calendar_month 12 พ.ค. 2023 / stylus Admin Chillpainai / visibility 8,818 / เที่ยวต่างประเทศ
หลายคนน่าจะรู้กันอยู่แล้วว่า พม่า เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากไทย มีจุดท่องเที่ยวสวยงามมากมายและขึ้นชื่ออย่างยิ่งในด้านศิลปะที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา วันนี้ชิลไปไหนเลยจะมารีวิวทัวร์เที่ยวพม่า 4 วัน 3 คืน เที่ยวมัณฑะเลย์-พุกาม ท่องเมืองเก่า ชมพุทธศิลป์ ให้ทุกคนได้ชมกันค่ะ หากใครที่ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ก็อยากให้ลองเก็บทริปนี้ไว้เป็นตัวเลือก ส่วนใครที่มีแพลนอยากไปพม่าอยู่แล้วก็ลุยกันเลยยย~
สำหรับการเดินทางเข้าประเทศพม่านั้นไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่าค่ะ ส่วนขั้นตอนอื่นก็ไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อนแค่ต้องเตรียมเอกสารบางส่วนก่อนออกเดินทาง ได้แก่
1. หนังสือเดินทาง (อายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน)
2. ประกันสุขภาพ Myanmar Insurance
3. เอกสารรับรองการได้รับวัคซีนป้องกันโควิด 19 จำนวน 2 เข็มขึ้นไป หรือใบรับรองผลการตรวจโควิด RT-PCR (ในกรณีที่ยังไม่ได้รับวัคซีน)
4. Health Declaration Form (ใช้ยืนยันที่สนามบิน โดยจะได้รับแจกตอนอยู่บนเครื่อง)
เริ่มต้นทริปที่สนามบินดอนเมือง ครั้งนี้เราจะเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย บอกเลยว่าสะดวกมาก ๆ เพราะว่าเป็นเที่ยวบินตรงจากดอนเมืองสู่มัณฑะเลย์ ประเทศพม่า จุดหมายแรกของทริปเลยยย โดยเที่ยวบินของเราคือเวลา 11.10 น. และถึงที่หมายเวลา 12.25 น.
วิวสวย ๆ กับ window seat
จัดไปมื้อนี้กับข้าวมันไก่ย่าง
นั่งเครื่องกันมาไม่นาน เราก็ถึงสนามบินมัณฑะเลย์ ประเทศพม่าแล้วค่ะ หลังจากนี้ทุกคนก็จะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองอีกสักหน่อย พอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่หน้าสนามบินจะมีรถบัสปรับอากาศมารับเราเพื่อออกเดินทางสถานที่แรกของทริปในมัณฑะเลย์ค่ะ
แวะชมภาพบรรยากาศภายในสนามบินกันสักนิดดด
ถึงแล้วค่ะที่หมายแรกกับพระราชวังไม้สักชเวนานจอง(Golden Palace Monastry) หรืออารามปราสาททอง สถานที่ทางประวัติศาสตร์ของพม่าที่ยังคงหลงเหลืออยู่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้ามินดง กษัตริย์พม่าผู้ค้นพบเมืองมัณฑะเลย์ และพระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นจากไม้สักและแกะสลักพร้อมทั้งหุ้มด้วยทองคำทั้งหลังเลยค่ะ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจึงเหลือให้เห็นความสวยงามของสีทองอร่ามอย่างเด่นชัดเพียงด้านใน บอกเลยว่าด้านนอกของพระราชวังว่าสวยแล้ว ด้านในคืองดงามมากกกค่ะ ต้องมาชมให้ได้สักครั้งนะคะ
ไปต่อกันที่จุดหมายที่สองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่แรกกับวัดกุโสดอ (Kuthodaw Pagoda) กันค่ะ เป็นวัดที่คนนิยมมาแวะชมในเมืองมัณฑะเลย์ วัดแห่งนี้มีเจดีย์กุโสดอที่สำคัญแห่งประเทศพม่า และยังเป็นสถานที่ที่ได้รับฉายาว่าเป็น “หนังสือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” เพราะว่ามีการจารึกข้อความทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนหินอ่อนสีขาวแผ่นใหญ่จำนวน 729 แผ่น บอกเลยว่ามาถึงที่นี่ รู้สึกสงบ สบายตาและสบายใจมากค่ะ
เจดีย์กุโดสอ
พระเจ้ามินดง
พาไปจุดเช็กอินที่สองกับมัณฑะเลย์ฮิลล์ (Mandalay Hills) สถานที่ชมวิวภูเขาใจกลางเมืองมัณฑะเลย์ ที่ใครได้ขึ้นไปก็สามารถมองเห็นวิวสวย ๆ โดยรอบของเมืองได้ทั้งหมดเลยค่ะ นอกจากจุดชมวิวแล้ว ด้านบนยังมีวัด วิหาร และสิ่งศักดิ์สิทธ์ของชาวมัณฑะเลย์ ให้สักการะบูชาด้วย ส่วนช่วงเวลาที่อยากแนะนำให้ทุกคนมาก็คงหนีไม่พ้นช่วงเย็น ช่วงที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน บอกเลยว่าสวยจนไม่อยากกลับเลยค่ะ
ช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน
ต้นไม้สวย วิวดี ให้สิบเต็มสิบ
จบทริปของวันนี้ด้วยอาหารมื้อเย็นที่ร้าน Golden Duck ร้านอาหารจีนสไตล์เมียนมาร์ บรรยากาศดี เดินทางสะดวก ภายในร้านก็กว้างขวาง มีโต๊ะให้เลือกนั่งมากมาย ในส่วนของอาหารก็ต้องขอยกนิ้วโป้งให้เลยเพราะอร่อยและกลมกล่อมทุกเมนู อีกอย่างคือรสชาติทานง่าย คนไทยทานได้แน่นอนค่ะ
เป็ดย่างคือเนื้อดีและหนังกรอบ ถ้าไม่ลองคือพลาดดด
ทานอาหารอิ่มก็ค่ำพอดี อย่างนี้คงต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อน คืนแรกที่พม่าเรานอนกันที่ Hotel Yi Link โรงแรมระดับ 3 ดาว ทำเลตั้งอยู่ใกล้ร้านรวง ตลาดและศูนย์การค้า สามารถเดินทางได้สะดวก นอกจากนี้ทางโรงแรมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่าง Free-WIFI บาร์นั่งดื่มและฟิตเนสอีกด้วย
ในส่วนของห้องพัก ดูมีความทันสมัยแต่ยังคงมีกลิ่นอายที่ทำให้เหมือนได้กลับบ้านด้วยพื้นและเฟอร์นิเจอร์จากไม้โทนสีอบอุ่น มองไปที่กลางห้องก็จะเจอกับเตียงขนาดใหญ่สุดน่านอน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น ส่วนห้องน้ำก็กว้างขวาง สว่าง สบายตา มีชักโครกพร้อมสายชำระและมีม่านแบ่งโซนแห้งและโซนเปียก พออาบน้ำเสร็จแล้วก็ขอทิ้งตัวลงเตียงเลย คืนนี้หลับฝันดีค่า
เริ่มต้นวันที่สองด้วยการทานมื้อเช้าที่โรงแรมค่ะ อาหารจะเป็นเมนูง่าย ๆ มีข้าวผัด มีเมนูเส้นที่ทานง่าย อีกทั้งยังมีเครื่องดื่มอย่างชา นมอุ่น และกาแฟให้เลือกดื่มตามใจชอบเลยค่ะ
ทานมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อย เราก็เริ่มออกเดินทางไปยังเมืองพุกาม (Bagan) เมืองประวัติศาสตร์อันล้ำค่าของพม่าที่ยูเนสโกยกให้เป็นแหล่งมรดกโลก โดยพุกามได้รับฉายาว่าเป็น "เมืองแห่งทะเลเจดีย์" จากการที่มีสถาปัตยกรรมของเจดีย์โบราณมากถึง 3,000 - 4,000 องค์ การเดินทางนี้จะไปโดยรสบัสปรับอากาศและใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ
วัดกุบยางกี (Gubyaukkyi Temple) แลนด์มาร์กที่แรกในพุกามที่สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธะ และไฮไลต์ของสถานที่นี้ก็คือจิตรกรรมฝาผนังในสมัยก่อนที่ยังคงหลงเหลือมาถึงทุกวันนี้ ใครต่อใครก็บอกว่างดงาม เราเห็นแล้วก็ต้องยืนยันว่าสวยจริง ๆ ค่ะ ที่นี่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปด้านในวิหารและเจดีย์แต่ทุกคนยังสามารถเข้าชมได้ค่ะ
วัดมนูหะ (Manuha Temple) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วัดพระอึดอัด” โดยที่มาของชื่อพระอึดอัดมาจากในสมัยก่อนที่พระเจ้ามนูหะ กษัตริย์มอญผู้ที่เคยมีอำนาจในพม่าก่อนจะถูกกษัตริย์พม่าบุกโจมตีและกักขังมาเป็นเชลยศึก พระพุทธรูปในอิริยาบถหลากหลายและโบสถ์ครอบที่แคบ เลยถูกตีความและถ่ายทอดออกมาเป็นงานศิลปะทางพุทธศาสนาเพื่อแสดงความคับแค้นใจของกษัตริย์มอญองค์นี้ได้อย่างดีเนี่ยม ถือได้ว่าวัดนี้มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจวัดหนึ่งเลยค่ะ
หลังจากเข้าวัดทำบุญแล้ว เรามาพักทานมื้อเที่ยงกับอาหารเมียนมาร์พื้นบ้านกันค่ะ บอกเลยว่าอาหารแต่ละเมนูมีรสชาติเฉพาะที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของความเป็นพม่าได้ดีเลยทีเดียว มื้อนี้ก็ถือว่าเป็นอีกมื้อที่อร่อยมากค่ะ
เจดีย์สัพพัญญู (Thatbyinnyu Temple) หรือรู้จักกันในชื่อ "วัดสัพพัญญู" วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองของพุกาม มีความสูงถึง 5 ชั้นและถูกจัดให้เป็นวิหารที่สูงที่สุดในเมืองพุกาม โดยวิหารนี้มีความเก่าแก่และทรุดโทรมไปตามกาลเวลาแต่โดยรวมยังคงสวยงาม จนถือได้ว่าเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมของพม่าเลยทีเดียวค่ะ
ไปเที่ยวกันต่อที่ วัดอนันดา (Ananda Temple) วัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสและได้รับยกย่องว่าเป็นวัดงดงามมากที่สุดในเมืองพุกาม มีความโดดเด่นจากเจดีย์บนวัดที่เป็นสีขาว ส่วนภายในมีพระพุทธรูปแกะสลักด้วยไม้สักสูงราว 10 เมตร ประดิษฐานอยู่ทั้งสี่ทิศของวิหาร วัดนี้ก็ถือได้ว่าเป็นอีกจุดเช็กอินที่น่าสนใจไม่แพ้สถานที่อื่น ๆ เลยค่ะ
วิหารธรรมยันจี (Dhammayangyt Temple) วัดที่มีขนาดใหญ่และงดงามที่สุดในพุกาม สร้างแบบมีกำแพงล้อมรอบทึบ มีเพียงช่องหน้าต่างที่แสงสามารถลอดเข้ามาได้ อีกทั้งอิฐทุกก้อนยังมีความเรียงชิดติดแน่นเสมือนเป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้เห็นถึงความปราณีตเมื่อได้ดูไปพร้อมกับรับรู้ประวัติศาสตร์ของที่แห่งนี้ไป ขอบอกเลยว่าสุดโหดค่ะ นอกจากนี้ทุกคนสามารถชมวิวและซึมซับกับบรรยากาศของธรรมชาติโดยรอบของวัดแห่งนี้ได้ โดยเฉพาะยามเย็นที่พระอาทิตย์กำลังตกดินค่ะ
ไฮไลต์ของวันนี้ก็ต้องที่นี่เลย Nanda Restaurant & Puppet Show ร้านอาหารเมียนมาร์แบบพื้นเมือง สไตล์การตกแต่งร้านและบรรยากาศโดยรอบต้องบอกว่าเข้ากับเมืองเก่าแก่อย่างพุกามมาก ๆ ค่ะ ในมื้อนี้เราได้ทานของอร่อยมากมายพร้อมดูโชว์หุ่นกระบอกไปด้วย แสงสีน่าตื่นตาตื่นใจในระดับหนึ่งเลย โชว์ทำออกมาได้ดีและสนุกเลยค่ะ
ทานอาหารจนอิ่มท้อง ดูโชว์จนอิ่มใจก็ได้เวลาพักผ่อนแล้วค่ะ คืนนี้เรามาพักกันที่โรงแรม Arthawka Hotel โรงแรมระดับ 3 ดาว มีบริการครบครันอย่าง Free-WIFI สระน้ำและห้องอาหาร แถมบรรยากาศก็เหมาะกับการมาพักผ่อนที่แท้จริงเลยละค่ะ
สไตล์ห้องพักก็จะเป็นโทนอบอุ่นจากเฟอร์นิเจอร์ไม้ ประกอบกับสีของห้องที่สว่าง สบายตา ทำให้รู้สึกน่านอนมากทีเดียวค่ะ ส่วนเครื่องใช้และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ก็มีครบเลย ไม่ว่าจะเป็นเตียง โต๊ะ โทรศัพท์ ทีวีและอื่น ๆ
ในส่วนของห้องน้ำก็จะอยู่ในตัวห้องพักเลย มีเครื่องใช้ครบครันและสะดวก อย่างเช่นปลั๊กไฟในห้องน้ำนี่ก็สามารถเอาเครื่องเป่าผมมาเสียบได้ ส่วนโซนแห้งและโซนเปียกก็แบ่งไว้อย่างชัดเจนค่ะ
หลังจากตื่นนอนพร้อมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว เราก็ลงมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรมค่ะ เมนูก็จะเป็นอาหารง่าย ๆ เช่นเคย ทานแล้วไม่หนักท้อง หรือถ้าใครอยากกินอิ่ม ๆ เก็บไว้เป็นพลังงานเดินทางในช่วงเช้าก็จัดเต็มไปเลยค่ะ
จะข้าวจะเส้นก็เลือกได้ตามสะดวกกก
เริ่มต้นที่แรกของวันนี้ที่ เจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda) เจดีย์ต้นแบบของสถาปัตยกรรมเจดีย์หลายองค์ในพม่า โดยมีรูปทรงระฆังคว่ำและปิดประดับด้วยทองคำเปลวทั้งหลัง มีฐาน 3 ชั้นซ้อนกันคล้ายพีระมิด ของจริงคือยิ่งใหญ่และสวยมากกกค่ะ อีกจุดหนึ่งที่ขอแนะนำก็คือ การถ่ายภาพจากแอ่งน้ำเล็ก ๆ ด้านหลังองค์เจดีย์ ซึ่งเมื่อมองแล้วก็จะสามารถเห็นเงาของเจดีย์ได้เต็มองค์เลยค่ะ
อีกหนึ่งที่ที่ต้องมาชมให้ได้ในเมืองพุกามก็ต้องเป็น วัดติโลมินโล (Htilominlo Temple) ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองพุกาม วัดแห่งนี้มี 3 ชั้น สูง 46 เมตร และยาว 43 เมตร โดยวัดได้เท่ากันทั้ง 4 ด้าน ส่วนเรื่องราวความเป็นมาของสถานที่นี้ก็ถือว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว และด้านในของวัดก็จะมีภาพพระพุทธรูปกับจิตรกรรมฝาผนังโบราณจากลวดลายปูนปั้นต่าง ๆ ให้ชมอีกด้วย
เรามาทานอาหารกลางวันกันที่ Treasure Cafe & Restaurant อาหารเมียนมาร์เสิร์ฟในถาดเป็นเซ็ต มีเมนูให้เลือกลิ้มลองหลากหลาย และที่นี่ยังมีอาหารสำหรับคนทานมังสวิรัติด้วยค่ะ ทริปนี้ไม่ต้องกลัวว่าอาหารจะไม่ถูกใจนะคะ เพราะรสชาติส่วนมากไม่แปลกไปจากลิ้นคนไทยเท่าไหร่ ทานได้แน่นอนค่ะ
ก่อนที่จะเดินทางกลับสู่ตัวเมืองมัณฑะเลย์ เราได้แวะชม U Ba Nyein Lacquerware Workshop หรือเวิร์กช็อปการทำเครื่องเขิน ที่นี่ไม่ได้มีแค่เครื่องเขินให้เราซื้อกลับไปเป็ฝากอย่างเดียว แต่เราสามารถดูขั้นตอนการทำจากผู้คนที่นี่ได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วยค่ะ โดยเครื่องเขินที่นี่ก็จะมีหลายอย่างเลย อย่างเช่น แจกัน ที่รองแก้วหรือที่เขี่ยบุหรี่ เรียกได้ว่ามาที่เดียวนั้นได้ทั้งเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของเพื่อนบ้าน ได้ทั้งของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วยค่ะ
ทานมื้อค่ำกับอาหารสุดอร่อยที่ Yi Link Hotel โรงแรมที่เราคุ้นเคยกันในคืนแรกค่ะ อาหารและเครื่องดื่มสามารถตัก เติมเองได้ตามอัธยาศัย มื้อนี้มีผลไม้ฉ่ำ ๆ พร้อมเสิร์ฟด้วย หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็ขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องพักของตัวเอง โดยคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เราจะได้นอนที่พม่าค่ะ
วันนี้เราตื่นเช้าหน่อยและออกจากโรงแรมประมาณ 04:00 น. เพราะเราจะพาทุกคนไปทำบุญกันค่ะ สำหรับเมืองมัณฑะเลย์นั้นมีหนึ่งสิ่งที่ทุกคนไม่ควรพลาดเมื่อมาถึง นั่นก็คือการมาชมพระมหามัยมุนี (Mahamuni Buddha) พระพุทธรูปที่ถือได้ว่าเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพม่านับถือค่ะ โดยในเวลาที่เราไปถึงจะมีพิธีล้างพระพักตร์ของพระมหามัยมุนี ใครที่มีจิตศรัทธาก็สามารถชมและสักการะองค์พระได้ค่ะ จากนั้นเราก็กลับไปที่โรงแรมเพื่อรับประทานอาหารเช้า เตรียมตัวเดินทางไปจุดหมายต่อไปค่ะ
ลงมาที่อมรปุระ อำเภอทางใต้ของภาคมัณฑะเลย์ เราจะทุกคนไปชมสะพานไม้อูเบ็ง (U-Ben Bridge) กันค่ะ สะพานแห่งนี้คือสะพานเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 200 ปี และยังเป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลกด้วยความยาวถึง 1.2 กิโลเมตรอีกด้วย บอกเลยว่าถ้าได้มาช่วงน้ำขึ้นและพระอาทิตย์กำลังตกดิน ทุกคนจะต้องได้รูปสวย ๆ ฟิน ๆ มากกว่านี้กลับไปแน่นอน
ไปต่อกันที่ วัดมหากันดายงค์ (Mahagandaryon Monastry) อยู่ไม่ไกลจากสะพานอูเบ็ง วัดแห่งนี้เป็นวิทยาลัยสงฆ์ที่มีภิกษุและสามเณรจากทั่วโลกเข้ามาศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยมากที่สุดในพม่า โดยภาพที่นักท่องเที่ยวมักจะเห็นเป็นไฮไลต์ของวัดก็คือ ภาพภิกษุสงฆ์นับร้อยรูปเดินต่อแถวเรียงด้วยอาการสำรวมเพื่อรับอาหารจากผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านในช่วงเพลค่ะ
จบลงแล้วค่ะสำหรับทริปนี้ เราเดินทางกลับสู่ประเทศไทยโดยสายการบินแอร์เชียจากสนามบินมัณฑะเลย์เวลา 15:45 น.
อาหารมื้อสุดท้ายของทริปนี้
สำหรับรีวิวทัวร์เที่ยวพม่า 4 วัน 3 คืน เที่ยวมัณฑะเลย์-พุกาม ท่องเมืองเก่า ชมพุทธศิลป์ ต้องบอกเลยว่าได้ชมอะไรสวยงามเยอะเลย แถมเอ็นจอยกับเส้นทาง สถานที่และอาหารเกินกว่าที่คิดค่ะ ถ้าใครสนใจท่องเที่ยวทริปแบบนี้อย่างชิลไปไหนก็ตามมาเลยยย หรือใครอยากมาแบบมีหัวหน้าทัวร์ ไกด์และคนขับรถ ก็สามารถมาแบบทัวร์ตามรูปด้านล่างได้เลยค่ะ
โทรสอบถามทัวร์เพิ่มเติมได้ที่
064 975 0777 : K. กี้
064 975 0888 : K. เจี๊ยบ
064 975 0999 : K. มุก
LINE ID : @Chillpainai https://chill.travel/LineChillpainai
บทความแนะนำ:
อัปเดตมาตรการเข้าประเทศต่างๆ ล่าสุด มกราคม 2566
นโยบายฟรีวีซ่าเข้าเมียนมาร์กลับมาแล้ววว! อยู่ได้ยาวถึง 14 วัน
ทริปหนีร้อน 3 วัน 2 คืน จากระนองสู่เมียนมาร์ มิงกะลาบาโอบท้องฟ้า ท้าลมทะเล
Tags: พม่า มัณฑะเลย์ พุกาม เที่ยวพม่า ทัวร์พม่า ทริปต่างประเทศ ทัวร์ต่างประเทศ เที่ยวต่างประเทศ พระราชวังไม้สักชเวนานจอง Golden Palace Monastry วัดกุโสดอ Kuthodaw Pagoda มัณฑะเลย์ฮิลล์ Mandalay Hills Golden Duck Hotel Yi Link วัดกุบยางกี Gubyaukkyi Temple วัดมนูหะ Manuha Temple เจดีย์สัพพัญญู Thatbyinnyu Temple วัดอนันดา Ananda Temple วิหารธรรมยันจี Dhammayangyt Temple เจดีย์ชเวสิกอง Shwezigon Pagoda วัดติโลมินโล Htilominlo Temple เครื่องเขิน U Ba Nyein Lacquerware Workshop พระมหามัยมุนี Mahamuni Buddha สะพานไม้อูเบ็ง U-Ben Bridge วัดมหากันดายงค์ Mahagandaryon Monastry
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 505 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 740 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 24 ก.ย. 2024 | 648 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ย. 2024 | 1,187 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 30 ก.ค. 2024 | 1,897 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 19 ก.ค. 2024 | 4,148 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ค. 2024 | 2,025 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 18 เม.ย. 2024 | 3,510 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 21 ก.พ. 2024 | 5,422 อ่าน