calendar_month 30 เม.ย. 2025 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 44 / เที่ยวต่างประเทศ
ช่วงนี้มีแต่คนไปเที่ยวจีนเต็มไปหมด เพราะจีนเปิดฟรีวีซ่าให้เหล่านักท่องเที่ยวชาวไทยได้เดินทางไปเที่ยวกันอย่างสะดวกสบาย อีกทั้งเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศวิวทัวทัศน์ที่สวยงาม แถมจ่ายไม่แพงอีกด้วย วันนี้ชิลไปไหนเลยจะมาขอเล่าประสบการณ์การไปเที่ยวกับทัวร์ในเส้นทางเส้นทางคุนหมิง ไป๋ซา ต้าหลี่ ลี่เจียง แชงกรีล่า ขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยก 6 วัน 5 คืน บอกเลยว่าเต็มไปด้วยความประทับใจ ใครวางแพลนอยากไปทริปนี้อยู่ตามมาดูกันเลยค่ะ
ก่อนเดินทางก็มาเตรียมตัวกันก่อน หนึ่งในสิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศก็คือกระเป๋าเดินทาง ซึ่งทริปนี้เราเลือกใช้กระเป๋าเดินทางของ Baggae Luggage รุ่น Wander Trunk บอกเลยว่าเห็นครั้งแรกก็ตกหลุมรักเลยค่ะ ด้วยดีไซน์ทรงถัง สวยสะดุดตา ได้ความเรียบหรูหราน่าใช้มากๆ
จุดเด่นของกระเป๋าเดินทางรุ่นนี้คือมีการผสมผสานการดีไซน์ระหว่าง Front Open Design และ Trunk Design เข้าด้วยกันทำให้เราสามารถหยิบสัมภาระจากด้านหน้ากระเป๋าได้อย่างสะดวกสบายส่วนพื้นที่ภายในกระเป๋าก็กว้างขวางตามแบบฉบับกระเป๋าเดินทางทรงถัง อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบามากๆ
โดยเขามีให้เลือก 3 ไซส์ ได้แก่ไซส์ 20 นิ้ว น้ำหนัก 2.9 กิโลกรัม, ไซส์ 26 นิ้วน้ำหนัก 3.6 กิโลกรัม และไซส์ 32 นิ้วน้ำหนัก 4.4 กิโลกรัม ส่วนสีก็มีให้เลือก 3 สีคือสี Coral Blck, สี Crayon และสี Burgandy สำหรับทริปนี้เราเลือกไซส์ 26 ซึ่งเหมาะกับการเดินทาง 6 วัน 5 คืน ส่วนสีเราเลือกสี Crayon สุดเท่
สำหรับฟังก์ชันต่างๆ ของกระเป๋าเดินทางรุ่นนี้ที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกซื้อก็มีมากมายเลยค่ะ เริ่มต้นจากวัสดุที่ใช้เป็น PC100% ทำให้แข็งแรงทนทาน เนื้อเหนียวและทนความร้อนได้ดีไม่แตกง่าย มาดูที่ซิปของกระเป๋ากันบ้างค่ะโดยเป็นแบบรางคู่ทำให้ขยายข้างได้ช่วยเพิ่มพื้นที่ในกระเป๋าให้มากขึ้นไปอีก ในส่วนระบบล็อกเป็นแบบ TSA LOCK ป้องกันมิจฉาชีพได้ดีและยังเป็นระบบที่เจ้าหน้าที่สามารถเปิดกระเป๋าตรวจได้ง่ายอีกด้วย และอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในการเลือกกระเป๋าเดินทางก็คือล้อโดยกระเป๋าเดินทางรุ่นนี้ใช้ล้อ Hinomoto ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเป็นล้อคู่ 4 ล้อหมุนได้ 360 องศา
เมื่อเลือกกระเป๋าเดินทางได้แล้วก็ไปเตรียมของอื่นๆ กันเลย
1.เสื้อผ้า ช่วงที่เราไปเป็นช่วงต้นเดือนเมษายนค่ะ อากาศต่ำสุดจะเป็นเลขตัวเดียว ส่วนร้อนสุดจะอยู่ที่ประมาณ 20 กว่าองศาและมีวันที่เราต้องไปขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยกก็ต้องเตรียมเสื้อผ้ากันหนาวไม่ว่าจะเป็นเสื้อขนเป็ด ลองจอห์น ฮีทเท็ก ถุงเท้า ถุงมือ หมวกไหมพรม ผ้าพันคอ รองเท้าสำหรับเดินบนหิมะให้ครบ
2.ปลั๊กไฟส่วนมากเขาจะใช้แบบหัวแบบสองขาเหมือนกับที่ชาร์จไอโฟนค่ะ ส่วนใครมีปลั๊กสามตาขากลมก็ไปหาหัวเสียบ หัวแปลงไปด้วย
3.ในส่วนเงินเราแลกไปไม่เยอะค่ะ เพราะส่วนมากที่โน่นเขาใช้แบบ wallet ใครมีแอปทรูมันนี่ Alipay K-Plus ก็สามารถสแกนได้เลยค่ะ แต่ยังไงก็ต้องแลกเงินไปด้วยเพราะอาจจะเจอกรณีที่เน็ตเมือถือไม่ดีก็สามารถจ่ายเป็นเงินสดได้
4.ซิมมือถือซื้อจากไทยไปได้เลยค่ะ หรือเดี๋ยวนี้มีโปรโรมมิ่งก็สะดวกสบายไม่ต้องเปลี่ยนซิม นอกจากนี้ยังมี e-sim ให้เลือกใช้อีกด้วยสะดวกสบายสุดๆ
5.ยารักษาโรคสำคัญมากๆ เพราะที่จีนอาจจะไม่มียาเหมือนบ้านเรา ยาเบื้องต้นแก้ไข้ แก้หวัด แก้เมารถ สามารถเตรียมไปได้เลย
6.ทิชชู่ ทิชชู่เปียกสำคัญในการเข้าห้องน้ำมากๆ ใครไม่มีก็สามารถไปหาซื้อได้ที่โน่น
7.ร่างกายเตรียมให้พร้อม เพราะจะมีวันที่เราไปนอนที่แชงกรีลาและวันที่เราต้องขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยกซึ่งเป็นจุดที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลสี่พันกว่าเมตร อากาศค่อนข้างเบาบางดังนั้นดูแลร่างกายตัวเองให้ดีก่อนไปและฟังคำแนะนำจากไกด์อยู่เสมอ
พร้อมแล้วก็มาออกเดินทางกันเลย
ทางทัวร์นัดเราที่สนามบินสุวรรณภูมิตอน 5 โมงเย็นค่ะเพื่อทำการเช็คอินใครที่มาด้วยกันทางทัวร์จะให้เราเช็คอินพร้อมกันเพื่อจะได้นั่งด้วยกัน จากนั้นก็เข้าเกตุเตรียมไปรอขึ้นเครื่อง
สำหรับทริปนี้เราบินด้วยสายการบิน Kunming Airlines ไฟลท์สองทุ่มไปถึงสนามบินคุนหมิงฉางสุ่ยตอน 5 ทุ่ม 5 นาทีซึ่งจีนเวลาจะเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมงไปถึงก็ผ่านตม.ซึ่งไม่ยากเลยค่ะตม.ไม่ถามอะไรเราเลย จากนั้นก็ไปรับกระเป๋าแล้วเดินทางไปยังที่พักด้วยรถโค้ช จากนั้นก็เข้าพักในโรงแรมระดับ 4 ดาว
เช้านี้เราต้องออกเดินทางกันแต่เช้าเพื่อไปนั่งรถไฟความเร็วสูงเดินทางไปยังเมืองลี่เจียงซึ่งทานอาหารเช้าเสร็จก็เตรียมตัวเดินทางไปยังสถานีรถไฟกันเลยสำหรับกระเป๋าเดินทางไม่ต้องเอาไปเพราะทางทัวร์จะนำกระเป๋าใส่รถโค้ชคันนี้และวิ่งตรงไปยังเมืองลี่เจียงเลย โดยเราจะเจอรถคันนี้อีกทีคือตอนเย็นหลังจากทานอาหารเย็นเลย ดังนั้นของสำคัญต้องเอาพกติดตัวไปด้วย
รถมาจอดส่งเราที่บริเวณสถานีรถไฟจากนั้นก็เดินเข้าไปยังสถานีรถไฟกันเลยค่ะ สถานีรถไฟของเขาใหญ่มากก่อนจะเข้าไปในตัวสถานีต้องสแกนกระเป๋าก่อนเข้ากันด้วย จากนั้นทางไกด์จะนัดเวลาและจุดพบเพื่อไปขึ้นรถไฟโดยระหว่างเรานี้เราสามารถซื้อขนม ซื้อของกินที่สถานีรถไฟขึ้นไปกินบนรถไฟได้เลย มีร้านค้ามากมายภายในสถานีและมีห้องน้ำให้บริการ โดยห้องน้ำสาธารณะของที่นี่ส่วนมากจะเป็นแบบนั่งยองเกือบหมดค่ะ ความสะอาดถือว่าโอเคไม่แย่ แต่สิ่งที่เป็นปัญหากับเราคือเรื่องบุหรี่ในสถานีรถไฟมีคนจีนสูบบุหรี่อยู่มากมาย ใครที่แพ้บุหรี่อาจจะต้องเดินหนีเอาเอง
เมื่อถึงเวลานัดเราก็เตรียมตัวไปขึ้นรถไฟค่ะ ทางไกด์แจ้งเบอร์โซนที่นั่งโดยรวมให้เราสามารถเลือกได้แต่ไม่ได้ระบุที่นั่งต่อคนเช่น สำหรับกรุ๊ปเราที่นั่งคือ 1-20 ก็เลือกนั่งได้เลย
บนรถไฟมีห้องน้ำทั้งแบบนั่งยองและแบบชักโครกค่ะ มีร้านค้า ร้านอาหาร ที่กดน้ำร้อน-เย็นบนรถด้วย รถวิ่งนิ่มเงียบมากๆ อารมณ์เหมือนนั่งชินกันเซ็นระหว่างนั่งก็มีเจ้าหน้าที่ของรถไฟมาเดินขายขนมให้ได้ลองชิมกันด้วยใครถูกใจอันไหนก็ซื้อได้เลย
ส่วนอาหารกลางวันเราทานกันบนรถไฟเลยค่ะ โดยไกด์จะแจกข้าวกล่องพร้อมกับเครื่องดื่มน้ำเปล่าและน้ำอัดลม อาหารกล่องของเขาก็ถือว่ารสชาติใช้ได้ค่ะ และที่ตกใจคือปริมาณที่เยอะมากๆแทบจะทะลักออกมาจากกล่อง
เราเดินทางมาถึงเมืองลี่เจียงช่วงบ่ายค่ะ จากนั้นก็นั่งรถโค้ชซึ่งเป็นคนละกันกับคันของเรานะคะ เพราะคันนั้นยังเดินทางไม่ถึงซึ่งที่แรกสำหรับวันนี้คือเมืองโบราณลี่เจียง
เมืองเก่าที่อายุกว่า 800 ปี บอกเลยว่าโซนเมืองเก่าเขาใหญ่มากๆ เต็มไปด้วยบ้านโบราณสไตล์โรงเตี๊ยม มีร้านขายของฝาก คาเฟ่ให้เลือกซื้อมากมายรวมทั้งยังมีร้านให้เราช่าชุดแบบพส.จีนพร้อมมีบริการแต่งหน้าทำผมให้ด้วยนะ ใครอยากลองเป็นพส.จีนก็ไปแต่งกันได้เลย
ทางทัวร์ให้อิสระเราเดินเล่นกันแบบหนำใจก่อนจะนัดจุดพบกันเพื่อเดินทางไปยังที่ต่อไปนั่นก็คือสระมังกรดำค่ะ แต่จากตรงนี้ไม่ต้องนั่งรถสามารถเดินไปได้ระหว่างทางบรรยากาศร่มรื่นและเงียบสงบไม่วุ่นวายเท่าโซนเมืองเก่าค่ะ เดินมาไม่นานก็มาพบกับสระมังกรดำ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิงประมาณปี 1937 จุดเด่นคือเป็นน้ำที่เกิดจากน้ำพุมีความใสจนมองเห็นพืชใต้น้ำที่เป็นสีเขียวสะท้อนกับแดดกลายเป็นสีเขียวมรกต บริเวณริมสระมีศาลาแบบจีน ถ้าวันไหนอากาศดีๆ จะมองเห็นภูเขาหิมะด้านหลัง แต่วันที่เราไปหมอกเยอะเลยมองไม่เห็นอะไรเลยค่ะ
ตอนเย็นเราไปทานอาหารเย็นเป็นมื้อพิเศษคือสุกี้ปลาแซลม่อนอร่อยมากๆก่อนที่จะเข้าพักในที่พักระดับ 4 ดาว
อ่อลืมบอกไปเนื่องจากพรุ่งนี้เราต้องขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยกที่มีความสูงกว่า 4500 เมตรวันนี้ทางไกด์แนะนำเราว่าห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และพักผ่อนให้เพียงพอ พร้อมกับซื้อกระป๋องออกซิเจนเตรียมเอาไว้เพราะต้องไปใช้ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งทางไกด์จะมีขายบนรถกระเป๋องละ 100 หยวน นอกจากนี้ยังมียาแดงซึ่งเป็นยาสมุนไพรจีนที่ไกด์บอกว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้แต่ถ้ามีประวัติเคยแพ้ที่สูงให้ซื้อเอาไว้ซึ่งราคากล่องละ 150 หยวนภายในกล่องจะมีขวดยาเล็กๆ 10 ขวดกินวันละ 3 มื้อหลังอาหารเช้า กลางวัน เย็น และต้องเริ่มกินตั้งแต่วันนี้ รสชาติจะขมแล้วมีกลิ่นคล้ายจับเลี้ยงค่ะ เวลากินเขาจะมีที่เจาะเสียบหลอดดูดได้เลย
วันนี้เป็นวันที่เราต้องไปขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยกกันแล้ว ทางไกด์นัดเรา 4-5-6 คือตื่นตี่สี่ กินข้าวตี 5 และออกเดินทาง 6 โมงเช้าเพื่อไปยังจุดขึ้นรถของทางอุทยานโดยเราจะต้องนั่งรถของทางอุทยานเพื่อขึ้นไปยังจุดขึ้นกระเช้า (ค่าทัวร์รวมค่ากระเช้าและรถอุทยานแล้ว)
ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีรถก็มาส่งที่จุดขึ้นกระเช้าจากนั้นก็นั่งกระเช้าขึ้นไปยังด้านบนโดยกระเช้านึงสามารถนั่งได้ประมาณ 8 คนระหว่างที่นั่งก็ต้องสูดออกซิเจนไปเรื่อยๆ เพราะอากาศจะเริ่มเบาบางลง โดยก่อนขึ้นรถไกด์แจกขนมและลูกอมให้เราด้วยค่ะใครที่รู้สึกเวียนหัวก็กินลูกอมจะช่วยเราได้เยอะค่ะ
นั่งกระเช้ามาประมาณ 15 นาทีเราก็ถึงยอดด้านบนแล้วโดยด้านบนปกคลุมไปด้วยหิมะ สถานีด้านบนมีห้องน้ำให้บริการนะคะ เราเดินออกจากตัวสถานีเพื่อไปเดินเที่ยวด้านนอก ลมค่อนข้างแรง ไกด์แนะนำให้เราเคลื่อนที่ช้าๆ และต้องใช้ออกซิเจนอยู่ตลอดเวลาใครที่ไม่ไหวก็สามารถนั่งกระเช้าไปรอด้านล่างก่อนได้ ส่วนใครไหวก็จะมีทางเดินขึ้นไปชมวิวด้านบน
ซึ่งระหว่างเดินเรามีความรู้สึกจะหน้ามืดก็ให้รีบสูดออกซิเจน กินลูกอม พยายามอย่าฝืนร่างกายตัวเองค่ะ เราถ่ายรูปด้านบนกันเต็มที่แล้วก็เดินทางลงมาด้านล่าง เพื่อเดินทางไปยังทะเลสาบไป๋สุยเหอซึ่งอยู่ไม่ไกลจากภูเขาหิมะมังกรหยก โดยพอลงรถอุทยานมาปุ๊บก็เดินไปขึ้นรถแบตเตอรี่ต่อเลย
จากนั้นนั่งรถแบตเตอรี่ไปกันต่อที่ทะเลสาบไป๋สุยเหอทะเลสาบซึ่งมีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะมังกรหยกน้ำในทะเลสาบจะเป็นสีเทอร์คอยซ์ซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะด้านบน มีชั้นน้ำตกขนาดใหญ่ที่เป็นแอ่งน้ำตกหินปูนสวยงามตระการตามากๆ ค่ะ พร้อมกันนั้นยังมีน้องจามรีที่ใครอยากถ่ายรูปคู่ก็สามารถจ่ายเงินกับชาวบ้านได้เลย
ประมาณเที่ยงเราก็เดินทางไปทานอาหารกลางวันในร้านอาหาร ซึ่งหลังจากทานอาหารเสร็จก็เดินไปชมโชว์ Impression of Lijiang ของจางอี้โหมวผู้กำกับชื่อก้องชาวจีนกันต่อ โดยเป็นโชว์กลางแจ้งมีที่นั่งแบบอัฒจันทร์ฉากหลังเป็นวิวภูเขาหิมะมังกรหยกสวยงามอลังการมากๆ โชว์นี้ใช้นักแสดงกว่า 600 ชีวิตมาร้อง เต้น พร้อมแสงสีเสียง เล่าเรื่องราวของชาวชนเผ่าต่างๆ ในลี่เจียงได้อย่างสวยงามและประทับใจมากๆ ค่ะ
เราเตรียมโบกมือลาเมืองลี่เจียงเพื่อจะเดินทางไปยังอีกหนึ่งเมืองสวยเส้นทางนี้คือเมืองแชงกรีล่า หรือเมืองจงเตี้ยนดินแดนแห่งความฝันเรานั่งรถประมาณ 3 ชั่วโมงระหว่างนั้นรถจะแวะให้เข้าห้องน้ำ 1 ครั้ง แล้วก็เดินทางเข้าสู่แชงกรีลาช่วงเย็นระหว่างนั้นก็ต้องกอดขวดออกซิเจนเอาไว้เพราะที่นี่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณสามพันกว่าเมตรค่ะ อากาศก็เบาบางเหมือนกันหลายคนในทริปเราเริ่มมีอาการเวียนหัวเหมือนเมารถ บางคนก็มีอาการท้องเสีย หรือง่วงนอนตลอดเวลา อาการแต่ละคนจะไม่เหมือนกันซึ่งทางไกด์แนะนำว่าใครมาพักที่นี่ไม่ควรอาบน้ำหรือสระผมคืนนี้กับเช้าวันพรุ่งนี้ เพราะอาจจะทำให้ไม่สบาย
เราเข้าพักในโรงแรมที่ตั้งอยู่ย่านเมืองเก่าเลยค่ะโรงแรมสวยมากๆ จากโรงแรมสามารถเดินไปถนนคนเดินในช่วงเย็นได้เลย ซึ่งหลังจากที่เราทานอาหารเย็นที่โรงแรมกันแล้วก็เดินทางไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินกันต่อเลย
บรรยากาศถนนคนเดินของที่นี่น่ารักมากๆ ค่ะมีจตุรัสกลางเมืองที่จะมีคนมาเต้นกันเป็นวงกลมคล้ายกับรำวงบ้านเราเลยค่ะ สนุกสนานมากๆ ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านโบราณที่เปิดเป็นร้านค้า ร้านขายของฝาก คาเฟ่น่ารักก็มีให้นั่งมากมาย มีร้านขายขนมที่ทำจากนมจามรีโดยจะเป็นขนมห่อเล็กๆ ที่เวลาซื้อเราจะหยิบใส่ถุงแล้วเอาไปชั่งน้ำหนักโดยเขาจะขายตามน้ำหนัก
นอกจากนี้ยังมีวัดต้าฝอที่ตั้งอยู่ภายในเขตเมืองเก่าโดยเราจะต้องเดินขึ้นเขาไปประมาณ 15 นาทีด้านบนมีกงล้อยักษ์สีทองขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านบนโดยเชื่อว่าถ้าเราได้ไปหมุนกงล้อนี้สามรอบแล้วขอพรจะสำเร็จตามใจหวัง
เช้านี้หลังจากทานอารหารเช้าแล้วก็เตรียมตัวเดินทางไปที่ต่อไป เช้านี้สมาชิกในทริปหลายคนที่มีอาการแพ้ความสูงอย่างหนักหลายคนก็เลือกพักบนรถค่ะ ส่วนใครมีแรงบอกเลยว่าที่ต่อไปไฮไลท์สุดๆ กับวัดซงจ้านหลินหรือวัดโปตาลาน้อยวัดลามะที่มีอายุเก่าแก่ที่กว่า 300 ปีสร้างโดยองค์ทาไลลามะที่ 5 เมื่อปีพ.ศ. 2222 ใช้เวลาก่อสร้าง 18 ปีและสร้างเสร็จโดยจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิง
สำหรับการเดินทางเราจะต้องนั่งรถชัตเติลของทางวัดเข้าไปบริเวณทางขึ้นค่ะโดยรถบัสของเราไม่สามารถเข้าไปได้จากนั้นจะต้องเดินขึ้นบันไดไปอีก 15 นาทีใครที่ไม่อยากเดินสามารถไปขึ้นรถชาวบ้านที่มีให้บริการบริเวณทางขึ้นได้(มีค่าใช้จ่าย) ส่วนเราเลือกเดินกันขึ้นไปแม้เห็นบันไดแล้วขาสั่นแต่ก็ไม่ท้อค่อยๆเดิน ค่อยๆแวะพักถ่ายรูประหว่างทาง
ไม่นานก็ขึ้นมาด้านบนบอกเลยว่าวิวสวยมากๆ มองเห็นทะเลสาบ เห็นภูเขาหิมะที่ล้อมรอบสวยงามตระการตามากๆ ค่ะ ส่วนในวัดก็เป็นศิลปะแบบธิเบต มีลักษณะคล้ายพระราชวังโปตาลาในกรุงลาซาลแห่งธิเบตภายในประกอบไปด้วย 3 อาคารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะแบบธิเบตพร้อมภาพเขียนด้านในที่วิจิตรงดงาม
จากวัดโปตาลาน้อยเราเดินทางไปต่อยังธงมนต์อธิษฐานหรือธงภาวนาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคำอธิษฐานและพลังบวกที่ส่งออกไปในสายลม สีทั้งห้า น้ำเงินท้องฟ้า ขาวเมฆ แดงไฟ เขียวน้ำ และเหลืองดิน สีเหล่านี้เป็นตัวแทนของธาตุทั้งห้าในธรรมชาติและความสมดุล เชื่อกันว่าธงจะนำพาความสุข ความสงบ และความเจริญรุ่งเรืองมาให้เรา
จากนั้นเดินทางไปทานอาหารกลางวันแล้วเดินทางไปยังช่องแคบเสือกระโจน ซึ่งเป็นช่วงแคบของแม่น้ำแยงซีที่ไหลมามจากจินซาเจียง สำหรับการเดินทางรถจะจอดอยู่ด้านบนจากนั้นเราจะเดินลงบันไดไปนึดนึงค่ะ แล้วจะพบกับบันไดเลื่อน 4 ช่วง โดยบันไดเลื่อนเขาจะทำเป็นอุโมงค์มีหลังคาคลุม ภายในอุโมงค์ก็มีการประดับไดสวยงามไม่เหมือนกันเลยค่ะ
จากนั้นเดินลงบันไดไปอีกนิดเราก็จะพบกับช่องแคบเสือกระโจนกันแล้วซึ่งเป็นช่องแคบที่มีน้ำไหลเชี่ยวมากๆ ช่วงที่แคบที่สุดประมาณ 30 เมตร ตามตำนานเล่าว่าในอดีตช่องแคบนี้มีความแคบมากจนทำให้เสือสามารถกระโดดข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้ จึงเป็นที่มาของชื่อช่องแคบเสือกระโจน
มีรูปปั้นพี่เสือขนาดใหญ่ให้ถ่ายรูปด้วย
เราเดินทางต่อมายังเมืองต้าหลี่ ดินแดนเก่าที่มีประวัติยาวนานกว่า 2,000 ปี โดยตอนเย็นวันนี้ทางทัวร์จะพาเราไปเดินเมืองเก่าต้าหลี่ ที่สร้างขึ้นกว่า 1,000 ปี ซึ่งยังคงสภาพสมบูรณ์ตัวอาคารเก่าเหล่านี้เปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกมากมาย มีของกินอร่อยให้ได้เราได้ลองชิมตลอดทางกันด้วยค่ะ
ในตอนเย็นเราเดินทางไปทานอาหารค่ำและเข้าพักในโรงแรมระดับ 4 ดาว
เช้านี้หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จเราก็เดินทางไปยังที่เทียวสำคัญในเมืองต้าหลี่นั่นก็คือวัดเจ้าแม่กวนอิมกวนอิมแปลงกายที่มีตำนานเล่าว่าเจ้าแม่กวนอิมได้แปลงกายเป็นหญิงชราแบกก้อนหินใหญ่ไว้บนหลังเพื่อให้ทหารของฝ่ายตรงข้ามได้เห็นเกิดเป็นความน่าเกรมขามและคิดกันว่าเมืองนี้ขนาดหญิงชรายังแข็งแรงขนาดนี้และถ้าเป็นหนุ่มสาวจะแข็งแรงขนาดไห ทหารเหล่านั้นเลยเกิดความกลัวไม่โจมดีเมืองและถอยทัพกลับไปชาวเมืองจึงสร้างวัดนี้ขึ้นมาในราชวงศ์ถัง
ภายในมีรูปแกะสลักหินเจ้าแม่กวนอิมแปลงกายนอกจากนี้ด้านในยังประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมในปางต่างๆ ให้เราได้ไปกราบไหว้ขอพรกันด้วย
จากนั้นเราเตรียมเดินทางกลับไปยังเมืองคุนหมิงด้วยรถโค้ชระหว่างผ่านชมเจดีย์สามองค์แห่งวัดฉงเซิ่นซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองต้าหลี่จากบนรถกันด้วยค่ะ
ทานอาหารกลางวันระหว่างทางและเดินทางถึงเมืองคุนหมิงในช่วงบ่ายที่แรกที่ทางทัวร์พาไปคือตําหนักทองจินเตี้ยนซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาหมิงฟ่งซานสำหรับการเดินทางรถจะไปจอดตรงลานจอดรถแล้วเราจะต้องเดินขึ้นเนินเขาไปด้านบนค่ะทางเดินไม่ยาก บรรยากาศร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม่ตลอดทางเดินมาประมาณ 10 นาทีก็ถึงด้านบนแล้ว
สำหรับประวัติความเป็นมาของตำหนักแห่งนี้สร้างโดยแม่ทัพในราชวงศ์หมิง อดีตเคยเป็นที่พำนักของอู๋ซันกุ้ยขุนศึกผู้ขายชาติและนางงามเฉินหยวนหยวน ตำหนักหลังนี้มีความสูง 6.7 เมตร กว้าง 6.2 เมตร และเป็นตำหนักแห่งเดียวที่มีฝาผนังและหลังคาที่สร้างด้วยทองเหลืองที่มีน้ำหนักถึง 380 ตัน
เดินทางไปเช็คอินที่เที่ยวต่อไปในคุนหมิงกันเลยกับสวนน้ําตกคุนหมิงแลนด์มาร์คของคุนหมิงเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจยอดฮิตของชาวเมืองคุนหมิง ซึ่งที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ใช้เวลาสร้างกว่า 3 ปี ภายในประกอบด้วยน้ำตกและทะเลสาบอีก 2 แห่งที่สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์
แอบกระซิบว่าร้านถังหูลู่ตรงทางเข้าน้ำตกอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาในชีวิตเลยค่ะ ร้านนี้ทางไกด์เป็นคนแนะนำ ไม้ใหญ่ สตรอเบอร์รี่ก็ลูกใหญ่เบิ้ม ราคาไม่แพงอีกด้วย
มื้อเย็นวันนี้เราไปทานเมนูสุกี้เห็ดซึ่งเป็นเมนูไฮไลท์ของทริปบอกเลยว่าอร่อยมากๆ
วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วค่ะ หลังจากทานอาหรเช้าที่โรงแรมเสร็จเราก็เดินทางไปช้อปปิ้งปิดท้ายกันที่ประตูม้าทองไก่มรกตแลนด์มาร์คของเมืองคุนหมิงตั้งอยู่ตอนกลางของถนนจินปี้ลู่ซึ่งเป็นถนนเก่าแก่ที่สุดของเมือง บริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์เนม ร้านกาแฟ ร้านอาหารมากมาย อีกทั้งยังมีป๊อบมาร์ทให้สายจุ่มชาวไทยได้ไปจุ่มกันด้วย
ทางทัวร์ให้อิสระเราช้อปปิ้งก่อนที่จะพาเดินทางไปทานอาหารกลางวันปิดท้ายทริปและเตรียมตัวเดินทางไปยังสนามบินคุนหมิงเพื่อนั่งเครื่องบินสายการบิน Kunming Airlines ไฟลท์เวลา 16.55 น.เดินทางกลับเมืองไทย และมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิตอนเวลา 18.30 น.
บทความแนะนำ:
เที่ยวต่างประเทศ | 23 เม.ย. 2025 | 230 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 08 เม.ย. 2025 | 392 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 28 มี.ค. 2025 | 983 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 02 เม.ย. 2025 | 1,309 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 10 เม.ย. 2025 | 605 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 20 มี.ค. 2025 | 828 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 เม.ย. 2025 | 352 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 15 เม.ย. 2025 | 302 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 10 มี.ค. 2025 | 943 อ่าน