ทริป 3 วัน 2 คืน นอนโฮมสเตย์บ้านหนองแม่นา อยู่กับธรรมชาติที่เพชรบูรณ์

"เมืองมะขามหวาน อุทยานน้ำหนาว ศรีเทพเมืองเก่า 

เขาค้ออนุสรณ์ นครพ่อขุนผาเมือง"

FAM Trip ได้ชวนเราไปเที่ยวกันอีกแล้วค่ะ 

ครั้งนี้เราได้มีโอกาสไปเที่ยวโฮมสเตย์บ้านหนองแม่นา จังหวัดเพชรบูรณ์ 3 วัน 2 คืน

ไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน ตามไปเที่ยวพร้อมๆ กันเลยค่ะ

วันแรก

ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์โดยรถตู้ค่ะ

มาถึงวิเชียรบุรีตอนเที่ยงพอดีเลยแวะทานอาหารกลางวันสักหน่อยค่ะ ที่ร้านไก้ย่างบัวตอง

หลังจากทานอิ่มก็ขึ้นรถเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางของเราวันนี้ นั้นก็คือที่บ้านหนองแม่นา ที่นี่เขามีโฮมสเตย์ไว้ตอนรับนักท่องเที่ยวค่ะ

และแล้วเราเดินทางมาถึงโฮมสเตย์บ้านหนองแม่นา จังหวัดเพชรบูรณ์ แต่ก่อนจะเข้าที่พักเราได้แวะเยี่ยมชมอนุสาวรีย์พันตรีทองแดง บุญญานุสนธิ์ ซึ่งชาวบ้านหนองแม่นาเคารพนับถือมาก

หลังจากเราทำความเคารพอนุสาวรีย์พันตรีทองแล้ว ก็มีการพบปะกับกลุ่มโฮมสเตย์บ้านหนองแม่นาค่ะ โดยคุณสมพงษ์ ตุ้มคำ ประธานกลุ่มโฮมสเตย์ ได้กล่าวต้อนรับ และนำให้รู้จักกับพ่อบ้านของโฮมสเตย์แต่ละหลังค่ะ

เราได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเลยค่ะ มีพวงมาลัยดอกไม้จากทางโฮมสเตย์ที่ทำไว้รอต้อนรับ

ก่อนจะเข้าที่พักเรามาสักการะศาลแม่ย่ากันก่อนค่ะ ที่นี่สถานที่ที่ชาวบ้านเคารพและศรัทธาเป็นอย่างมาก

โฮมสเตย์บ้านหนองแม่นา เกิดขึ้นจากการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศของกลุ่มชุมชนคนรักษ์ป่าหนองแม่นา มีการรวมตัวกันจัดทำโฮมสเตย์ขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเมื่อปี 2553 ที่หนองแม่ยังคงความสมบูรณ์ของระบบนิเวศไว้ได้อย่างดีทีเดียว

พอเก็บกระเป๋ายืดเส้นยืดสายหลังจากที่นั่งรถมาหลายชั่วโมง เดินออกมานอกบ้านอีกทีพระอาทิตย์ก็ตกดินซะแล้ว ได้เวลาทานอาหารเย็นพอดีเลยค่ะ

เมนูที่โฮมสเตย์เตรียมไว้วันนี้ น่าทานมากเลยค่ะ มีแกงส้ม น้ำพริกปลาทู ผักต้มแล้วก็ไข่เจียว

หลังจากทานอาหารเสร็จ เรายังมีอีก 1 โปรแกรมที่น่าสนใจที่จะไปทำหลังจากนี้คือ ไปส่องสัตว์ที่ทุ่งแสลงหลวงค่ะ 

ที่เห็นอยู่นี้คือโมเดลจำลองเขตพื้นที่ป่าของทุ่งแสลงหลวงค่ะ เจ้าหน้าที่พาเรามาดูก่อนที่จะไปส่องสัตว์กัน ขอบอกเลยค่ะว่า ถึงจะเป็นเข้าใกล้หน้าร้อน แต่ที่ทุ่งแสลงหลวงอากาศเย็นมาก ระหว่างทางไปส่องสัตว์นี่มือแข็งเลยค่ะ พลาดนิดนึงตรงที่ไม่มีเสื้อแขนยาวไป อยากจะบอกว่าเจอกวางหลายตัวมาก เสียดายที่ไม่ได้เก็บภาพมาฝาก

วันที่ 2

วันที่สองเราตื่นกันตั้งแต่ตี 5 เลยค่ะ เพื่อจะเดินทางไปที่เขาตะเคียนโง๊ะ ไปชมพระอาทิตย์ขึ้น

วิวสวยมากค่ะ ระหว่างที่รอพระอาทิตย์ขึ้น หมอกก็กำลังลอยเข้ามา จากตอนแรกที่ไม่ค่อยมี แล้วก็ค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เลยค่ะ เหมือนกำลังจะลอยมาหาเรา อากาศก็ดี วิวก็สวย 

มาแล้วค่ะ แสงแรกของวันนี้สวยมาก สมกับการตื่นเช้าเพื่อมาดูจริงๆ เลยค่ะ

แอบกระซิบนิดนึงค่ะ ถ้าไม่บอกว่าตอนที่ไปเป็นช่วงที่กำลังเข้าหน้าร้อน เราคิดว่ามันคือหน้าหนาวซะอีก จำได้ว่าตอนนั้น อุณหภูมิอยู่ที่ 21 องศาเซลเซียส อยากเก็บอากาศแบบนี้กลับกรุงเทพฯ มากๆ เลยค่ะ

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ก็มาลุยกันต่อที่แก่งบางระจันค่ะ นั่งเรือพายล่องลำน้ำเข็ก ไปหาแมงกระพรุนน้ำจืด กับผีเสื้อ แต่ไม่รู้จะเจอหรือเปล่า ต้องไปลุ้นกันค่ะ

จะล่องเรือก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนค่ะ ใส่เสื้อชูชีพที่เค้าเตรียมไว้ให้สักนิดนึง

ล่องเรือไปก็ลุ้นไปนะคะ ว่าจะเจอแมงกระพรุนนำจืดหรือเปล่า เพราะก่อนหน้าที่เราจะมา 2 - 3 วันก่อน คุณลุงที่พายเรือได้พานักท่องเที่ยวมาดูปรากฎว่า แมงกระพรุนออกมาโชว์ตัวน้อยเหลือเกิน

คุณลุงบอกว่าถ้าเราเจอแมงกระพรุนแล้วห้ามเอามือไปจับมันนะคะ เพราะว่าเจ้าแมงกระพรุนน้ำจืดเนี่ยบอบบางมาก คุณลุงบอกว่าถ้าอยากเห็นชัดๆ ให้เอาขันตักมาดู เสร็จแล้วก็ปล่อยคืนไปเหมือนเดิม

หลังจากล่องเรือมาสักพัก และแล้วสิ่งที่เรารอคอยก็มาถึง เจอแล้วค่ะแมงกระพรุนน้ำจืด คุณลุงบอกว่าเราโชคดีมากเพราะ เจ้าแมงกระพรุนออกมาโชว์ตัวกันเยอะเลย ที่เห็นในรูปนี่ตัวใหญ่มากเลยนะคะ ขนาดตัวใหญ่ที่สุดของแมงกระพรุนน้ำจืดก็ประมาณเหรียญ 5 บาท

เราเจอพระเอกกันไปแล้ว ก็ต้องไม่ลืมนางเอกของวันนี้ใช่มั้ยค่ะ นั่นคือผีเสื้อค่ะ

พอถึงจุดหมายปลายทางเราก็พบกับฝูงผีเสื้อ สวยมาก ทุกคนหมดเวลาไปกับการถ่ายรูปผีเสื้ออย่างจริงจังก่อนจะล่องเรือกลับ

ได้เวลาล่องเรือกลับไปทานอาหารกลางวันแล้วล่ะค่ะ 

หลังจากทานอาหารกล่งวันเสร็จ กิจกรรมต่อไปคือนั่งรถอีแต๊กชมแปลงเกษตรของ

บ้านหนองแม่นาค่ะ

ที่แรกที่ไปคือไร่เสาวรส เพิ่งเคยเห็นลูกเสาวรสก็วันนี้แหละค่ะ ปกติกินแต่น้ำเสาวรสเลยไม่รู้ว่าผลของมันจริงๆ เป็นยังไง 

เสร็จแล้วเราไปต่อกันที่ไร่หัวไชเท้า และโรงเลี้ยงไหมค่ะ

หลังจากนั้นก็กลับมาที่โฮมสเตย์เพื่อเก็บสัมภาระเพื่อเดินทางต่อค่ะ

ก่อนจะเดินทางโฮมสเตย์ได้มอบของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ ให้เราค่ะ นั่นก็คือข้าวลืมผัว ชาวบ้านบอกว่าอร่อยจนลืมเหลือไว้ให้ผัวกิน นี่คือที่มาของชื่อข้่าวลืมผัว

โฮมสเตย์บ้านหนองแม่นา

ค่าบริการบ้านพักโฮมสเตย์ 1 คืนรวมอาหาร 2 มื้อ 350 บาท

ส่องสัตว์ทุ่งแสลงหลวง 800 บาท/คัน นั่งได้ 8 ท่าน/คัน

หลังจากเดินทางอออกจากโฮมสเตย์บ้านหนองแม่ เราก็มาที่ พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก เขาค้อ เพื่อสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ก่อนเดินทางไปโรงแรมที่เราจะพักกันในคืนนี้ค่ะ

มาถึงแล้วค่ะที่เราพักกันในคืนนี้คือ โรงแรมอิมพีเรียลภูแก้ว ฮิลล์ รีสอร์ท เขาค้อ ขอตัวไปก่อนนะคะ เจอกันพรุ่งนี้เช้าค่ะ

วันที่ 3 

หลังจากเก็บสัมภาระ ทานบอาหารเช้าเสร็จ เราก็เดินทางมายังวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วค่ะ 

น่าเสียดายที่เราไม่สามารถเข้าไปชมความงามของมหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ได้

ก่อนจะเข้าไปด้านมาอ่านกฎระเบียบกันนิดนึงค่ะ สำหรับใครที่ใส่กางแกง หรือกระโปรงสั้นเข้าไปทางวัดได้เตรียมผ้าถุงไว้ให้ค่ะ 

จากมุมนี้เราจะมองเห็นพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ซึ่งสวยมากๆ  ที่นี่ลมพัดเย็นตลอดเวลาเลยค่ะ

สถานีต่อไป Route 12 

หลังจากเดินทางออกจากวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เราก็แวะพักกันที่ Route 12 นิดนึงก่อนจะเดินทางไปที่ พิพิธภัณฑ์อาวุธ (ฐานยิงสนับสนุนอิทธิ)

มาถึงแล้วค่ะ พิพิธภัณฑ์อาวุธ (ฐานยิงสนับสนุนอิทธิ)

ก่อนเข้าต้องเสียค่าบำรุงสถานที่คนละ 10 บาทค่ะ

หลังจากเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์อาวุธเสร็จ นั่งรถต่อมาอีกหน่อยก็จะเป็นอนุสรณ์ผู้เสียสละเขาค้อ

อนุสรณ์ผู้เสียสละเขาค้อ เป็นสัญลักษณ์แห่งความเสียสละของเหล่าทหารหาญ ตำรวจ และพลเรือน ที่ยอมพลีชีพ เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้ไว้ ด้วยการปฏิบัติภารกิจในการต่อสู้เพื่อ เอาชนะผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ จากจุดชมวิวตรงนี้เรามองเห็นวิวสวยๆ ได้รอบเลยค่ะ ถ้ามาช่วงหน้าหนาวจะต้องฟินแน่ๆ เลย

นั่งชมวิวกันมาพักนึงก็ได้เวลาเดินทางกลับกรุงเทพฯ แล้วค่ะ

พอลงมาจากเข้าค้อก่อนจะเดินทางกลับก็ขอแวะสักการะ พระพุทธมหาธรรมราชา

เฉลิมพระเกียรติฯ ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก่อนค่ะ

ได้เวลาแวะซื้อของฝากแล้ว มาถึงเพชรบูรณ์ทั้งที่ก็ต้องแวะซื้อของฝากที่ไร่กำนันจุลค่ะ 

ใครมีเวลาลองมาเที่ยวแบบโฮมสเตย์ดูนะคะ เปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวแบบสัมผัสวิถีชีวิต 

ของคนในท้องถิ่น รับรองคุณจะมีทั้งความสุข และความสนุกแบบที่ไม่เคยได้มาก่อนเลยล่ะค่ะ

Tags: หนองแม่นา เพชรบูรณ์ โฮมสเตย์ เขาค้อ ทุ่งแสลงหลวง ทริป

เขียนโดย

Admin Chillpainai

แชร์บทความนี้