calendar_month 12 ก.ค. 2015 / stylus Admin Chillpainai / visibility 59,633 / เที่ยวต่างประเทศ
รีวิวเที่ยวยุโรปฉบับมนุษย์เงินเดือน ตอนที่ 2 มาแล้วค่ะ หลังจากหายไปนาน จนมีผู้อ่านหลายคนเริ่มถามถึงเข้ามาว่าเมื่อไรจะเขียนเที่ยวยุโรปตอนสองซะที ด้วยความละอายใจฮานะเลยต้องรีบมานั่งปะติดปะต่อเรื่องราวเที่ยวยุโรปให้กลายเป็นบทความเพื่อให้เพื่อนๆ ที่รออยู่ได้อ่านและนำประสบการณ์ครั้งนี้ของฮานะนำไปใช้หวังว่าบทความครั้งนี้จะช่วยเพื่อนๆ ได้ไม่มากก็น้อยนะคะ ใครที่เริ่มมาอ่านครั้งแรกตามไปชมตอนแรกก่อนที่นี่เลยค่ะ www.chillpainai.com/scoop/4892
ตอนที่ 2 ที่ฮานะให้ชื่อว่าหลายเรื่องที่พลาดไปในปราก พลาดนี่ไม่ได้หมายความว่าไปเสียท่าให้หนุ่มปรากเข้านะคะ (แม้ว่าความจริงจะคาดหวังอยู่ลึกๆ) แต่เพราะการตั้งใจกับยัยน้องสาวไว้ตั้งแต่เดินทางแล้วว่าทริปนี้เราจะไม่เข้าอะไรที่เสียตังค์ เพราะด้วยงบที่จำกัด ฮานะนำเงินพกติดตัวไป 20000 บาทเท่านั้น(500 ยูโรกว่าๆ) อันนี้ไม่รวมตั๋วเครื่องบินนะคะ ซึ่งหมื่นห้านี้ฮานะต้องใช้สำหรับกิน จ่ายค่าโรงแรม บางโรงแรมก็เลือกจ่ายบัตร และพวกค่ารถต่างๆ ที่บางส่วนจะต้องไปจ่ายที่โน่น ทำให้ฮานะพลาดเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ต้องจ่ายตังค์เพื่อเข้าไปชมด้านใน เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งเลยค่ะ แม้จะไม่ได้เข้าชมภายในแต่ขอบอกว่าการได้เดินชมความงดงาม ความอลังการภายนอก ก็คุ้มแล้วที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเล ข้ามทวีปมา
แพลนการเดินทางของฮานะวันนี้ค่ะ
- ตื่นแต่เช้าไปชมสะพานชาร์ลส์
- ไปปราสาทปราก
- เดินเล่นย่านเมืองเก่าชมนาฬิกาดาราศาสตร์
- ตอนเย็นไปท่ารถบัส Praha Florenc Bus Station เพื่อเดินทางไปยังบูดาเปสต์
ความเดิมจากตอนที่แล้วพอเรามาพักหลับสบายที่ Charles Bridge Economic Hostel ตอนเช้าเราก็รีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปชมสะพานพระเจ้าชาร์ลส์ในแบบที่ไม่มีฝูงชนให้รำคาญใจ
ที่พักของฮานะคืออยู่ตรงตึกสีฟ้าๆ ตรงขวามือนะคะ ที่นี่ถือเป็นที่พักที่ใกล้สะพานชาร์ลส์ที่สุด ออกจากที่พักปุ๊บก็เดินไปประมาณ 20 เมตรก็ถึงสะพานแล้วล่ะค่ะ แต่อุปสรรคเช้านี้คืออากาศหนาวระดับก้าวขาไม่ออก อากาศวันนั้นประมาณ 1 องศา หนาวทะลุทะลวงไปจนถึงข้างในเราสองคนที่กะจะแต่งสวยในวันนี้ เลยต้องรับวิ่งกลับเข้าที่พักไปหาเสื้อกันหนาวเท่าที่มี ใส่จนตัวพองเป็นหมีเลยล่ะค่ะ
ดูที่พักปราก - โรงแรมปราก - โฮสเทลปราก ได้ที่นี่เลยค่ะ >> ที่พักปราก(Prague)
ออกมาเจอภาพนี้แล้วน้ำตาจะไหล มันสวยงาม งดงามจนไม่รู้จะบรรยายอย่างไร พระอาทิตย์กำลังขึ้นเหนือสะพาน สะพานชาร์ลส์ที่มีเพียงเสียงรอยเท้าเบาๆ ของนักท่องเที่ยวไม่กี่คน ทำให้เป็นเช้าที่เราต้องจดจำไปแสนนาน
สะพานชาร์ลส์นั้นสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1357 โดยพระเจ้าชาร์ลส์ได้ให้ช่างชื่อ Peter Parler มา สร้างสะพานหินข้ามแม่น้ำวัลตาวาจุดประสงค์ในการสร้างสะพานแห่งนี้เพื่อใช้ในการแข่งขันต่อสู้บนหลังม้า แรกเริ่มเดิมทีสะพานแห่งนี้เป็นสะพานธรรมดาไม่ได้มีรูปปั้นมากมาย ซึ่งรูปปั้นเหล่านี้มีการสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1600 โดยมีจำนวน 30 รูปแต่ปัจจุบันที่ตั้งอยู่ริมสะพานนั้นเป็นรูปปั้นเลียนแบบ เพราะของจริงบางส่วนถูกทำลายไปเนื่องจากเหตุการณ์น้ำท่วมหลายครั้งรวมถึงภัยธรรมชาติต่างๆ แต่รูปปั้นที่เก่าแก่ที่สุดของสะพานแห่งนี้คือรูปปั้น St. John of Nepomuk ซึ่งความพิเศษของรูปปั้นนี้คือมีแผ่นจากรึกทองแดงที่ว่ากันว่าถ้าได้มาลูบแผ่นจารึกนี้จะได้กลับมาอีกครั้ง มาลองตามหา St. John of Nepomuk พร้อมกันเลยนะคะ
Saints John of Matha, Felix of Valois, and Ivan
St. Francis of Assisi
The Crucifix and Calvary
The lamentation of christ
St. Joseph
Saints Norbert of Xanten, Wenceslas and Sigismund
St. Francis Xavier
St. John of Nepomuk
เห็นนักท่องเที่ยวกำลังยืนถ่ายรูปกันเยอะมาก พอมองไปที่รูปปั้นก็พบแล้วค่ะ St. John of Nepomuk รูปปั้นที่เก่าแก่ที่สุด
ตรงฐานของรูปปั้นมีแผ่นจารึกทองแดงสองด้าน ที่เชื่อกันว่าถ้าได้มาลูบแผ่นจารึกนี้จะได้กลับมาปรากอีกครั้ง ฮานะรีบเข้าไปลูบพร้อมอธิษฐานให้ได้เนื้อคู่ อุ๊ยไม่ใช่ ให้ได้กลับมาทันที
ความเงาของแผ่นจารึกเป็นข้อพิสูจน์ได้เลยว่ามีคนมาลูบเยอะจริงๆ ค่ะเพราะมันเงาเด่นชัดเลยค่ะ
และฮานะก็ไม่พลาดวิดีโอคอลไปหาครอบครัวที่เมืองไทยเพื่อให้ท่านได้สัมผัสความประทับใจไปพร้อมๆ กับฮานะด้วย ด้วย Global Wi-Fi ที่พกมาจากมืองไทยขอบอกว่าสัญญาณดีมากๆ วิดีโอคอลหาครอบครัวได้ไม่สะดุดเลยค่ะ เข้าไปดูรายละเอีดเพิ่มเติมที่นี่ http://globalwifi-thai.com/
จากสะพานชาร์ลส์เราสามารถมองเห็นปราสาทปรากที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเขา และนี่คือจุดมุ่งหมายต่อไปที่ฮานะกำลังจะเดินทางไป
หอสะพานของสะพานชาร์ลส์มี 3 หอ ประกอบไปด้วยฝั่งมาลาสตรานาที่ฮานะอยู่ 2 หอ และฝั่งเมืองเก่าอีกหนึ่งหอ
หอสะพานฝั่งมาลาสตรานา
หอสะพานฝั่งเมืองเก่า
หอสะพานฝั่งเมืองเก่าที่ได้ชื่อว่าเป็นหอสะพานที่สวยที่สุดในยุโรป ด้านบนเปิดให้ขึ้นไปชมสะพานปรากจากมุมสูงได้ ค่าขึ้น 75 CZK เท่านั้น และนี่คือความพลาดอย่างแรกของเราเพราะเราไม่ได้ขึ้นไปชม
**1 CZK=1.4 บาท**
สะพานชาร์ลส์มีความยาว 516 เมตร และมีเสาตอม่อ 16 ต้น หลายคนอาจจะเดินสะพานนี้แค่ครั่งชั่วโมง แต่สำหรับฮานะใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมง ฮานะไล่เดินถ่ายรูปปั้นอันแรกจนอันสุดท้าย เพราะอยากซึมซับความประทับใจทุกอย่าง และฮานะคิดว่าคงจะไม่ได้มีโอกาสมาที่นี่บ่อยๆ ก็เลยขอยืนบนสะพานสวยๆ แบบนี้นานๆ หน่อยดีกว่า
จุดหมายต่อไปคือปราสาทปรากค่ะ หลังจากร่ำลาสะพานเรียบร้อยแล้ว ฮานะก็เดินกลับมายังฝั่งมาลอสตรานาเพื่อขึ้นรถราง โดยเรานั่งรถรางสาย 22 จากป้าย Malostranska Nemesti ไปลงป้าย Prazsky Hrad ซึ่งวันนี้ฮานะซื่อตั๋ว 24 Hrs. Ticket ราคา 110 CZK ใช้ได้ 24 ชั่วโมง ไปชมวิธีการซื้อตั๋วได้ที่นี่ค่ะ>>www.chillpainai.com/scoop/4892
**1 CZK=1.4 บาท**
คลิกที่ภาพเพื่อดูแผนที่ขนาดใหญ่
ตู้ขายตั๋วจะมีอยู่ทุกสถานี แต่รับเฉพาะเหรียญเท่านั้นใส่แบงค์ไม่ได้ นอกจากนี้ยังสามารถซื้อได้ในซุปเปอร์มาร์เก็ตได้อีกด้วย
พอได้ตั๋วแล้วก็นำไปตอกครั้งเดียวบนเครื่องตอกตั๋วบนรถราง ถ้าขึ้นคันต่อไปก็ไม่ต้องตอกแล้วนะคะ แต่ต้องเก็บตั๋วนี้เอาไว้ให้ดีเพราะจะมีนายตรวจซึ่งแต่งชุดนอกเครื่องแบบคอยสุ่มตรวจตั๋ว
บนรถรางจะมีเสียงประกาศบอกสถานีตลอดเวลาไม่ต้องกลัวว่าจะลงผิด รถรางพาเราไต่ขึ้นเขาขนาดย่อมจนมาถึงป้าย Prazsky Hrad เราลงที่ป้ายนี้จากนั้นสังเกตุที่ยอดปราสาทแล้วก็เดินตามทางมาเลยค่ะ เดินมาเรื่อยๆ ก็เจอทางเข้าปราสาทหาไม่ยากเลยล่ะค่ะ
จริงๆ ปราสาทปรากนั้นสามารถเข้าได้จากสถานี Malostranská ก็ได้นะคะ ซึ่งจะเป็นบันไดขึ้นเขามายังปราสาท แต่ด้วยควาวขี้เกียจเดินของฮานะเลยขอนั่งรถรางมาชิลๆ แล้วขากลับค่อยเดินลงทาง Malostranská แทนค่ะ
ปราสาทปรากนั้นเป็นปราสาทที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของยุโรป และเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีพื้นที่ประมาณ 70,000 ตารางเมตร ปราสาทปรากแห่งนี้สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 9 เคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์โบฮีเมียน กษัตริย์โรมัน และเคยเป็นทำเนียบของประธานาธิบดีของเช็คโกสโลวาเกียในอดีตอีกด้วย
เจอพี่ทหารเฝ้าปราสาท ยูนิฟอร์มนี่จะออกไปทางโซเวียตเลยนะคะ ส่วนความนิ่งของพี่เขาเกินร้อยเลยค่ะ ขนาดสายตายังมองตรงอย่างเดียวเลยค่ะ
พอเดินผ่านประตูมาปุ๊บก็จะเจอส่วน Second Contryard ซึ่งมีหมู่ตึกตั้งล้อมรอบและตรงกลางเป็นน้ำพุขนาดใหญ่ ตรงนี้เหมือนเป็นที่รวมตัวของทัวร์มากมาย และหนึ่งในนั้นคือทัวร์จีนค่ะ โชคดีตอนเรามายังมีกรู๊ปทัวร์ไม่มากเท่าไร
จาก Second Countryad เข้ามาทางซ้ายก็ตะลึงกับความสวยงามตรงหน้า อลังการแบบศิลปะโกธิกที่ใหญ่โตมโหฬารมากๆ ที่นี่คือมหาวิหารเซนต์วิตัส แคทเทอร์ดรอล (St. Vitus Cathedral) ซึ่งสร้างในศตวรรษที่ 14 เป็นสถานที่สำหรับทำพิธีราชาภิเษกและที่ฝังพระศพของกษัตริย์อาณาจักรโบฮีเมียนและอาณาจักรโรมัน
และความพลาดที่สองของวันนี้คือไม่ได้เข้าไปชมด้านของโบสถ์เพราะถ้าจะเข้าไปด้านในต้องเสียเงินเข้าไป
ค่าเข้าชมตามนี้เลยค่ะ
- Great South Tower with a View Gallery
ข้อมูลจาก https://www.hrad.cz/en
**1 CZK=1.4 บาท**
ภาพจาก visualightbox.com
ที่ตัดสินใจไม่เข้าไปนอกจากเรื่องเงินแล้วอีกเหตุผลหนึ่งคืออยากจะไปเดินชมเมืองชิลๆ มากกว่า แล้วเรามีเวลาแค่วันเดียวเพราะตอนเย็นจะต้องเดินทางไปยังบูดาเปสท์ แต่พอมาชมภาพด้านในจากรีวิวของนักเดินทางท่านอื่นแล้วเสียใจมากที่เราไม่ได้เข้าไปชมกันเพราะข้างในโบสถ์และสถานที่อีกมากมายนั้นสวยมากๆ ลองเข้าไปชมรีวิวของคุณ GHIBLITO ที่รีวิวไว้ที่นี่เลยค่ะ>>http://goo.gl/HC12gZ
เมื่อตัดสินที่จะไม่เข้าชมด้านในก็เลยเดินชมความสวยงามด้านนอก ระหว่างที่ฮานะเดินชมโบสถ์อยู่นั้นก็ได้ยินเสียงระฆังดังก้องกังวานมาจากภายในโบสถ์ เคล้าไปกับเสียงดนตรีคลาสสิคเบาๆ ดังแว่วมาจากหมู่ตึกด้านข้าง ที่ว่าสวยงามจนขนลึกไม่ได้เป็นสิ่งกล่าวที่เกินจริงเลยค่ะ เพราะตอนวินาทีนั้นฮานะก็รู้สึกขนลุกกับบรรยากาศสุดอลังรอบข้างของเรา
ด้านหลังของมหาวิหาร เซนต์วิตัส แคทเทอร์ดรอล คือที่ตั้งของมหาวิหารบาซิลลิกา ออฟ เซนต์จอร์จ (The Basilica of St George) สร้างในปีค.ศ. 920 เป็นศิลปะโรมาเนสก์ ด้านในเป็นสุสานของกษัตริย์ราชวงศ์เพรมิสลิดผู้สร้างกรุงปราก และแน่นอนว่าที่นี่เราก็ไม่ได้เข้าไปชมด้านในรวมถึงโกลเด้นเลนถนนสายทองคำที่ว่ากันว่าน่ารักมากๆ ด้วย
เราเดินออกจากปราสาททางด้านประตู Mathias ด้านบนของซุ้มประตูเป็นรูปปั้นยักษ์ไททันขนาดใหญ่
ด้านหน้าทางเข้ามีคณะนักดนตรีคลาสสิคกำลังบรรเลงเพลงเพราะๆ เลยค่ะ สมเป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมมากๆ
ด้านหน้ามีซุ้มร้านขายอาหารมากมายราคาไม่แพงเท่าไรค่ะ ฮานะเลือกฮอทดอกกับขนมปัง 1 อันราคาประมาณ 20 CZK กว่าๆ เท่านั้น
**1 CZK=1.4 บาท**
ด้วยความที่เราอยากหามุมถ่ายกรุงปรากสวยๆ เลยตัดสินใจกันว่าเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ จนเจออาคารที่ชื่อว่า Nanebevzetí Panny Marie Na Strahově ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นโบสถ์คริสต์แต่ฮานะไม่ได้เข้าไปชมข้างในนะคะ ด้านหน้าก็มีนักท่องเทียวยืนถ่ายรูปกัน แต่ฮานะขอเดินอ้อมไปทางข้างหลังค่ะ
พอเดินมาถึงเจอวิวนี้ไปแทบกรี๊ดเลย สวยมากๆ เห็นปราสาทปราก เห็นหลังคาของโบสถ์เซ็นต์นิโคลัส และแม่น้ำวัลตาวา สวยงามมากๆ
วิวสวยๆ แบบนี้ก็ไม่พลาดวิดีโอคอลด้วย Global Wi-Fiกลับไปเมืองไทยเพื่อให้ที่บ้านได้เห็นวิวสวยๆแบบนี้
หลังจากนั้นฮานะก็เดินเลียบทางเดินลงเขาเพื่อไปยังสถานี Malostranská ระหว่างทางก็เก็บภาพวิวเมืองปรากสวยๆ ที่ครั้งหนึ่งเราเคยเห็นแต่ในหนังสือแต่วันนี้เรามาเห็นได้ด้วยตาของตัวเอง
ทางเดินปูหินลงไปยังสถานี Malostranská
วิวระหว่างทางเดินที่ทำให้เราได้เห็นย่าน Old Town ซึ่งตั้งอยู่คนละฝั่งของแม่น้ำเป็นจุดหมายต่อไปของฮานะค่ะ
พอเดินมาถึงสถานี Malostranská ฮานะก็นั่งรถรางสาย 18 มาลงที่สถานี Karlovy Lazne และเจอแจ็คพ็อตคนตรวจตั๋วตอนเดินลงแต่ดีว่าเก็บตั๋วรถไว้เป็นอย่างดีเลยไม่มีปัญหาค่ะ
พอมาถึงย่าน Old Town ก็เต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย ท่ามกลางตึกสถาปัตยกรรมแบบโบราณ
เจอการแสดงหุ่นเหมือนมากๆ
เดินมาเจอร้านขนม Trdelnik ซึ่งเป็นขนมพื้นเมืองของปราก
หน้าตาขนมก็จะเป็นปล้องๆ แบบนี้ค่ะ กรอบๆ มีทั้งแบบโรยน้ำตาล โรยอัลมอนด์ ทาด้วยช็อคโกแลต ทานกับกาแฟอร่อยดีค่ะ
เดินมั่วๆ ก็มาถึงอาคารเมืองเก่า (The Old Town Hall) ที่มีนาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical clock) ซึ่งเป็นนาฬิกาเก่าแก่ที่มีอายุ 600 กว่าปี ที่ยังใช้ได้จนถึงปัจจุบันว่ากันว่าเมื่อไรที่นาฬิกานี้หยุดเดินจะทำให้เกิดเรื่องร้ายต่างๆ เลยทำให้นาฬิกานี้ได้รับการดูแลอย่างดีมาจนถึงปัจจุบัน ฮานะว่าอาจจะเป็นกุศโลบายของคนโบราณที่อยากให้คนรุ่นหลังได้ดูแลรักษานาฬิกาเรือนนี้เป็นอย่างดีก็ได้นะคะ
ตัวเรือนแบ่งออกเป็นสองส่วน ตัวเรือนด้านบนนั้นจะแบ่งเป็นวงนอกและวงใน วงนอกเป็นตัวเลขอารบิกบอกเวลาในสมัยโบฮีเมี่ยนที่มีการแบ่งเวลาเป็น 24 ชั่วโมง ส่วนวงด้านในเป็นเลขโรมัน สีฟ้าที่หน้าปัดสื่อถึงท้องฟ้า
ตัวเรือนด้านล่างแสดงการเคลื่อนไหวของพระอาทิตย์และพระจันทร์ตามจักรราศี และทุกๆ ชั่วโมงเมื่อนาฬิกาตีบอกเวลาจะมีรูปปั้นตุ๊กตาสาวกของพระเยซู 12 คนปรากฏออกมา ตั้งแต่เวลา 9.00-21.00 น.ซึ่งทุกๆ ชั่วโมงก็จะมีผู้คนมากมายมาเฝ้ารอนาฬิกาเรือนนี้
แต่สิ่งที่หวังกับสิ่งที่เจอนั้นช่างแตกต่างกันตอนแรกฮานะนึกว่าจะเจอรูปปั้นต่างๆ ออกมาอย่างอลังการดาวล้านดวงสมกับคนล้านแปดที่เฝ้ารอแต่ถึงเวลาจริงตรงหน้าต่างด้านบนจะเปิดออกแล้วด้านในจะมีรูปปั้นที่หมุนอยู่ไม่ได้ออกมาโชว์ด้านนอก ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ทุกคนดูเสร็จแล้วมีความรู้สึกเหมือนกันว่า อ้าว จบแล้วเหรอ แล้วก็แยกย้ายกันไป จนมีฝูงชนกลุ่มใหม่มายืนรอ แม้จะผิดหวังเล็กน้อยแต่แค่ได้ยืนชมความงดงามของนาฬิกาดาราศาสตร์ก็คุ้มแล้วค่ะ ส่วนด้านบนของหอนาฬิกาสามารถขึ้นไปชมวิวได้อีก ค่าขึ้น 120 CZK แต่ฮานะไม่ได้ขึ้นไป พลาดอีกแล้ว T_T
ส่วนรูปปั้นนี้คือรูปปั้นของ Jan Hus ซึ่งเป็นผู้ต่อต้านศาสนจักร(ศาสนาคริสต์นิกายแคธอลิก) ซึ่งสมัยนั้นบาทหลวงต่างใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ จนทำให้เขาโดนประหารชีวิตด้วยการเผาทั้งเป็น เลยทำให้ประชาชนไม่พอใจและลุกฮือกลายเป็นสงคราม Hussite โดยมีการโยนบาทหลวงจากหอคอย ต่อมาเลยมีการสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้เพื่อเชิดชู Jan Hus
วันนี้โชคดีที่เป็นเทศกาลอีสเตอร์เลยมีซุ้มขายอาหาร ของที่ระลึกมากมาย เหมือนงานวัดบ้านเราย่อมๆ เลยค่ะ ตั้งอยู่บริเวณจตุรัสเมืองเก่า
มีเวทีการแสดงศิลปะของประทศต่างๆ ในยุโรปด้วย เดินมาทันการแสดงของประเทศโปแลนด์ แสดงได้น่ารักมากๆ เลยค่ะ คนดูปรบมือส่งเสียงให้กำลังใจกันใหญ่เลย
และที่พลาดไม่ได้เบียร์กับขนมปังและไส้กรอก เบียร์นุ่มอร่อยมากๆ ทั้งหมดนี้ประมาณ 100 กว่าโครูน่าเช็คเองค่ะ
ในย่าน Old Town นั้นมีพิพิธภัณฑ์มากมายรวมถึงพิพิธภัณฑ์นี่ SEX MUSEAUM ถ่ายด้านหน้าไม่ได้เข้าไปถ่ายข้างใน กลัว... กลัวเสียตังค์ 5555
เดินมาเจอตลาดย่อมๆ มีร้านขายของฝากซึ่งส่วนมากจะเป็นพวกแม็กเน็ตต่างๆ ช็อคโกแลต ตุ๊กตาแม่ลูกดก และพวกตุ๊กตาหุ่นชัก ราคามีตั้งแค่ถูกๆ ไปจนถึงแพง
ผลไม้หน้าตาน่ากินลองซื้อแต่สตอเบอร์รี่มาชิม ใหญ่แต่ลูกรสชาติไม่หวานเลยค่ะ
จาก Old Town ฮานะนั่งรถรางสาย 22 มาลงที่สถานี Malostranska Nemesti เพื่อจะกลับที่พัก แต่ระหว่างทางเจอดอกไม้สีชมพูเหมือนซากุระเลยต้องนั่งรถย้อนกลับไปชมโดยลงที่สถานี Ujezd ซึ่งมีสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีชมพูเหมือนซากุระเลยค่ะ ซึ่งตอนที่ฮานะไปนั้นเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิพอดี
ชื่นชมดอกไม้กันจนเต็มอิ่มก็กลับไปที่พัก ทานไก่ทอดที่แม็คโดนัลด์ข้างๆ ที่พัก เพราะวันนี้กินแต่ไส้กรอกกับขนมปังจนเอียนมากๆ ยิ่งพวกแซนด์วิชที่แข็งๆ และเย็นชืดๆ ตอนนี้แทบเบือนหน้าหนีกันเลยทีเดียวค่ะ นี่วันที่สองก็ทำให้เราสองคนเริ่มออกอาการเบื่ออาหารกันแล้วก็เลยตกลงไปทานไก่ทอดกัน พอทานเสร็จยังมีเวลาเหลือเพราะรถไปบูดาเปสต์จะออกตอน 5 ทุ่ม ด้วยความที่เป็นคนกรุ๊ปเอก็เลยชวนน้องสาวออกไปเซอร์เวย์สถานีระบัสกันก่อน
โดยจากสถานี Malostranska Nemesti เราต้องนั่งรถรางสาย 12,20 หรือ 22 ไปลงสถานี Malostranska แล้วนั่งรถไฟใต้ดินไปยังสถานี Mustek แล้วเปลี่ยนสายเป็นสายสีเหลืองไปลงสถานี Florenc เรื่องเปลี่ยนสายไม่ค่อยงงค่ะเพราะผ่านการเปลี่ยนรถไฟจากญี่ปุ่นที่แสนวุ่นวายมาแล้ว ยุโรปนี่ง่ายมากๆ เพราะมีรถไฟใต้ดินไม่กี่สาย แต่ทางออกนี่สิฮานะงงมากๆ
จากแผนที่ด้านบนวงกลมสีเหลืองคือสถานี Florence ของสายสีเหลือง ส่วนวงกลมสีแดงคือ สถานี Florence ของสายสีแดง ส่วนดาวแดงคือสถานีรถบัส พอฮานะออกมาจากสายสีเหลืองปุ๊บเดินขึ้นมากลับหาสถานีรถบัสไม่เจอ งงเลยค่ะโผล่มาเจออะไรไม่รู้ โชคดีดีที่โทรศัพท์มีอินเตอร์เน็ตเลยเดินหาเจอ แต่ต้องข้ามถนนถึงสองไฟแดงซึ่งตอนนั้นอากาศหนาวมากแล้วกระเป๋าแบ็คแพ็คของฮานะหนักมาก
ภาพจากกูเกิลแม็ป
พอเดินไปถึงสถานีรถบัสก็เจอสถานีทางเข้ารถไฟใต้ดินของ Florence ตั้งอยู่หน้าทางเข้าเลย อ้าวทำไมเราหาทางออกนี้ไม่เจอล่ะ
ขากลับก็เลยลองลงทางนี้ แล้วก็ได้คำตอบว่าประตูนี้เป็นประตูของสายสีแดง ซึ่งถ้าคุณจะออกประตูนี้ก็มีทริคง่ายๆ ถ้ามาโดยสายสีเหลืองออกจากประตูรถไฟปุ๊บมองหาป้ายที่ชี้ไปทางสายสีแดง เหมือนจะเดินไปเปลี่ยนสาย เดินมาก็จะเจอป้ายทางออกที่เขียนว่า Bus Terminal Florence พอเดินามาปุ๊บก็จะเจอสถานีรถบัสเลย นี่ถ้าไม่ลองซ้อมเดินกันก่อนตอนมาจริง กลางคืน หนาวด้วย คิดไม่ออกเลยว่าจะสติแตกขนาดไหน
ที่สถานี Praha Florenc Bus Station มีรถบัสที่วิ่งไปทั่วยุโรป สามารถมาจองได้ที่นี่เลย แต่คนกรุ๊ปเออย่างฮานะขอความชัวร์ก็เลยจองทุกอย่างมาจากเมืองไทย เลยไม่ต้องกลัวว่าจะมีที่นั่งหรือเปล่า
รถบัสที่ฮานะจองเป็นของบริษัท Orange Ways เป็นบริษัทรถบัสของฮังการี เวลาจองก็เข้าไปในเว็บนี้ www.orangeways.com/en ซึ่งที่เลือกบริษัทนี้เพราะมีรถออกจากปรากตอนกลางคืนและไปถึงที่บูดาเปสท์ตอนเช้ามืดส่วนราคาก็ถูกมากๆ ราคาเพียง 12 ยูโร ประมาณ 400 กว่าบาทเท่านั้น เฮ้ย นี่มันรถบัสข้ามประเทศหรือเปล่านี่ทำไมถูกแบบนี้ แต่เพราะรถบัสคันนี้แหละที่ทำให้ฮานะเจอเรื่องราวบางอย่างที่รออยู่ข้างหน้ายังไม่บอกว่าเรื่องอะไร แต่เป็นเรื่องที่ตื่นเต้นที่สุดในทริปนี้แล้ว
หลังจากดูเส้นทางเรียบร้อยแล้วเราก็กลับไปที่พักเพื่อรอเวลาใกล้ๆห้าทุ่ม เราใช้เวลานั่งพัก ตรงบริเวณห้องรับแขกของ Charles Bridge Economic Hostel ซึ่งเป็นคืนที่หนาวมากๆ หนาวจนแทบทนไม่ไหว ฮานะนำโทรศัพท์มือถือและแบตกล้องมาชาร์จจนเต็มเพราะกะว่าถึงบูดาเปสท์จะออกเที่ยวอย่างเดียว จนสุดท้ายก็กลับลืมอะไรบางอย่างไว้ที่นี่...
พอถึงเวลาก็เดินทางมาถึงสถานีรถบัส กะว่าจะเดินไปถามเรื่องรอบรถที่เคาน์เตอร์ของ Orange Ways แต่มองไปที่เคาน์เตอร์เจอแต่ความว่างเปล่า เอิ่มมมม แล้วตรูจะทำยังไงดี สิ่งที่ช่วยได้อย่างเดียวคือดูจอที่เขาจะบอกรอบรถและชานชาลาที่จอด เอาไว้ แล้วโปรดมาดูบ่อยๆ เพราะชานชาลาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง!!!
พอถึงเวลาใกล้ 5 ทุ่มรถก็มาค่ะ รถสภาพดี มีคนขับพร้อมผู้ช่วยซึ่งเป็นผู้ชายคอยเช็คตั๋ว ฮานะยื่นตั๋วที่ปริ๊นท์มาจากอินเตอร์เน็ตไปให้เจ้าหน้าที่ผู้ชายที่พูดอังกฤษได้น้อยมากๆ เบาะของรถปรับเอนได้พอประมาณ ไม่มีบริการอะไรบนรถ พอเดินขึ้นไปบนรถเจอสัมภาระแต่ไม่มีคนอยู่ตรงที่นั่งของเรา คราวนี้ฮานะก็งงล่ะสิคะว่าเฮ้ยมีคนจองอยู่เหรอ ยืนงงกับน้องรอจนผู้ช่วยคนขับขึ้นมาแล้วถามถึงสัมภาระที่วางอยู่ตรงที่เรา ผู้ช่วยคนขับหันมาตอบอะไรสักอย่างเป็นภาษาฮังการีเหมือนไม่พอใจและกระชากสัมภาระเฉียดหัวฮานะไป!!!
ในใจท่องเอาไว้ว่าพุทโธ ธัมโม สังโฆ เราควรเข้าใจเขา เราควรเข้าใจว่าคนบ้านเขาก็แข็งอย่างนี้ล่ะ ยุบหนอ พองหนอมากันหมด
ยกแรกเริ่มขึ้น Welcome to Budapest...
เรื่องและภาพโดยนางสาวฮานะ
Tags: เที่ยวยุโรป เที่ยวปราก การเดินทางในยุโรป การเดินทางในปราก เที่ยวเช็ค ยุโรปตะวันออก แผนที่กรุงปราก ที่พักยุโรป ที่พักกรุงปราก เทียวยุโรปด้วยตัวเอง โรงแรมปราก
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 511 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 746 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 24 ก.ย. 2024 | 652 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ย. 2024 | 1,204 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 30 ก.ค. 2024 | 1,908 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 19 ก.ค. 2024 | 4,173 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ค. 2024 | 2,040 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 18 เม.ย. 2024 | 3,517 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 21 ก.พ. 2024 | 5,434 อ่าน