เที่ยวญี่ปุ่นกับทัวร์ เส้นทาง โอซาก้า - เกียวโต 5 วัน 3 คืน เริ่มต้น 27,888 บาท

อยากเที่ยวญี่ปุ่นในราคาประหยัดแนะนำทริปนี้เลยค่ะ เส้นทาง โอซาก้า - เกียวโต 5 วัน 3 คืน เริ่มต้น 27,888 บาท โดยทริปนี้จะเป็นการเดินทางในช่วงหน้าร้อนเดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคม ลองมาดูกันว่า เที่ยวญี่ปุ่นในงบไม่ถึง 3 หมื่นจะได้อะไรบ้าง??รายละเอียดทริปเพิ่มเติม>>คลิกที่นี่

สิ่งที่เตรียมก่อนไปเที่ยวญี่ปุ่น

1.การเข้าญี่ปุ่นตอนนี้ (มิถุนายน 2566) ใช้พาสปอร์ตเล่มเดียวก็เที่ยวได้ ไม่ต้องฉีดวัคซีนก็เข้าได้ โดยคนไทยได้สิทธิ์ฟรีวีซ่าอยู่ญี่ปุ่นได้ 15 วัน

2.ฤดูที่จะไปเป็นช่วงฤดูร้อน ซึ่งฤดูร้อนบ้านเขาอากาศพอๆ กับบ้านเราแต่อาจจะอบอ้าวกว่า ดังนั้นเสื้อผ้าก็ไม่ต้องเตรียมอะไรเยอะ ใส่เหมือนอยู่บ้านเราได้เลยโล้ด แต่สิ่งที่ต้องเตรียมไปคือร่มและเสื้อกันฝนค่ะ เพราะช่วงหน้าร้อนญี่ปุ่นจะมาพร้อมฝน ซึ่งถ้าเราไปกับทัวร์ทางทัวร์จะมีบริการร่มให้ แต่คงเตรียมรองเท้าที่เปียกน้ำไปได้ด้วย ใครที่คิดจะเอารองเท้าผ้าใบคู่เดียวเที่ยวทั่วโลกตอนไปญี่ปุ่นในหน้านี้แนะนำว่าควรเตรียมไปอีกคู่ หรือไปหาซื้อที่โน่นก็ได้ค่ะ

3.ค่าเงิน ช่วงนี้ค่าเงินเยนถูกลงๆ เหลือ ประมาณ 100 เยนเท่ากับ 24.76 บาท (มิถุนายน 2566) จึงเป็นโอกาสที่ดีให้หาช้อปได้เที่ยวกันอยางเต็มที่ใครอยากจะแลกเงินไป หรือจะใช้บัตรพวกทราเวลการ์ด แลกเงินเก็บไว้ในบัตร แล้วไปกดเอทีเอ็มหรือรูดที่โน่นก็สะดวกสบาย เพราะตามร้านซูปเปอร์มาเก็ตที่ญี่ปุ่นก็สามารถใช้บัตรจากเมืองไทยรูดใช้จ่ายได้เลย

4.พาวเวอร์แบงค์ ห้ามโหลดเด็ดขาดถือขึ้นเครื่องเท่านั้นจ้า ซึ่งมีข้อกำหนดในการถือขึ้นเครื่องไม่เกิน 30,000 แอมป์นะคะ

5.ปลั๊กบ้านเขาใช้หัวแบนแบบ 2 รูจ้า ใครที่มีปลั๊กพ่วง หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นหัวกลม 3 ขาก็เอาตัวแปลงไปด้วยนะคะ 

6.ซิม สามารถซื้อซิมจากบ้านเราเช่น Sim2fly จากเอไอเอสไปใช้ได้เลยค่า ราคา 399 บาท ได้เน็ต 6 GB นาน 10 วัน ปกติถ้าเล่นแค่โซเชียลมีเดียก็เพียงพอแล้วค่ะ

7.ประกันการเดินทางต่างประเทศ ปกติทางทัวร์จะมีให้เราอยู่แล้วแต่ถ้าใครอยากซื้อความคุ้มครองเพิ่มก็สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่นี่>>https://chill.travel/3G3I42S

เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมเราก็ออกเดินทางไปกันเลย
วันแรกของทริปนี้จะนับเป็นวันเดินทางค่ะ โดยทางทัวร์จะนัดเราที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลา 4 ทุ่มตรง เพื่อเตรียมตัวเดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่น

พอเวลาประมาณตีหนึ่งก็ขึ้นเครื่องมู่งสู่สนามบินคันไซค่ะ โดยทริปนี้เรานั่งเครื่องของ AIR ASIA X (XJ) เที่ยวบินที่ XJ612 ฟรีโหลดกระเป๋า 20 กิโลกรัม และสามารถถือขึ้นเครื่องได้ 7 กิโลกรัม โดยในราคาทัวร์จะไม่รวมค่าบริหารอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง ใครที่อยากทานสามารถแจ้งกับทางบริษัททัวร์เพื่อเพิ่มค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้
เราถึงสนามบินคันไซประมาณ 9 โมงเช้าค่ะ จากนั้นก็ผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง รับประเป๋า และนั่งรถโค้ชที่ทางทัวร์จัดเตรียมไว้เดินทางสู่เมืองเกียวโต ซึ่งจากสนามบินคันไซนั่งรถไม่นานค่ะ ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงเมืองเกียวโตแล้วค่ะ

ก่อนจะไปเที่ยวที่แรกทางทัวร์จะจัดเมนูอาหาร (มื้อที่1) บุฟเฟต์ปิ้งย่าง YAKINIKU ให้เราทานกันก่อนเพื่อเดินทางไปเที่ยวค่ะ
จุดแรกเมื่อมาถึงเกียวโต คือ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari) หรือศาลเจ้าจิ้งจอก ศาลเจ้าที่มีความเก่าแก่มากกว่าพันปี จุดเด่นคือมีเสาโทริอิสีแดงที่เรียงรายนับหมื่นต้นไปบนยอดเขาอินาริ ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าที่สถิตของเทพอินาริ เทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ โดยจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย ในศาลเจ้าแห่งนี้จึงมีรูปปั้นจิ้งจอกเต็มไปหมด ทางทัวร์จะให้เวลาเราได้ถ่ายรูปกับเสาโทริอิก่อนจะเดินทางไปยังที่ต่อไป

ที่ต่อไปนั่งรถไม่นานประมาณ 15 นาทีก็ถึงวัดคิโยมิสุ (Kiyomizu temple) หรือวัดน้ำใส วัดเก่าแก่อายุกว่าพันปีแลนด์มาร์คยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวต้องมา ซึ่งที่มาของวัดน้ำใสมาจากคำว่า Kiyomizu แปลว่าน้ำบริสุทธิ์ จุดเด่นของวัดนี้คือระเบียงของวัดที่สูงจากพื้น 13 เมตรที่ไม่ใช้ตะปูในการสร้างเลย นอกจากนี้ภายในยังมีศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ด้านหลังอาคารของวัดที่มีชื่อเสียงในการขอพรเรื่องความรักกันอีกด้วย 

 เดินออกจากวัดคิโยมิสุมาเราก็พบกับย่านฮิกาชิยาม่า (Higashiyama walking street) ย่านที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านขนม ในบรรยากาศของอาคารบ้านเก่าสไตล์ญี่ปุ่นสามารถเดินเล่น ถ่ายรูป หาของกินอร่อยเพลินๆ กันได้เลยค่ะ

จากนั้นเดินทางสู่ย่านกิออน (Gion) ย่านเก่าที่ยังคงรักษาความเป็นญี่ปุ่นและวัฒนธรรมแบบเกียวโตแท้ไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งบนถนนเส้นนี้เราอาจจะได้พบกับไมโกะและเกอิชา หญิงสาวที่ใช้ศิลปะในการให้ความบันเทิงแก่ลูกค้า แต่แนะนำว่าก่อนจะถ่ายรูปควรขออนุญาตเขาก่อนนะคะ หรือจะให้ไกด์ช่วยพูดให้ก็ได้ค่ะ 

จากนั้นไปเดินเล่นริม แม่น้ำคาโมะ(Kamo River) แม่น้ำสายหลักของเมืองเกียวโตที่มีฉากหลังเป็นภูเขา โดยริมแม่น้ำจะมีอาคารเก่าแก่แบบญี่ปุ่นที่เปิดเป็นร้านอาหาร บาร์ให้บริการ โดยจากตรงนี้สามารถเดินไปยังย่าน  Pontocho ซึ่งเป็นตรอกเล็กๆ ความกว้างไม่เกิน 5 เมตรที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร ผับ บาร์สะท้อนภาพชีวิตยามค่ำคืนในเมืองเกียวโตได้อย่างสวยงาม

สำหรับมื้อเย็นทางทัวร์จะให้เราได้เลือกทานเองค่ะ ซึ่งในย่านนี้หาร้านทานไม่ยากค่ะ หรือใครอยากได้ความชิลก็สวามารถซื้ออาหารในร้านสะดวกซื้อพร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ มานั่งทานริมแม่น้ำคาโมะก็ชิลไปอีกแบบ 

ในส่วนที่พักของคืนนี้เราพักกันที่ Hotel Monday Kyoto Karasumanijo ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโตเดินทางง่ายใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน หน้าที่พักมีป้ายรถเมล์ เดินไปไม่ไกลก็มีร้านแฟมิลี่มาร์ท ใครอยากเที่ยวเกียวโตในยามค่ำคืนก็สะดวกสบายมากๆ 

ส่วนห้องพักขนาดเริ่มต้น 17 ตารางเมตร เตียงกว้างนอนสบายมากๆ ค่ะ

เช้าวันที่ 3 เราทานอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ (มื้อที่ 2)ที่พักแล้วก็เตรียมเช็คเอาท์เพิ่มเดินทางไปที่ต่อไปค่ะ

จากนั้นนำสัมผัสประสบการณ์ พิเศษ พิธีชงชาแบบญี่ปุ่น ให้ท่านได้เรียนรู้วิธีชงชาแบบธรรมเนียมญี่ปุ่น และสามารถเลือกซื้อชารสชาติต่างๆได้ อีกทั้งยังได้เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งสินค้ามากมาย Kyoto Shikido Duty free แหล่งช้อปปลอดภาษีของเมืองเกียวโต 

จากเกียวโตเดินทางสู่เมืองโอซาก้า โดยที่เที่ยวที่แรกคือ ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) ซึ่งเป็นปราสาทเก่าแก่สร้างขึ้นในปี ค.ศ 1583 โดยโทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ  ไดเมียวคนสำคัญของญี่ปุ่น แต่ด้วยเหตุการณ์ฟ้าผ่าไฟไหม้ และถูกโจมตีโดยฝ่ายพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ปราสาทแห่งนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ต่อมาในปี 1995 ได้มีการบูรณะปราสาทโอซาก้าขึ้นมาอีกครั้งที่นี่จึงกลายเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองโอซาก้าที่ใครมาก็ต้องมาเยี่ยมชมความสวยงาม

หลังจากเที่ยวชมปราสาทโอซาก้า กันจนเต็มอิ่มแล้วก็ถึงเวลารับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่3) ซึ่งเป็นบุฟเฟต์ชาบูเติมพลังก่อนเดินทางไปเที่ยวที่ถัดไปค่ะ  

จากนั้นเดินทางไปยังศาลเจ้านัมบะยาซากะ (Namba Yasaka Shrine) จุดเช็คอินที่กำลังมาแรงสุด ไฮไลท์ของศาลเจ้าแห่งนี้ คือรูปปั้นหน้าสิงโตอ้าปากขนาดใหญ่ ที่เชื่อกันว่า สามารถกลืนกินปีศาจร้าย หรือ สิ่งไม่ดีทั้งหลาย ให้หายไป และนำพามาซึ่งความโชคดีให้แก่ผู้คน

จากนั้นก็ไปช้อปปิ้งกันต่อที่ Lalaport EXPOCITY และ รินคู พรีเมี่ยม เอาท์เล็ท Rinku Premium Outlets ส่วนมื้อเย็นนี้จะไม่อยู่ในโปรแกรมค่ะ ให้เราเลือกทานเองโดยอิสระที่พรีเมียมเอาท์เล็ท

ส่วนที่พักคืนนี้เป็นที่พักระดับ 3 ดาวค่ะ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน 

เช้าวันต่อมาเราทานอาหารที่โรงแรม (มื้อที่ 4) จากนั้นก็เตรียมตัวไปเที่ยวในเมืองโอซาก้ากันต่อ โดยวันนี้เป็นวันเที่ยวอิสระ จะเลือกไปเที่ยวยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอส์ เจแปน (Universal Studios Japan) แต่ไม่รวมค่าเข้าและค่าเดินทางนะคะ ใครที่อยากไปจะต้องจ่ายค่าบัตรเอง ซึ่งราคาสำหรับ 1วันจะอยู่ที่ 8,600 เยนหรือประมาณสองพันกว่าบาท สามารถติดต่อล่วงหน้ากับทางทัวร์ให้จองบัตรไว้ให้ได้เลย

ส่วนใครที่ไม่ได้ไปก็สามารถเลือกเที่ยวในโอซาก้า เช่น ย่านชินไซบาชิย่านช้อปปิ้งชื่อดังที่มีไฮไลท์คือป้ายไฟกูลิโกะ ให้สายถ่ายรูปได้แชะภาพกันด้วยค่ะ สำหรับอาหากลางวันและอาหารเย็นวันนี้จะอิสระค่ะ ซึ่งบริเวณชินไซบาชิก็มีร้านให้เลือกทานมากมาย โดยเฉพาะร้านทาโกยากิ ร้านโอโคโนมิยากิ ซึ่งเป็นเมนูขึ้นชื่อของโอซาก้าก็มีให้เลือกทานกัน รวมถึงสายช้อปปิ้งก็มีร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนม ร้านดองกี้ ร้านเครื่องสำอางและ Tax Free ให้เลือกช้อปแบบไม่ต้องกลัวเบื่อกันเลย

ส่วนที่พักในคืนนี้เราพักที่เดิมค่ะ เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับเมืองไทยในเช้าตรู่วันพรุ่งนี้

เช้าวันสุดท้ายหลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรม (มื้อที่ 5) เรียบร้อยแล้วก็เตรียมเช็คเอาท์ แล้วเดินทางไปยังสนามบินคันไซ เพื่อนั่งเครื่องบินสายการบิน AIR ASIA X (XJ) เที่ยวบินที่ XJ613 กลับเมืองไทยตอนเวลา 9.50 น. และเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลาประมาณ 13.50 น. 

สอบถามข้อมูลทัวร์เพิ่มเติมได้ที่ LINE : @Chillpainai : https://chill.travel/LineChillpainai 

หรือโทรมาสอบถามได้ที่ 064-975-0999, 064-975-0888 และ 064-975-0777

Tags: ญี่ปุ่น เที่ยวต่างแดน ที่เที่ยวญี่ปุ่น โอซาก้า เกียวโต ที่เที่ยวโอซาก้า เที่ยวโกซาก้า ที่เที่ยวเกียวโต เที่ยวเกียวโต osaka kyoto ทัวร์ญี่ปุ่น ทัวร์โอซก้า ทัวร์เกียวโต บริษัททัวร์ญี่ปุ่น แพ็กเกจทัวร์ญี่ปุ่น แพ็คเกจทัวร์เกียวโต แพ็คเกจทัวร์โอซาก้า เที่ยวต่างประเทศ ทัวร์ต่างประเทศ ทริปเที่ยวต่างประเทศ ทริปเที่ยวโอซาก้า

เขียนโดย

นางสาวฮานะ ชิลไปไหน

แชร์บทความนี้