calendar_month 13 ม.ค. 2012 / stylus Admin Chillpainai / visibility 23,394 / รีวิวที่เที่ยว
คลิ๊กที่นี่เพื่ออ่าน คิดถึงเธอ...ภูกระดึง (ตอนที่ 1 เส้นทางสู่หลังแปถึงผาหมากดูก)
ตามโปรแกรมมาตรฐานเที่ยวภูกระดึง 3 วัน 2 คืนนั้น ในวันที่ 2 ก็จะต้องออกเดินเที่ยว หรือใครจะเช่าจักรยานปั่นก็ได้ ตามรายทางจนไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกันที่จุดชมพระอาทิตย์ตกสุดฮิต นั่นคือ "ผาหล่มสัก" นั่นเอง ส่วนระหว่างทางจะไปเที่ยวไหนนั้น ก็เเอบถามข้อมูลเพื่อนที่บังเอิญมาเจอกันบนภูกระดึงนี่ เเละเที่ยวก่อนหน้าเราวันนึง เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
“เราว่าเราเดินตามนี้ละกันแก สระอโนดาตเมื่อวานนี้ไปมาเเล้วก็ข้ามไป ตะกี้เค้าก็บอกว่าน้ำตกไปที่เดียวก็พอ เราก็ไปแค่น้ำตกถ้ำใหญ่ที่เดียวพอ เเล้วไปผาหล่มสักเลย 'เคมะ"
ฉันจัดการปั้นทริปวันนี้เเบบพูดเองเออเอง แกมบังคับกับเพื่อนสาว เป็นอันว่า วันนี้เราจะเดินไปดูน้ำตกถ้ำใหญ่ ลัดไปสระแก้ว เเล้วค่อยเข้าสู่เส้นทางเลียบหน้าผา ผ่านผานาน้อย ผาเหยียบเมฆ ผาแดง เเล้วไปลงเอยที่ผาหล่มสัก
ก่อนจะออกเดินทาง เราเติมพลังด้วยข้าวเช้าเสียก่อน จัดโจ๊ก ปาท่องโก๋นมข้น เเละกาแฟไปเสร็จสรรพ จัดการอาบน้ำ (มาขึ้นดอยเเบบนี้ควรอย่างยิ่งที่จะอาบน้ำตอนกลางวัน ไม่งั้น หนาวววเเน่ๆๆ) สักสิบโมงกว่าๆ ก็ได้เวลาก้าวเท้าเดินตามทางสู่เส้นทางมหาชน...
ไหว้พระกันก่อน องค์พระอยู่ไม่ไกลจากศูนย์บริการฯวังกวางเท่าไร
เลยจากองค์พระไปนิดหน่อย จะถึงทางเข้าน้ำตก ซึ่งน้ำตกที่อยู่ใกล้ที่สุด เเละดูเหมือนจะมีคนมาเยอะที่สุดก็คือ น้ำตกถ้ำใหญ่ เพื่อนฉันเเนะนำว่า เค้ามาถ่ายเมเปิ้ลแดงที่นี่เเหละ ฉันตื่นเต้นเเละอยากเห็นมาก เเต่พอไปถึงกลับผิดหวังมาก ด้วยปริมาณผู้คนมากมายที่เหยียบย่ำ ทำให้ใบเมเปิ้ลเเหลกป่นปี้ ไม่สวยงาม บ้างก็ถูกคนโกยมากองรวมกัน จัดวางเป็นรูปหัวใจบนหน้าผาเสียอย่างดิบดี เหอะๆ....ธรรมชาติของมันจริงๆอยู่ที่ไหนกันนี่
เนื่องจากฤดูนี้เป็นหน้าเเล้ง เลยทำให้น้ำตกมีน้ำไหลน้อยมาก เก็บภาพน้ำตกก็ไม่ได้อย่างใจคิด เลยทำได้เเต่ไต่ไปตามก้อนหินที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่สีเขียว ลัดเลาะไปมา เพื่อหามุมถ่ายรูปเมเปิ้ลสวยๆให้ได้
ถ่ายรูปน้ำตกที่นี่ ไม่ค่อยจะได้สมความตั้งใจ เเต่ทำไรไม่ค่อยได้เเล้ว เลยท่องคาถา "ช่างมัน" เดินฝ่าผู้คนมากมายกลับขึ้นไป ออกจากน้ำตกสู่เส้นทางปกติที่เดินไปยังผานาน้อย
เวลาใกล้บ่าย เราเดินไปตามเส้นทางเลาะเลียบริมผา เห็นผู้คนมากมายบ้างเดิน บ้างปั่นจักรยาน มุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันกับเรา สองข้างทางนอกจากต้นสนสูงตระหง่านเเล้ว บางช่วงจะมีเจ้าดอกกระดุมน่ารักๆ ขึ้นเเซมกับดอกหญ้า อากาศเย็นๆ ในเเสงเเดดรำไร เเละเพลิดเพลินไปกับการกดชัตเตอร์ระหว่างทาง
ถึงผาเหยียบเมฆละ ดูวิวไปกันไม่เท่าไหร่ เกิดอาการหิว เลยรองท้องด้วยข้าวเหนียวไก่ย่างส้มตำ (อย่างที่บอก บนนี้มีร้านอาหารขายทุกผา) ก่อนจะออกเดินทางต่อไป
ตะวันเริ่มคล้อย ส่องเเสงสีทองไปตามทุ่งหญ้า อีก 4 กม. เราก็จะถึงผาหล่มสัก เเต่เรายังเดินไปอย่างชิลล์ๆ เเวะดูโน่นนี่เรื่อยเปื่อย ลุยเข้าข้างทางนั่งยองลงถ่ายสิ่งมีชีวิตเล็กๆ รวมไปถึงลงไปนอนกลิ้งเกลือกในกอดอกกระดุม เพื่อผลัดกันถ่ายพรอตเทรตเล่นกับเเสงยามเย็น
ถ้าให้หลับตาเดินในตอนนี้ ไม่ต้องมองเห็นเเต่รับรู้ทางการได้ยิน คุณจะได้ยินเสียงลมไหวพัดผ่านต้นสนคล้ายเสียงคลื่นซัดฝั่ง พร้อมกับการก้าวเท้าเดินไปบนพื้นทรายสีขาวบนภูนี้ อาจจะหลงเข้าใจผิดว่าเรามาเดินริมชายหาดก็เป็นได้
แต่คุณรู้มั้ย สิ่งที่ฉันชอบที่สุดในขณะที่เรากำลังเดินไปนั้น คือดอกหญ้าที่กำลังถูกเเสงสีทองของพระอาทิตย์ซึ่งกำลังจะตกตรงเบื้องหน้าของเราอาบไล้ไปทั่วบริเวณ สายลมพัดผ่านทำให้มันไหวตัวน้อยๆไปพร้อมกับสายลม น่ารักจริงๆ ถึงกับเกิดอาการตกหลุมรักดอกหญ้ากันเลยทีเดียว :)
สุดท้าย ท้ายที่สุด สิ่งที่เรามุ่งหวังกำหนดให้เป็นแบบนั้น เเล้วมันก็เป็นยังงั้นจริงๆ เราเดินไหลตามผู้คนต่อเนื่องไปจนถึง ผาหล่มสัก... คนเยอะมาก เดี๋ยวให้ดูรูปคนก่อน
เลยตัดสินใจด้วยความเร็วสูง ว่าถ้าให้ยืนดูพระอาทิตย์ตกที่ตรงนี้คงไม่ไหว หลังจากขึ้นไปยืนถ่ายรูปอย่างรวดเร็ว ตรงที่นั่งมหาชนของโขดหินซึ่งยื่นลงไปที่หน้าผาใต้ตนสนสูงตระหง่านนั้นเเล้ว ก็จรลีหลบหนีผู้คนไปตรงโขดหินข้างๆ ที่อยู่ถัดไปสัก 200 เมตร เพื่อหามุมสงบๆถ่ายภาพไข่เเดงที่กำลังลาลับจากท้องฟ้า แล้วเจ้ามือของฉันก็ทำหน้าที่กระเเทกชัตเตอร์ไม่หยุดอีกเช่นเคย
พระอาทิตย์ตกว่าสวยเเล้ว เเต่ชอทหลังจากพระอาทิตย์ตกไปแล้วนี่สิ...สวยยิ่งกว่า ท้องฟ้าเริ่มมืด ผู้คนเริ่มไหลตัวกลับไปยังศูนย์บริการฯ เเสงสีของท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มอมชมพู เเละเข้มขึ้นเรื่อยๆ ฉันเหลียวตัวหันหลังกลับไป เห็นภาพซิลลูเอตของต้นสนกับท้องฟ้าตอนนี้เเล้ว สวยงามเกินกว่าจะบรรยาย
เเละมันก็มีภาพอีกชอทนึงที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นบนภูกระดึงครั้งนี้ ระหว่างทางที่เราจ้ำอ้าวกลับที่พักกับระยะทาง 9 กม. ที่ท้องฟ้ามืดมิดเบื้องหน้าเรานั้น มีเเสงสว่างสุกใสวับๆเเวบๆอยู่หลังทิวสนไกลๆ ทีเเรกเราก็นึกว่าน่าจะเป็นไฟจากร้านค้าที่อยู่ริมผา ยังดีใจคุยกะเพื่อนซี้อยู่เลยว่าเราใกล้ถึงที่หมายเรื่อยๆเเล้ว เเต่ที่ไหนได้ พอพ้นจากหลังทิวสนไปตรงพื้นที่โล่งนั้น เราก็ได้เห็นที่มาของเจ้าเเสงนั้นเต็มๆตา ...พระจันทร์เต็มดวงสว่างมากมายในค่ำคืนที่มืดมิด ฉันมองเเล้วดีใจปนเหงาๆเพราะมันแอบทำให้ใจคิดถึงใครคนนึง ...เเต่...ยังซาบซึ้งไม่เต็มเหนี่ยว เพื่อนตัวดีก็เหนื่ยวเเขนพาดไหล่ ทำเอาฉันหลุดจากพะวัง กอดคอร้องเพลงกับมันไปตามทาง ฉันยิ้มนิดๆในใจให้เจ้าพระจันทร์นั้น ที่คอยส่องเเสงนำทางอยู่ข้างหน้าตลอดเวลาจนไปถึงที่พักเเรม
ให้รางวัลตัวเอง กับน่องที่ปวดร้าวมากเมื่อมาถึงวังกวาง ด้วยจิ้มจุ่มร้านลุง จริงๆเพื่อหวังจะมาชาร์ตโทรศัพท์ฟรี (บริการเสริมของคนที่มากินข้าวร้านลุง) พบว่าชุมสายเเน่นมากกกก 555+ จิ้มจุ่มมื้อนี้ถือได้ว่าเป็นมื้อที่อร่อยเเละอิ่มเอมที่สุดบนภูกระดึงเลยทีเดียว (แน่หล่ะ เหนื่อยมาทั้งวันนิ)
คืนนี้อุณหภูมิลดลงเป็นอย่างมาก เเค่ตอนช่วงหัวค่ำที่เราออกมาทานอาหารนั้น ควันยังออกปากเลย ตอนนอนเต้นท์ตอนกลางคืนก็พบว่า น้ำมูกไหลอย่างมากมาย ตื่นมาดูอุณหภูมิตอนเช้ามืดที่ศูนย์บริการ ป้ายบอกว่า 6.5 องศาเซลเซียส โอ้วมายก๊อดดดด... หนาวเว่อรรร์!
เช้าวันที่สาม อย่างที่ได้สัญญากันไว้ในใจเราสองคนเเล้ว ว่าจะต้องมาดูพระอาทิตย์ที่ผานกแอ่นให้ได้ เราเลยเดินฝ่าความหนาวยามเช้าไป น้ำมูกไหลไป ตามเจ้าหน้าที่ไปยังผานกแอ่น หวังจะได้ยลโฉมบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้น เเต่....... รอเเล้วรอเล่า.... เฝ้าเเต่รอ บรรยากาศรอบตัวเริ่มสว่างเเต่เบื้องหน้าที่หน้าผานั้นมีเเต่หมอก เจ็ดโมงกว่าเเล้ว เลยเวลาพระอาทิตย์ขึ้นเเล้ว เลยรู้ตัวสะกิดเพื่อนให้ตื่น... “แก กลับเถอะ ท่าทางจะเเห้วว่ะเช้านี้" จากที่หวังว่าจะได้เห็นเเสงสวยๆ กลับได้บรรยากาศหมอกฟุ้งหนาไปทั่ว ก็สวยดีไปอีกแบบนะ
ทางขากลับ ได้เเวะเที่ยวตรงลานพระแก้วด้วย เเต่หมอกลงหนา ไม่เห็นอะไรเกินไปกว่า 10 เมตรข้างหน้า ความสนใจของเราสองคนเลยไปอยู่ตามสายหมอก หยดน้ำค้าง เจ้าเเมงมุม มอส เฟิร์น ตะไคร่ เเละความชุ่มชื้นที่ปกคลุมหนาเมื่อเช้าตรู่ บนยอดภู
พอมาถึงวังกวาง พบสิ่งที่ไม่น่าเเปลกใจเลย เเต่ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ คือปริมาณคนมหาศาลที่กำลังต่อเเถวส่งของให้ลูกหาบแบกกลับลงภู ถัดมานิดหน่อย มีกองหมอนผ้าห่ม เบาะรองนอน ถุงนอน ของนักท่องเที่ยวที่นำมาคืนเจ้าหน้าที่ กองเป็นภูเขาเลากาสูงท่วมหัวที่สนามหญ้า เป็นสัญญาณว่า ความสนุกสนานบนภูกระดึง กำลังจะหมดลง ได้เวลาเดินทางกลับกันเเล้วล่ะ
ฉันกับเพื่อนไม่รีบร้อนลงภูเหมือนชาวบ้านเค้า มีเวลาเอื่อยเฉื่อยนั่งเขียนโปสการ์ดในบรรยากาศร่มลมเย็นไร้แดด มันทำให้ได้เห็นภูกระดึงในยามที่คนลงกันไปหมดเเล้ว เป็นภูกระดึงที่เงียบเหงาจากนักท่องเที่ยวหมาดๆ แม้กระทั่งร้านค้าต่างๆ บางเจ้าก็จะเดินทางลงกันในวันรุ่งขึ้น
กว่าจะได้ลงจริงๆก็ 11 โมงเช้าหละ ขากลับนี่ใช้เวลาน้อยกว่าขาขึ้นนิดหน่อย เราทำสถิติขาลง หลังแป ถึง เชิงภู ใช้เวลา 2 ชม. 15 นาที กับท่าเดินลงอย่างปู... (เดินลงแบบเฉลียงๆ เอียงๆ เเต่วางเท้าก้าวเดินอย่างนุ่มนวล จะลดการบาดเจ็บที่หัวเข่า)
สุดท้ายปลายทางที่เดียวกับจุดเริ่มต้นเมื่อสามวันก่อน พบว่าขาร้าวมาก ถุงเท้าขาด แต่เต็มไปด้วยความดีใจอย่างสุดซึ้งเมื่อลงมาถึงเชิงภูด้านล่าง อาบน้ำให้ชื่นใจเเล้วก็ได้เวลาอำลาภูกระดึงนี้ไป... ฝากความทรงจำสุดท้ายไว้กับแสงยามเย็นที่ผานกเค้า เดินเล่นตลาดชาวบ้าน ก่อนขึ้นรถทัวร์กลับ กทม.
ภูกระดึงคราวนี้ คือการพิสูจน์ตัวเเละหัวใจของตัวเอง
เก็บความประทับใจที่มีต่อธรรมชาติ ต้นสน เสียงลม สายหมอก
ไว้เป็นเเรงใจยามที่ต้องนั่งทำงานอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเเคบๆ
ในยามที่ต้องฝ่าฟันกับรถติดอากาศร้อนในเมืองกรุง
คิดถึงเธอ...ภูกระดึง
คิดถึงอะไรหลายๆอย่างที่นั่น
เเล้วจะกลับไปใหม่...
มันไม่มีคำว่าครั้งเดียวหรอก สำหรับภูกระดึง
มันจะต้องมีครั้งที่ 2..3...4.....5.......6 แน่นอลลล ^^v
เรื่องโดย : This road is mine
รีวิวที่เที่ยว ที่เที่ยว | 03 ก.ค. 2024 | 1,733 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว | 28 เม.ย. 2024 | 2,601 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว | 08 มี.ค. 2024 | 2,662 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว | 06 ก.พ. 2024 | 3,564 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว ที่เที่ยว | 29 ม.ค. 2024 | 4,269 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว | 24 ม.ค. 2024 | 3,170 อ่าน
รีวิวที่เที่ยว ที่เที่ยว | 22 ม.ค. 2024 | 5,990 อ่าน