calendar_month 20 ก.ค. 2015 / stylus Admin Chillpainai / visibility 54,559 / รีวิวที่เที่ยว
ด้วยความที่เนวิเกเตอร์สาวตั้งใจว่าปีนี้จะหาโอกาสไปสักการะพระธาตุแช่แห้งให้ได้สักครั้ง เพราะเนื่องจากเป็นพระธาตุประจำปีเกิด และพอดีเป็นจังหวะที่เพื่อนสาวก็อยากไปเที่ยวพักผ่อน สัมผัสการใช้ชวิตเนิบช้าที่เมืองน่าน เราสองสาวก็ไม่รอช้าค่ะรีบหาวันหยุดที่ลงตัวกับทั้งสองคน แล้วเลือกเดินทางโดยเครื่องบินค่ะ เพราะช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางได้เยอะทีเดียว ตกลงวิธีการเดินทางและนัดวันกันเรียบร้อย เราก็รีบจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ผ่านสายการบินนกแอร์กันทันที เพื่อไปเที่ยวพักผ่อนที่เมืองเนิบช้าและไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเพื่อเสริมสิริมงคลให้ชีวิตในช่วงครึ่งปีหลังกันสักหน่อย...
วันแรก
เราเลือกเดินทางกันไฟท์เช้าค่ะ เพื่อที่จะได้มีเวลาเหลือมากพอสำหรับท่องเที่ยว
โดยไฟท์ที่เราบินกันจะเป็นเที่ยว 8:45 น. จากสนามบินดอนเมืองใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงสนามบินน่านนครแล้วค่ะ
โดยการเดินทางทริปนี้ เราสองสาวได้โดยสารเครื่องบินนกแอร์ เที่ยวบิน Q400 ซึ่งหลังจากขึ้นบินได้ระดับแล้วไม่นาน เราก็ได้กลิ่นกาแฟหอมเตะจมูกลอยมาแต่ไกล จนเริ่มอดใจไม่ไหว มองหาที่มาของกลิ่นหอมกรุ่นนี่ก็เห็นน้องแอร์ เดินมาเสิร์ฟกาแฟกับผู้โดยสารแถวถัดไป จากนั้นก็เดินมาแนะนำว่าบนเที่ยวบิน Q400 มีบริการ Nok Sky Cafe’ ที่เสิร์ฟเมนูกาแฟสด ระดับพรีเมี่ยมอย่าง Nespresso ที่มาในรูปแบบแคปซูลกาแฟ
หลังจากที่น้องแอร์แนะนำเรื่องกาแฟเรียบร้อย เนวิเกเตอร์สาวก็เลือกเป็น Espresso ที่ชงจากกาแฟ Roma ที่มีความเข้มข้นสูงสุดในระดับ 8 ที่ก่อนดื่มยังได้กลิ่นหอมหวานละมุน เพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายได้ดีทีเดียวค่ะ รสชาติของกาแฟก็เข้มข้นเต็มรสชาติของความเป็นอาราบิก้าแท้ๆ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนเดินทางในช่วงเช้าๆ แบบเราค่ะ
ส่วนเพื่อนของเนวิเกเตอร์สาว ไม่ได้เป็นคอกาแฟค่ะ แต่ก็แอบอดใจไม่ไหวกับกลิ่นหอมกรุ่นที่แตะจมูกเหลือเกิน จึงขอสั่งเป็น Cappuccino ที่ชงจากกาแฟ Vivalto Lungo ที่มีความเข้มข้นในระดับ 4 เท่านั้น แต่ก็เป็นกาแฟคั่วบดที่ผสมเอาความเป็นอาราบิก้าชั้นดี จากสองทวีปอเมริกาใต้และแอฟริกาตะวันออกมาได้อย่างลงตัว ที่เพียงได้ยินถึงส่วนผสมที่เลิศหรู จนทำให้เพื่อนสาวอดใจไม่ไหวที่จะลิ้มรสความอร่อย บวกกับมีฟองนมนุ่มๆ ยิ่งทำให้กาแฟแก้วนี่น่าดื่มเป็นที่สุดค่ะ งานนี้เพื่อนสาวเลยติดใจรสชาติกาแฟไปเลยค่ะ...
และถึงแม้จะเป็นการดื่มด่ำกาแฟสุดพรีเมี่ยมบนเครื่องบินแบบนี้ แต่ราคานี่อยากบอกว่าเบาๆ สบายกระเป๋าสุดๆ ค่ะ เพราะราคาเริ่มต้นเพียง 85 – 95 บาทเท่านั้น นี้จึงเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์การดื่มกาแฟรสชาติเยี่ยมที่เนวิเกเตอร์สาวอยากชวนให้เพื่อนๆ ได้ลิ้มลองเป็นที่สุด ซึ่งกาแฟสดสุดพรีเมี่ยมนี้จะมีพร้อมเสิร์ฟความพิเศษเฉพาะเที่ยวบิน Q400 เท่านั้นนะคะ
ประมาณ 10:05 น. เครื่องก็แลนดิ้งพาเราเดินทางมาถึงสนามบินน่านนครกันอย่างปลอดภัย พร้อมการบริการที่สุดแสนประทับใจจากสายการบินนกแอร์... หลังจากรับกระเป๋าเดินทางเรียบร้อย เราก็หาเช่ารถแท็กซี่เข้าเมืองกันค่ะ โดยราคาค่าแท็กซี่เข้าเมืองจะอยู่ที่คันละ 100 บาท หรือถ้าอยากให้พาทัวร์เที่ยววัดต่างๆ ก็สามารถตกลงราคากันได้ที่เคาร์เตอร์ โดยราคาจะเริ่มตั้งแต่ 300 -500 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทางที่ไปนั่นเองค่ะ หลังจากตกลงราคาค่ารถกันเรียบร้อย ก็ให้พี่แท็กซี่ขับพาเราสองสาว เข้าที่พักเพื่อเก็บสัมภาระก่อนที่จะลุยเที่ยวเมืองเนิบช้ากันค่ะ ซึ่งจากสนามบินน่านนคร เข้าตัวเมืองจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีเท่านั่นค่ะ
โดยวัดแรกที่เราเดินทางมาถึงคือวัดพระธาตุแช่แห้ง ซึ่งเป็นวัดที่เราสองคนตั้งใจจะมาสักการะขอพร เนื่องจากเป็นวัดประจำปีเกิดของชาวปีเถาะนั่นเอง วัดพระธาตุแช่แห้ง เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองชาวน่านมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าพระยาการเมือง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 1869 และที่แห่งนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระมหาชินธาตุเจ้า 7 พระองค์ และสิ่งที่ทำให้เราสองสองสะดุดตาไปกับความงดงามของวัดแห่งนี้คือองค์พระธาตุแช่แห้งที่ถูกบุด้วยทองเหลือง จนเป็นสีทองอร่ามสวยงามเป็นที่สุด
หลังจากที่เราสองสองนมัสการไหว้พระธาตุประจำปีเกิดกันเรียบร้อย ก็เดินทางต่อไปยังวัดภูมินทร์ สำหรับวัดภูมินทร์จะเป็นวัดที่มีลักษณะแปลกตาจากวัดอื่นๆ เพราะโบสถ์และวิหารสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน ซึ่งเป็นทรงจตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย รอบด้านมีประตูไม้ทั้ง 4 ทิศ แกะสลักสวยงาม โดยช่างฝีมือชาวล้านนา นอกจากนี้ที่นี่ยังมีภาพฝาผนังที่แสดงถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของยุคสมัยที่ผ่านมาอีกด้วย และเมื่อพูดถึงภาพฝาผนังที่น่าสนใจ หลายคนอาจจะร้องอ๋อ!! ทันทีเมื่อพูดว่าไปชมภาพกระซิบรักกัน นั่นคือภาพปู่ม่าน ย่าม่าน หรือภาพกระซิบรักบันลือโลกนั่นเองค่ะ
หลังจากชมงามงดงามของศิลปะล้านนาที่วัดภูมินทร์เรียบร้อยแล้ว เราสองสาวขอพักทานอาหารกลางวันกันก่อนค่ะ โดยร้านนี้เป็นร้านที่พี่แท็กซี่เจ้าถิ่นเป็นคนแนะนำเรานั่นคือร้านน้ำเงี้ยว ข้าวซอยแม่สุณี ร้านข้าวซอยชื่อดังที่เปิดให้บริการความอร่อยมายาวนาน โดยมีเมนูเด็ดเป็นอาหารเหนือหลากหลายเมนู สำหรับเมนูที่เราเลือกทานจะเป็นข้าวซอย น้ำเงี้ยว และ ข้าวกั๋นจิ้น ที่นำข้าวสาร ไปผสมคลุกเคล้ากับเลือดหมู หมูสับ และเครื่องสมุนไพรต่างๆ แล้วนำไปห่อตอง นึ่งจนสุกจนเมล็ดข้าวสารกลายเป็นสีแดง หอมเครื่องสมุนไพรน่ารับประทานที่สุดค่ะ แม้จะเป็นเมนูที่ชื่อแปลกหูสักนิด แต่บอกได้เลยความอร่อยนี้ประทับใจไปอีกนานค่ะ
หลังจากอิ่มเอมกันเรียบร้อย เราสองสาวก็เดินทางไปเที่ยวชมความงดงามกันต่อที่วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดนี้ใกล้กับสำนักงานเทศบาลเมืองน่าน สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปู่แข็ง
เมื่อปี พ.ศ. 1949 เป็นอีกหนึ่งวัดที่หากใครที่มาเยือนเมืองน่านต้องไม่พลาดที่จะเข้าเยี่ยมชม ภายในวัดมีเจดีย์ศิลปะสุโขทัยที่มีปูนปั้นรูปช้างครึ่งตัวรอบล้อมฐานเจดีย์ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุให้เราได้สักการะเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตกันค่ะ
แล้วไปต่อกันที่วัดมิ่งเมือง ซึ่งเป็นวัดที่ประดิษฐานเสาหลักเมือง มีลักษณะโดดเด่นเป็นลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสภ ที่มีความสวยงามวิจิตรบรรจงมาก เป็นฝีมือช่างตระกูลเชียงแสน ภายในยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตความเป็นมาได้อย่างน่าชมอีกด้วย...
และวัดสุดท้ายของวันนี้ที่เราจะไปชมความงดงามกันต่อที่วัดศรีพันต้น อีกหนึ่งวันเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองชาวน่าน สร้างขึ้นโดยเจ้าพญาพันต้น ผู้ครองนครน่าน ระหว่างปี พ.ศ. 1960 -1969 ซึ่งได้รับการบูรณะใหม่ให้มีความสวยสดงดงาม ด้านหน้าอุโบสถเป็นจิตรกรรมปูนปั้นพญานาคเจ็ดเศียรสีทองเหลืองอร่ามตระการตากว่าที่ใด
หลังจากอิ่มบุญกันเต็มที่แล้ว เราสองสาวขอเข้าที่พักเตรียมล้างหน้าล้างตากันสักนิดค่ะ โดยคืนนี้เนวิเกเตอร์สาวกับเพื่อน พักที่นี่กันค่ะโรงแรมบ้านน่าน ที่พักกลางเมือง ที่ตกแต่งอย่างน่ารัก เน้นการผสมผสานศิลปะล้านนากับความโมเดิร์นเข้ากันได้อย่างตัว และที่สำคัญที่พักแห่งนี้ยังตั้งอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญๆ หากเพื่อนๆ คนไหนกำลังวางแผนจะเดินทางมาเที่ยวน่าน ที่พักในย่านนี้เหมาะสุดๆ ค่ะ เพราะเดินทางสะดวกสบายเหมาะแก่การท่องเที่ยวในเมืองเล็กๆ แบบนี้ที่สุดเลยค่ะ
พอตกแดดร่มลมตก เราก็ขอออกไปเดินเล่นรับกลิ่นอายล้านนากันสักนิดที่ถนนคนเดิน โดยร้านแรกที่เราต้องขอแวะ ลองความอร่อยคือร้านนี้เลยค่ะ "ร้านบัวลอยแม่นิ่ม" ที่มีทั้งนักท่องเที่ยวและคนพื้นเมืองต่อแถวรอคิวซื้อบัวลอยสูตรเด็ด ที่บอกเลยว่าหากใครมาถึงน่านแล้วไม่ได้ชิมบัวลอยเจ้าอร่อยร้านนี้เหมือนมาไม่ถึงน่านค่ะ
สำหรับถนนคนเดิน จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เปิดขึ้นใหม่ ตั้งอยู่บริเวณวัดภูมินทร์ ซึ่งจะมีอาหารพื้นเมือง ร้านของฝากและร้านเสื้อผ้า ตั้งเรียงรายให้ได้เลือกซื้อกันอย่างมากมายทีเดียว
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ซื้ออาหารและขนมจากร้านต่างๆ ก็สามารถมานั่งรับประทานกันได้บริเวณหน้าลานวัดภูมินทร์ ที่ได้ถูกจัดไว้รองรับนักท่องเที่ยว สำหรับตลาดถนนคนเดินที่นี่จะเปิดตั้งแต่ช่วงประมาณ 5 โมงเย็นไปจนถึงประมาณ 21.30 น. มีเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดยาวเท่านั้นค่ะ และในคืนนี้เนวิเกเตอร์สาวกับเพื่อนก็ขอฝากท้องกับอาหารพื้นเมืองในย่านถนนคนเดิน พร้อมนั่งชิลชมวิถีคนเมืองไปเพลินๆ ก่อนที่จะเดินกลับที่พักกันค่ะ...
วันที่สอง
วันนี้เราตื่นกันแต่เช้าค่ะ เพื่อรีบออกเดินทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้นกันที่วัดพระธาตุเขาน้อย ซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดของ จ.น่านเลยก็ว่าได้
วัดพระธาตุเขาน้อย องค์พระธาตุตั้งอยู่บนยอดเขาน้อย สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 240 เมตร หน้าวัดมีบันไดนาคขึ้นสู่ด้านบน 303 ขั้น และทางสำหรับรถยนต์ขึ้นไปถึงตัววัดด้านบนได้เลยสำหรับคนที่ไม่อยากเหนื่อยกับการเดินขึ้นบันได และเมื่อได้มายืนอยู่ ณ จุดนี้คุณจะได้สัมผัสกับวิวธรรมชาติที่งดงามเบื้องหน้า ที่สามารถมองเห็นเมืองน่านได้แบบพาโนราม่าเลยทีเดียว ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณไม่ควรพลาดเด็ดขาดเมื่อมาเยือนเมืองน่านค่ะ...
หลังจากที่เนวิเกเตอร์สาวกับเพื่อได้สัมผัสกับธรรมชาติที่งดงามบนยอดเขาน้อย เราก็เดินทางมาแวะหาอาหารรับประทานเพิ่มพลังกันสักนิดที่ร้านข้าวซอยต้นน้ำ ก่อนที่จะเข้าที่พักเก็บกระเป๋าสัมภาระเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันในช่วงบ่ายนี้โดยสารสายการบินนกแอร์เช่นเดิมค่ะ เพราะเที่ยวบินของนกแอร์มีเวลาบินให้เลือกเยอะมาก เหมาะกับคนที่มีเวลาท่องเที่ยวน้อยๆ อย่างทริป 2 วัน 1 คืนแบบนี้ เลือกไฟล์บินวันเสาร์เช้าๆ กลับวันอาทิตย์ดึกๆ หน่อย ก็มีเวลาเหลือ เที่ยวน่านได้ทั่วแล้วค่ะ และที่สำคัญขากลับพวกเรายังขนของฝากกันแน่นกระเป๋าแต่ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องน้ำหนักกระเป๋าเลยค่ะ เพราะนกแอร์เค้าให้โหลดฟรีถึง 15 กิโลกรัม พูดเลย!! ฟินก็ตรงนี้แหละค่ะ!!
แถมยังมีราคาตั๋วโปรโมชั่นมาให้เลือกจับจองอยู่เรื่อยๆ ราคาโปรโมชั่นเริ่มต้นแค่ 800 กว่าบาทเองค่ะ ซึ่งถูกมากๆ หากเพื่อนๆ สนใจก็เข้าไปเช็คราคากันได้เลย>> www.nokair.com
ไฟลท์กลับน้องๆ แอร์บนเครื่องก็ดูแลอย่างดีเช่นเคย คอยเสิร์ฟขนมและน้ำ (ฟรี) แต่เราติดใจกาแฟบนเครื่อง ก็เลยใช้บริการนกบาริสต้าปิดท้ายอีกรอบ ได้นั่งจิบกาแฟชิลๆ มองฟ้าเพลินๆ เผลอแป๊บเดียวเครื่องก็แลนดิ้งถึงสนามบินดอนเมืองแล้วค่ะ... และสำหรับใครที่อยากลองชิมกาแฟลอยฟ้าจาก Nok Sky Cafe’ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยค่ะ >> http://goo.gl/0Czppt
Story by : เนวิเกเตอร์สาว
Tags: น่าน
รีวิวที่เที่ยว ที่เที่ยว | 03 ก.ค. 2024 | 2,537 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว | 28 เม.ย. 2024 | 3,004 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว | 08 มี.ค. 2024 | 2,995 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว | 06 ก.พ. 2024 | 4,179 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว ที่เที่ยว | 29 ม.ค. 2024 | 5,007 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว | 24 ม.ค. 2024 | 4,106 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว ที่เที่ยว | 22 ม.ค. 2024 | 7,312 อ่าน