calendar_month 08 ธ.ค. 2023 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 7,990 / เที่ยวต่างประเทศ
รีวิวทัวร์เที่ยวจีน 7 วัน 6 คืนในเส้นทาง จางเจียเจี้ย พร้อมกับไฮไลท์ทริปนี้เราจะพาไปนอนในหมู่บ้านโบรานฝูหรงเจิ้น เมืองแห่งน้ำตกที่สวยงามราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย จะสวยงามแค่ไหนตามไปชมการเดินทางครั้งนี้ได้เลย
- เนื่องจากไปเที่ยวจีนกับทัวร์ ทางทัวร์จะเป็นฝ่ายจัดการทำวีซ่ากรุ๊ปให้ โดยส่งเพียงพาสปอร์ตให้กับทางทัวร์เท่านั้น ซึ่งค่าวีซ่ากรุ๊ปจะรวมในทัวร์แล้ว
- ช่วงที่เราไปเป็นช่วงฤดูหนาวปลายเดือนพฤศจิกายน - เดือนธันวาคม อากาศจะอยู่ที่ ประมาณ 7 - 15 องศาเซลเซียส ดังนั้นเสื้อผ้ากันหนาวสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อขนเป็ด ลองจอห์น ฮีทเทค หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอ ในส่วนรองเท้าแนะนำเป็นรองเท้าผ้าใบที่ใส่สบายค่ะ เพราะทริปนี้เดินค่อนข้างเยอะ
- เงินที่เอาไปแนะนำว่าแลกเงินหยวนไปแค่จำนวนหนึ่งพอไม่ต้องเยอะ และควรแลกเป็นแบงค์ย่อย เพราะช่วงที่เราไปร้านต่างๆ นั้นไม่ค่อยรับเงินสดแต่รับชำระทางออนไลน์ โดยเราสามารถใช้แอปพลิเคชันทรูมันนี่ผูกกับอาลีเพย์ก็สามารถใช้จ่ายในประเทศจีนได้สะดวกสบาย ดูวิธีการผูกอาลีเพย์กับทางทรูมันนี่ที่>>https://chillpainai.com/scoop/15797
- ปลั๊กไฟที่จีนตามโรงแรมจะมี 2 แบบค่ะ คือแบบรูแบน 2 ขา ซึ่งสามารถเสียบกับที่ชาร์จพวกไอโฟนได้เลย และแบบขาแบน 3 ขาแบบเอียงซึ่งต้องใช้อะแดปเตอร์ตัวแปลงโดยเราสามารถเลือกซื้ออะแดปเตอร์ยูนิเวอร์แซลที่นำไปใช้ที่ประเทศจีนที่นี่ได้เลย>>
- ห้องน้ำสาธารณะในจีน (เฉพาะเมืองที่เราไป) ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ แต่ห้องน้ำสาธารณะของเขา 100% คือแบบนั่งยอง(ในสนามบินก็ยังเป็นนั่งยอง) ดังนั้นอาจจะไม่สะดวกสบายสำหรับผู้สูงอายุเท่าไร แต่ในเรื่องความสะอาดและในเรื่องกลิ่นสำหรับเราคือค่อนข้างโอเคค่ะ เข้าได้ไม่น่ากลัว
- เมืองที่เราไปคือเมืองอี๋ชาง ฉางเต๋อ จางเจียเจี้ย เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ค่อนข้างสะอาด แทบจะไม่ค่อยเห็นขยะเลยค่ะ
- อินเตอร์เน็ตที่ใช้ในจีน เราซื้อแพ็คเกจทรูมูฟแบบโรมมิ่งจากไทยไปค่ะ บอกเลยว่าสัญญาณดีมากๆ เพราะทริปนี้ทั้งขึ้นเขา ไปลานสกี ล่องเรือสัญญาณก็ยังดี จะมีสัญญาณหายระหว่างนั่งรถแค่บางช่วงสั้นๆ เท่านั้น ส่วนไวไฟฟรีจากทางโรงแรมถ้าเราเชื่อมต่อเราจะไม่สามารถใช้โซเชียลมีเดียในไทยไม่ว่าจะเป็นเฟ้สบุ้ค ทวิตเตอร์ ไอจี หรือเสิร์ชกูเกิลได้ แต่ถ้าใช้ซิมเมืองไทยสามารถเชื่อมต่อได้ไม่มีปัญหาเลยค่ะ
- คนจีนส่วนมากแทบไม่ใช้ภาษาอังกฤษเลย แต่เนื่องจากเราไปกับทัวร์มีไกด์คนจีนเลยทำให้ไม่เป็นปัญหาในการสื่อสารเท่าไร แต่ถ้าจะสื่อสารกับเขาแนะนำพวกกูเกิลทรานเสลทช่วยได้มากๆ ค่ะ
- บุหรี่คือปัญหาสำคัญสำหรับทริปนี้ค่ะ เพราะพี่เขาเล่นสูบทุกที่ แม้แต่ในลิฟต์โรงแรม ในร้านอาหารก็ยังสูบ ใครที่แพ้ควันบุหรี่ก็ควรพกมาสก์กันไปด้วยนะคะ
สำหรับทริปนี้เราเดินทางไปกับทางฟินทริปค่ะ โดยเขานัดเราที่สนามบินดอนเมืองตอนเวลา 11.30 น. และบินด้วยสายการบินชิงเต่า แอร์ไลน์ตอนเวลา 14.35 น.
ที่นั่งจะเป็นแบบ 3-3 เครื่องออกตรงเวลา ที่นั่งไม่ใหม่และไม่เก่า ไม่มีจอหรือที่ชาร์จบนเครื่อง
มีอาหารบริการฟรีค่ะ โดยแอร์จะแจกให้เราเป็นเซ็ตบ็อกซ์แบบนี้ มีขนมปัง เบเกอรี่ ถั่ว น้ำผลไม้ และของกินเล่นเป็นหม่าล่าให้ด้วยค่ะ นอกจากนี้แอร์ยังเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มอีกด้วย
ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงสนามบินอี๋ชางแล้วค่ะ สนามบินค่อนข้างใหม่แต่ห้องน้ำก็นั่งยอง 100% จ้า ช่วงที่ผ่านตม.จะมีความช้านิดหน่อยเพราะเราต้องสแกนนิ้วมือที่เครื่องอัตโนมัติที่สแกนยากมากๆ แต่ข้อดีคือมีเจ้าหน้าที่สนามบินที่คอยช่วยเหลือและค่อนข้างเฟรนด์ลี่ค่ะ แม้จะใช้เวลาค่อนข้างนานตอนผ่าน ตม.แต่ก็สามารถผ่านออกมาได้สบาย จากนั้นก็รับกระเป๋าแล้วออกไปบริเวณด้านหน้าจะมีรถของทางทัวร์มารอรับเราแล้วค่ะ วันนี้มาถึงค่ำแล้วทางทัวร์จะพาไปเราทานอาหารมื้อแรกในร้านอาหารและก็พาเข้าที่พักเลย เตรียมตัวไปเที่ยววันพรุ่งนี้กันค่ะ
สำหรับที่พักของเราในคืนนี้เป็นที่พักระดับ 4 ดาวในเมืองอี๋ชางค่ะ ห้องกว้างสวย สะอาด น่านอนมากๆ
เช้าวันที่ 2 หลังจากทานอาหารเช้า(มื้อที่ 2)แล้วเราก็เตรียมตัวก็ออกเดินทางไปที่แรกเลยค่ะ โดยรถโค้ชของทางทัวร์มารอรับเราแล้ว
ที่แรกของวันนี้คือกิจกรรมล่องเรือสำราญเขื่อนซานเสียต้าป้า ตั้งอยู่ในเมืองอี๋ชาง โดยเป็นเขื่อนอเนกประสงค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยที่เที่ยวหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นล่องเรือสำราญ หรือที่เที่ยวอุทยานแห่งชาติในจีนส่วนมากเราจะต้องใช้พาสปอร์ตและมีการตรวจสแกนกระเป๋าก่อนจะเข้าไปเที่ยว
เรือที่เราไปคือลำด้านนอกค่ะ มี 4 ชั้น มีห้องน้ำให้บริการ
โดยที่นั่งของเราจะอยู่บริเวณชั้น 2 ค่ะ มีบริการชาร้อนและของทานเล่นหม่าล่าให้ทานฟรีด้วย ส่วนใครอยากสั่งอาหารบนเรือก็มีโซนร้านอาหาร ตู้ไอศกรีม เครื่องดื่มอื่นๆให้สั่งทานค่ะ แต่ไม่ได้รวมในราคาทัวร์นะคะ โดยเราจะต้องจ่ายเอง
เรือจะล่องไปในแม้น้ำแยงซีเกียงให้เราได้ชมทัศนียภาพรอบๆ
ไฮไล์คือการที่เราเข้าสู่เขื่อนค่ะ ซึ่งเขาจะใช้วิธีลิฟต์น้ำ เป็นการเพิ่มระดับน้ำเพื่อนดันเรือขึ้นสู่ระดับสูงค่ะ เพราะระดับน้ำในแม่น้ำแยงซีเกียงและในเขื่อนจะต่างกัน เราเลยได้เห็นจังหวะที่มีการเปิดประตูบานแรกเพื่อนำเรือเข้าไป มีการปล่อยน้ำทำให้ระดับสูงขึ้นจนเท่ากับด้านในเขื่อนและทำให้เรือล่องไปในเขื่อนได้ ซึ่งมีที่นี่ที่เดียวที่มิวิธีการลิฟต์น้ำแบบนี้
เรือพาเราล่องไป-กลับประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ ขากลับก็ได้ชมการลดระดับน้ำเพื่อให้ล่องกลับแม่น้ำแยงซีเกียงได้ด้วยจากนั้นทางทัวร์ก็พาไปทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 3) ก่อนจะเดินทางไปยังที่เที่ยวที่ต่อไป
หลังจากทานอาหารกลางวันแล้วที่เที่ยวต่อไปก็ยังอยู่เมืองอี๋ชางนั่งรถไม่ไกลมาก เราก็มาถึงบ้านเกิดชวีหยวน ซึ่งเป็นบุคคลทางประวัติศาสตร์และวรรณกรรมของจีน ตั้งอยู่ที่ช่องเขาซีหลิงแห่งแม่น้ำแยงซีค่ะ โดยรถจะจอดด้านนอกแล้วเราจะต้องนั่งรถชัตเติ้ลบัสเข้าไปไม่ไกลค่ะ
ทางเข้าจะต้องเดินขึ้นบันไดผ่านซุ้มประตูสุดอลังการเข้าไป
อาคารสไตล์จีนที่หันหน้าไปยังแม่น้ำแยงซีเกียง
รูปปั้นท่านชวีหยวน บุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์จีน
จากนั้นก็ถึงเวลาช้อปปิ้งแล้วค่ะที่ถนนคนเดินของเมืองอี๋ชางติดกับห้าง CBD เรียกว่าเป็นถนนคนเดินที่เดินสนุกมากๆ เพราะมีทั้งเสื้อผ้า และสตรีทฟู้ดมากมายเป็นแนวยาวไปตามถนน ไม่ว่าจะเป็นหม่าล่า ถังหูลู่ และอาหารอีกมากมายเดินกินเพลินเลยค่ะแถมราคาไม่แพงอีกด้วย
ในส่วนมื้อค่ำ(มื้อที่ 4)ทางทัวร์จะพาเราไปดินเนอร์ในห้องอาหารที่ตกแต่งในธีมเว็ดดิ้งค่ะ หรูหราอลังการมาก ๆ
สำหรับที่พักคืนนี้เราพักที่พักเดิมค่ะ สะดวกสบายไม่ต้องเปลี่ยนโรงแรมให้เหนื่อย
เช้าวันที่ 3 หลังจากทานบุฟเฟต์อาหารเช้า (มื้อที่ 5) ที่โรงแรมแล้วเราก็เตรียมเช็คเอาท์เดินทางไปเที่ยวต่อกันเลย โดยจุดหมายแรกของวันนี้คือสวนดอกท้อ ซึ่งเป็นสวนชมวิวที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแยงซีเกียงค่ะ
ภายในจะมีต้นดอกท้อที่จะบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (เดือนกุมภาพันธ์ - เดือนเมษายน) แม้วันนี้ดอไม้ยังไม่บานก็มีวิวสวยๆ ของแม่น้ำแยงซีเกียงให้ได้ถ่ายรูปกัน
จุดชมวิวแม่น้ำแยงซีเกียงที่เมื่อวานเราล่องเรือผ่านกันด้วยค่ะ
จากนั้นจะมีทางเดินเลียบเลาะแม่น้ำเพื่อไปยังจุดล่องเรือที่เราจะล่องเข้าไปชมถ้ำด้านใน
เรือลำนึงสามารถนั่งได้ 20 คนเลยค่ะ มีคุณลุงพายเรือให้เราไปชมถ้ำที่ประดับไปสวยงาม เราล่องไปกลับประมาณ 30 นาทีก็เตรียมตัวเดินทางไปเที่ยวที่ต่อไปค่ะ
ซึ่งที่เที่ยวที่ต่อไปสำหรับวันนี้คือสกีรีสอร์ทไป๋หลี่หวง ซึ่งเป็นสกีรีสอร์ทแห่งแรกในเมืองอี๋ชาง โดยก่อนจะไปเล่นสกีกันเขาจะพาเราไปทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 6) กันที่รีสอร์ทค่ะ จากนั้นลูกค้าคนไหนที่อยากจะไปเล่นสกีทางทัวร์จะมีบริการรถของทางสกีรีสอร์ทขึ้นไปเล่นด้านบน ซึ่งค่าเช่าอุปกรณ์ ค่าเล่นไม่รวมในค่าทัวร์นะคะ โดยสามารถเล่นสกีได้ 2 ชั่วโมง ส่วนใครที่ไม่ได้ไปก็สามารถนั่งพักในโรงแรมที่เรารับประทานอาหารพร้อมกับเล่นหิมะถ่ายรูปด้านหน้าโรงแรมได้เลยค่ะ
ถึงเวลาโบกมือลาเมืองอี๋ชาง และนั่งรถเดินทางต่อไปยังเมืองฉางเต๋อโดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ เมื่อมาถึงฉางเต๋อทางทัวร์จะพาเราไปทานอาหารเย็น (มื้อที่ 7) จากนั้นไปเดินเล่นกันต่อที่ถนนคนเดินซ่างเซียเหอ ถนนคนเดินที่มีทั้งร้านค้า ของฝาก ของกิน ตกแต่งในสไตล์อาคารจีนโบราณสวยงามมากๆ ค่ะ
สำหรับที่พักในคืนนี้เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวค่ะ ห้องดี กว้าง สวย สะอาดหรูหรามากๆ
ห้องกว้างน่านอนสุดๆ สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นเตียงเดี่ยวหรือเตียงคู่
เช้าวันที่ 4 หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรม (มื้อที่ 8) เราก็เช็คเอาท์และเดินทางต่อไปยังเมืองจางเจียเจี้ยโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ ที่แรกที่มาคือพิพิธภัณฑ์ภาพเขียนหินทรายจวินเซิง ของศิลปินหนุ่ม หลี่ จวิน เซิง ผู้สร้างสรรค์งานศิลปะโดยใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น หินสี กรวย ทราย กิ่งไม้ ใบไม้ ต้นหญ้า นำมาร้อยเรียงเป็นภาาพสีที่ถ่ายทอดเรื่องราวความสวยงามของจางเจียเจี้ยได้อย่างสมจริงมากๆ
จากนั้นเดินทางไปทานอาหารกลางวัน (มื้อทื่9) ก่อนจะไปชมความสวยงามของตึกมหัศจรรย์ 72 แห่งเมืองจางเจียเจี้ย ที่รวมความมหัศจรรย์ 72 อย่างของจางเจียเจี้ยเอาไว้
โดยด้านนอกจะเป็นร้านอาหาร ร้านค้า ร้านคาเฟ่ตกแต่งในสไตล์อาคารจีนโบราณ ส่วนด้านในจะต้องใช้บัตรเข้ามาค่ะ แต่ในทริปนี้รวมค่าเข้าเรียบร้อยแล้ว ซึ่งพอมาถึงก็ทึ่งกับความอลังการของตึกที่สร้างเลียนแบบเขาเทียนเหมินซานหรือประตูสวรรค์ โดยทำเป็นช่องตรงกลาง และจะเปิดไฟตอน 6 โมงเย็น
ด้านในยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ อีกมากมาย พร้อมกับมีร้านอาหาร ร้านขายของฝากให้เราได้ช้อปปิ้งกันด้วย
เดินกันเพลินก็ถึงเวลาเดินทางไปยังเมืองโบราณฝูหรงเจิ้นโดยใช้เวลานั่งรถไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ ก่อนเข้าหมู่บ้านเราจะแวะไปทานอาหารเย็น (มื้อที่ 10) กันก่อนเข้าไปเดินเที่ยวในหมู่บ้าน ซึ่งรถยนต์จะเข้ามาด้านในหมู่บ้านไม่ได้นะคะ โดยจะจอดไว้บริเวณที่จอดรถและเดินเท้าเข้ามาในเมืองประมาณ 5 นาทีค่ะ พอมาถึงก็ตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามตรงหน้า ที่ไฮไลท์คือน้ำตกขนาดยักษ์กลางหมู่บ้านประดับประดาด้วยแสงไฟภายในอาคารโบราณของเมือง ทำให้เหมือนที่นี่เป็นเมืองโบราณที่หลุดมาจากเทพนิยายเลยค่ะ สวยเหมือนไม่มีจริงบนโลกกันเลย
เดินถ่ายรูปกันจนพอใจแล้วก็นั่งรถไปยังที่พักที่อยู่ไม่ไกลจากตัวหมู่บ้านค่ะ ที่พักเป็นที่พักระดับ 5 ดาว ห้องดีจากตัวห้องมีระเบียงที่ติดกับแม่น้ำของหมู่บ้านได้ด้วยค่ะ
เช้าวันที่ 5 หลังจากทานอาหารเช้า (มื้อที่ 11) ทางทัวร์ก็พาเราไปเที่ยวหมู่บ้านฝูหรงเจิ้นในยามเช้ากันต่อค่ะ โดยวันนี้เราจะลงไปเดินลอดน้ำตกกัน
บรรยากาศในเมืองสวยงามมากๆ มีอาคารเก่าให้เราแวะถ่ายรูปกันไม่มีเบื่อเลย
ประวัติความเป็นมาของเมืองเห่งนี้มีประวัติมาอย่างยาวนาน 2000 ปีโดยตั้งอยู่ในเขตปกครองตนเองเผ่าถู่เจียและเผ่าเหมียว แห่งเมืองเซียงซี และที่ทำให้เมืองนี้เป็นที่โด่งดังเพราะเคยเป็นสถานที่ถ่ายภาพยนตร์เรื่อง Hibicus Town ภาพยนตร์จีนที่ฉายในปี 2529 ซึ่งในเมืองเราจะเห็นโปสเตอร์ของหนังและของฝากที่เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ให้เลือกซื้ออีกด้วย
ร้านนี้เป็นร้านเต้าหู้ที่โด่งดังโดยในอดีตสี จิ้นผิงประธานาธิบดีคนปัจจุบันของจีนก็เคยมาทานที่นี่ค่ะ ภายในร้านมีภาพตอนที่ท่านมาทานและคนดังอื่นๆ ของจีนแปะไว้ด้วย
จากนั้นก็เดินต่อไปยังไฮไลท์ของวันนี้คือการเดินลอดน้ำตกค่ะ โดยเส้นทางที่เราเดินมาส่วนมากจะเป็นทางลงนะคะ ไม่เหนื่อยเลยค่ะ แต่ไม่เหมาะกับคนที่ใช้วีลแชร์เพราะทางจะเป็นบันไดซะส่วนใหญ่ค่ะ
ทางเดินลอดน้ำตกที่สวยงามอลังการมากๆ
ส่วนขากลับไม่ต้องเดินย้อนค่ะ เพราะเราจะมานั่งเรือแบบนี้กลับไปยังท่าเรือที่มีรถโค้ชมาจอดรอเราได้เลย สะดวกสบายมากๆ
จากนั้นเดินทางต่อด้วยรถโค้ชอีกประมาณ 2 ชั่วโมงเพ่อไปยังที่เที่ยวไฮไลท์ในทริปนี้คือเขาเทียนเหมินซาน หรือภูเขาประตูสวรรค์ โดยก่อนจะไปขึ้นเขาเทียนเหมินซานก็ไปทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 12) แล้วเดินทางมายังทางขึ้นเคเบิลคาร์ โดยเราจะต้องนั่งเคเบิลคาร์ไปยังยอดเขาเทียนเหมินซานสำหรับทริปนี้รวมค่าขึ้นเคเบิลคาร์ให้แล้วด้วยค่ะ
ซึ่งกระเช้าที่เราจะนั่งไปนั้นเป็นกระเช้าที่ยาวที่สุดในโลกมีระยะทางประมาณ 7.5 กิโลเมตร กระเช้า 1 ตัวสามารถนั่งได้ประมาณ 8 คนค่ะ
โดยตัวกระเช้าจะไปส่งเราที่เหนือช่องประตูสวรรค์ ที่อยู่บนยอดโน่นเลย
บอกเลยว่าเป็นครั้งแรกที่นั่งกระเช้าที่สูงและชันขนาดนี้ มองลงข้างล่างเราจะเห็นถนนที่คดเคี้ยวไปตามแนวเขาเหมือนผ้าที่พับกันเลยค่ะ เห็นแล้วเสียวมากๆ
เราใช้เวลานั่งประมาณ 20 นาทีค่ะ ก็ขึ้นมาถึงยอดด้านบนจากนั้นก็เดินต่อไปยังระเบียงแก้วเลียบหน้าผาลอยฟ้าที่จะต้องสวมที่สวมรองเท้าตอนเดินกันด้วยนะคะ แนะนำว่าควรระวังมือถือกันด้วยค่ะ เพราะเสี่ยงตกตอนยกขึ้นมาถ่ายมากๆ
วิวด้านล่างสามารถมองเห็นภูเขาที่สลับซับซ้อนสวยงามอลังการมากๆ
หลังจากเดินเสร็จแล้วถ้าเป็นช่วงเวลาปกติจะมีบันไดเลื่อนที่เราสามารถใช้ไปยังปากทางเข้าประตูสวรรค์ได้เลยแต่ช่วงที่เราไปเป็นช่วงหน้าหนาวบันไดเลื่อนไม่เปิดให้บริการค่ะ ดังนั้นเราจะต้องนั่งกระเช้าตัวเดิมมายังสถานีกลางของกระเช้า
จากนั้นก็ต้องนั่งรถของทางอุทยานฯ เพื่อขึ้นเขาไปยังลานด้านหน้าประตูสวรรค์ ซึ่งใครเมารถบอกเลยว่าเตรียมยา เตรียมยาดมให้พร้อมเพราะทางมันคดเคี้ยวมากๆ
ใช้เวลานั่งมาประมาณ 10 นาทีค่ะ ก็ถึงลานโล่งบริเวณทางขึ้นประตูสวรรค์ ซึ่งถ้าช่วงเวลาปกติเราสามารถขึ้นบันไดเลื่อนไปถ่ายรูปที่ช่องประตูได้แต่ช่วงหน้าหนาวบันไดเลื่อนปิดหมด เราเลยถ่ายบริเวณด้านล่าง หรือใครฟิตก็สามาระเดินขึ้นบันได้ 999 ขั้นไปด้านบนได้เลยค่ะ แต่ทริปนี้เราขอถ่ายบริเวณด้านล่างก็พอ
จากนั้นเดินไปยังสถานีเคเบิลคาร์ ซึ่งเป็นเคเบิลคาร์ตัวที่ 2 คนละตัวกับขามานะคะ ตัวนี้จะยิงตรงจากทางขึ้นประตูสวรรค์มาด้านล่างได้เลย ตัวกระเช้าจะใหญ่กว่าสามารถนั่งได้ถึง 20 คนกันเลยทีเดียว
ถึงบริเวณด้านล่างแล้วรถก็มาจอดรอเราเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปทานเข้าเย็น (มื้อที่ 13 ) และพาไปพักที่พักของเรารคืนนี้เป็นที่พักระดับ 4 ดาวในวู่หลิงหยวนที่สะดวกสบาย ห้องสวยนอนสบายมากๆ
จากนั้นตอนเย็นจะมีออปชั่นเสริมคือการแสดงโชว์เชียนกู่ฉิง ที่ไม่ได้อยู๋ในโปรแกรม ใครสนใจสามารถซื้อเพิ่มกับทางไกด์ได้คนละ 400 หยวนค่ะ ซึ่งเป็นโชว์ใหม่ในเมืองจางเจียเจี้ย ที่สวยงามและอลังการมากๆ
เช้าวันที่ 6 หลังจากทานอาหารเช้าในโรงแรม (มืัอที่ 14) ทางทัวร์จะพาเราแวะไปศูนย์ผลิตใบชา ศูนย์ผลิตภัณฑ์เครื่องหยกในช่วงเช้าและทานอาหารกลางวันมื้อที่ (15) ส่วนช่วงบ่ายจะมีออปชั่นเสริม คือสะพานกระจกจางเจียเจี้ยที่ไม่ได้อยู่ในโปรแกรม แต่ต้องจ่ายเพิ่มคนละ 400 หยวนค่ะ ใครไม่ได้ไปสามารถไปนั่งรอที่โรงแรมได้
โดยสะพานกระจกแห่งนี้สร้างคร่อมหุบเขามีความสูง 980 ฟุต ตัวสะพานยาว 400 เมตรค่ะ การเดินทางไปก็ไม่ยากเพราะรถไปจอดที่บริเวณจอดรถ เดินไปไม่นานก็ถึงสะพานกระจกแล้วเดินไม่ไกลเลยค่ะ
จากลานจอดรถเดินมาที่อาคารทรงโดมแบบนี้มาฟังบรรยายจากไกด์กันก่อน
โมเดลจำลองของสะพานกระจกจางเจียเจี้ยซึ่งที่เรายืนอยู่คือโดมกลมๆ จากภาพคือออกจากโดมเดินไปทางขวามือแป๊บเดียวก็ถึงสะพานกระจกแล้ว
แต่กฎในการเข้าคือเขาไม่ให้นำกล้องใหญ่ หรือกระเป๋าใบใหญ่เข้าไปเลยค่ะ ให้นำแค่มือถือเข้าได้เท่านั้น โกโปรก็ไม่สามารถเข้าไปได้ ก่อนจะไปเดินก็ต้องสวมที่ครอบรองเท้าเพื่อกันไม่ให้สะพานกระจกเป็นรอย
เดินมาจนสุดทางก็เดินเลียบไปทางซ้ายของภูเขาเพื่อไปชม VR 4 มิติ โดยทางเดินไปก็จะเป็นระเบียงกระจกแบบนี้เลย
กิจกรรมขึ้นบอลลูนจำลองพร้อมกับใส่แว่น VR ทำให้เราเหมือนกำลังนั่งบอลลูนจริงๆ กันเลยค่ะ
จากนั้นก็เดินทางกลับสู่เมืองอี๋ชางค่ะ โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง พอมาถึงอี๋ชางทางทัวร์พาเราไปทานอาหารเย็น (มื้อที่ 16) ก่อนจะพาไปพักที่พักระดับ 4 ดาวเดียวกับที่พักคืนแรกที่เราพัก
หลังจากทานอาหารเช้า (มื้อที่ 17) ก็เตรียมเช็คเอาท์เดินทางมายังสนามบินอี๋ชางเพื่อนั่งเครื่องบินสายการบินชิงเต่า แอร์ไลน์ ไฟลท์เวลา 11.20 น. บินกลับสู่เมืองไทย บนเครื่องมีบริการอาหารโดยครั้งนี้มีเสิร์ฟเป็นอาหารร้อนให้เราได้เลือกทาน พร้อมกับขนม น้ำผลไม้ เครื่องดื่มให้ทานกันด้วย
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึงสนามบินดอนเมืองตอนเวลา 13.35 น. ปิดทริปอี๋ชาง จางเจีเจี้ย ฝูหรงเจิ้นสุดเต็มอิ่ม 7 วัน 6 คืน
ใครสนใจทริปนี้สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่เลยค่ะ https://chillpainai.com/products/FT-YIHQW01A
สนใจทริปนี้สามารถแอด Line @ : https://chill.travel/LineChillpainai
บทความแนะนำ:
เที่ยวต่างประเทศ | 21 พ.ย. 2024 | 38 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 12 พ.ย. 2024 | 266 อ่าน
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 885 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 1,194 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 24 ก.ย. 2024 | 918 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ย. 2024 | 1,757 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 30 ก.ค. 2024 | 2,669 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 19 ก.ค. 2024 | 5,363 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ค. 2024 | 2,642 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ค. 2024 | 1,012 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 18 เม.ย. 2024 | 3,793 อ่าน