0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

ไปวัดใจกันให้เสียวสุดๆ ที่เขาช้างเผือก

calendar_month 12 ต.ค. 2013 / stylus Admin Chillpainai / visibility 128,191 / รีวิวที่เที่ยว

เขาช้างเผือก เป็นยอดเขาสูงสุดของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติแนวผจญภัยอีกแห่งใน จ. กาญจนบุรี

 

ภาพสุดฮิตติดตา สำหรับเขาช้างเผือก นั่นคือสันเขาทอดยาวขึ้นลงเหมือนหลังช้าง
และจุดที่ขึ้นชื่อเรื่องความท้าทาย เสียวสุดๆ คือตรงสันคมมีด ใกล้จุดยอดสูงสุดของเขาช้างเผือก
ซึ่งจะมีลักษณะเป็นกิ่วที่สันเขา ซ้ายเหว ขวาก็เหว เขาเรียกกันว่า "สันวัดใจ"


 

 

ลือชื่อมานานกับสันคมมีดเสียวๆ คราวนี้ได้ไปดูให้รู้จริงๆ ว่ามันเสียวจริงมั้ย... please

 

สำหรับการเดินทางไปเขาช้างเผือกนั้น จะต้องติดต่อทางอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิไว้ก่อน เพราะมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละวัน เนื่องจากบนนั้นมีพื้นที่จำกัดในการกางเต็นท์และจำนวนลูกหาบต่อจำนวนนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่จะใช้เวลา 2 วัน 1 คืน สำหรับทริปเขาช้างเผือกนี้

 

เมื่อติดต่ออะไรไว้แล้ว สิ่งที่ต้องจัดการต่อมา ก็คือเสบียงที่จะขึ้นไปทำอาหารด้านบน ถ้าจะให้ดีควรเป็นอาหารที่ทำง่ายๆ ไม่ต้องใช้น้ำเยอะ เนื่องจากด้านบนไม่มีแหล่งน้ำ รวมไปถึงน้ำสำหรับอาบด้วยนะ เพราะฉะนั้นก็ต้องเตรียมอาบน้ำด้วยทิชชู่เปียกกันล่ะ

 

นอกจากนี้ก็ยังต้องเตรียมเต็นท์และถุงนอนด้วย แต่อันนี้เราจ้างลูกหาบแบกของส่วนกลาง ส่วนสัมภาระส่วนตัว ใครใคร่แบกเองก็ได้ หรือจะจ้างลูกหาบก็แล้วแต่สะดวกจ้า แต่กล้องก็น่าจะติดตัวไว้ถ่ายระหว่างทางสวยๆด้วยนะ

 

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็ออกเดินทางสู่ตัวอุทยานเเห่งชาติทองผาภูมิ เพื่อนัดเจอเจ้าหน้าที่อุทยานที่จะดูเเลกลุ่มเรา ก่อนจะเตรียมพร้อม ขับผ่านโค้งเเละโค้ง เกือบถึงชายแดนไทย-พม่า ไปยังหมู่บ้านอีต่อง รับลูกหาบเเล้วเริ่มต้นออกเดินเท้า... สู้!! สู่เขาช้างเผือก!!!

 

 

 

ระยะทางเกือบ 9 กิโลเมตร ผ่านทางเดินราบ ชันน้อยๆ ชันมาก ไปตามยอดเขา จากยอดสู่ยอด ขึ้นๆลงๆ ผ่านป่าไผ่เเวะกินข้าวเที่ยงเป็นข้าวใส่ถุงที่ติดตัวมากัน เเล้วก็ออกเดินทางต่อ เเดดร้อน เเต่ลมเย็นที่พัดมาสู่ตัว คือเเรงกำลังใจที่ทำให้หายเหนื่อย เเละทำให้ออกเดินต่อได้ทุกครั้งที่หยุดพัก

 

 

แม้ว่าระยะทางจะดูไกลและน่าย่อท้อ แต่จริงๆแล้ว สำหรับคนที่ออกกำลังกายมาอย่างสม่ำเสมอ จะเดินได้สบายๆ ไม่เหนื่อยอย่างที่คิด เพราะมันไม่ชันมาก เเละทางก็เดินเรื่อยๆ ไม่ลำบาก
 

ถ้ามาในช่วงฤดูหนาว จะไม่มีเเมลง ไม่มีทาก ไม่มีฝน แต่ถ้าหากมาช่วงปลายฝนต้นหนาว อาจจะเจอกับสายฝนบ้าง แต่ว่า ทุ่งหญ้าจะเป็นสีเขียวสดใส และเมื่อฝนหมด เราจะเจอสายหมอกที่เยอะสวยงามมากเลยล่ะ

 

 

 

สองข้างทางส่วนใหญ่คือหญ้าสูงท่วมหัวคนตัวเตี้ยๆอย่างเรา ...ขอเเนะนำนะคะ ให้เตรียมปลอกเเขน หรือใส่เเขนยาว เพราะจะป้องกันใบไม้บาดตามร่างกาย เเละคนตัวเตี้ย ใส่เเว่นตาก็ดี กันใบไม้ทิ่มตา อ่ะคุ๊ณณ เจ็บค่ะ !!!
 

  

 

กว่า 4 ชั่วโมงที่เดินกันมา ก็จะเริ่มเห็นจุดกางเต็นท์ลิบๆ ที่หุบเขาด้านหน้าโน้นนนน ลงจากเขานี้ไปก็ถึงแล้ว
 

  

 

 

 

น้องๆลูกหาบที่นี่บริการดีมากกกค่ะ ถ้าเค้าเดินนำถึงที่กางเต็นท์ก่อนเรา เค้าจะกางเต็นท์รอให้เราเลย เหตุผลที่เค้าหาทำเลกางเต็นท์ให้ เพราะว่า ที่บนนี้ที่เเคบ ต้องจัดสรรพื้นที่รองรับนักเดินทางให้พอค่ะ

เราก็สบายๆ เลยงานนี้ ไปถึง... ได้พักเลย 

 

 

จากจุดนี้ อีกประมาณ 3 กิโลเมตร 2 ชั่วโมง คือระยะทางและเวลาที่ใช้ในการขึ้นไปสู่ยอดสูงสุดของเขาช้างเผือกและสันคมมีด !!! สามารถขึ้นได้ในช่วงเย็นที่เราไปถึง หรือว่าจะขึ้นตอนเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ (การตัดสินใจ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศตอนนั้น) ถ้าขึ้นเย็นนี้ก็จะดีหน่อย เหนื่อยก็ให้เหนื่อยวันเดียว และยังได้เห็นพระอาทิตย์ตกดินที่จากจุดสูงสุดด้วย

 

เอาล่ะ  ถึงจุดนี้ ต้องบอกว่า ถ้าไม่ได้ขึ้นไปยังสันคมมีด ถือว่าไปไม่ถึงเขาช้างเผือกอย่างแท้จริงล่ะ... ฮี่ๆๆ

 

 

 

ระยะทางช่วงนี้ค่อนข้างชัน และต้องใช้ความระมัดระวังสูง มีปีนเขา ปีนหินด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงช่วง "สันคมมีด" ก่อนถึงจุดยอดสูงสุดของเขาช้างเผือก
มีลักษณะเป็นกิ่วที่สันเขา ซ้ายเหว ขวาก็เหว เป็นช่วงการเดินที่ตื่นเต้นที่สุดของทริป!! 


 

  

 

เขาเรียกกันว่า "สันวัดใจ" แหม...วัดใจสมชื่อจริงๆ sad

 

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านช่วงเเคบกิ่วของสันเขาตรงจุดนี้ จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยให้พวกเรา อุ่นใจได้จ้า แม้ว่าจะต้องกึ่งคลานกึ่งเดินไปเลยอ่ะ... เเนะนำว่า ตอนปีนตรงนี้ ไม่ต้องเอาสัมภาระไปเยอะ ไม่ควรสะพายของเเบบข้าง ควรสะพายหลัง เพราะจะได้ไม่ลำบากกับชีวิตมากนัก ... หรือจะเอาเเต่กล้องติดตัวไปตัวเดียวเป็นพอ

 


 


 

เดินขึ้นเขาอีกสองยอด เเล้วก็ถึงจุดสูงสุดของเขาช้างเผือก ความรู้สึกเมื่อขึ้นไปถึงบนนั้น ถึงกับกรี๊ดดดดด!! ด้วยความดีใจมากกกก ถึงเป้าหมายเสียที ความรู้สึกเหนื่อยๆที่มี มันหายเกลี้ยงไปหมดเลย
มันคุ้มที่ต่อสู้กับหัวใจตัวเอง เหมือนชนะอะไรบางอย่างไปสู่จุดสูงสุดได้ ดีใจมากๆๆ


 

 

 


 

ถ่ายรูป ดูพระอาทิตย์ตกกัน ไม่นานก็ต้องรีบกลับเเล้ว ขากลับต้องถือไฟฉายกันลงมา เพราะเริ่มมืด มองไม่เห็นอะไรเเล้ว ถึงกับคลานกระดืบๆ ลงมาตามหิน ส่วนตอนลงสันคมมีด พี่เจ้าหน้าที่ก็ช่วยเหลืออย่างดีเลยค่ะ

 


 

กลับมาที่เเคมป์ ทำกับข้าวกินกันอร่อยมาก ไม่รู้ว่าเพราะรสชาติอร่อย หรือเพราะหิวจากความเหนื่อยกันแน่
บนนี้ไม่มีน้ำใช้ ไม่ต้องอาบ ใช้ทิชชู่เปียกนี่เเหละค่ะ ส้วมก็เป็นส้วมหลุม (ไม่ปลอดภัยเรื่องกลิ่นอย่างเดียว อิอิ)
ก่อนนอนไม่ค่อยมีอะไรทำ ก็ยืนคุยดูดาวกันไปกัน ก่อนจะก็เเยกย้ายกันไปนอน
คนที่รักธรรมชาติ รับรองเลยว่ามีความสุขจริงๆ


 

 



เช้าตรู่วันต่อมา เราก็ชื่นชมบรรยากาศรอบข้างบนยอดเขานี้ จนหนำใจเเล้ว ทำอาหารเช้ากันแบบง่ายๆ ก่อนจะเก็บข้าวเก็บของ ถ่ายรูปที่ระลึกเเล้วเดินลงกัน ขาลงใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ระหว่างทางก็เจอลมเย็นๆชื่นใจ เเล้วก็คิดถึงโค๊กน้ำเเข็งเย็นๆ เข้าไว้ ก็มีแรงเดินลงแล้วล่ะ

 



ที่เขาช้างเผือกแห่งนี้ นอกจาก สันวัดใจ ที่แสนลือชื่อแล้ว  ยังมีอีกอย่างที่เป็นจุดเด่นของที่นี่... hahaha
นั่นคือ เจ้าหมาน้อยน่ารักนั่นเอง เขาจะเดินเป็นเพื่อนคุณ ตั้งแต่ในหมู่บ้านอีต่อง ขึ้นไปถึงสันคมมีดเลยล่ะ
ใครเดินขึ้นเขาไม่ไหว... ดูหมาน้อยน่ารักเป็นตัวอย่างนะฮ้าฟฟฟ 


 

 

 

 

ปล. แนะนำกันนิดนึงเพื่อเพิ่มอรรสรถในการท่องเที่ยว ใครที่ลงจากเขาช้างเผือกแล้วอยากผ่อนคลาย ให้ไปเล่น "น้ำพุร้อนหินดาด" ต่อเลย การลงไปแช่ตัวน้ำอุ่นๆ มันช่วยให้หายเมื่อยไปได้หลายเท่าตัวเชียวล่ะ

 

 

ลองดูสักตั้ง สำหรับคนที่รักธรรมชาติ ป่าเขา และพร้อมลุย
ตุลาคมนี้ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เริ่มต้นเปิดเขาช้างเผือกให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมความงามกันแล้ว
เราท้าให้คุณลองไปวัดใจกัน ...ที่ สันคมมีด...สันวัดใจ  แห่งเขาช้างเผือกค่ะ !
!

 


เรื่องและภาพโดย This road is mine

 


เขาช้างเผือก
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี 
ติดต่อ 081-382-0359 , 034-532-114 

จองที่พักแบบ Online ได้ทันที
agoda_but.jpg

 



เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai