calendar_month 11 เม.ย. 2023 / stylus Admin Chillpainai / visibility 11,647 / เที่ยวต่างประเทศ
บาหลีถือเป็นอีกหนึ่งดินแดนที่รวมทั้งวัฒนธรรม ศาสนา ประเพณี อารยธรรมต่าง ๆ ไว้มากมาย ทั้งยังมีที่กิน ที่เที่ยวสวย ๆ ให้ได้ไปเช็คอินอีกเพียบ ทริปนี้เราเลยจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวพาหลีกันแบบจัดเต็ม 4 วัน 3 คืน ถ้าพร้อมแล้วก็เก็บกระเป๋าและออกเดินทางกันเลย
ทริปนี้เรานัดเจอกันที่สนามบินดอนเมืองตั้งแต่เช้ามืดเลยค่ะ เพราะไฟล์ทที่เราจะบินในทริปนี้เป็นไฟล์ท 06.00 น. ไปบาหลีคราวนี้บอกเลยว่าสบายสุด ๆ เพราะเราเดินทางกับ Best International ที่เขาจะคอยวางแผนการเดินทาง จองตั๋ว จองที่พัก รวมทั้งแจ้งข้อมูลต่าง ๆให้เราทราบอย่างละเอียดเลย ทริปนี้เราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย จากกรุงเทพบินตรงถึงท่าอากาศยานนานาชาติงูระห์ไรใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ
ในที่สุดก็เดินทางมาถึงบาหลีแล้วค่ะ เราถึงท่าอากาศยานนานาชาติงูระห์ไรในเวลาประมาณ 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่นี่จะเร็วกว่าไทยประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ หลังจากนั้นจะมีรถบัสมารับที่สนามบินเลย แถมเขายังมีทั้งไกด์ชาวไทย และไกด์ท้องถิ่น (ที่พูดภาษาไทยคล่องมากกกก) คอยให้คำแนะนำและให้ข้อมูลตลอดทั้งทริปเลยค่ะ
และเนื่องจากเรามาถึงช่วงเที่ยง ๆ พอดี เราเลยจะไปทานอาหารเที่ยงกันก่อนเลยค่ะ มื้อแรกของบาหลีเราได้ทานเป็นอาหารอินโดนีเซียแบบซึ่งเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ค่ะ หลังจากได้ลองชิมแล้วบอกเลยว่าแต่ละเมนูให้กลิ่นอายความเป็นอินโดนีเซียได้ดีมาก ๆ ค่ะ กลิ่นเครื่องเทศไม่ได้แรงมาก คนไทยทานได้สบายเลยค่ะ
ทานข้าวกันจนอิ่มท้อง ก็ถึงเวลาเที่ยวบาหลีจริง ๆ แล้วค่ะที่แรกที่เราจะไปนั่นก็คือ สวนวิษณุ (Garuda Wisnu Kencana Cultural Park) สวนวัฒนธรรมบาหลีที่สร้างตามความเชื่อของศาสนาฮินดู อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญโปรเจคใหญ่ของอินโดนีเซีย ใช้เป็นสถานที่จัดงาน พักผ่อน ที่นี่มีรูปปั้นของพระวิษณุความสูงประมาณ 23 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่กลางลานโล่ง ๆ โดยนอกจากจะมาชมความงดงามของประติมากรรมแล้ว คนพื้นถิ่นและเหล่านักท่องเที่ยวยังนิยมมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
เดินลงบันไดมาอีกนิด เราจะเจอกับสนามหญ้าสีเขียวขจีซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปปั้นพญาครุฑ พาหนะของพระวิษณุ และถือเป็นสัตว์มงลคลของประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย สวยงามอลังการมาก ๆ ค่ะ
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้ก็คือ รูปปั้นประติมากรรมพระนารายณ์ทรงครุฑอันงดงามและมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยตัวรูปปั้นจะตั้งอยู่ห่างออกไปจากตัวสวนพอสมควรค่ะ ผู้คนสวนใหญ่จึงนิยมมาถ่ายรูปบริเวณระหว่างช่องหิน ซึ่งจะเป็นช่องที่สามารถมองเห็นรูปปั้นได้พอดี ทั้งยังมีแสงแดดส่องลงมา เป็นจุดที่ถ่ายรูปสวยมาก ๆ ค่ะ
เที่ยวชมสวนวิษณุกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ข้นรถบัสเพื่อเดินทางลงไปทางใต้สุดของเกาะเพื่อไปยัง วัดอูลูวาตู (Pura Uluwatu) กันค่ะ ที่นี่เป็นหนึ่งในหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในบาหลีที่ถูกสร้างขึ้นตรงส่วนปรายของหน้าผาขรุขระ สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพแห่งท้องทะเลตามความเชื่อของชาวอินโดนีเซีย และเนื่องจากภายในวัดใช้สำหรับทำพิธีกรรมทางศาสนาต่าง ๆ เราจึงเดินชมได้เฉพาะบริเวณรอบ ๆ วัดเท่านั้นค่ะ
เดินมาเรื่อย ๆ บริเวณหน้าผาตรงข้ามวัดจะเป็นจุดที่ชมวิวหาดอูลูวาและเห็นความความงามของหน้าผาสูงได้ชัดเจนที่สุดค่ะ บริเวณนี้เราจะได้เห็นวัดที่ตั้งอยู่บนผาอันสูงชัน ท้องทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา พร้อมทั้งคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งเป็นประกายฟองสีขาวนวลตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าคราม จุดที่เราถ่ายภาพนี้แม้ทางที่มาจะลัดเลาะและลำบากสักหน่อย แต่วิวสวยมากกกก บอกเลยว่าคุ้มค่ะ
ที่นี่จะมีลิงอยู่ทั่วบริเวณวัดเลยค่ะ ขอเตือนว่าลิงที่นี่ดุมากกกกกกกกกก แนะนำว่าให้เก็บโทรศัพท์ แว่นตา และของมีค่าใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยค่ะ เพราะถ้าเผลอเมื่อไหร่ เจ้าลิงมาขโมยไปแน่นอน แต่ถ้าใครโดนลิงขโมยของไปแล้วก็สามารถไปแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ เขาจะนำขนมมาให้ เจ้าลิงพวกนี้ถึงจะยอมปล่อยของในมือที่ขโมยไป (เอาแต่ใจเหมือนกันนะเนี่ย)
ชมวัดกันจนเย็นย่ำค่ำมืดก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เย็นนี้เราจะไปทานกันที่บริเวณ ชายหาดจิมบารัน (Jimbaran) ค่ะ ชายหาดรูปครึ่งเสี้ยวที่บนชายหาดจะมีร้านอาหารซีฟู้ดตั้งอยู่เรียงรายอยู่ริมชายหาดเป็นจำนวนมาก เพราะบรรยากาศดี ได้มองพระจันทร์ยามค่ำคืน รับลมเย็น ๆ จากทะเล ทั้งยังได้ฟังเสียงคลื่นชิล ๆ อีกด้วย เมนูที่เราทานวันนี้พิเศษมาก ๆ ค่ะ เพราะเป็นเมนูอาหารทะเล โดยในหนึ่งจานจะมีกุ้ง หอย ปู ปลา ที่เข้ากันดีกับกับน้ำจิ้มรสชาติเด็ดและจัดจ้าน เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำมะพร้าวลูกโต ๆ, ผัดผักบุ้ง, ซุปข้าวโพด และอีกหลายเมนู เลือกทานไม่ถูกเลยค่ะ
ทานอาหารไปได้สักพัก ก็จะมีการแสดงพื้นบ้านของชาวบาหลีให้ได้ชมด้วยค่ะ
ทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาเช็คอินเข้าที่พักแล้วค่ะ ทริปนี้เราจะพักกันที่ Grand Livio Kuta Hotel ทั้ง 3 คืนเลยค่ะ โรงแรมนี้เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวของบาหลี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองทำให้นอกจากจะเดินทางสะดวกแล้ว ของกินของขายรอบ ๆ โรงแรมคือมีเยอะมากกก ทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ร้านไอศกรีม ร้านอาหาร ฯลฯ เรียกได้ว่ามีครบเลยค่ะ แถมภายในโรงแรมเขายังมีส่วนกลางอย่างสระว่ายน้ำ, คิดส์คลับ ที่สามารถมาใช้บริการได้ด้วย
ภายในห้องพักถือว่ามีความกว้างขวางพอสมควรเลยค่ะ ห้องที่เราพักวันนี้เป็นห้องเตียงคู่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมทั้งโซฟา โต๊ะทำงาน ตู้เสื้อผ้า เขาก็มีให้ครบเลย
ในส่วนของห้องน้ำมีการแยกโซนเปียกกับโซนแห้งชัดเจน มาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำครบเลยค่ะ
เช้าวันที่ 2 ของทริปแล้วค่ะ เช้านี้เราจะทานอาหารกันที่ห้องอาหารของโรงแรมเลย โดยจะเป็นแบบอินเตอเนชันแนลบุฟเฟ่ต์ มีทั้ง American Breakfast, อาหารอินโดนีเซีย, ชา, กาแฟ, ซีเรียล รวมทั้งผลไม้อีกหลากหลายชนิดเลยค่ะ
ทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นรถบัส และเดินทางไปเที่ยวต่อกันเลย ที่เที่ยวแรกของวันนี้เราจะไปกันที่ ปุราทามันอายุน (Pura Taman Ayun) หรือ วัดเมงวี ที่นี่เคยเป็นพระราชวังเก่า เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมของกษัตริย์ราชวงศ์เม็งวีแกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง มีสระน้ำล้อมรอบ ที่นี่มีความพิเศษตรงที่มีองค์เจดีย์หลายชั้นทรงสูงสไตล์ฮินดูที่ตั้งเรียงแถวกันนับสิบองค์ แถมบริเวณรอบ ๆ วัดยังมีสถาปัตยกรรมโบราณอายุหลายร้อยปีให้ได้เดินชมอีกด้วย
ด้านในตัววัดจะมีพิพิธภัณฑ์และผลงานศิลปะที่แสดงเอกลักษณ์ความเป็นบาหลี พร้อมทั้งมีห้องฉายวิดีทัศน์ที่เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ได้นั่งชม และที่นี่ก็ยังมีรูปปั้นของ Barong สัตว์ในเทพนิยายหน้าตาคล้ายกับสิงโตของชาวบาหลีท่ีถูกเช่ือ ว่าเป็น “เจ้าแห่งวิญญาณ” อีกด้วย
เสร็จจากปุราทามันอายุนเราก็เดินทางเดินทางต่อไปยัง วัดบราตัน (Pura Ulundanu Bratan) อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ของบาหลี ที่นี่มีความโดดเด่นตรงที่จะมีวิหารที่มีลักษณะเป็นหลังคาทรงสูง มุงด้วยฟางซ้อนกัน 11 ชั้น ผนังตกแต่งด้วยลายอันวิจิตรงดงาม ตั้งอยู่กลางน้ำ บริเวณริมทะเลสาบทะเลสาบบราตัน ด้านหลังของวัดจะเป็นวิวของภูเขาไฟ มีหมอกบาง ๆ ปกคลุมรอบ ๆ ที่นี่เป็นวัดใหญ่ที่ถือได้ว่าสำคัญเป็นอันดับ 2 รองจากวัดเบซากีห์ โดยสร้างเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งสายน้ำ ตามความเช่ือแบบฮินดูบาหลี แถมวัดนี้ยังอยู่ในธนบัตร 50,000 รูเปียห์ ของประเทศอินโดนีเชียอีกด้วย และเนื่องจากตัววัดตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,200 เมตร ทำให้ที่นี่อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เราไปในช่วงเดือนมีนาคมซึ่งเป็นช่วงที่ฝนตกพอดี ใครไปช่วงนี้แนะนำให้เตรียมอุปกรณ์กันฝนไปด้วยค่ะ
บริเวณรอบ ๆ จะมีสวนดอกไม้ รวมทั้งจุดถ่ายรูปอีกเยอะแยะมากมาย ใครอยากจะเปลี่ยนชุดเพื่อมาถ่ายรูปเก๋ ๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึก เขาก็มีชุดสวย ๆ ให้เช่า ใครชอบแบบไหน สไตล์ไหนก็มาเลือกได้เลยค่ะ
ถ่ายรูปกันจนพอใจแล้วเราก็เดินไปทานอาหารกลางวันที่ตั้งอยู่บริเวณวัดเลยค่ะ มื้อนี้จะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์อีกเช่นเคย เป็นอาหารอินโดนเซีย โดยเมนูก็จะมีทั้งข้าวผัด เห็ดทอดกรอบ ซุปเห็ด ผัดหมี่ รวมทั้งของหวาน น้ำผลไม้ และอีกหลากหลายเมนู ใครชอบเมนูไหน หรืออยากลองเมนูไหนก็เลือกลิ้มลองได้ตามสะดวกเลยค่ะ
ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยเราก็เดินทางไปเที่ยวต่อกันเลยค่ะ พิกัดต่อไปที่เราจะไปเช็คอินก็คือ โรงงานช็อกโกแลต (Jungle gold chocolate factory) ที่นี่เป็นโรงงานช็อกโกแลตแห่งแรกของเกาะบาหลี โดยเราสามารถไปยืนชมการคั่วเมล็ดโกโก้ได้ เมื่อเดินเข้าไปในร้านก็จะพบกับช็อกโกแลตที่ตั้งเรียงรายอยู่ทั่วทั้งร้าน มีรสชาติ รูปแบบ และความเข้มที่แตกต่างกันไป ทั้งช็อกโกแลตรสมิ้นต์, รสส้ม, รสมอคค่า, รสคุกกี้แอนด์ครีม และที่แปลสุด ๆ เลยก็คือรสพริกบาหลีค่ะ กินเข้าไปตอนแรกจะเหมือนช็อกโกแลตเลย แต่จะมีรสชาติเผ็ดร้อนตอนปลาย โดยรวมถือว่าอร่อยเลยค่ะ ใครมาที่นี่ห้ามพลาดเลย แถมบริเวณเคาท์เตอร์ยังมีช็อกโกแลตให้ได้เลือกชิมก่อนซื้ออีกด้วย ใครชอบรสไหนก็เลือกซื้อได้ตามสะดวกเลยค่ะ
นอกจากช็อโกแลตบาร์ที่เหมาะแก่การซื้อไปเป็นของฝากแล้ว เขายังมีคาเฟ่ที่มีเครื่องดื่มอย่างช็อกโกแลตเย็น, ชา, กาแฟรวมทั้งเมนูขนมอื่น ๆ อีกมากมายให้ได้ลองชิม แต่มาโรงงานช็อกโกแลตเราเลยลองชิมเป็นเมนูช็อกโกแลตเย็นค่ะ ด้านบนท็อปด้วยวิปครีม ตัวช็อกโกแลตมีความเข้มข้นแต่จะออกไปทางหวาน ใครไม่ชอบหวานแบบเรา แนะนำว่าให้สั่งหวานน้อยค่ะ
เสร็จจากที่นี่ก็ไปเที่ยวต่อกันเลยค่ะ เราจะเดินทางไปต่อที่ วิหารทานาต์ลอต (Pura Tanah Lot) ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดทีนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพกันมากที่สุดของเกาะบาหลี เนื่องจากในช่วงน้ำขึ้นตัววิหารจะถูกโอบล้อมไปด้วยน้ำ เป็นเหมือนเกาะเล็ก ๆ ริมชายฝั่ง และในช่วงน้ำลงจะพบกับเนินหินและลานหินยื่นออกไปในทะเล สามารถเดินเท้าไปยังวัดได้แบบสบาย ๆ ช่วงที่เรามาเป็นช่วงเย็นพอดี ทำให้ได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกดิน ท้องทะเลสีคราม พร้อมคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งสวยงามมาก ๆ ค่ะ
ตลอดสองข้างทางก่อนถึงจุดชมวิหาร จะมีร้านค้าต่าง ๆ มากมาย ทั้งของกิน ของใช้ ของฝาก ใครอยากมาช้อปปิ้งก็สามารถมาเลือกซื้อเลือกหากันได้ตามสะดวกเลย
ชมวิหารกันจนฟ้าเริ่มมืด ต่อไปก็ได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ มื้อนี้ไกด์พาเราไปทานที่ Marina Bali Seafood เป็นภัตตาคารอาหารทะเล เมื่อเดินเข้ามาภายในร้านก็จะเจอกับตู้ที่มีทั้งกุ้ง หอย ปู ปลาตัวใหญ่ ๆ รับรองเลยว่าวัตถุดิบสดใหม่แน่นอน มื้อนี้เขาเสิร์ฟมาในรูปแบบอาหารจีนค่ะ แต่ละเมนูบอกเลยว่าถูกปากคนไทยแน่นอน มีทั้งไก่ผัดซอสแบบจีน, ซุปไข่ข้นปู, ผัดเต้าหู้, ปลาทอดกระเทียม และอีกหลากหลายเมนู เป็นมื้อที่อิ่มอร่อยมากกกก
มาถึงวันที่ 3 ของทริปแล้วค่ะ หลังจากทำธุระส่วนตัวและทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรมกันเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางกันเลย พิกัดแรกของวันนี้เราจะไปที่ หมู่บ้านผลิตผ้าบาติก เราจะไปดูการทำผ้าบาติก หนึ่งสินค้าขึ้นชื่อของประเทศอินโดนีเซียกันค่ะ เมื่อลงรถมาเราก็จะเจอกับเหล่าผู้มีฝีมือนั่งวาดลวดลายต่าง ๆ ลงบนผ้าอย่างตั้งใจ โดยเขาจะต้มเทียนผสมกับขี้ผึ้ง และใช้จันติ้งจุ่มน้ำเทียนวาดลวดลายลงบนผ้า มีความวิจิตรงดงามมาก ๆ จุดนี้เราสามารถมายืนชมวิธีทำ รวมทั้งลองวาดลวดลายต่าง ๆ เองได้ด้วย ใครที่ชื่นชอบก็สามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากได้เลยค่ะ
เดินเข้ามาด้านในก็จะเจอกับโซนจำหน่ายสินค้า ภายในร้านมีทั้งผ้าบาติก เสื้อ กางเกง หมวก และสินค้าที่ผลิตจากผ้าบาติกอีกเพียบเลยค่ะ
ออกเดินทางกันต่อเลยค่ะ ที่เที่ยวต่อไปก็คือ นาข้าวขั้นบันได ที่นี่ถือเป็นนาข้าวที่สวยที่สุด มีลักษณะเด่นคือเป็นนาข้าวขั้นบันไดที่เรียงกันเป็นชั้น ๆ อย่าง สวยงาม ทั้งยังรายล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียวนานาชนิด โดยเราสามารถชเดินลงไปถ่ายรูปใกล้ ๆ ได้ แถมที่นี่เป็นจุดชมวิวสามารถมองออกไปได้ไกลถึงภูเขาบาตูร์เลยค่ะ
นอกจากนาขั้นบันไดอันสวยงามแล้ว เขายังมีจุดถ่ายรูปยังมุมรังนก และกิจกรรมสนุกให้ทำเพียบ ไม่ว่าจะเป็นชิงช้าที่มีความสนุกสนานและน่าหวาดเสียวในเวลาเดียวกัน มีให้เลือกทั้งแบบนั่งคนเดียวหรือนั่งเป็นคู่, ซุปเปอร์แมน ซิปไลน์, ซิปไลน์ และ Sky Bike
จากนั้นเราก็ไปเดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านคินตามณี ค่ะ ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดน่าควรค่าแก่การมาเยี่ยมชมมาก ๆ ค่ะ เพราะอากาศดี แถมวิวสวยมาก เราจะได้ทานอาหารกลางวัน พร้อมกับชมทัศนียภาพของ ภูเขาไฟบาตูร์ (GunungBatur) ที่มีอายุกว่า 50,000 ปี และ ทะเลสาบบาตูร์ (Lake Batur) ภาพภูเขาไฟที่มีต้นไม้สีเขียวขจีตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบ ตัดกับท้องสีสดใส และมีเมฆหมอกปกคลุม พร้อมด้วยอากาศเย็นสบาย เป็นสถานที่เหมาะกับสายชิลมาก ๆ ค่ะ
อาหารกลางวันวันนี้เราได้ทานเป็นบุฟเฟ่ต์อีกเช่นเคยค่ะ มื้อนี้จะเป็นอาหารอินโดนีเซีย ได้ทานอาหารอร่อย ๆ พร้อมชมวิวสวย ๆ บอกเลยว่าชิลสุด ๆ
ใกล้ ๆ กับจุดที่เราทานอาหารกลางวันจะมีคาเฟ่ Olympus Coffee Bali เราก็เลยถือโอกาสไปจิบกาแฟชิล ๆ ซะหน่อย ตัวร้านจะแบ่งออกเป็น 2 ชั้นค่ะ ด้านบนจะเป็นเคาท์เตอร์สำหรับสั่งเครื่องดื่ม เดินออกมาบริเวณระเบียงก็จะเป็นที่นั่งที่สามารถมานั่งชมวิวภูเขาไฟและทะเลสาบได้ ส่วนด้านล่างก็จะมีมุมถ่ายรูป พร้อมทั้งลานระเบียงโล่ง ๆ และชุดโต๊ะเก้าอี้ มุมนี้ถ่ายรูปออกมาแล้วจะเห็นวิวด้านหลังชัดเจนเลยค่ะ
ชมวิวสวย ๆ กันเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็เดินทางไปยัง ร้านกาแฟขี้ชะมด (LUWAKCOFFEE) กันค่ะ ที่นี่เราจะได้ลิ้มลองกาแฟหลากหลายรสชาติ จากเมล็ดกาแฟชนิดต่าง ๆ ทั้งกาแฟช็อกโกแลต, วานิลลา, มะพร้าว, ชาทับทิม และที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ กาแฟขี้ชะมด ค่ะ โดยเขาจะให้กินผลกาแฟสุกเข้าไปและถ่ายออกมา จากนั้นจึงแยกเอาเฉพาะเมล็ดกาแฟออกมาทำความสะอาด ตากให้แห้ง จากนั้นจึงนำมาคั่ว และเข้าสู่กระบวนการผลิตกาแฟต่อไป จนได้เป็นกาแฟที่เราได้ชิมกัน ตัวกาแฟจะมีความเข้ม มีกลิ่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัว แนะนำว่าต้องมาลองชิมด้วยตัวเองค่ะ
นอกจากจะได้ชิมกาแฟละชาหลากหลายชนิดแล้ว ภายในร้านจะมีต้นกาแฟ และชะมดตัวเป็น ๆ ให้เราได้ไปชมอีกด้วย ทั้งยังได้เห็นขั้นตอนการทำกาแฟตั้งแต่เมล็ดที่ยังไม่ได้คั่ว การบด ไปจนถึงขั้นการสกัดออกมาเป็นเครื่องดื่มกาแฟเลยค่ะ แถมเขายังมีผลิตภัณฑ์ให้ได้เลือกซื้อกันอีกด้วย ใครชอบกาแฟชนิดไหนก็มาเลือกซื้อกลับบ้านได้เลย
ชิมกาแฟกันเสร็จ ก็ไปมูกันต่อเลยค่ะ ใครเป็นสายมูรับรองว่าถูกใจแน่นอน เพราะเราจะไปเช็คอินกันที่ วัดเทมภัคสิริงค์ (Tampak Siring) หรือที่คนบาหลีเรียกว่า วัด PuraTirtaEmpul เข้ามาภายในวัดนี้ทุกคนจะต้องใส่โสร่งก่อนค่ะ ภายในวัดมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งผุดขึ้นเองตามธรรมชาติ ชาวบาหลีเช่ือว่าพระอินทร์เป็นผู้บันดาลน้ำพุน้ี จึงมีชาวบ้านนิยมมาอาบน้ำ เก็บน้ำไปดื่มกิน เพราะเช่ือว่าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิแห่งนี้สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ขับไล่สิ่งเลวร้าย และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
นอกจากนี้ภายในวัดยังมีศานสถานอื่น ๆ ที่สวยงามอายุกว่าพันปีให้ได้เดินชมและถ่ายรูปอีกด้วย รวมทั้งมีบ่อปลาคาร์ปที่สามารถมาให้อาหารปลาได้
เดินออกมาอีกหน่อยก็จะเจอกับตลาดที่ทางไกด์เรียกว่า "ตลาดปราบเซียน" ตลาดนี้มีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อค่ะ โดยนอกจากเหล่าพ่อค้าแม่ค้าจะพูดภาษาไทยได้คล่องมาก ๆ แล้ว สิ่งที่ท้าทายสำหรับนักท่องเที่ยวก็คือการต่อราคา ใครที่อยากทดสอบสกิลตัวเองสามารถไปลองได้เลย ซึ่งเราไปลองมาแล้วผลคือสู้แม่ค้าไม่ได้เลยค่ะ ปราบเซียนสมชื่อจริง ๆ
ตกเย็นแล้วก็ได้เวลาไปทานอาหารเย็นกันแล้วค่ะ เย็นนี้เราจะไปทานอาหารจีนกัน ตัวร้านมีการออกแบบตกแต่งเป็นสไตล์จีนผสมผสานกับความเป็นบาหลี เมนูที่เราได้ทานวันนี้ก็มีหลากหลาย ทั้งกุ้งทอด, ผัดคะน้า, ปลานึ่งซีอิ๊ว, ไก่ทอดสมุนไพร, เต้าหู้ทรงเครื่อง และอื่น ๆ อีกหลากหลายเมนู อิ่มอร่อยมากค่ะ
เดินทางมาถึงเช้าวันสุดท้ายของทริปแล้วค่ะ วันนี้เราจะต้องเดินทางกลับกรุงเทพกันแล้ว ไกด์ก็เลยพาเราไปแวะที่ ร้าน Krisana เพื่อช้อปปิ้งของฝากกัน ภายในร้านคือมีสินค้าทุกอย่างครบเลยค่ะ ทั้งของกิน ของใช้ เครื่องประดับ รวมทั้งของสะสมต่าง ๆ แถมราคาถูกมาก ๆ ด้วยเราเลยช้อปกันเพลินเลย
ซื้อของฝากกันเสร็จก็ขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติงูระห์ไรและเดินทางกลับกรุงเทพกันแล้วค่ะ ทริปนี้เป็นทริปที่ได้ไปศึกษาวัฒนธรรม วิถีชีวิตของชาวบาหลี รวมทั้งได้ไปเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ อีกมากมาย แถมยังได้ทานอาหารอินโดนีเซียอร่อย ๆ อีกด้วย
บทความแนะนำ:
Tags: อินโดนีเซีย บาหลี ต่างประเทศ เที่ยวต่างประเทศ ทัวร์ต่างประเทศ สวนวิษณุ Garuda Wisnu Kencana Cultural Park วัดอูลูวาตู Pura Uluwatu ชายหาดจิมบารัน Jimbaran Grand Livio Kuta Hotel ปุราทามันอายุน Pura Taman Ayun วัดบราตัน Pura Ulundanu Bratan โรงงานช็อกโกแลต Jungle gold chocolate factory วิหารทานาต์ลอต Pura Tanah Lot Marina Bali Seafood หมู่บ้านผลิตผ้าบาติก นาข้าวขั้นบันได หมู่บ้านคินตามณี Olympus Coffee Bali วัดเทมภัคสิริงค์ Tampak Siring ร้าน Krisana
ทริปตัวอย่าง เที่ยวต่างประเทศ | 15 ต.ค. 2024 | 505 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 11 ต.ค. 2024 | 740 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 24 ก.ย. 2024 | 648 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ย. 2024 | 1,187 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 30 ก.ค. 2024 | 1,897 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 19 ก.ค. 2024 | 4,148 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 16 ก.ค. 2024 | 2,025 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 18 เม.ย. 2024 | 3,510 อ่าน
เที่ยวต่างประเทศ | 21 ก.พ. 2024 | 5,422 อ่าน