รีวิวทัวร์เที่ยวเวียดนามกลาง 4 วัน 3 คืน ดานัง ฮอยอัน พักบาน่าฮิลล์ โรงแรมใหม่ที่มีออนเซ็นและสวนน้ำ

รีวิวทัวร์เที่ยวเวียดนามกลาง 4 วัน 3 คืน ดานัง ฮอยอัน พักบาน่าฮิลล์ โรงแรมใหม่ที่มีออนเซ็นและสวนน้ำ บอกได้เลยว่าทริปนี้ทั้งที่พัก วิวอากาศ ธรรมชาติ รวมไปถึงที่กินเพียบ รับรองจะต้องประทับใจอย่างแน่นอนค่ะ 

สำหรับทริปเที่ยวเวียดนามรอบนี้ เราเดินทางไปกับทัวร์ CHECK IN GROUP ค่ะ ทางทัวร์นัดเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ 12.30 น. เดินทางโดยสายการบิน Vietjet Air บินตอน 15.50 น. 

มีแจกกระเป๋าไว้ให้เราไปใส่ของด้วยน้าาาาา 

เตรียมตัวให้พร้อมแล้วเดินทางกันค่ะ โดยการเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. 40 นาที ถึงที่ดานังประมาณ 17.30 น. ค่ะ ถือว่าใช้เวลาไม่นานมากก็ถึงประเทศเวียดนาม พร้อมแล้วลุยยยกันทริปนี้! 17.30 น. เราเดินทางมาถึงยังสนามบิน Danang International Airport หลังจากผ่านตม. ไกด์ก็จะพาลูกทัวร์รับกระเป๋า และเดินไปยังรถบัสที่ทางทัวร์เตรียมไว้ให้ เพราะการเดินทางของทริปนี้เราจะใช้รถบัสตลอดทริปเลยสะดวกสบายสุด ๆ ค่ะ
 หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปยัง สะพานมังกร ที่มีความยาวถึง 666 เมตร เป็นสะพาน 6 เลนส์ ที่ตระการตามากที่สุดของเวียดนามเลยก็ว่าได้ค่ะ มาเดินเล่นชมวิวยามค่ำคืนชมวิถีชีวิต ริมแม่น้ำฮาลกัน ใครมาแชะภาพถ่ายรูปตรงนี้บอกเลยว่าปังสุด ๆ ถ่ายรูปเดินชมบรรยากาศไปเรียบร้อยแล้วเราเดินทางมาทานอาหารเย็นกันดีกว่าค่ะ สำหรับเย็นนี้เราทานกันที่ร้าน Am Thuc Xeo Restaurant เป็นร้านอาหารเวียดนามต้นตำหรับแท้ ร้านตกแต่งไปด้วยสีเหลือง มีโต๊ะให้เราเลือกนั่งเยอะมากค่ะ 

 ทั้งเฝ๋อไก่ ขนมเบื้องญวณ เส้นหมี่หมูย่าง แหนมเนือง เป็นรสชาติที่แปลกใหม่ แต่ทานแล้วรู้สึกเอนจอยมากค่ะ 

อิ่มแล้วเราก็ออกมาเดินชมบริเวณระเบียงของทางร้านกันค่ะ สามารถออกไปยืนชมวิวถ่ายรูปเล่นได้แบบชิล ๆ เลยน้า ถือว่าเป็นมื้อแรกที่เวียดนามที่ประทับใจมากค่ะ ทานอาหารเสร็จแล้วเราก็เดินทางกันต่อไปยังที่พักของเราคืนแรกกันค่ะ สำหรับวันนี้เราพักที่ Magnolia hotel ตั้งอยู่ใจกลางเมืองดานังเลยค่ะ เดินทางง่าย แถมบริเวณรอบ ๆ ยังมีร้านสะดวกซื้อ ร้านชานมให้เราเดินไปซื้อด้วย สำหรับห้องพักของที่นี่ขนาดกระทัดรัดค่ะ พักกันเป็นห้องซุพีเรีย ขนาด 25 ตารางเมตร ค่ะ สะดวกสบายต่อการพักผ่อนมาก ๆ  

ห้องน้ำแยกโซน มีประตูปิดกั้น สะดวกสบายสุด ๆ 

เช้าวันที่สองแล้วค่ะ เช้านี้เราตื่นอาบน้ำแต่งตัว เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็ออกลงมาทานอาหารเช้าบริเวณชั้นล่างของทาวที่พักก่อนเลยค่ะ ที่นี่จะเป็นบุฟเฟ่ต์ให้เราเดินตักกันเองแบบตามใจชอบเลย แถมมีโต๊ะให้เราเลือกนั่งเพียบมีอาหารเป็นแบบอินเตอร์เนชั่นแนล ให้เราตักเพียบเลย แต่ที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือ เฝ๋อ ทานอะไรร้อน ๆ ช่วงเช้าเป็นอะไรที่ฟินมากกกกกทานอาหารเช้าเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ทางทัวร์พาเรามาแวะช้อปอัญมณีและกระเป๋าแบรนด์ Kipling ที่ World Gems Vietnam มีหินสีนำโชค กำไรหยก ก็ลองแวะมาชมได้เลย หรือหากใครไม่ซื้อก็สามารถเดินลงมาเข้าห้องน้ำก่อนเดินทางได้ ห้องน้ำที่นี่สะอาดสุด ๆ เราขึ้นรถเพื่อเดินทางกันต่อค่ะ วันนี้มีหลายจุดที่เราจะไปตะลุยเช็คอินมาก ๆ ค่ะ สำหรับที่แรกเลยเราไปกันที่ หมู่บ้านกั๊มทาน กับการนั่งเรือกระด้ง มันส์ ๆ ที่หากมาเวียดนามแล้วต้องห้ามพลาดเลย รับรองว่าทุกคนจะต้องประทับใจกลับไปอย่างแน่นอนค่ะ เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านเล็ก ๆ ในเมืองฮอยอันที่อยู่ในสวนมะพร้าวริมแม่น้ำ ถ้าทุกคนพร้อมแล้วเราไปมันส์กันค่ะ สำหรับเรือหนึ่งลำสามารถนั่งได้ 3 ท่านรวมคนพาย จะเป็นเรือที่ลักษณะทรงกลม ซึ่งในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นที่พักอาศัยของทหาร ส่วนปัจจุบันอาชีพหลักชองชาวบ้านคือการทำประมง ชาวบ้านมักใช้เรือกระด้งสัญจรไปมาและนำไปหาปลา โดยเรือกระด้งทำจากไม้ไผ่เคลือบด้วยน้ำมันสน สีสันสดใส บางลำมีลายธงชาติไทยและธงชาติเวียดนามด้วยค่ะ 

แถมยังมีโชว์หมุนเรือซึ่งเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ให้เราดูกันด้วย มันส์มากกก มีเพลงไทยร้องตามได้อีกด้วยน้าาาา

สนุกสุดมันส์กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับเรือกระด้ง เราเดินทางกันต่อไปยัง เมืองฮอยอัน เพื่อไปเที่ยวชมมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ซึ่งมนต์เสน่ห์อยู่ที่บ้านโบราณที่เก่าแก่กว่า 200 ปี มีหลังคา ทรงกระดองปู แบบเฉพาะของเมืองฮอยอันเลยค่ะ ซึ่งที่แรกจะพาทุกคนไปชมเลยก็คือ สะพานญี่ปุ่น ที่ชาวเวียดนามเรียกว่า Lai Vien Kieu ที่แปลว่าเมืองฮอยอันยินดีต้อนรับผู้คนจากทุกที่บนโลกที่มาเยี่ยมเยียน ซึ่งสะพานแห่งนี้สร้างโดยชุมชนชาวญี่ปุ่น และได้รับความร่วมมือจากชุมชนจีนที่อยู่ใกล้ๆ ในการสร้างอีกด้วย 

และยังมี พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์กวนอู ศาลเจ้า ชุมชนชาวจีน และบ้านโบราณ อายุยาวนานกว่า 200 ปีเลยค่ะ

บริเวณนั้นยังมีคาเฟ่ ร้านอาหาร น่ารัก ๆ กับมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ อีกเพียบเลยค่ะ ใครที่เป็นสายถ่ายรูปต้องไม่พลาดเลยน้าาา หรือหากใครอยากจะซื้อของฝากทั้งหมวก ชุดอ๋าว หญ่าย กระเป๋า ก็มีให้เลือกซื้อเต็มสองข้างทางเลยค่ะ หลังจากเดินทางไปเที่ยวชมกับเมืองโบราณกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราไปทานอาหารกลางวันกันต่อค่ะ ที่ Golden Light Restaurant เป็นอีกร้านอาหารชื่อดังที่อยู่ในเมืองฮอยอันเลยค่ะ อาหารของที่นี่จะมีความคล้ายกับอาหารไทยมาก ๆ ค่ะ ทั้งเรื่องรสชาติ หรือเมนูที่เราอาจจะรู้ไม่แปลกตาเท่าบ้านเราเท่าไหร่ ทั้ง ปลา ผัดผัก ต้มยำปลาหมึก ขาหมูตุ๋น และเส้นหมี่ผัดค่ะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งมื้อที่อิ่มอร่อยสุด  ๆ ทานอาหารกันเป็นที่เรียบร้อย เราออกเดินทางกันต่อ ซึ่งบ่ายนี้เรามีเดินทางไปยัง บานาฮิลล์  จุดเช็คอินเวียดนามสุดฮิตอีกหนึ่งที่ ที่เราจะได้เพลิดเพลินไปกับการนั่งกระเช้าที่ยาวที่สุดในเวียดนาม ระยะทาง 6 ก.ม. ผ่านภูเขาและสายหมอกสัมผัสอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีค่ะ 

ขอแชะภาพเอาไว้ลงโซเชียลกันสักหน่อยค่ะ อยากบอกเพื่อน ๆ ว่าขนาดบนกระเช้ายังอากาศดีเลยยยยยยย ตื่นเต้นนน

เดินทางขึ้นมาแล้วอากาศด้านบนจะค่อนข้างเย็นสบายมากค่ะ แนะนำว่าหากใครจะมาให้เตรียมเสื้อกันหนาว ร่ม หมวก ไว้เลยค่ะ เพราะด้านบนเราจะพบกับอากาศที่ทั้งฝนตก ลมพัด หนาว และแดดออก แบบครบจบในวันเดียวเลยค่ะ

มุมยอดฮิตที่เมื่อขึ้นมาแล้วต้องถ่ายรูปเก็บไว้เลย เพราะว่าสวยมากกกก 

พอขึ้นมาแล้วทางพี่ไกด์จะเป็นคนอธิบายสถานที่ต่าง ๆ ให้เราค่ะ เพื่อการเดินทางที่ไม่หลง เพราะว่าพื้นที่ค่อนข้างกว้าง และมีความคล้าย ๆ กัน ซึ่งด้านบนก็มีจุดเช็คอินหลายที่ให้เราได้เดินเที่ยวด้วยกันค่ะ สำหรับที่แรกที่เราจะไปเลยก็คือ สะพานมือความยาวประมาณ 150 เมตรค่ะ โดยตัวสะพานเป็นสีทองพร้อมกับมีมือยักษ์สองมือที่โอบอุ้มสะพานแห่งนี้ไว้ ยิ่งถ้าได้มาถ่ายรูปตอนหมอกลงจัดบรรยากาศจะสวยงามแปลกตาเหมือนกับในความฝันกันเลยล่ะค่ะ เดินไปเช็คอินกันต่อ โบสถ์เซนต์เดนิส ด้านในสวยมากค่ะทุกคน สามารถเข้ามานั่ง หรือถ่ายรูปได้เลย เอาจริง ๆ ยิ่งมีโบสถ์ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ยุโรปมากยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ สำหรับบริเวณด้านนอก ไปในช่วงเทศกาลพอดีค่ะ เลยมีการตกแต่งอยู่ในช่วงคริสต์มาสทำให้มีการตกแต่งมุมต่าง ๆ ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินถ่ายรูปกันเพลิน ๆ ท่ามกลางบรรยากาศหมอกและอากาศเย็น 
เราเดินเที่ยวกันไปสักพักแล้วเข้าที่พักกันดีกว่าค่ะ สำหรับคืนนี้บนบานาฮิลล์เราพักกันที่ Mercure Danang French Village Bana Hills ระดับ 4 ดาว ได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมคลาสสิกดั้งเดิมของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ด้านบนบานาฮิลล์เลยค่ะ สะดวกมาก ๆ แถมห้องยังกว้างขวาง สะดวกสบายมาก มีพื้นที่กว้างขวางค่ะ พร้อมกับมีโต๊ะให้เราไว้นั่งทำงานอีกด้วย มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทั้ง ฮีทเตอร์ เครื่องฟอกอากาศ ร่ม กาน้ำร้อน น้ำเปล่า ที่รีดผ้า รองเท้า 

ในส่วนของห้องน้ำจะเป็นแบบเปิดโล่งค่ะ แบ่งโซนห้องอาบน้ำ สุขา มีประตูกระจกปิดแยกเป็นสัดส่วน 

เข้ามาเก็บกระเป๋า นั่งพักผ่อนกันแล้วเรียบร้อย เราออกไปทานมื้อเย็นกันค่ะ จะเป็นบุฟเฟ่ต์ของทางที่พักจัดเตรียมไว้เลย ที่ห้องอาหารด้านล่าง สำหรับใครมาพักที่นี่ถ้ามากับทัวร์ ห้องพักของที่นี่จะแล้วแต่ตึกที่จัดเตรียมไว้ค่ะ แต่จะอยู่ในบริเวณเดียวกันเดินหากันง่าย และสะดวก 

ทานอาหารเสร็จแล้วก็พักผ่อนพรุ่งนี้เตรียมตัวลุยกันต่อค่ะ 

เช้าวันที่สามที่รวดเร็วมากค่ะทุกคน ความสนุกมันผ่านไปไวเสมอ สำหรับเช้านี้เราทานอาหารกันที่ห้องอาหารเดิมของมื้อเย็นเมื่อวานค่ะ เป็นบุฟเฟ่ต์นานาชาติให้เลือกตักกันหลากหลายเมนู เราไปสนุกกันต่อค่ะ สำหรับเช้านี้เราไปเล่นสวนสนุกกัน ซึ่งสามารถเล่นได้ทุกอย่างเลยที่นี่มีเครื่องเล่นมันส์ ๆ ไว้ให้สำหรับคนชอบความเร็วอีกด้วยค่ะ สำหรับบนบานาฮิลล์เป็นบรรยากาศแบบยุโรปบนยอดเขาที่มีความสูง 1,300 เมตร เทียบกับระดับน้ำทะเลซึ่งแต่ก่อนเป็นที่พักตากอากาศของกลุ่มทหารฝรั่งเศษในช่วงที่มาทำสงครามในประเทศเวียดนามจะเห็นได้ว่าบรรยากาศด้านบน จะมีครบทั้ง 4 ฤดูเลย คือ เช้าเป็นฤดูใบไม้ผลิ เที่ยงเป็นฤดูร้อน บ่ายเป็นฤดูใบไม้ร่วง และเย็นเป็นฤดูหนาว ค่ะ

มีร้านอาหาร ร้านค้า คาเฟ่ ให้เดินเที่ยวเพียบเลยน้าาาาาา

สำหรับมื้อเที่ยงก่อนกลับลงเราไปทานอาหารกันที่ ณ ภัตตาคาร บุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติบนบาน่าฮิลล์ค่ะ ซึ่งจะเป็นอินเตอร์เนชั่นแนล มีอาหารทั้งของคาวและของหวานให้เราเลือกตักทานกันเพียบเลย 

อิ่มจุก ๆ กันก่อนกลับบบค่ะ 

ถึงเวลาอันเหมาะสม เราเดินทางลงกระเช้าเข้าสู่ดานังกันค่ะ ถือว่าบนบานาฮิลล์เปิดประสบการณ์ใหม่ในการท่องเที่ยวในประเทศเวียดนามเป็นอย่างมากค่ะ เพราะว่าอากาศดี มีสถานที่เที่ยวด้านบน ผู้คนน่ารัก และยังได้รูปสวย ๆ กลับไปอีกเพียบเลยค่ะ บ่ายนี้เราเดินทางเข้าที่พัก Mikazuki japanese resorts & spa ที่พักระดับ 5 อยู่ใจกลางเมืองดานัง ที่ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น มีความกว้างขวางมากค่ะ เป็นการเปิดประสบการณ์พักโรงแรมหรูที่มีออนเซ็นให้แช่ตัวฟิน ๆ 
สำหรับห้องพักของเราคืนนี้จะหันหน้าออกไปมองเห็นทะเลได้จากระเบียงเลยค่ะทุกคน แถมยังมีความกว้งขวางเรียบหรูมาก ๆ มีมุมให้เรานั่งพักผ่อนด้วย 

ระเบียงด้านนอกมีเก้าอี้ไว้ให้นอนฟิน ๆ รับลม ฟังเสียงทะเล หรือหากใครอยากนอนแช่ตัว ทางที่พักก็มีอ่างให้ด้วยนะคะ 

ห้องน้ำก็มีความกว้างขวางอีกด้วยค่ะ 

เก็บของนั่งพักผ่อนกันไปสักพัก เราก็เปลี่ยนชุดไปเล่นสวนน้ำกันดีกว่าค่ะ สำหรับค่าบริการของสวนน้ำ และออนเซ็นของที่นี่จะรวมไปกับค่าทัวร์แล้วนะคะ มีทะเลเทียมที่เป็นคลื่นด้วยยยย

หรือเด็ก ๆ คนไหนมาอยากเล่นน้ำตรงนี้ก็ได้ด้วยเช่นเดียวกันค่ะ มีเครื่องเล่นพร้อมสไลเดอร์มันส์ ๆ 

นั่งห่วงยางลอยตามน้ำก็มีน้าาา

ไปดูในส่วนของออนเซ็นกันบ้างดีกว่าค่ะทุกคน ในส่วนของตรงนี้จะเป็นพื้นที่อาบน้ำสาธารณะสำหรับทั้งชายและหญิงและทุกวัย ตกแต่งเหมือนกับอยู่ญี่ปุ่นเลยจริง ๆ สามารถมานอนแช่ผ่อนคลายกันได้เลย หรือหากใครต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถไปแบบไพรเวทได้ด้วยเช่นเดียวกันค่ะ อีกทั้งที่นี่ก็ยังมีในส่วนของสระว่ายน้ำบนดาดฟ้า ที่เราสามารถว่ายน้ำไปมองวิวทะเล พร้อมลมพัดเย็นสบายได้จากชั้นบนเลยค่ะ หรือเด็ก ๆ ท่านไหนอยากเล่นสวนน้ำ ด้านล่างโซนหน้าโรงแรมก็มีสไลเดอร์ให้ได้ใช้บริการกันอีกด้วยค่ะ เรามีเวลาอยู่ในช่วงบ่ายกันหลายชั่วโมงเลยค่ะ ให้ทุกคนได้เข้ามาเก็บของ พักผ่อนหย่อนใจกัน รวมไปถึงหากใครอยากจะมาเล่นน้ำ แช่ออนเซ็น ก็สามารถเลือกไปได้ตามใจชอบเลย ตกเย็นเราก็ไปทานอาหารกันค่ะ สำหรับมื้อค่ำเราออกไปทานกันด้านนอกค่ะ ที่ร้าน Nha Hang Son Duong 2 เป็นร้านอาหารที่ทางทัวร์จัดให้ จะเป็นอาหารเมนูท้องถิ่น ที่คล้าย ๆ กับประเทศไทยเลยค่ะ รับรองว่ารสชาติโอเคถูกปากแน่นอน 

ทานอาหารอิ่มเสร็จเรียบร้อยก็กลับที่พักกันค่ะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวันที่มันส์มาก ๆ เลย 

ความสนุกมักผ่ายไปเสมอ ถึงเช้าวันสุดท้ายของทริปเวียดนามแล้วค่ะทุกคน เช้านี้หลังจากตื่นนอน เก็บกระเป๋าเรียบร้อยเราก็ลงมาทานอาหารเช้ากันก่อนเช็คเอาท์ค่ะ ห้องอาหารก็จะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ให้เราเลือกตักเพียบเลย อิ่มอร่อยกันแต่เช้าค่ะ สำหรับเช้านี้เรามีไปเช็คอินกันที่ วัดหลิงอิ๋ง อยู่บนเกาะเซินตร่า (Son Tra) ทางเหนือของเมืองดานัง เป็นวัดใหญ่ที่สุดของที่นี่เลยค่ะ มาพร้อมกับรูปปั้นปูนขาวของเจ้าแม่กวนอิมยืนหันหลังให้ภูเขา หันหน้าออกสู่ทะเลเพื่อเป็นการปกป้องคุ้มครองชาวประมงที่ออกไปหาปลาซึ่งเสียงระฆังวัดที่ตีประสานกับเสียงคลื่นนั้นช่วยให้ชาวเรือรู้สึกสงบและสร้างขวัญกำลังใจอย่างดีเยี่ยม และเป็นที่เคารพนับถือของคนดานัง เข้ามาแล้วเราก็เดินทางมาไหว้ขอพร พร้อมกับถ่ายนรูปเก็บเอาไว้เพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะ จากนั้นนำทุกท่านไปเช็คอินกับคาเฟ่ SON TRA MARINA CAFE คาเฟ่ริมทะเลสุดปัง สำหรับบริเวณด้านในและด้านนอกร้านจะตกแต่งโทนฟ้าขาว สามารถเลือกที่นั่งทั้งด้านใน และด้านนอกได้ตามสบายเลยค่ะ สำหรับมาเช็คอินที่นี่ต้องสั่งเครื่องดื่มหรือขนมคนละเมนูค่ะ เป็นคาเฟ่ชิล ๆ ริมทะเล ลมพัดเย็นสบาย เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่เหมาะสำหรับการมานั่งพักผ่อนหย่อนใจมากค่ะ ในส่วนของเครื่องดื่ม และขนมก็มีให้เราเลือกสั่งกันหลายเมนูเลย ไปเดินถ่ายรูปทั้งด้านบน หรือวิวข้างอาคารก็ปังสุด ๆ  นั่งชิลกันไปสักพักแล้วก็ถึงเวลาขึ้นรถเดินทางกันต่อค่ะ เรามาแวะชมผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาจากเยื่อไม้ไผ่กันสักหน่อยค่ะ ที่นี่มีสินค้านวัตกรรมใหม่ของประเทศฝรั่งเศสที่มี ขบวนการเอาไม้ไผ่มาเผา กลั่นกรองเพื่อจะออกมาเป็นด้ายไม้ไผ่และใช้ผลิตออกมาเป็นสินค้าต่างๆที่มีประโยชน์ดีต่อสุขภาพ 

มีสินค้าต่าง ๆ ให้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากเพียบเลยค่ะ  

เลือกซื้อสินค้าเสร็จแล้วเรียบร้อยเราเดินทางต่อไปยัง โบสถ์สีชมพู เป็นอีกหนึ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากค่ะ เนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นของศาสนาคริสต์ในเวียดนาม ด้านในสถาปัตยกรรมที่งดงาม สีชมพูพาสเทลทั้งหลัง ตัดกับขอบขาวมองแล้วดูสบายตามากค่ะ บนถนนเส้นเดียวกัน เราเดินเท้ากันต่อไปยัง ตลาดฮาน เป็นพื้นที่ละลายทรัพย์ ที่มีสินค้ามากมาย จุดเช็คอินยอดนิยมของคนไทย และคนเวียดนามเลยค่ะ ซึ่งด้านในตลาดมีทั้ง เสื้อ หมวก รองเท้า กระเป๋า สินค้าพื้นเมือง รวมไปถึงของฝากที่เป็นของกิน ไว้ให้เพื่อน ๆ ได้ซื้อของกลับไปเพียบ 

แม่ค้า พ่อค้าที่นี่ พูดภาษาไทยได้ เราสามารถต่อรองราคาได้เลยน้าาาา จะจ่ายเป็นเงินดอง หรือเงินไทย ก็ได้ทั้งหมดเลยค่ะ 

ถึงเวลาอันสมควรที่เราจะต้องเดินทางกลับกันแล้วววว ถือเป็นอีกหนึ่งทริปที่สนุกมาก ครบรสทุกจุดเช็คอิน ได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ของประเทศเวียดนาม โดยก่อนที่เราจะกลับเราจะได้รับประทานอาหารว่างอย่างขนมปังเวียดนามก่อนเดินทางไปที่สนามบินค่ะ ซึ่งเราจะออกเดินทางจากสนามบินดานังในเวลา 18.15 น. และมาถึงที่สนามบินสุวรรณภูมิในเวลา 19.55 น. เดินทางไม่นานก็ถึง แล้วพบกันทริปหน้าค่ะทุกคน..บะบุยยยยย

ใครสนใจทริปนี้สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่เลยค่ะ >>> https://chillpainai.com/products/VZD7

สนใจทริปนี้สามารถแอด Line @ : https://chill.travel/LineChillpainai

Tags: ดังนัง บาน่าฮิลล์ ฮอยอัน เวียดนาม ทริปเที่ยวเวียดนาม ทัวร์เวียดนาม เวียดนามกลาง

เขียนโดย

Mew Chillpainai

แชร์บทความนี้