0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

ทริปแบกเป้ นอนเต็นท์ ท่ามกลางแสงดาวที่เขาค้อ-ภูทับเบิก

calendar_month 05 ก.พ. 2015 / stylus Admin Chillpainai / visibility 67,436 / รีวิวที่เที่ยว

"ไปกางเต็นท์ที่ภูทับเบิกกันมะ"

อยู่ดีๆ เพื่อนสาวเธอก็ไลน์มาชวนในเย็นวันศุกร์ ระหว่างที่กำลังฝ่ารถติด

เพื่อนำร่างที่อ่อนระโหยแรงจากการทำงานกลับบ้าน

"วันไหน?" ฉันถามกลับไป

"พรุ่งนี้" คือคำตอบสั้นๆ ที่เธอตอบกลับมา

"OK" หลังจากพิมพ์คำนี้เสร็จฉันก็กลับไปเก็บกระเป๋าใบเล็กๆ สำหรับการเดินทาง 2 วัน 1 คืน

พร้อมกับอุปกรณ์สำหรับนอนเต็นท์ ทั้งถุงนอน และที่ไม่ลืมก็คือ  

LuminAID (ลูมิเนด) ไฟพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดพกพา 

ที่เพิ่งซื้อมาจากการแนะนำของรุ่นพี่นักเดินทางท่านหนึ่ง

ว่าสำหรับขาลุย ชอบนอนเต็นท์อย่างฉันควรมีไว้ติดตัวด้วย

หลังจากเก็บของเสร็จฉันนำ LuminAID (ลูมิเนด)  ไฟพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดพกพา 

มาศึกษาขั้นตอนการทำงานคร่าวๆ รุ่นพี่คนนั้นเคยบอกฉันว่า

ใช้ง่ายมากๆ แค่เป่าลมเข้าไปจนมีรูปร่างเหมือนหมอนพลาสติก

เปิดปุ่ม แล้วให้ตัวแผงโซล่าเซลล์ได้รับแสงอาทิตย์ ก็สามารถใช้ได้แล้ว

โดยการทำงานของเจ้าตัวนี้คือการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์

และใช้แบตเตอรี่ในการเก็บไฟ โดยสามารถใช้ได้นานสูงสุด 16 ชั่วโมง  

และสามารถชาร์จซ้ำได้ถึง 1,000 ครั้งหลังจากศึกษาการใช้งานเป็นที่เรียบร้อย นัดหมายเวลา

และสถานที่กับเพื่อนสาวฉันก็นอนเก็บแรงเพื่อการเดินทางอันยาวไกลของวันพรุ่งนี้

karok_eat

เช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อทุกอย่างพร้อม เราก็ขอทิ้งชีวิตอันวุ่นวายของเมืองหลวงไว้ข้างหลัง

เพื่อเดินทางสู่เขาค้อ-ภูทับเบิก โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 21 (สระบุรี-หล่มสัก) แล้วเลี้ยวเข้าทางหลวง

หมายเลข 12  เพื่อมุ่งสู่เขาค้อ

กดที่ภาพเพื่อดูแผนที่ขนาดใหญ่

โดยที่แรกที่เรามาแวะกันนั้นคือวัดพระธาตุผาแก้ว หรือพระธาตุผาซ่อนแก้วศาสนสถานจากแรงศรัทธาที่ตั้ง

เด่นตระหง่านสวยงามอยู่บนภูเขา เป็นครั้งแรกของฉันที่ได้มาสัมผัสความงดงามของที่นี่ด้วยตาของตัวเอง

ภาพสวยๆ ที่เคยเห็นในเว็บไซต์ไม่เท่ากับภาพที่ฉันเห็นในวันนี้ 

สถาปัตยกรรมอันสวยงามที่เขานำแก้ว กระเบื้อง ลวดลายต่างๆ ทั้ง ถ้วยชามเบญจรงค์ เครื่องประดับ หินสี

มาประดับประดา  อยู่ในเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรม

สารีริกธาตุซึ่งได้รับประทานมาจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก

และเรายังโชคดีที่ได้มาพบความงดงามของพระมหาอุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ซึ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน

สีขาวขององค์พระอุโบสถ ตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าเป็นภาพที่งดงามมากๆ

เรานมัสการองค์พระธาตุ และเก็บภาพความสวยงามเสร็จเรียบร้อยก็เกือบบ่ายโมง 

เสียงท้องเริ่มร้องเป็นจังหวะกลอง เราเลยลงความเห็นกันว่าจะหาร้านอาหารอร่อยใกล้ๆ แถวนี้

ทานก่อนขึ้นสู่ภูทับเบิก ซึ่งร้านที่เรามาแวะทานกันครั้งนี้ชื่อร้านกลิ่นข้าวไร่

   

อาหารที่เราสั่งมาทาน ทั้งหมด 4 เมนู ได้แก่ผัดฟักแม้ว ต้มแซ่บเอ็นแก้ว ไข่เจียวแหนม และยำคะน้ากุ้งสด

รสชาติพอใช้ได้ ราคาไม่แพง ที่ชอบที่สุดคือผัดฟักแม้วอร่อยมาก ส่วนต้มแซ่บเอ็นแก้วเอ็นค่อนข้างเหนียว

ไปหน่อย  แต่โดยรวมก็ถือว่าใช้ได้เลยค่ะ 

ทานอาหารเสร็จเราก็มุ่งหน้าขึ้นสู่ภูทับเบิก ระยะทางจากตรงนี้ประมาณ 50 กิโลเมตร 

โดยทางที่ที่ขึ้นไปค่อนข้างชัน และมีเลี้ยวแบบหักศอกมากมาย ทำให้ฉันเริ่มมวนท้องจนต้องขอให้เพื่อนสาว

จอดแวะพักตรงจุดพักรถ และชมวิวที่สวยจนแทบจะหยุดหายใจ

วิวข้างหน้าเราคือขุนเขาที่มองลงไปเห็นภาพถนนอันคดเคี้ยวที่เราเพิ่งขับผ่านมาเมื่อกี้

อากาศเริ่มหนาวเย็น แสงพระอาทิตย์เริ่มอ่อนแสงลง เสียงของสายลมที่เหมือนกระซิบบอกเราให้สัมผัสถึง

ความอ่อนโยนของขุนเขา ฉันสั่งโกโก้ร้อนมาจิบพร้อมกับซึมซับภาพตรงหน้าจนพอใจก็เดินทางขึ้นสู่ยอด

ภูทับเบิก

เราเดินทางมาสู่จุดกางเต็นท์ของภูทับเบิก โดยที่นี่เขามีบริการให้เช่าเต็นท์สะดวกสบายไม่ต้องนำเต็นท์มา

เอง แค่เพียงมาติดต่อที่วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวภูทับเบิก ค่าเต็นท์เล็ก 400 บาท นอนได้ 2 คน และเต็นท์

ใหญ่ ราคา  650 บาท นอนได้ 4 คน แต่ฉันว่า 3 คนกำลังดี ถ้ามาพัก 4 คน อาจจะอึดอัดเกินไป โดยเขาจะมี

เครื่องนอนให้ ทั้งผ้าห่ม หมอน เสื่อให้  ส่วนใครกลัวหนาวสามารถเช่าผ้าห่มเพิ่มได้ โดยคิดผืนละ 60 บาท

ส่วนห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม มีห้องสุขาเยอะแต่ไม่ค่อยสะอาดเท่าไร ส่วนห้องอาบน้ำสำหรับผู้หญิงมีเพียง

2 ห้อง ใช้ได้จริงเพียง 1 ห้อง ค่าบริการห้องน้ำคนละ 5 บาท พอตกดึกสามารถเข้าฟรีได้ ส่วนใครนำเต็นท์มา

เองเสียค่าบำรุงสถานที่ 50 บาท เช่า หมอน 20 บาท/ใบ , ผ้าห่ม 60 บาท/ผืน  และเสื่อ 30 บาท/ใบ 

นอกจากนี้ยังมีบ้านเป็นหลังบริการ โดยบ้านหลังใหญ่นอนได้ประมาณ 10 คน หลังละ 2,500 บาท หลังเล็ก

หลังละ 1,500 บาท  มีห้องน้ำในตัว ทีวี และเครื่องทำน้ำอุ่น สามารถโทรไปสอบถามได้ที่ 085-7339737 

เมื่อพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป แต่เรายังมีแสงของ LuminAID (ลูมิเนด)  ไฟพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดพกพา

ที่เราเปิดให้รับแสงจากพระอาทิตย์ตลอดทางที่เราชับรถมาจากกรุงเทพฯ เปิดปุ๊บก็ใช้งานได้ทันที

สว่างไสว จะอ่านหนังสือหรือจะเมาท์กับเพื่อนได้สะดวกสบายมากๆ

ค่ำคืนนี้เราหลับไปพร้อมกับแสงดาวบนท้องฟ้า และ LuminAID (ลูมิเนด)  ดวงไฟในเต็นท์ของเรา

ซึ่งสามารถอยู่ได้ถึงยันเช้าเลยล่ะค่ะ

6 โมงเช้าก็ถึงเวลาที่ทุกคนในเต็นท์รู้กันว่าจะต้องมาเฝ้ารอคุณพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา

เป็นภาพความสวยงามที่เราไม่สามารถเห็นได้ในเมืองกรุง

เก็บภาพความงดงามของภูทับเบิกจนเต็มเมมเมอรี่กล้องและเมมเมอรี่ภายในหัวใจ

ก็เตรียมโบกมือลาดินแดนแห่งนี้สู่เมืองกรุง

การเดินทางครั้งนี้ทำให้เรารับรู้ถึงความอ่อนโยนของชีวิต

รู้สึกได้ถึงสายลม ขุนเขา ที่จะบอกเราว่าจงอย่าหยุดออกเดินทาง

karok_eat

 

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.QandGlimited.com



เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai