่ารถมอไซต์ไปเที่ยวนอกเมืองเอาค่ะ และไหนๆ ก็มาถึงปายแล้ว ก็ต้องขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์ตกที่วัดพระธาตุแม่เย็นสักหน่อยค่ะ
เนื่องจากเป็นหน้าฝน ต้นไม้ใบหญ้ารอบด้านจึงสีเขียวสดน่ามองไปทุกด้าน ยิ่งระหว่างทางที่ขับมอเตอร์ไซต์ไปยังวัดพระธาตุแม่เย็นจะเป็นทิวทุ่งนาตามเนินเขาสวยงามสุดๆ อยากจะแวะถ่ายภาพก็กลัวจะไปไม่ทันชมพระอาทิตย์... ขับมอไซต์ขึ้นเขามาสักพัก ก็ถึงวัดพระธาตุแม่เย็นแล้วค่ะ อากาศข้างบนเย็นสบาย แต่พอมาถึงฝนตกปรอยๆ เฆฆมาครึมเลย จึงทำได้เพียงยืนสูดอากาศเย็นๆ และชมวิวเมืองปายแบบ 180 องศา
เดินตรงมาบริเวณที่จอดรถ จะมีแนวบันไดขึ้นไปไหว้สักการะพระองค์ใหญ่ด้านบนเขา ซึ่งจุดนี้จะเป็นบริเวณที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในบริเวณใกล้ๆ กับวัดพระธาตุแม่เย็น ด้านบนจะมีลานกว้างหน้าองค์พระให้เราได้นั่งชมวิวสวยๆ เบื้องหน้าแบบสุดลูกหูลูกตาทีเดียว
หลังจากขึ้นไปสักการะ ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองปาย ก็ขับรถกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ ผ่านสะพานประวิติศาสตร์ท่าปาย เลยจอดรถแวะถ่ายภาพสักหน่อย เพราะจุดนี้ถือเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมเลยก็ไว่าได้ ถ้ามาปายแล้วไม่ถ่ายรูปที่นี่เดี๊ยวคนอื่นเค้าจะหาว่ามาไม่ถึงค่ะ
เดินเล่นถ่ายภาพที่สะพานประวัติศาสตร์ท่าปายจนเกือบค่ำ กลับเข้ามาในเมืองฝนก็ตก ร้านค้าเลยทยอยปิดกันทีละร้านสองร้าน ครั้งนี้เลยอดทานอาหารอร่อยๆ สไตล์สตรีทฟู้ดชาวไทใหญ่เลยค่ะ ได้แค่เดินเล่นซื้อของฝากมานิดหน่อยก็ขอเข้าที่พัก นอนออมแรงไว้เดินทางต่อวันพรุงนี้
30 กรกฎาคม 2558
ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตั้งแต่ตี 5.30 น. ตั้งใจว่าจะขับมอไซต์ไปชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่ฝนตก เลยได้แต่นอนรอให้ฝนหยุด แล้วขับมอไซต์หาอาหารเช้าทาน และเนื่องจากวันนี้เป็นวันอาสาฬบูชาพอดีวัดต่างๆ จึงเต็มได้ด้วยชาวพุทธจำนวนมาก แต่ที่สะดุดตาสุดๆ คงเป็นชาวไทใหญ่ที่สวมใส่ชุดพื้นเมืองออกมาทำบุญกันจำนวนมาก เรียกว่าขับมอไซต์ผ่านวัดไหนจะเห็นชุดผ้าทอสีสดใสเป็นเอกลักษณ์น่าชม
หลังจากทานอาหารเช้าและไปไหว้พระที่วัดต่างๆ เสร็จแล้ว ก็รีบเอารถมอเตอร์ไซต์ไปคืนที่ร้านเช่า และกลับเข้าที่พักเก็บกระเป๋าเพื่อไปที่ท่ารถตู้ และเดินทางไปยังอ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งจาก อ.ปาย จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง จะผ่านทางคดเคี้ยวและโค้งกว่า 800 โค้งเลยทีเดียว... ประมาณ 11.00 น. เราเดินทางมาถึง อ.แม่ฮ่องสอน และลงรถบริเวณที่ทำการไปรษณีย์ เนื่องจากสถานีขนส่งจะอยู่ไกลออกไปจากย่านชุมชน สำหรับที่พักคืนนี้ เราได้ที่พักแถวบึงหนองจองคำ บึงน้ำธรรมชาติที่มีฉากหลังเป็นวัดจองคำและวัดจองกลาง ส่วนอีกด้านก็มองเห็นพระธาตุดอยกองมูบนยอดเขาสีขาวสะดุดตา
จากที่พักสามารถเดินเที่ยวชมเมืองได้แบบเรื่อยๆ หรือถ้าใครมีแรงเยอะก็สามารถเดินขึ้นไปไหว้สักการะพระธาตุดอยกองมูได้อย่างสบายๆ แต่ถ้าไม่อยากเสียเวลาก็มีรถมอเตอร์ไซต์ให้เช่าคันละ 180 บาท ขับรถแปบเดียวก็เที่ยวได้ทั่วเมืองแล้วค่ะ สำหรับวัดพระธาตุดอยกองมู ตั้งอยู่บนดอยกองมู เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองชาวแม่ฮ่องสอนมาอย่างยาวนาน และนอกจากจะเป็นสถานที่เคารพและบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวเมืองแม่ฮ่องสอนที่สวยงามที่สุด
หลังจากเดินไหว้พระธาตุเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตเรียบร้อยแล้ว ก็เดินเล่นชมวิวเรื่อยๆ ก็ไปพบเข้ากับร้านกาแฟที่มีชื่อยาวๆ ว่า"ก่อนตะวันจะลับแนวเหลี่ยมภูผา" แค่ชื่อร้านก็บรรยากาศถึงวิวได้แบบสุดๆ เลยไม่พลาดที่จะเข้าไปแวะพักเหนื่อยจิบกาแฟชมวิวสวยๆ
ได้นั่งพักชมวิวจนหายเหนื่อย เลยขับรถเที่ยวต่อ ซึ่งแผนวันนี้จะเป็นชมเมืองและทำบุญ เข้าวัดโน้นออกวัดนี้ เรียกว่าได้บุญมาแบบเต็มกระเป๋า เพราะวัดในเมืองแม่ฮ่องสอนนั้นมีหลายวัดมากใครที่ชอบทำบุญ 9 วันมาที่นี่ครบแน่นอนค่ะ เดินทางไม่อยากด้วย เพราะแต่ละวัดอยู่ใกล้ๆ กันแล้วยังมีเอกลักษณะที่สวยงาม แปลกตาจนเผลอนึกว่าเราอยู่ประเทศเพื่อนบ้านเลยทีเดียว
ตกเย็นแวะรับประทานอาหารแถวไปรษณีย์ เห็นชาวบ้านเดินถือดอกไม้รูปเทียน เตรียมจะไปเวียนเทียนเลยแอบเดินตามเค้าไป ซึ่งพิธีเวียนเทียนที่นี่ใครมาถึงก่อนก็เวียนได้เลยค่ะ เวียนครบ 3 รอบก็ขับรถไปเวียนที่วัดอื่นต่อ...
ทริปนี้เลยได้มีโอกาสเวียนเทียนด้วยกัน 2 วัดค่ะ คือที่วัดจองกลาง และวัดพระธาตุดอยกองมู กับสองวัด 2 บรรยากาศ พูดเลยว่าอิ่มบุญอิ่มใจสุดๆ แถมตอนกลางคืนยังได้ชมวิวสวยๆ บนพระธาตุดอยกองมูแบบนี้เป็นอะไรที่ประทับใจมากๆ
30 กรกฎาคม 2558
วันนี้เราตื่นเช้ามากค่ะ ประมาณตี 5.30 น. แล้วก็รีบขับมอเตอร์ไซต์ไปยังหมู่บ้านกุงไม้สัก ซึ่งจากที่พักจะใช้เวลาขับรถประมาณ 20 - 30 นาที ประมาณ 6.00 น. เราเดินทางมาถึงบริเวณสะพานซูตองเป้ ตอนแรกเข้าใจว่าตัวเองมาถึงเร็วๆแล้วนะ แต่เมื่อเดินทะลุหมู่บ้านเข้าไปมีคนจำนวนมากมายเลยค่ะ มานั่งจับจองพื้นที่บนสะพานเพื่อรอตักบาตรเป็นแถวยาวสุดสะพานทั้งสองฝั่งที่มีระยะทางกว่า 500 เมตร
พระสงฆ์เริ่มเดินออกบินฑบาตรประมาณ 6.30 น. ตลอดเส้นทางจะมีทั้งนักท่องเที่ยว และชาวบ้านผู้ที่มีใจศรัทธานั่งรอท่ามกลางสายฝนที่โปรยลงมาตลอดเวลา และด้วยประวัติการสร้างสะพานที่เกิดจากแรงศรัทธาของชาวบ้าน ภาพที่เห็นตรงหน้าบอกได้เลยว่าประทับใจมาก บวกกับวิวสวยๆ ของทุ่งนาสีเขียวขจียิ่งเพิ่มดีกรีความประทับใจ จนไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยายได้เลยค่ะ...
และนอกจากความประทับใจของวิถีของชาวพุทธที่นี่แล้ว อีกภาพที่น่าจดจำคือชาวบ้านทั้งชาวไทยและไทใหญ่จำนวนมากจะแต่งตัวด้วยชุดพื้นเมืองออกมาทำบุญ ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเทียวที่ยังคงรักษาประเพณีดั้งเดิมที่สวยงามไว้ได้อย่างน่าชื่นชมสุดๆ ค่ะ
หลังจากเก็บตวงความสุขจนล้นอก ก็ถึงเวลากลับเข้ามาตัวเมืองมารับประทานเพิ่มพลังกันสักหน่อย ซึ่งแผนวันนี้ตั้งใจว่าจะเดินเล่นเลาะซอยนู้นออกซอยนี้ เมื่อยก็หาร้านนั่งแวะพักขาแล้วค่อยออกลุยต่อ ซึ่งตัวเมืองแม่ฮ่องสอนนั้นมีร้านอาหารพื้นเมือง ร้านเบอเกอรี่ ร้านกาแฟน่ารักๆ หลายร้านทีเดียวค่ะ อีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจให้เข้าชมอีกด้วย
เดินเล่นเพลินๆ เจอร้านนี้เห็นสีเหลืองสะดุดตาเลยแวะเข้าไปหาอะไรหวานๆ เพิ่มพลังสักหน่อยกับร้าน ชานย์คอฟฟี่ ที่ด้านหน้ายังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของบ้านสไตล์ล้านนา แต่ด้านในถูกตกแต่งในสไตล์ฮิปๆ เท่ห์ๆ ผสมผสานกับสไตล์วินเทจด้วยชุดโซฟา โต๊ะ เก้าอี้แบบเก๋ๆ และยังมีเครื่องดื่มแบบร้อนและเย็น เบอเกอรี่อร่อยๆ ให้เราได้กินกันจนอิ่มแปร่เลยค่ะ
ระหว่างนั่งที่ร้านกาแฟ แอบได้ยินโต๊ะข้างคุยกันว่าจะมีแห่เทียนพรรษาที่หน้าเทศบาล เลยขอเดินตามไปชมกับเค้าด้วย บรรยากาศที่นี่สนุกสนานมากๆ มีเครื่องดนตรีพื้นเมือง มีการละเล่น และฟ้อนรำแบบต่างๆ และสาวแม่ฮ่องสอนสวยมากกกก...
ซึ่งขบวนแห่เทียนพรรษาจะแห่ไปรอบๆ เมือง มีชาวบ้านจากหลายๆ หมู่บ้านมารวมกันแห่เทียนไปยังวัดต่างๆ แต่ละหมู่บ้านก็จะมีการแสดงที่ต่างๆ กันให้ชม
หลังจากที่ชมขบวนแห่เทียนพรรษาจนเกือบ 5 โมงเย็น ก็เดินกลับมายังที่พักเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยังสะพานซูตองเป้อีกครั้ง ซึ่งในช่วงเย็นจะมีพิธีจุดไฟประทีปและตักบาตรดอกไม้กันสำหรับสะพานซูตองเป้ หรือสวนธรรมภูสมะ เป็นสะพานไม้ไผ่ที่เกิดขึ้นจากแรงศรัทธาของชาวบ้านที่ร่วมกันสร้างสะพานแห่งนี้ขึ้น ซึ่งใช้เวลาสร้างเพียง 2 เดือนจากน้ำพักน้ำแรงและพลังศรัทธา โดยไม้ที่ใช้ในการสร้างสะพานเป็นเสาบ้านรวมถึงเสาไม้ที่ไม่ใช้ของชาวบ้าน นำมารวมกันก่อสร้างเป็นสะพานแห่งนี้ขึ้นนั้นเอง
1 สิงหาคม 2558
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่แม่ฮ่องสอนแล้ว ก่อนที่จะต้องเอารถมอเตอร์ไซต์ไปคืนที่ร้านเช่า เลยขอขับรถชมเมืองให้ชื่นใจอีกสักรอบ และเมื่อวานบังเอิญเจอร้านกาแฟน่ารักๆ แต่ไม่มีเวลาได้แวะ เพราะมั่ววิ่งตามขบวนแห่เทียนพรรษามา... วันนี้เลยตั้งใจว่าจะต้องแวะไปชิมสักหน่อย ที่ร้านคอฟฟี่มอร์นิ่ง ที่แค่เห็นบรรยากาศตัวร้านก็สะดุดตาชวนให้อยากเข้าไปนั่งด้านในแล้ว ตัวร้านเป็นอาคารเรือนไม้ดั้งเดิมที่นำมีรีโนเวททาสี ตกแต่งในสไตล์วินเทจ มีของกระจุกกระจิกตกแต่งอย่างน่ารัก แถมยังมีมุมให้ถ่ายรูปเก๋ๆ อีกเพียบเลยสำหรับร้านนี้...
หลังจากอิ่มหนำกับกาแฟ และเบอเกอรี่อร่อยๆ ที่ร้านคอฟฟี่มอร์นิ่งเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องเอามอเตอร์ไซต์ไปคืนที่ร้านเช้าแล้วค่ะ ขากลับเลยเดินเล่น ระหว่างกลับมายังที่พักผ่านบึงหนองจองคำ เลยแวะถ่ายภาพวัดจองคำและวัดจองกลางอีกสักรูปสองรูปค่ะ ก่อนจะโบกมือลาเมืองแม่ฮ่องสอน พร้อมกับพูดลอยๆ ว่าเราจะต้องเจอกันอีกแน่นอน...
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : การนั่งรถตู้พิชิตเส้นทาง 1,864 โค้ง
ทานยาแก้เมารถ แบบให้หลับไม่รู้ตัว
เลือกที่นั่งด้านหน้าให้เห็นวิว แบบมองไปไกลๆ
วิธีโบราณๆ ให้เอากอเอี๊ยมาแปะที่สะดื้อ
อย่ากินอาหารเยอะ เพราะอ้วกแน่นอน
Tags: อ.ปาย อ.แม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอน
ทริปตัวอย่าง | 18 ธ.ค. 2024 | 104 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 12 ธ.ค. 2024 | 297 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 07 ธ.ค. 2024 | 386 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 27 พ.ย. 2024 | 511 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 26 พ.ย. 2024 | 727 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 11 พ.ย. 2024 | 1,041 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 01 ธ.ค. 2024 | 479 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 พ.ย. 2024 | 908 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 28 ต.ค. 2024 | 1,242 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 1,401 อ่าน
ทริปตัวอย่าง | 08 ต.ค. 2024 | 1,762 อ่าน