0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

The Journey Of Night Life : EP.1 Brick Bar

calendar_month 21 ธ.ค. 2011 / stylus Admin Chillpainai / visibility 20,184 / รีวิวที่กิน


สวัสดีทุกท่าน สกู๊ปต่อไปนี้จะเต็มไปด้วย คำพูดที่ไม่ถูกหลักอนามัย และ กฏเกณฑ์ใดๆ ของหลักภาษาไทยอยู่มากมาย และแน่นอนว่าจะเป็นแบบนี้ไปตลอดๆ ในทุกสกู๊ปที่ สิงห์หยี ได้เอิ้นเอ่ยลงในเว็บนี้ หากผู้ที่มีต่อมรักความเป็นไทยหรือฝักไฝ่ในศัลธรรมอันดีในสายเลือดสูงในปริมาณ 750 มิลลิกรัม ต่อ cc ขึ้นไปได้มาอ่าน กรุณา อย่าให้สกู๊ปใดๆของสิงห์หยีได้ผ่านตาของท่านจะดีกว่า ^^ คริๆ และแน่นอนว่า ในแต่ละสกู๊ป จะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆของสิงห์หยีเอง 5555


หลักจากออกตัวไว้ก่อนแล้ว ก็เข้าเรื่องกันเลยดีฝ่า...

ถ้าจะพูดถึงสิ่งที่สิงห์หยี (ต่อจากนี้ไปจะแทนชื่อตัวเองด้วยคำว่าเรา) เราเองดูเหมือนจะนิยมชมชอบในการท่องเที่ยวในช่วงเวลาที่แดดร่มลมตก ฟังดนตรี ส่องนารี แกล้มวิสกี้ ซะเป็นส่วนใหญ่ แลยอยากจะแชร์ๆ ก็ไอ้เรื่องพวกนี้แหละ

มีร้านนึง ที่ได้ไปมาบ่อยๆ ไปมาตั้งแต่สมัย นมเพิ่งแตกพาน เวลาที่โดนลูกบอลเตะอัดหัวนมที่ไรน้ำตามันพาลจะไหลทุกที ครับ ตามที่จั่วหัวไว้ ร้านนี้ชื่อ "บริคบาร์"

บริคบาร์อยู่ถนนข้าวสาร หรือตรอกข้าวสาร จะเรียกแบบไหนก็ได้ตามแต่จะเอ็นจอยรูปากใคร ร้านจะอยู่ใต้โรงแรม บัดดี้ ถ้าจะเอาแบบหาง่ายๆ ก็คือเจอแมคโดนัลก็เดินเข้าไปให้สุดซอย จะเจอพี่การ์ดชุดดำรอตรวจบัตรอยู่ 


 

 

ล่าสุดไปมาหลังจากที่โทรจองโต๊ะไว้แล้ว ก็ไปถึงราวๆ สามทุ่มนิดๆ วันนั้นเป็นวันเสาร์ โต๊ะหลักๆ (หมายถึงโต๊ะทำเลดีๆ มองเวทีก็เห็น ไม่ต้องไปหลบหลังเสา) ก็เริ่มเต็มละ ร้านนี้ผนังจะเป็นอิฐ เพื่อให้สมชื่อกับ บริคบาร์ ถ้าจะใช้ไม้ซุงมาตกแต่ง อาจต้องเสียเวลาไปเปลี่ยนชื่ออีก เป็น ซุงบาร์

ร้านนี้จะมีสองชั้น สมัยก่อนสิงห์หยีจะชอบนั่งชั้นล่าง แต่หลังๆนี่นั่งชั้นบนซะบ่อย (มองเห็นเวทีชัดดี) พอมาถึงโต๊ะ เหล้ามา โชดาพร้อม ดนตรีสดวงแรกคงเล่นมาได้ซักพักนึงละ ชื่อวงไรจำไม่ได้ เล่นเพลงแนวทั่วๆไป (เพลงที่ค่อนข้างติดหูคนในแต่ละช่วง) เพราะฝีมือยังไม่เอกอุจนน่าจดน่าจำ

เวลาผ่านไปวงแรกเล่นจบดีเจก็เปิดแผ่นตามสเตป ราวๆสี่ทุ่มครึ่ง คนเริ่มทยอยมาเยอะขึ้น แสตนเสริมสำหรับวางเหล้าเริ่มถูกเอามาตั้งไว้ตรงที่ว่างๆ ถ้ามีสาวแหล่มๆมาอยู่ใกล้ๆหัวใจก็พองโต แต่ถ้าเป็นไอหนุ่มๆตัวโตๆ ไอเราก็ได้แต่ร้อง โด่เว้ยในใจ 555

คนที่มาที่นี่มีทุกประเภท ตั้งแต่นักศึกษา หนุ่มออฟฟิศ คนทำงาน พวกที่แต่งตัวแนวๆหัวฟูๆ อะไรเทือกนั้น สหายของสิงห์หยีคนหนึ่ง ที่คร่ำหวอดในวงการจิบวิสกี้ ฟังดนตรี หลังสี่ทุ่ม ได้ให้คำจำกัดความ ของคนที่มาเที่ยวที่บริคบาร์ไว้ว่าเป็นพวก "ศิลปกรรม เต้นเรื้อน เหงื่อแตก" เราเองก็เห็นด้วย แม้ว่าจะไม่จริงไปเสียทั้งหมด 


 

 

สิ่งที่ทำให้สิงห์หยีรู้สึกขัดใจนิดๆก็คือ คนที่มาที่นี่ มักจะดูดบุหรี่กันในร้าน มีครั้งนึงนานมาละ สมัยเค้าออกกฎห้ามสูบบุหรี่ในผับ เราเคยถามเด็กเสริฟว่า ที่นี่ห้ามดูดบุหรี่ไม่ใช่เหรอ น้องคนนั้นตอบกลับมาว่า "พี่ไปบอกเค้าเองสิคะ หนูห้ามไม่ไหวหรอก" แสรดดด....

ประมาณห้าทุ่ม วงที่สองขึ้น วงนี้ชื่อวง Big Daddy วงนี้จะเล่นแนว ดิสโก้ ฟัั้ง กรูวี่ และเน้นไปที่เพลงสากล สิงห์หยีเองได้ยินเสียงแว่วมาจนชิน เกี่ยวกับนักร้องวงนี้ว่า "หน้าแมร่งไม่เข้ากะเสียงเลย" อันนี้เราเห็นว่าจริง นักร้องเสียงดีขัดกะหน้าตาอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งนักร้องหญิง ยิ่งไม่เข้าเอามากๆ


 

 

หลังจากปริมาณ Lกฮ ในเลือดเริ่มได้ปริมาณ บวกกับเพลงที่ได้จังหวะพาให้อวัยวะส่วนบนสุดของสิงห์หยีเริ่ม ขยับ พยัก โยก และ คลอน ไปตามจังหวะเพลง สายตาก็กวาดมองไปเห็นผู้คนเริ่มหนาแน่น

ความแหล่มของสตรีที่มาเยือนร้านนี้ อยู่ในระดับ F จนถึง B แต่ก็จะมีบางครั้งที่มี B+ ถึง A หลุดเข้ามาบ้าง ส่วนถ้าจะหา A+ นั้นต้องไปวัดพระบาทน้ำพุ ส่วนบุรุษนั้นสิงห์หยีไม่สามารถตัดเกรดได้ เนื่องจากไม่ได้มีรสนิยม ชอบให้เกรดผู้ชาย มีฝรั่ง และชาวต่างชาติ หลุดเข้ามาบ้างประปราย มีครั้งนึง สิงห์หยีเคยพาไอขี้เมาชาวสกอตแลนด์ เจอกันที่ร้านนี้ (มันมาคนเดียว) แล้วพากันไปตลอนทั้งกรุงมาแล้ว ไอฝรั่งนี่ก็ใจง่่าย พาไปไหนก็ไป แถมก่อนกลับยังบอกว่า ให้ไปเยี่ยมหามันบ้างที่สกอตแลนด์ (ออกตังค์ค่าเครื่องบินให้ด้วยสิฟระ - -#)

และแล้วก็มาถึงช่วงเที่ยงคืนนิดๆ วงสุดท้ายขึ้นแล้ว ถ้าเป็นวันเสาร์ เราจะได้เจอกับวง โนบรา หน้าช่อ แต่ถ้าเป็นวันศุกร์ จะได้เจอกับวง Teddy SKa สองวงนี้จะเน้นไปที่เพลงในจังหวะเร้กเก้ และสกาเป็นหลัก เพลงไหนดัง เพลงไหนฮิต ก็จะถูก บิดให้เป็นแนวที่วงเล่น คนในร้านก็เข้าถึงกันได้ไม่ยาก และสามารถเต้นตามได้อย่างไม่ขัดเขิลล

ตอนนี้ไอพวกที่อยู่โต๊ะยาวข้างล่าง มันก็เริ่มอยู่ไม่สุข ปีนขึ้นโต๊ะมาออกเสต็ปเร้กเก้สกา กันให้รึ่ม คนที่พึ่งมา บางทีก็มาขอแบ่งโต๊ะ ถ้ามีที่เหลือ และผู้ที่มาขอ ดูหน้าตาดีก็แบ่งกันไปตามความพอจัย... คริคริ ไอ่โต๊ะที่ไม่ได้มาด้วยกัน มันก็เริ่มสนิทกันอีตอนไหนก็ไม่รู้ 5555


 

 

ด้วยจริตของสิงห์หยีเอง ค่อนข้างพอใจกับบรรยากาศที่ร้านนี้เพราะ เร้กเก้สกาฟังยังไงก็ไม่เศร้า และก็สบายๆ แต่งตัวยังไงมาก็ได้ไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาใคร กางเกงขาสั้นก็ยังชิลๆ ไม่ต้องแต่งแข่งกันแต่งตัวเหมือนไปร้านแถว เอกมัยทองหล่อ จะเต้นเรื้อน โดดจนพื้นแทบพัง ก็ไม่มีใครมามองด้วยสายตาที่อาจทำให้เสียอาการ 

เพลงจบ ไฟเปิด ช่วงนี้ ผู้หญิงมักไม่อยู่ที่โต๊ะ พวกหล่อนมักไปเติมแป้งเติมลิป ที่ห้องน้ำ รับการสาดส่องของแสงไฟ 555 ไอแว่นคนนั้นที่ตอนแรกดูหงิมๆ ด้วยฤทธิของน้ำสีอำพัน ไปยืนอ้อร้อกับหญิงอีกโต๊ะซะงั้น 


 
 


 
คนทยอยออกจากร้าน ใครจะไปต่อไหนก็ไป แต่สิงห์หยีและเหล่าสหาย ขอไปเติมพลังที่ร้านโจ๊ก และสุกี้ วันนี้พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวแมตซ์ ต่อไปจะพาไปหรรษา ที่ Funky Villa
 

 
เรื่องโดย : สิงห์หยี พาตีเมือง

 


เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai