calendar_month 19 มิ.ย. 2015 / stylus Admin Chillpainai / visibility 17,832 / ข่าวท่องเที่ยว
กินของหวานอย่างไรไม่ให้อ้วน
สำหรับสาวๆหลายคนที่ชอบรับประทานของหวานเป็นชีวิตจิตใจ แต่ก็ต้องหยุดลงทันทีเพราะกลัวอ้วน วันนี้ชิลไปไหนจะมาบอกวิธีกินของหวานอย่างไรไม่ให้อ้วน เพื่อหุ่นเพรียวสวยของสาวๆกันค่ะ
การที่จะอดขนมหรือของว่างโดยไม่ทานเลยนั้นคงเป็นเรื่องยากสำหรับสาวๆอย่างมาก แต่ถ้าให้เลือกทานระหว่างทานเป็นของว่างกับทานหลังมื้ออาหารแล้วละก็ คงจะง่ายขึ้นด้วยเคล็บรับการรับประทานของหวานอย่างถูกวิธีดังนี้
1. ทานหลังมื้ออาหาร
การทานอาหารตอนท้องว่างจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่เรียกว่า อินซูลิน ที่มีผลต่อการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ นอกจากนี้ อินซูลินยังกักตุนคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ถูกใช้ไปเป็นพลังงานนั้นไปเป็นไขมัน การทานขนมหรือของหวานหลังมื้ออาหาร นอกจากระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มสูงขึ้นจากมื้ออาหารแล้ว ยังได้รับเพิ่มจากของหวานที่ทานเข้าไป พลังงานส่วนเกินจากของหวานจะกลายเป็นไขมันได้ง่ายนั่นเอง
2. ทานเป็นของว่าง (บ่าย 2 - 4 โมงเย็น)
ถ้าในกรณีทานเป็นของว่าง หลังอาหารประมาณ 2 ชั่วโมงไปแล้ว น้ำตาลในเลือดได้กลับมาสู่ระดับปกติ ในเวลานั้นแม้จะทานของหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดก็ไม่เพิ่มกะทันหัน เพราะฉะนั้น การทานของหวานหลังอาหาร 2 ชั่วโมงไปแล้วนั้น เป็นวิธีการทานที่เหมาะแก่คนลดน้ำหนัก แต่อย่างไรก็ดี ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ทานด้วย
เพราะหลังจากนั้นเรายังมีกิจวัตรประจำวันทำอีกมากที่จะใช้พลังงานออกไป เพราะหลังจากนั้น ร่างกายของเราจะมีเวลาในการใช้พลังงานได้อยู่ แต่ถ้าเลือกทานตอนท้องว่างจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่เรียกว่า อินซูลิน ที่มีผลต่อการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ นอกจากนี้ อินซูลินยังกักตุนคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ถูกใช้ไปเป็นพลังงานนั้นไปเป็นไขมัน และจะทำให้มีไขมันสะสมได้ และที่สำคัญห้ามทานหลังอาหารมื้อเย็นเด็ดขาด
3. กำหนดปริมาณ
ทานโดยกำหนดปริมาณ หรือลดปริมาณของหวานลงครึ่งหนึ่ง เช่น แบ่งออกจากถุงใหญ่ออกใส่จาน กำหนดตัวเองว่าจะทานเท่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการทานเพลินรู้ตัวอีกทีหมดถุงเสียแล้ว
4. รู้ปริมาณแคลอรี
ก่อนกินควรอ่านปริมาณแคลอรีในขนม โดยดูจากฉลากแสดงข้อมูลโภชนาการข้างกล่อง หากเป็นไปได้ควรเลือกกินหรือซื้อชนิดที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบน้อยที่สุด
ก่อนกินควรอ่านปริมาณแคลอรีในขนม โดยดูจากฉลากแสดงข้อมูลโภชนาการข้างกล่อง หากเป็นไปได้ควรเลือกกิน หรือซื้อชนิดที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบน้อยที่สุด
5. ลดแคลอรี
การตัดน้ำตาล ครีม ออกจากขนมก่อนกิน เช่น เกลี่ยน้ำตาลไอซิ่งที่โรยหน้าขนมปังออก หรือไม่ใส่กะทิในขนมหวาน จะลดพลังงานได้ถึง 81- 150 แคลอรี หรือเกลี่ยครีมหน้าขนมเค้กออก ลดพลังงานได้ถึง 160 แคลอรี
6. ชาเขียว หรือ กาแฟร้อน หลังมื้อขนม
กาเฟอีนจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน หากต้องการเพิ่มรสชาติให้ใส่น้ำตาลเทียมแทน
7. งดแป้งและน้ำตาลในวันรุ่งขึ้น
มื้อเช้าและกลางวันเน้นผัก 80% โปรตีน 20% ส่วนมื้อเย็นให้กินผักผลไม้สดและดื่มน้ำเปล่าทั้งวัน
8. ใช้ช้อนชาตักของหวาน
เพื่อให้เรากินคำเล็กลง และช้าลง และเมื่อตักขนมเข้าปากแต่ละคำให้เคี้ยวช้าๆ เคี้ยวให้นานที่สุด เพื่อให้กระเพาะและตับไตไส้พุงทำงานกะมันน้อยที่สุด เพื่อให้ย่อยสลายได้เร็วที่สุดค่ะ ด้วยการเคี้ยวให้ละเอียด เคี้ยวนานๆ ทำเช่นเดียวกันทุกคำ พยายามเว้นระยะของเวลา ไม่ต้องรีบร้อน และทานพร้อมกับน้ำชาจะให้ความรู้สึกว่าอิ่มเร็ว
9. ทานของหวานดั้งเดิม
การรับประทานของหวานแบบดั้งเดิมดีกว่าทานของหวานตะวันตก ของหวานตะวันตกใช้วัตถุดิบทั้งครีม ทั้งเนย ล้วนแต่เป็นสิ่งที่กลายเป็นไขมันง่ายทั้งสิ้น หันมาทานขนมดั้งเดิมเช่น ขนมดังโงะ ขนมมันจู จะดีกว่า หากเปรียบเทียบกับคาร์โบไฮเดรตและไขมันแล้ว เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก
10. เอาความหวานของงผลไม้มาทดแทน
ถ้าทานผลไม้ให้มากขึ้น ความอยากของหวานๆ ก็จะน้อยลงไปเอง
ไม่ยากเลยใช่ไหมหล่ะคะ กับเคล็ดลับวิธีการรบประทานขนมหรือของหวานไม่ให้อ้วน ต่อไปนี้เพื่อนๆชาวชิลก็ไม่ต้องกังวลเพราะความอ้วนจะสร้างความรำคาญใจให้คุณอีก ถ้าเราเลือกรับประทานแล้วทำให้ถูกวิธีเราก็จะมีหุ่นสวย สุขภาพดีแถมไม่อ้วนอีกด้วย :)
ข้อมูลจาก :www.beautiful-diet.com
เรียบเรียงโดย :ชิลไปไหน
Tags: ของความ ลดความอ้วน
ข่าวท่องเที่ยว | 22 พ.ย. 2024 | 216 อ่าน
ข่าวท่องเที่ยว | 19 พ.ย. 2024 | 454 อ่าน
ข่าวท่องเที่ยว | 18 พ.ย. 2024 | 235 อ่าน
ข่าวท่องเที่ยว | 15 พ.ย. 2024 | 2,620 อ่าน