calendar_month 21 พ.ย. 2025 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 62 / เที่ยวต่างประเทศ

ทริปเที่ยวญี่ปุ่นแบบปุบปับ เพราะไปเจอทัวร์เที่ยวญี่ปุ่นไม่เกิน 2 หมื่นเลยตัดสินใจจองทันที รู้ตัวอีกทีก็เก็บเสื้อผ้ามาสนามบินดอนเมืองล่ะ กับทริป 5 วัน 3 คืน เที่ยวโตเกียว ฟูจิ คามาคูระ ฮาโกเน่ ชมใบไม้แดง ทริปนี้ได้ไปชมทั้งใบไม้แดง ไปไหว้พระที่คามาคุระ ชมภูเขาไฟฟูจิ ล่องเรือที่ฮาโกเน่ และยังได้นอนออนเซ็น มีเมนูบุฟเฟ่ต์ขาปูให้กินอีก 1 มื้อ เที่ยวทุกวันไม่มีวันอิสระ ตามไปชมความคุ้มกันเลย
ทางทัวร์นัดเราที่สนามบินดอนเมืองตอนสองทุ่มตรงเพื่อเตรียมตัวเช็คอิน ติดแท็กกระเป๋า โดยทริปนี้จะมีไกด์ไปกับเราด้วยจากไทย 1 ท่าน และจะมีไกด์คนไทยที่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้จะรอรับเราอยู่ที่ญี่ปุ่น 1 ท่านไปถึงเขาจะแจกใบตม. กับใบศุลกากรที่กรอกรายละเอียดมาให้แล้วเรียบร้อย แค่ให้เราเช็คความถูกต้อง ชื่อ นามสกุล เลขพาสปอร์ตและเซ็นลายเซ็นเท่านั้น จากนั้นก็จ่ายค่าทิปไกด์คนละ 2,000 บาทที่สนามบิน โดยจะจ่ายเป็นเงินสดหรือเงินโอนก็ได้
จากนั้นไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์แอร์เอเชียโดยถ้ามาด้วยกันเขาจะให้ไปเช็คอินด้วยกันค่ะ เพื่อจะได้จัดที่นั่งให้นั่งด้วยกัน ส่วนน้ำหนักกระเป๋าเราได้คนละ 20 กิโลทั้งขาไปและขากลับ
ประมาณ 23.55 น. เครื่องก็ออก ซึ่งราคาทัวร์ไม่รวมค่าอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องนะคะ แต่สามารถสั่งมาทานเองได้เลยค่ะ

เราถึงสนามบินนาริตะตอนเวลาประมาณ 8 โมงเช้า ทางทัวร์จะแจ้งเลขสายพานรับกระเป๋าให้เราค่ะ โดยเขาจะแจ้งลูกทัวร์ทุกคนว่าถ้าลงเครื่องปุ๊บให้ตรงไปที่ตม.เลยอย่าเพิ่งแวะเข้าห้องน้ำ เพราะถ้าเราไปช้าจะเจอไฟลท์อื่นที่กำลังลงเหมือนกันทำให้อาจจะทำให้คนเยอะ และหลังจากรับกระเป๋าก็เดินออกไปรวมตัวด้านนอกได้เลย
พอเราออกจากเครื่องปุ๊บก็ตรงดิ่งไปตม. ซึ่งทางตม.ญี่ปุ่นแทบจะไม่ถามอะไรเราเลย และหลังจากรับกระเป๋าเสร็จก็ผ่านศุลกากรและออกไปด้านนอก เจอกับทางไกด์ที่ยืนรอพวกเราอยู่ โดยทางไกด์จะให้เวลาเรือล้างหน้า เข้าห้องน้ำประมาณ 15 นาที ใครหิวสามารถซื้อพวกข้าวปั้นได้บริเวณสนามบินเพื่อไปทานบนรถได้เลยค่ะ
จากนั้นก็เดินทางออกประตูสนามบินเพื่อมาขึ้นรถบัส โดยทริปนี้มีลูกทัวร์ประมาณ 30 กว่าคนค่ะ รถคันใหญ่ นั่งสบาย มีที่เก็บกระเป๋าเดินทางด้านล่าง ซึ่งทางคนขับจะเป็นคนยกกระเป๋าเก็บในช่องเก็บกระเป๋าให้ ส่วนบนรถมีช่องเก็บของเหนือศีรษะด้วย


จุดหมายแรกของวันนี้ของเราคือเมืองคามาคุระค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึงที่แรกคือวัดโคโตคุอินหรือวัดพระใหญ่ไดบุตสึ ภายในประดิษฐานหลวงพ่อโตไดบุทสึ(Kamakura Daibutsu) สร้างขึ้น ในปี ค.ศ.1252 ทำด้วยบรอนซ์ทั้งองค์ ประดิษฐานอยู่กลางลานวัด เราไหว้พระขอพร และเตรียมเดินทางไปที่ต่อไป


จากวัดโคโตคุอินเราจะต้องเดินไปยังสถานีรถไฟฮาเสะเพื่อนั่งรถไฟคลาสสิคเอโนเด็นเพื่อไปยังสถานีคามาคูระ ซึ่งเราจะนั่งเพียง 1 สถานี



ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็เดินทางมาถึงสถานีคามาคูระ จากสถานีคามาคูระเดินไปอีกประมาณ 10 นาทีไปยังศาลเจ้าศาลเจ้าสึรุงะโอะกะ ฮะจิมังศาลเจ้าเก่าแก่ของเมืองคามาคูระที่มีอายุกว่า 100 ปีโดยทางทัวร์จะนัดจุดตรงเสาโทริอิให้เรามาเจอกันประมาณ 4 โมงเย็นโดยทางทัวร์จะให้แคชแบ็กคนละ 2,000 เยนให้เราอิสระทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัยและสามารถเข้าไปชมศาลเจ้าได้ฟรี

ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองสร้างด้วยสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโบราณที่เรียกว่าอิชิโนะมะซุคุริ (Ishi-no-ma-zukuri) ภายในประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เทพเจ้าในศาสนาชินโตและบริเวณด้านบนศาลเจ้ายังมีส่วนของพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงโบราณวัตถุให้ชมด้วยแต่มีค่าเข้าเพิ่มเติมซึ่งเราชมเฉพาะด้านนอกไม่ได้เข้าไปด้านใน


บริเวณใกล้ๆกับศาลเจ้ามีถนนโคมาจิโดริ (Komachi Dori Street)ถนนคนเดินความยาวประมาณ 350 เมตรที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านช้อปปิ้งมากมายกว่า 250 ร้านเดินเพลินสุดๆ


ร้านขนม Hato Sabure ขนมรูปนกพิราบที่เป็นร้านขึ้นชื่อของเมืองคามาคูระค่ะซึ่งร้านนี้มีอายุกว่า 100 ปีมาที่นี่จะเห็นคนญี่ปุ่นถือขนมถุงนี้กันเต็มเมืองเลยเราก็ไม่พลาดไปซื้อมาทานเช่นกันรสชาติจะเหมือนคุกกี้กรุบกรอบหอมหวานอร่อยทานคู่กับชาหรือกาแฟฟินสุดๆ


จากนั้นตอนเย็นเราเดินทางเข้าสู่จังหวัดยามานาชิเพื่อไปพักในที่พักของเราคืนนี้ค่ะกับโรงแรมที่ชื่อว่า Fuji Sakura Hotel โดยใช้เวลานั่งรถประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ

ก่อนจะเข้าห้องพักก็ไปทานอาหารเย็นกันก่อนซึ่งทานในโรงแรมเลยมื้อนี้เป็นมื้อพิเศษคือบุฟเฟ่ต์ขาปูตักได้ไม่อั้นและเมนูอาหารอื่นๆอีกโดยให้เวลาทานประมาณ 1 ชั่วโมงในส่วนปูทางทัวร์เขาจะเตรียมน้ำจิ้มมาด้วยค่ะ ส่วนเครื่องดื่มในบุฟเฟ่ต์จะมีเฉพาะน้ำเปล่านะคะถ้าต้องการเครื่องดื่มอื่นๆต้องจ่ายเพิ่มเองค่ะ

จากนั้นก็เข้าห้องพักพักผ่อนโดยจะเป็นเตียงแยกขนาดห้องไม่ใหญ่มากและไม่แคบมากกำลังพอดีส่วนห้องน้ำจะค่อนข้างเล็กค่ะมาพร้อมอ่างอาบน้ำ ทางโรงแรมมีออนเซ็นให้แช่ฟรีด้วยนะคะแต่เราเหนื่อยมากๆเลยไม่ได้ไปแช่

ตอนเช้าตื่นมาก็เจอคุณฟูจิมาทักทายจากหน้าต่างห้องนอนเลยวันนี้จะเป็นหนึ่งวันที่เราจะอยู่กับคุณฟูจิทั้งวันเลยค่ะ

เช้านี้หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมปุ๊บก็เช็คเอาท์เตรียมตัวเดินทางกันต่อเลย

จุดหมายต่อไปคือไปชมใบไม้แดงและเรียนวิธีชงชาริมทะเลสาบคาวากูจิโกะค่ะซึ่งบริเวณใกล้กับศูนย์ชาจะมีอุโมงค์ใบเปิ้ลให้เราได้ชมกันด้วยช่วงที่เราไปใบไม้กำลังเริ่มเปลี่ยนสีเลยค่ะสวยงามมากๆ




จากนั้นก็มาเรียนพิธีชงชาพร้อมกับจิบชาเขียวที่่เราชงเองทานคู่กับขนมวากาชิพอจบพิธีชงชาปุ๊บเขาก็จะให้เรามีเวลาเลือกซื้อของเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นชาเขียวหรือจะเป็นเครื่องสำอางใครมาที่นี่ต้องมาซื้อโฟมล้างหน้าถ่านภูเขาไฟกลับบ้านแทบทุกคนเพราะใช้ดีมากๆ

ภูเขาไฟฟูจิที่กำลังเริ่มสวมหมวกกับใบไม้แดงที่กำลังเริ่มเปลี่ยนสี


จากนั้นเราจะเดินทางต่อไปยังฮาโกเน่ค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งสำหรับจุดหมายในวันนี้คือการเดินทางขึ้นภูเขาโอวาคุดานิเพื่อไปชิมไข่ดำโดยการเดินทางขึ้นเขาสามารถทำได้ทั้งการนั่งกระเช้าและนั่งรถขึ้นไปสำหรับทริปนี้จะเป็นการนั่งรถขึ้นไปค่ะแต่ระหว่างทางขึ้นเขารถติดมากๆค่ะโดยเราติดอยู่ตรงทางขึ้นเขาประมาณ 1 ชั่วโมงพอไปถึงด้านบนก็ต้องรีบไปตามหาไข่ดำกันก่อนซึ่งว่ากันว่าถ้าได้กินไข่ดำจะมีอายุยืนไปอีก 7 ปี

หุบเขาโอวาคุดานิเกิดจากการปะทุของภูเขาคามิในช่วงที่ภูเขาไฟฮาโกเนะระเบิดครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อนทำให้บริเวณนี้มีกำมะถันหรือซัลเฟอร์ในปริมาณมาก

บางโปรแกรมทัวร์จะให้เรานั่งกระเช้าขึ้นมาด้วยหรือใครที่มาเองแนะนำนั่งกระเช้าดีกว่า


เจอแล้วค่าไข่ดำที่ต้มโดยบ่อน้ำร้อนของที่นี่โดยเขาจะขายเป็นถุงถุงละ 500 เยนมี 4 ฟองซึ่งเปลือกไข่คือดำมากๆแต่ด้านในเมื่อปลอกออกมาแล้วก็เหมือนไข่ต้มทั่วไปแต่ไข่ของเขาจะมันอร่อยมากๆทานกับเกลือค่ะนี่ถ้ามีแม็กกี้น่าจะฟินกว่านี้อีก

จากนั้นทางทัวร์พาเราไปทานอาหารกลางวันโดยจะรวมอยู่ในทัวร์แล้วค่ะเป็นเซ็ตทงคัตสึให้คนละ 1 เซ็ต อิ่มและอร่อยมากๆ สำหรับตัวร้านจะอยู่บริเวณทะเลสาบอาชิเลยมองเห็นเรือโจรสลัดด้วย


โปรแกรมสุดท้ายของวันนี้คือการล่องเรือกระจก SORAKAZE ในทะเลสาบอาชิโดยเขาจะให้เราล่อง 1 ท่าโดยทางทัวร์บอกว่าพอเราขึ้นปุ๊บก็เตรียมตัวลงที่ท่าต่อไปได้เลยใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีโดยจะเป็นจุดที่ผ่านศาลเจ้าฮาโกเน่ที่มีประตูโทริอิสีแดงที่ตั้งอยู่กลางน้ำเปรียบเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของฮาโกเน่ให้เราได้ชมกันด้วย


ผ่านเรือโจรสลัดด้วยค่ะซึ่งบางโปรแกรมทัวร์เขาจะมาพาล่องเรือลำนี้



ส่วนคืนนี้เราจะพักที่โรมแรม Marroad International Hotel Narita ที่พักที่ใกล้สนามบินนาริตะมากๆโดยใช้เวลาเดินทางจากฮาโกเน่ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งแต่ด้วยวันนี้รถติดมากๆทำให้เลทไปประมาณ 1 ชั่วโมงระหว่างทางรถบัสจะจอดให้เราทานอาหารที่จุดแวะพักกลางทะเลโดยจะมีร้านอาหารและศูนย์อาหารให้เลือกทานเพราะบริเวณที่พักจะไม่มีร้านอาหารใกล้ๆเลยมีแต่ร้านสะดวกซื้อในโรงแรม

เรามาถึงโรงแรมประมาณ 2 ทุ่มครึ่งค่ะห้องจะเป็นแบบ 2 เตียงข้อดีคือห้องกว้างมากๆและห้องน้ำกว้างมากๆวางกระเป๋าเดินทางสองใบสบายเลยส่วนใครอยากออกไปหาไรกินต่อต้องนั่งแท็กซี่ไปบริเวณสถานีรถไฟนาริตะค่ะใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาทีให้ทางโรงแรมเรียกรถให้ได้ส่วนขากลับให้เอานามบัตรโรงแรมไปด้วยแล้วยื่นให้คนขับค่ารถขาไปประมาณ 2 พันกว่าเยนส่วนขากลับจะแพงกว่าประมาณ 3 พันกว่าเยนยิ่งดึกค่ารถแท็กซี่จะยิ่งแพงค่ะรถแท็กซี่คันนึงนั่งได้ 4 คน

เช้าวันที่ 4 วันนี้จะเป็นวันแห่งการช้อปปิ้งค่ะโดยตอนเช้าหลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้วเราก็นั่งรถไปไหว้พระที่วัดนาริตะกันก่อนวัดจะอยู่ใกล้ที่พักนั่งไปไม่ถึง 10 นาทีเป็นวัดเก่าแก่ที่สวยงามมากๆ

วัดแห่งนี้มีรูปเคารพขององค์ฟุโดเมียวโอ ที่มีชื่อเรียกขานกันมาตั้งแต่สมัยโบราณว่า "นาริตะฟุโด" ประดิษฐานเป็นองค์พระประธานถือเป็นหนึ่งในศาสนสถานสำคัญที่เป็นศูนย์กลางความศรัทธาต่อองค์ฟุโดเมียวโอ ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวนิยมมาไหว้ขอพรเรื่องการงาน การเดินทางปลอดภัย และโชคลาภ

จากนั้นเดินทางเข้ามายังกรุงโตเกียวเพื่อไปยังย่านโทโยสุ เซนคาคุ บันไร (Toyosu Senkyaku Banrai) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ที่ตั้งอยู่ในย่าน Toyosu ของโตเกียวโดยทำเป็นตลาดย้อนยุคไปในสมัยเอโดะ เปิดให้บริการในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 โดยมีทั้งตลาด อาหารและสถานบันเทิง นอกจากนี้ยังมีออนเซ็น 24 ชั่วโมงให้บริการอีกด้วยโดยทางทัวร์จะให้เราอยู่ตรงนี้ประมาณ 2 ชั่วโมงใครอยากทานอาหารกลางวันก็ทานที่นี่ได้เลยแต่ราคาค่อนข้างสูงแนะนำว่าถ้าอยากทานให้เดินไปตึกตรงข้ามตรงที่เป็นที่ประมูลปลาค่ะจะมีร้านอาหารพวกซูชิราคาที่พอรับได้อยู่


ส่วนตอนเย็นทางทัวร์จะให้เราเดินช้อปปิ้งอิสระที่ชินจูกุค่ะโดยมีเวลาให้ช้อปประมาณ 4 ชั่วโมงโดยเขาจะแจกแผนที่ทั้งจุดชมแมวสามมิติ ตึกรองเท้าสนีกเกอร์ Alpen หรือจะป็นร้านเสื้อผ้า Gu,Uniqlo,ร้านเครื่องสำอางมัตสึโมโต้คิโยชิและดองกี้ก็มีให้เลือกช้อปที่นี่ ส่วนอาหารเย็นก็อิสระทานที่นี่กันเลย ประมาณ 5 โมงเย็นรถก็จะมารับเราค่ะโดยจุดนัดจะอยู่บริเวณดองกี้ชินจูกุ


ส่วนวันสุดท้ายหลังจากทานอาหารเช้าแล้วเราก็เตรียมตัวเดินทางกลับซึ่งรถที่จะไปส่งเราจะเป็นรถของโรงแรมค่ะ จากนั้นก็ไปเช็คอินรับตั๋วและเตรียมขึ้นเครื่องกลับตอนเวลา 9.15 น. และเดินทางถึงเมืองไทยประมาณ 14.40 น.

บทความแนะนำ:
Tags: ญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น โตเกียว เที่ยวโตเกียว ใบไม้แดง ใบไม้เปลี่ยนสี คามาคุระ ฮาโกเน่ ฟูจิ japan tokyo hakone Kamakura fuji
เที่ยวต่างประเทศ | 20 พ.ย. 2025 | 43 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 20 พ.ย. 2025 | 167 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 13 พ.ย. 2025 | 385 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 06 พ.ย. 2025 | 284 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 05 พ.ย. 2025 | 439 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 27 ต.ค. 2025 | 727 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 24 ต.ค. 2025 | 429 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 08 ต.ค. 2025 | 799 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 07 ต.ค. 2025 | 630 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 08 ต.ค. 2025 | 1,037 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 29 ก.ย. 2025 | 897 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 23 ก.ย. 2025 | 615 อ่าน