ทริปล่องเรือสำราญ Costa Smeralda สเปน-อิตาลี-ฝรั่งเศส 8 วัน 7 คืน 29,900 บาท ล่องเรือสำราญยุโรปครั้งแรก ใครก็เที่ยวได้ ไม่ยากอย่างที่คิด

calendar_month 01 เม.ย. 2023 / stylus Omega Chillpainai / visibility 18,343 / เที่ยวต่างประเทศ

การล่องเรือสำราญ เป็นอีกรูปแบบการเที่ยวที่มีเสน่ห์มาก เป็นทริปในฝันของใครหลายคน แต่ก็ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ไม่ค่อยได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยเท่าไร อาจเพราะคิดว่า น่าจะไปยาก วุ่นวาย เรื่องเยอะ จะคุ้มมั้ย แล้วยิ่งต้องไปขึ้นเรือที่ยุโรปอีก โอย จะไปถูกมั้ย? จริงๆ มันอาจจะฟังดูยากและไกลตัวไปนิด ชิลไปไหนเลยอยากไปลองขึ้นเรือสำราญที่ยุโรปให้เพื่อนๆ ดูว่า การเที่ยวเรือสำราญฝั่งยุโรปมันเป็นยังไง สนุกมั้ย? ไปยากมั้ย? จองยังไง? ไปขึ้นเรือที่ไหน? ขึ้นยังไง? ขั้นตอนการเตรียมตัวเที่ยวเรือสำราญทั้งหมด ผมจะรวบรวมมาเล่าเป็นขั้นตอนไว้ให้เข้าใจง่ายๆ จองแล้วไปเที่ยวเองกันได้เลยครับ

ขั้นตอนการเตรียมตัวเที่ยวเรือสำราญ

ขั้นตอนที่ 1 อับดับแรก ต้องจองตั๋วเรือก่อนครับ

สามารถจองผ่านเอเจนต์ในไทย ง่าย สะดวก รวดเร็ว ผมใช้บริการของ สนุกดีทัวร์ บริการดี ให้ข้อมูลครบถ้วน เรียกได้ว่าแทบจะนั่งเฉยๆ ก็ได้เที่ยวแล้ว ราคาก็ดีมากๆ ห้องพักมีระเบียงส่วนตัว ราคา 29,900 บาท/ท่าน ยังสามารถจองรอบเดินทางที่เหลือได้อีก 2 รอบ คือ

รอบที่ 1) วันที่ 25 กันยายน - 2 ตุลาคม 2566
รอบที่ 2) วันที่ 16-23 ตุลาคม 2566

โทรจองได้ที่ 02-749-4477 หรือ 096-246-5649

อีเมล : sanookdtours@gmail.com

ขั้นตอนที่ 2 เมื่อจองตั๋วเรือแล้วเราก็มาจองตั๋วเครื่องบิน

จะให้ทางทัวร์จัดการให้ หรือสะดวกจองเองก็ได้นะครับ ส่วนตัวแนะนำให้จองเอง เราจะได้แพลนทริปเที่ยวบาร์เซโลน่าก่อนขึ้นหรือหลังลงเรือได้เอง สามารถหาตั๋วราคาดีๆ ได้จากเว็บไซต์หาตั๋วเครื่องบินยอดนิยมที่ใช้กันมาตลอด นี่เลยครับ Skyscanner.co.th

ขั้นตอนที่ 3 ทำ VISA เชงเก้น (สเปน) ให้พร้อม

การทำวีซ่าสามารถให้ทางทัวร์จัดการให้ก็สบายๆ เลยครับ หรือจะทำเองก็สามารถดูรายละเอียดจากสกู๊ปนี้ได้เลยครับ คลิก > ขอวีซ่ายุโรป หรือ วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) ท่องเที่ยวยุโรป ทำอย่างไร ต้องเตรียมอะไรบ้าง? ในกรณีนี้ เราลงเรือที่สเปนและอยู่ที่สเปนนานที่สุดก็ทำวีซ่าสเปน ที่ : BLS Spain VISA application center, Bangkok ใกล้ MRT สุขุมวิท (ทางออก 2) / BTS อโศก

399 ตึก Interchange Building, ชั้น B2 Floor, Unit A/1, (ชั้นเดียวกับ Food Center)

ถนนสุขุมวิท 21 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพ 10110

โทรศัพท์ 02-258-3524

GPS : https://goo.gl/maps/1CMAkjeEdNhzRJMk6

เตรียมเงินไป 4,000 บาท/คน (ถ้าจะไปถ่ายรูปที่นั่นเตรียมเงินเพิ่มไปอีก 200 บาท)

แนะนำการซื้อประกันเดินทางเมื่อต้องขอวีซ่าเชงเก้น จะต้องมียอดคุ้มครองมากกว่า 1,500,000 บาทนะครับ ส่วนตัวผมชอบบริการของ MSIG (ตอนซื้อผ่านเว็บผมพิมพ์ชื่อตัวเองผิด โทรไปแจ้ง เขาแก้แล้วส่งไฟล์มาให้ใหม่ภายใน 30 นาที) สามารถซื้อประกันเดินทางได้ที่นี่เลย https://psmart.msig-thai.com/chillpainai/travel
ส่วนเพื่อนๆ ที่อยากหาประกันเดินทางเจ้าอื่นๆ ก็ลองเข้ามาเลือกดูได้ครับ ลิงก์นี้เลย https://chill.travel/travelinsurance

ขั้นตอนที่ 4 เมื่อตั๋วเรือออก ก็พร้อมเดินทาง

เมื่อตั๋วเรือออก ทางทัวร์ก็จะส่งไฟล์ PDF มาให้เรา 2 ไฟล์ คือ บอร์ดดิ้งฟอร์ม และ ตั๋วเรือ ให้เราปริ้นท์เก็บไว้ทั้งหมด แล้วเอาติดตัวไปด้วยนะครับ

Boarding Form ที่มีข้อมูลยืนยันการจองทั้งหมด (1 หน้า)
Ticket Cruise เอาไว้พับแล้วเย็บติดกับกระเป๋าเดินทางตอนขึ้นเรือ (4 หน้า)

*ปริ้นท์เก็บเอารักษาให้ดี เอาไว้กับตัวจนกว่าจะได้ขึ้นเรือเลยนะครับ ไม่มีเอกสาร 2 อย่างนี้ ขึ้นเรือไม่ได้นะครับ

เมื่อใกล้เดินทาง บริษัททัวร์จะส่งใบนัดหมาย และ ข้อมูลการเตรียมตัวขึ้นเรือให้อีกที โดยทางทัวร์จะไม่ได้เดินทางไปด้วยนะครับ แค่แนะนำจุดขึ้นเรือให้เฉยๆ ซึ่งจริงๆ แล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรยากเลยครับ แค่บอก Taxi ว่าไปเรือ Costa Smeralda เมื่ออยู่ที่บาร์เซโลน่า Taxi ก็พามาถูกทุกคันครับ ทำ 4 ขั้นตอนนี้แล้ว ก็พร้อมเดินทางแล้วครับ

มาทำความรู้จักเรือสำราญกันสักนิด

ลองนึกภาพโรงแรม 4 ดาวกลางทะเล ที่วิวจะเปลี่ยนไปตามท้องทะเลที่โรงแรมนี้เดินทางไป ได้ชมวิวเมดิเตอร์เรเนียน และได้ท่องเที่ยวในเมืองท่าต่างๆ ที่มีบรรยากาศเฉพาะตัว ก็น่าจะเห็นภาพหลักๆ ของการเที่ยวเรือสำราญแล้วนะครับ ทีนี้บนเรือเองก็มีกิจกรรมให้ทำเพียบ ทั้งสวนน้ำ แช่อ่างน้ำวน เล่นบาส เตะบอล โยคะ แอโรบิค เรียนเต้น มีโชว์ให้ดูทุกคืน รวมถึงมีบริการเอ็กคลูซีฟจ่ายเพิ่มสำหรับบริการอย่าง สปา ซาลอน นวดตัวนวดน้ำมัน ซาวน่า อบเกลือ เรียกได้ว่า ไม่ว่าต้องการอะไร ที่นี่มีให้ครบ

ผมลองรวบรวมข้อดีของการเที่ยวเรือสำราญมาคร่าวๆ ประมาณนี้ครับ

เราอันเพ็คกระเป๋าแค่ครั้งเดียว ถึงเปลี่ยนประเทศแต่ไม่เปลี่ยนโรงแรม
อาหารการกินอิ่มหนำ อร่อยเด็ด วันละ 4 มื้อฟรีๆ จัดเต็มได้ทุกที่
ได้เที่ยวในเมืองสวยที่ไปยาก เช่น พัลม่า เดอ มายอร์ก้า ปาแลร์โม หรือมาร์แซย์
วิวทะเลโคตรสวย ชมพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตกแบบเต็มๆ สำหรับคนที่ชอบทะเล ควรมาลองสักครั้ง

Costa Smeralda เป็นเรือ 19 ชั้น จุคนประมาณ 6,000 คน มีร้านอาหารถึง 11 ร้าน 4 สระว่ายน้ำและ 1 สวนน้ำ รวมไปถึงกิจกรรมฟิตเนส สปา ดิวตี้ฟรี โรงหนัง ไนท์คลับ ห้องเกมและเสี่ยงโชค มาชมบรรยากาศคร่าวๆ กันครับ

ลำใหญ่มากกกกก

โซนบาร์และเลาจ์ มีฟอร์ให้เรียนเต้นด้วย

โรงหนัง/โรงละคร

ทำผมแบบวิวปังๆ ฝั่งบาร์เบอร์ชายก็มีนะครับ

แบรนด์เนมปลอดภาษี หลุยส์ โปโล ซีเค ทอมมี่ มีให้เลือกหลายแบรนด์

บรรยากาศสบายๆ จาก 1 ใน 11 ร้านอาหารของเรือ

พนักงานตักบุฟเฟ่ต์จะคอยหยิบตักอาหารใส่จานให้เรา ยิ้มแย้มบริการเต็มที่ครับ

ลานแอโรบิค เต้นตอนเช้า

ใครชอบสงบๆ เข้าฟิตเนสได้ วิ่งไปชมวิวไป

เกมรูม มาเล่นได้แต่ชำระเงินเพิ่มนะครับ (เอา Cruise Card แตะได้เลย)

มี Kids Club พร้อมผู้ดูแลเด็กตามช่วงอายุให้ เผื่อผู้ปกครองจะได้ไปเที่ยวทำกิจกรรมที่ต้องการ

พี่เลี้ยงคอยดูเด็กๆ ทำกิจกรรมตลอดวัน

สระในร่ม เล่นน้ำ นั่งชิลได้ ไม่หนาว

สระน้ำอุ่น แต่ถ้าออกมาจากสระก็หนาวเลยครับเพราะอยู่ด้านนอกของเรือ

บรรยากาศร้านอาหาร La Colombina ที่บรรยากาศดีไม่แพ้กัน

มีการการแสดงโชว์ให้ชมทุกคืน

บาร์นั่งชิลท้ายเรือ Terrazza Superba ฮิตมากๆ บรรกาศดี ลมไม่แรง

มารอชมพระอาทิตย์ตกท้ายเรือชั้นดาดฟ้า โอย ฟินจนอยากกลับไปอีก

ใครเคยไปมาแล้ว อยากพูดคุยแสดงความเห็น หรือยากสอบถามเพิ่มเติมก็ทักเข้ามาได้ทั้งทางเพจ facebook.com/chillpainai และ Line : @Chillpainai ได้เลยนะครับ

สิ่งที่ควรรู้ก่อนเดินทางเที่ยวเรือสำราญ Costa Smeralda

เรือโคลงเคลงไหม? จะเมาเรือหรือเปล่า?

อันนี้ตอบยากนะครับ เพราะแล้วแต่คนมากๆ โดยส่วนตัว ผมตอบว่า "ไม่" และคนที่ไปด้วยหลายๆ คนก็ไม่รู้สึกมึนเมาแต่อย่างใด

ผมก็แทบไม่รู้สึกเลยว่าเรือกำลังเคลื่อนที่อยู่ มันนิ่งมาก (อาจเพราะเรือลำใหญ่) แต่ถ้าใครกลัวเมาเรือ เตรียมยาแก้เมาไปด้วยก็ได้ครับ

สถาพอากาศ อุณหภูมิเป็นยังไง เสื้อต้องหนามั้ย?

กรณีนี้ผมยกตัวอย่างเดือนมีนาคม ซึ่งจริงๆ แล้วแถบเมดิเตอร์เรเนียนอาจกาศไม่หนาว-ร้อนสุดขีดเท่าไร จะวนๆ อยู่ในช่วง 10-24 องศาตลอดทั้งปี

บนเรือด้านนอก เสื้อหนาๆ ไว้เลยครับ ลมแรง และหนาวลมมากครับ
บนเรือ ด้านใน ถูกปรับอุณหภูมิไว้ที่ 24 องศาครับ สบายๆ เลย
บนฝั่ง แถวเมดิเตอร์เรเนียน สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส ปลายมีนาอากาศจะทรงๆ อยู่ที่ 20 องศาครับ ถ้าต่ำๆ ก็ไม่ถึง 10 องศา เอาเสื้อแจ็คเก็ตกันลมกันแดดไว้ก็พอครับ ถ้าร้อนค่อยถอดออก

อินเตอร์เน็ต

บนฝั่ง : ผมใช้ SIM2FLY จาก AIS 5G แจ่มๆ เน็ตดีไม่มีตก วิ่งเต็ม ดู Google Map ไม่มีหลง555 โหลดเรื่องผีไปฟังก่อนนอนได้สบายๆ แต่! ใช้ได้เฉพาะตอนอยู่บนฝั่ง หรือเรือกำลังเลาะฝั่งเท่านั้นนะครับ
บนเรือ : มี Internet unlimited ราคา 100 ยูโร(ประมาณ 3,700 บาท/เครื่อง) *แชร์เน็ตกันไม่ได้ แพ็คเกจที่ถูกกว่านี้ไม่คุ้มเลยครับ เช่น 80 ยูโร เล่นโซเชียลได้แต่เข้าเว็บไม่ได้…..ซึ่งผม ไม่ได้ซื้อครับ เน้นใช้ SIM2FLY จาก AIS 5G บนฝั่งเอา555

Cruise Card ได้แล้วห้ามหาย!

เมื่อขึ้นเรือ เราจะต้องใช้ Cruise Card เพื่อชำระค่าใช้จ่ายบนเรือและใช้ขึ้นเรือและแทบทุกอย่าง เหมือนเป็นบัตรประจำตัวของเรา ต้องพกติดตัวตลอดเวลา ในนั้นจะมีชื่อของเรา เลขห้องพักของเรา, จุดนัดสเตชั่นที่ต้องไปพบเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน, วันขึ้นและลงเรือ, ชื่อร้านอาหารที่เราถูกมอบหมายให้ไปใช้บริการ รวมถึงเลขโต๊ะนั่งและเวลาเสิร์ฟอาหาร, รหัสบัตรของเรา และสุดท้ายเบอร์โทรฉุกเฉินของเรือ
เมื่อผูกกับบัตรเครดิตจะไม่มี Surcharge - เรทแลกเปลี่ยนตามอัตราธนาคาร ณ วันทำรายการ
หากใช้เงินสด เอาไปเติมได้ที่ตู้รับเติมชั้น 5 และ 7 ได้ ใช้ไม่หมดต้องมาทำเรื่องขอคืนเงินเอาเองนะครับ

เครื่องดื่มบนเรือต้องซื้อเพิ่มเอง

หลักๆ คือ น้ำเปล่าครับ Mineral Water Pack 13 ขวด(1.25 ลิตร) 39 ยูโร *น้ำดื่มถ้าไม่อยากซื้อ ให้พกกระบอกน้ำไปใส่น้ำดื่มจากห้องบุฟเฟ่ต์เอาได้นะครับ

ส่วนเครื่องดื่มอื่นๆ มีแพ็คเกจให้เลือกอีกเพียบ (แพ็คเกจและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง)

My Soft Drinks 27 ยูโร/คน/วัน (ไม่มีแอลกอฮอล์)
My Drinks 40 ยูโร/คน/วัน
Beer Package 99 ยูโร / แพ็คเกจ
Classic Package 139 ยูโร / แพ็คเกจ

*หากไม่ซื้อเป็นแพ็คเกจจะโดนชาร์จเพิ่ม 8% ทุกครั้งที่ซื้อแยก

*ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ มีบริการเครื่องดื่มฟรี เช่น น้ำเปล่า นม ชา กาแฟ น้ำผลไม้

*Main Restaurant จะมีบริการ ชา กาแฟ ฟรี ส่วนเครื่องดื่มอื่นๆ เช่นน้ำเปล่า ไวน์ ต้องซื้อเพิ่มเติม

*สามารโทรขอน้ำร้อนฟรี มาส่งที่ห้องเพื่อกินมาม่าได้นะครับ

ค่าบริการเพิ่มเติมในส่วนโรงแรม

นอกจากค่าห้อง 29,900 บาทต่อท่านแล้ว จะต้องเสียค่าบริการอีก 11 ยูโร/วัน/คน พัก 2 คน 7 คืน ก็ตกห้องละ 154 ยูโร

เผื่อเวลาขึ้นเรือเสมอ

เมื่อลงไปเที่ยวตามเมืองต่างๆ หากเรือแจ้งว่า Depart 19.00 ต้องเช็คว่า All On Board เวลาใด เช่น
ถ้า All On Board 18.00 จะต้องมาเช็คอินที่เรือก่อน 1 ชั่วโมง ก็คือ 17.00 น. นั่นเองครับ เพราะถ้าเราเลท เรือไม่รอนะครับ ต้องหาทางไปขึ้นเรือที่ท่าต่อไปเอง

โหลด Costa App ติดเครื่องไว้ก่อนเลย

Costa App จะใช้ได้เมื่อเราขึ้นเรือและเชื่อม wifi ของเรือ สามารถเช็ครายการค่าใช้จ่ายได้ตลอด ซื้อทัวร์ได้ ดูรายละเอียดต่างๆ ได้ทั้งหมด

ระบบ iOS https://chill.travel/3G49LIw
ระบบ Android https://chill.travel/3KoJK94

สิ่งที่ควรเตรียมแพ็คกระเป๋าไปด้วย

1 ยารักษาโรค

2 แว่นกันแดด หมวก ครีมกันแดด บอกเลยว่าแดดแรงมากกกกกก

3 ชุดออกกำลังกาย(หากเล่นฟิตเนส) ชุดว่ายน้ำ (หากลงสระว่ายน้ำ)

4 เสื้อกันหนาว กันลม (บนเรือหนาวกว่าฝั่ง)

5 แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ ยาสระผม สำคัญมากต้องเอาไปนะครับ

6 รองเท้าที่เดินสบาย ใส่เดินเที่ยวได้

7 ปลั๊กแบบ F (กลม 2 รู) 110-220 v หรือ Universal Plug ผมใช้ของ TOSHINO สนใจซื้อได้ที่นี่ครับ https://chill.travel/415HbOS

8 ชุดสุภาพ เสื้อเชิ้ต กางเกงสุภาพ เพื่อทานอาหารที่ Main Restaurant / ผู้หญิงหากไม่อยากใส่กระโปรง สามารถใส่กางเกงขายาวได้

9 ชุดสูทสำหรับงานเลี้ยงพิเศษ (จริงๆ ข้อ 8-9 ก็แล้วแต่สะดวก ไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้ ใส่เสื้อผ้าธรรมดาๆ ก็ได้ครับ)

10 กระเป๋าใบเล็กแบบพกพา เพื่อใส่เสื้อผ้าและของใช้ในคืนสุดท้ายก่อนเช็คเอาท์จากเรือ เพราะกระเป๋าเดินทางใบใหญ่จะต้องจัดเก็บและวางไว้หน้าห้องก่อนเที่ยงคืนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ขนลงเรือ

*บนเรือ ห้ามบินโดรนโดยเด็ดขาด ใครจะพกไป คิดดีๆ นะครับว่าจะได้ใช้คุ้มรึเปล่า (อย่างแอดเอาไปนี่เหงาเลย ไม่ได้บินซักที่...)

ทุกอย่างพร้อมแล้ว เริ่มเดินทางกันเลย!

ผมแนะนำว่าให้จองตั๋วเครื่องบินเผื่อเวลาเที่ยวบาร์เซโลน่าก่อนขึ้นเรือซัก 1-2 วัน นะครับ เพราบาร์เซโลน่ามีที่เที่ยวดังๆ เยอะแยะเลย ทั้งนั่งรถ Hop-on Hop-off ชมเมืองบาร์เซโลน่า (ราวๆ 33 ยูโร/คน นั่งได้ 1 วันขึ้นลงไม่จำกัด) ดูงานดีไซน์ของเกาดี้ ทั้งโบสถ์ ลา สกราดา ฟามิเลีย, พิพิธภัณฑ์ คาซ่า มิลา, คาซ่า บัตโร, สวน ปาร์ค กูแอล และถ้าอยากช้อปปิ้งก็มีเป็นถนน Passeig De Gracia ทั้งเส้นอีก ส่วนใครใฝ่ฝันจะชมแมทช์ฟุตบอลที่แคมป์นู ยิ่งต้องวางแผนไว้ก่อนให้ดีเลยนะครับ เดี๋ยวสุดท้ายเวลาเที่ยวไม่พอแล้วจะเสียดายค่าตั๋วเครื่องบิน ดูรีวิว 10 ที่เที่ยวบาร์เซโลน่า ก่อนก็ได้ครับจะได้วางแผนถูก

DAY 1 : วันแรก Barcelona - มื้อเช้าที่ El Palace Barcelona - เที่ยว Casa Mila- ถนน La Rambla - Costa Smeralda Cruise Terminal สเปน

บิน 22.00 น. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ คนแน่นมาก รีบไปกันเช็คอินและผ่านตม.กันเร็วๆ นะครับ เผื่อเวลาไว้เยอะๆ เลย ทริปนี้ลากกระเป๋า Caggioni รุ่นโคโร๊ะ 28 นิ้ว เป็นเพื่อนร่วมทาง : วัสดุPP 4 ล้อคู่ หมุน 360 คันชักแข็งแรง TSA Lock เรียบหรูดูดีเลยทีเดียว https://chill.travel/419DYhf

หลังเปลี่ยนเครื่องที่โดฮา ประเทศการ์ต้า ในเช้าตรู่วันถัดมา เวลา 6.00 ก็เดินทางถึงสนามบินบาร์เซโลน่าครับ
ถ้าไม่อยากลากกระเป๋าเดินทางใบยักษ์ไปไหนมาไหน แนะนำให้ใช้ Bags and Go บริการส่งกระเป๋าเดินทางไปที่ท่าเรือ หรือไปที่โรงแรมที่เราพัก โดยคิดราคาใบแรก 12 ยูโรและใบถัดไปใบละ 10 ยูโร (ทุกขนาด) คุ้มมากๆ ครับ และจากท่าเรือก็สามารถส่งกระเป๋ามาที่สนามบินได้เหมือนกัน ที่สนามบินอยู่ทั้ง Terminal 1 และ 2 ดูรายละเอียดได้ที่นี่เลย https://bagsandgo.com/en/where-we-are/

ออกจาก ตม. ก็ตรงไปทานมื้อเช้าที่โรงแรม 5 ดาว El Palace Barcelona สุดอร่อยกับแฮมขาหมูดำ Jamon Iberico แฮมที่แพงที่สุดในโลก กินกับชีสหลากหลายแบบ อร่อยสุดคุ้มจริงๆ แนะนำเลยครับ ราคาแค่ 35 ยูโรต่อท่าน กินแฮมก็คุ้มแล้ว แถวยังได้ถ่ายรูปบรรยากาศหรูหราอีกด้วย ซื้อวอเชอร์ได้ที่นี่ Voucher อาหารเช้าที่ El Palace Barcelona

El Palace Barcelona

ซื้อวอเชอร์ได้ที่นี่ Voucher อาหารเช้าที่ El Palace Barcelona

บุฟเฟต์เปิด 7.30 - 10.30 น.

GPS : https://goo.gl/maps/BPDHAir2QbJfcY626

เที่ยวในเมืองบาร์เซโลน่า มีที่เที่ยวที่ต้องจองออนไลน์ล่วงหน้าเท่านั้น จึงจะเข้าได้ เช่น โบสถ์ La Sagrada Familia, สวน Parc Guell และ ทัวร์สนามบอล Camp Nou หากไม่ได้จองก่อน อาจนั่งรถ Hop-On Hop-Off ชิลๆ แทนเอาได้ หรือเลือกลงสัก 2 จุด ที่ไม่ต้องจองออนไลน์ล่วงหน้าเช่น Casa Mila, Casa Batllo และช้อปปิ้งต่อที่ถนน Passeig De Gracia แล้วไปเดินเล่นที่ La Rambla แวะ ตลาดสด Mercat de la Boqueria กินมื้อเที่ยงที่ตลาดก่อนขึ้นเรือ

ตัวอย่างการแสดงผลงาน

ดีไซน์ดาดฟ้ายังโดดเด่น

ดาดฟ้าของ Casa Mila มองเห็นโบสถ์ Sagrada Familia และเห็นวิวเมืองบาร์เซโลน่าอีกด้วย

Casa Mila

เวลาเปิด-ปิด : 9.00-23.00 ทุกวัน

ค่าเข้าชม : เริ่มต้น 28 ยูโร จองตั๋วออนไลน์ได้ที่นี่ https://chill.travel/3U5bCCl

GPS : https://goo.gl/maps/39yfnF2cMrZm8CQv5

แวะมาแชะภาพ Casa Batllo

Casa Batllo

เวลาเปิด-ปิด : 9.00-22.00 ทุกวัน

ค่าเข้าชม : 35 ยูโร จองตั๋วออนไลน์ได้ที่นี่ https://www.casabatllo.es

GPS : https://goo.gl/maps/tkpzCMaQc3ge6Qx9A

บนถนน Passeig De Gracia ซึ่งเป็นที่ตั้งของทั้ง Casa Mila และ Casa Battlo มีร้านแบรนด์เนมเพียบเลือกช้อปปิ้งได้เลยครับ

มาต่อที่ La Rambla แล้วเข้าตลาด Mercat de la Boqueria กินมื้อเที่ยวตอนบ่ายๆ 555

ตลาดสด Mercat de la Boqueria

เวลาเปิด-ปิด : 8.00-20.30 ทุกวัน

ค่าเข้าชม : ไม่มี (อยู่ในถนน La Rambla)

GPS : https://goo.gl/maps/Yt1bJUP9ZBqy5oWg6

ถ้าใครมีเวลาเหลือ หรือจองวันมาเผื่อแนะนำให้ไปชมพระอาทิตย์ตกที่ Montjuic ครับ วิวปังมาก

Montjuic

เวลาเปิด-ปิด : เปิดตลอด (ปราสาท 10.00-22.00)

ค่าเข้าชม : ไม่มี ถ้าเข้าชมปราสาท 9 ยูโร ซื้อตั๋วได้ที่นี่ https://chill.travel/3lUVvuN

GPS : https://goo.gl/maps/1Y13RPGWPSQdv6ih9

เรือให้เช็คอิน 15.00 พอใกล้ถึงเวลาเราก็นั่ง Taxi ไปที่ท่าเรือกันครับ โบก Taxi แล้วบอกชื่อเรือได้เลย GPS : Costa Smeralda Cruise Port

การเช็คอินขึ้นเรือ ก็จะคล้ายๆ กับการเช็คอินโรงแรมเลยครับ

คือ เช็คใบจอง เราก็ยื่น Boarding Form แล้วเอา Ticker Cruise ในหน้าที่เป็นใบ Lugague Label มาพับแล้วเย็บติดกับหูจับกระเป๋าเดินทางเราไว้ พนักงานจะได้รู้ว่าต้องเอากระเป๋าเดินทางไปให้ที่ห้องพักไหนนั่นเอง

เอา Lugague Label มาพับแล้วเย็บติดกับหูจับกระเป๋าเดินทางเราไว้

เข้าคิวเช็คอินยาวๆ ไปครับ

นี่ไง กระเป๋ามารอที่หน้าห้องของเราแล้วครับ

บรรยากาศภายในห้องพัก Balcony ราคา 29,900 บาท/ท่าน (7 คืน)

กว้างขวาง น่านอนมาก หากอยากได้เตียงเดี่ยวแยก 2 เตียงก็โทรบอกพนักงานได้ครับ

ห้องก็จะดูดีระดับ 4 ดาว (ห้องน้ำแอบเล็ก แต่เข้าใจแหละว่าอยู่บนเรือ)

นั่งชมวิว ชิลที่ระเบียงนี่คือ ชิลมากกกก ยิ่งเวลาเข้าใกล้เมืองยิ่งสวยมาก อยากให้มาลองฟีลนี้กันดูครับ

เมื่อขึ้นเรือ เราต้องรีบทำ 2 อย่างนี้ก่อนเลย คือ

1) ผูกบัตรเรือ เข้ากับบัตรเครดิต หรือ เติมเงินสดเข้าบัตร (ถ้าเน้นง่ายแนะนำให้ผูกบัตรไปเลยดีกว่าครับ ไม่งั้นขอมารอ Cash out เงินสดทีหลังจะรอคิวช้า) ทำได้ที่ชั้น Register ของเรือ (เช่น ชั้น 7 สำหรับเรือลำนี้)

2) เตรียมตัวซ้อมอพยบเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน โดนต้องหยิบชูชีพภาพในห้อง ไปยังจุดนักพบตามที่แจ้ง เช่น ของผมเป็นจุด C ก็ไปตามนั้นเพื่อฟังขั้นตอนการหนีภัย

เมื่อทำ 2 อย่างนี้จบ ก็มากินมื้อเย็นกันครับ

โดยปกติ เราจะมาสารถเลือกได้ว่าจะรับประทานอาหารมื้อต่างๆ ที่ไหนดี โดยมีให้เลือก 3 แบบดังนี้

1) ร้านอาหาร Main Reataurant ฟรี (เลือกอาการเป็นคอร์สคล้ายๆ fine dinning) ที่เราถูกระบุมาให้ใช้บริการโดยจะระบุโต๊ะและที่นั่งมาให้ด้วย

2) ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ ฟรี จะเป็นการเลือกหาที่นั่งเอง บริการตนเอง ต่อแถวเอง ได้ฟีลบุฟเฟ่ต์แต่ไม่ได้ตักเอง555

3) ร้านอาหารอื่นๆ ชำระเพิ่ม อันนี้ก็เลือกได้เลยครับว่าอยากกินอะไร เทปันยากิ พาสต้า พิซซ่า แล้วแต่ชอบแต่ก็จ่ายเพิ่มเองครับ

โดยมื้อเย็นวันนี้เราเลือกเป็น Main Restaurant กันก่อนครับ

ร้านอาหาร Main Restaurant : Arlecchino บรรยากาศดีใช้ได้เลย

อาหารที่สั่งก็จะมาเป็นคอร์สประมาณนี้ครับ (อร่อยจริงจังทุกเมนู - หากไม่อิ่มสั่งเพิ่มได้ถ้าวัตถุดิบยังไม่หมด)

โซนบุฟเฟ่ต์ ออกแนวสนุกสนานคึกคักสุดๆ

บุฟเฟ่ต์เย็นก็จะหลากหลายหน่อยครับ แล้วแต่ใครชอบสไตล์ไหน มีทั้งอาหารแนวเอเชียน และยุโรป ไปต่อคิวเอาเองเลย

เส้นทางการเดินเรือของ Costa Smeralda ก็จะประมาณนี้

วันแรกเที่ยวเหน็ดเหนื่อย กินอาหารเสร็จแวะดูโชว์นิดหน่อยก็เริ่มง่วงแล้วครับ

ไม่ทันได้ดูโชว์จบ ก็กลับมานอนที่ห้อง ไว้พรุ่งนี้เที่ยวจัดเต็มที่เกาะพัลม่า เดอ มาร์ยอลก้า

DAY 2 : Barcelona - Palma de Mallorca สเปน

เรือจอดให้ลงเวลาประมาณ 8.00 น. หลังอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์กันด่วนๆ เราก็นั่งรถ Taxi จากท่าเรือไปที่โบสถ์ Catedral-Basilica de Santa Maria de Mallorca ที่เห็นลิบๆ ตอนเรือจอด อากาศดีมาก 15 องศาลมโชยเบาๆ สบายๆ ครับ

ภายนอกโบสถ์ว่าสวยแล้ว ข้างในสวยกว่า ยิ่งงานกระจกสี Stained Glass ยิ่งสวยสดงดมาก ค่าเข้าชม Catedral-Basilica de Santa Maria de Mallorca 9 ยูโร

Catedral-Basilica de Santa Maria de Mallorca

เวลาเปิด-ปิด : เปิดตลอด (ปราสาท 10.00-22.00)

ค่าเข้าชม : 9 ยูโร (ซื้อหน้างานได้เลย)

GPS : https://goo.gl/maps/gWE4iaZkPqbG8ogz6

เดินออกจากโบสถ์มานิดเดียวก็เดินชิล ช้อปปิ้ง ที่ถนน Passeig des Born ถนนที่สองฟากมีต้นไม้ปลูกไว้อย่างร่มรื่น(ตอนไปมันร่วงหมดแล้ว คิดว่าเองว่าน่าจะร่มรื่น) น่าเดินเล่น น่านั่งชิลมากครับ สองข้างทางฝั่งถนนเต็มได้ด้วยร้านค้าแบรนด์เนมระดับโลก ทั้ง LV Chanel Gucci และแบรนด์อื่นๆ อีกเพียบ ทั้งในตรอกซอกซอยก็ยังเต็มไปด้วยร้านน่ารัก คาเฟ่น่านั่งอีกมากมาย และนี่คือ 1 ในเหตุผลที่ดี ในการเที่ยวด้วยเรือ เพราะเกาะนี้ต้องนั่งเครื่องบินหรือเรือข้ามฟากมา (เป็นเมืองตากอากาศของคนรวยในสเปน) ถ้าจะให้ผมเดินทางมาที่นี่เองก็คงลำบากน่าดู แต่พอมากับเรือ เราก็จะได้เที่ยวในที่ๆ มันไม่ค่อยป๊อบ มายาก แต่สวยงามมากๆ Palma de Mallorca คือเมืองที่ผมชอบที่สุดในทริปนี้เลยครับ

แวะทานอาหารกลางวันที่ El Pilon ร้านอาหารเล็กๆ น่ารัก อาหารอร่อยดีครับ มื้อนี้สั่งไป 4 อย่างโดนไป 60.30 ยูโร (สำหรับ 3 คนจุกๆ)

เรือแจ้ง Depart 18.00 ก็ต้องขึ้นเรือก่อน 17.00 น. เราขึ้น Taxi กลับเพื่อความสะดวก ค่า Taxi โดยประมาณ 15 ยูโร (ทั้งขาไปและขากลับ)

ทัวร์แนะนำ : รถไฟไม้โบราณ Tren Sóller (มีทริปนั่งไป Soller 35 ยูโร/คน-ไป ) จองตั๋วได้ที่นี่ (ถ้ากลัวกลับไม่ทัน แนะนำให้เดินไปถ่ายรูปรถรางในเมืองเอาก็พอครับ)

DAY 3 : At Sea

เดินทางไปยัง Palermo เกาะซิซิลี โดยไม่หยุดจอดท่า

วันนี้เรามีเวลาบนเรือทั้งวัน เลยไปทัวร์เรือดูว่ามีอะไรน่าสนใจมั่ง

สปาแบบจัดเต็ม มีทั้งห้องอบเกลือ อบหิมะ นวดน้ำมันหลากหลายแบบ

โซนช้อปปิ้ง ลด 30-50%

มีพิพิธภัณฑ์บนเรือด้วย

ช่วงกลางวันมีเล่นบิงโก

สระน้ำชั้น 16 คนก็จะเยอะๆ หน่อยเพราะออกไปเที่ยวไม่ได้

สวนน้ำชั้น 18 คนก็เล่นกันเยอะอยู่ครับ

ส่วนกลางคืนก็ยังมีโชว์อีกเหมือนเดิม

วันนี้ไม่ได้ไปไหน ชมโชว์ก็กลับห้องนอนแล้วครับ พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวปาแลร์โมกัน เกาะซิซิลี เกาะแห่งมาเฟีย!

DAY 4 : Palermo เกาะ Sicily ประเทศอิตาลี

เรือจองให้ลงเวลา 08.00 จากท่าเรือ เราเดินออกมาที่เมืองได้เอง เมืองเดินออกมาจะมีรถ Hop on Hop Off ให้เราได้เลือกขึ้น ราคาเริ่มต้น 10 ยูโร/คน/วัน ขึ้นลงกี่รอบก็ได้ รถก็จะพาไปจอดตามที่เที่ยวหลักๆ ใครอยากเดินเล่นก็เดินได้นะครับ อากาศดี เดินได้ชิลๆ เลย เส้นทางเดินดูเมืองกดลิงก์นี้ดูตัวอย่างได้เลยครับ ดูเส้นทาง

เรานั่งรถ Hop on Hop Off มาลงแถว Porta Nuova โบสถ์ประจำเมือง Cattedrale di Palermo เป็นอีกโบสถ์ที่สวยงามในทริปนี้เลย ถ้าต้องการขึ้นดาดฟ้า มีค่าตั๋วเริ่มต้นที่ 7 ยูโร

Porta Nuova

เดินลอดประตู ตรงมาเรื่อยๆ ตรงมาอย่างเดียวเลยครับ ก็จะเจอโบสถ์ Cattedrale di Palermo

ด้านในโบสถ์ชั้นแรก(เข้าชมฟรี)

Cattedrale di Palermo

เวลาเปิด-ปิด : 7.00-19.00 ทุกวัน

ค่าเข้าชม : เริ่มต้น 2 ยูโร ขึ้นดาดฟ้าเริ่ม 7 ยูโร แบ่งเป็นรอบทุกต้นและครึ่งชั่วโมง

GPS : https://goo.gl/maps/H8Rwpaxx23uSkDCd8

จากนั้นเดินเล่นในเมือง บรรยากาศชิลๆ ครับ ได้เสื้อแจ็คเก็ต Timberland กันดดแรงๆ ได้ ใส่แล้วไม่ร้อน

แวะกินข้าวปั้นอิตาลี "อารันชินี่" ระหว่างทาง กรอบอร่อย มีหลายใส่ ใครมาปาแลร์โมต้องมาลองครับ

ขนมอีกอย่างที่ต้องลอง "แคโนลี่" เป็นขนมปังกรอบสอดไส้ไอศครีม ฟังดูธรรมดาๆ แต่รสชาติกรอบนุ่มอร่อยดี เป็นอีกไฮไลท์ต้องมาลองครับ

แวะซื้อของฝากชื่อดัง Limoncello เครื่องดื่มสไตล์วอดก้า ทำจากส้มของเกาะซิซิลีนี่เลย

ของฝากอีกอย่างจากเกาะซิซิลี เกาะแห่งมาเฟียในอดีต ก็ต้องเป็นตุ๊กตาดอน คอลีโอเน่ หมวกแบนสไตล์มาเฟียอิตาลี

แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีมาเฟียแล้วมั้งครับ

เดินเล่นต่อจนถึงเวลาขึ้นเรือ ที่ท่าปาแลร์โมนี้เราเดินไปขึ้นเรือเองได้ สบายๆ เลยครับ ระหว่างทางจะเป็นตึกขนานกันไปแบบนี้โดยมีวิวทะเลอยู่ฟากหนึ่ง และอีกฟากก็เป็นประตูเมือง เป็นจุดถ่ายรูปที่เท่มาก ไว้มีโอกาสจะกลับมาเที่ยวอีกนะ ปาแลร์โม

Depart 16.00 แปลว่า ต้องขึ้นเรือ 15.00 น. เลยรีมมากันหน่อย

ทัวร์แนะนำ : นั่ง Hop on Hop off เที่ยวรอบเมืองปาร์แลโม เข้าชมปราสาท ใครอยากเอ็กโซติกหน่อย แวะชมสุสารใต้ดิน กาปูชิน ได้นะครับ

DAY 5 : Civitavecchia - Rome

เรือจอดท่า 08.30 คราวนี้เราลองซื้อทัวร์ Greentrain to Rome ในราคา 45 ยูโรต่อท่าน ทัวร์นี้ไม่มีอะไรมาก แค่พาเราไปส่งที่ Saint Peter's Square แล้วก็รอรับเรากลับตามเวลานัด คือ 15.45 น. ถ้าจองทัวร์เขาการันตีว่าเราจะไม่ตกเรือแน่นอน นั่นคือเหตุผลที่เราซื้อทัวร์นี้นั่นเอง 555

Saint Peter's Square ใครอยากเข้าชมด้านในหรือเที่ยวนครวาติกัน รอคิวยาวมาก ต้องแต่เช้าเลยครับ

สไตล์ของเราคือเดินไปเรื่อยๆ ครับ ต้องยอมรับว่าเวลาเที่ยวในโรมนั้นน้อยมากๆ เพราะกว่าจะนั่งรถไฟจากท่าเรือ Civitavecchia ใช้เวลา 45 นาที + เวลานั่งรถจากท่าอีก รวมๆก็ชั่วโมงนิดๆ เท่ากับเหลือเวลาเที่ยวในโรมแค่ 4 ชั่วโมงครึ่ง โดยเส้นทางที่วางไว้คร่าวๆ ว่าจะเป็นประมาณนี้

St. Peter's Square and Basilica ไปต่อที่ Castel Sant'Angelo และไปที่ Piazza Navona แล้วไป วิหาร Pantheon จากนั้นไป น้ำพุ Trevi และปิดท้ายที่ Colosseum แล้วนั่ง Taxi กลับมา St. Peter's Square and Basilica

เริ่มที่ St. Peter's Square and Basilica

St. Peter's Square and Basilica

ค่าเข้าชม : ด้านนอกชมฟรี / พิพิธภัณฑ์เริ่มต้นที่ 8 ยูโร / Admission tickets - Vatican Museums and Sistine Chapel 22 ยูโร ซื้ออนไลน์ได้ที่นี่ tickets.museivaticani.va

เวลาเปิดปิด : ด้านนอกเปิดตลอด 24 ชั่วโมง / ออฟฟิสนักข้อมูลท่องเที่ยว 9.00-18.30

GPS : St. Peter's Square

Castel Sant'Angelo ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์

Sant'Angelo National Meseum

ค่าเข้าชม : 28 ยูโร

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน 9.00 - 19.30 น.

GPS : Castle Sant'Angelo National Museum

จัตุรัส Piazza Navona ลานน้ำพุขนาดใหญ่ 3 จุดที่สวยงาม เป็นลานที่คนมาทำกิจกรรมและร้านอาหารน่านั่งมากมาย

จัตุรัส Piazza Navona

ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี

เวลาเปิดปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

GPS : Piazza Navona

วิหาร Pantheon อันเก่าแก่ เปิดให้เข้าชมด้านในฟรี แต่คิวยาวมากๆ ควรมาแต่เช้าครับ

วิหาร Pantheon

ค่าเข้าชม : ฟรี

เวลาเปิดปิด : 9.00 - 18.45 น. ทุกวัน

GPS : Pantheon

น้ำพุ Trevi มาโยนเหรียญเพื่อจะได้กลับมาโรมอีกครั้ง

น้ำพุ Trevi

ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

GPS : ลานน้ำพุ Trevi

และปิดท้ายที่ Colosseum เห็นมาแต่ไกลเลยครับ อลังการมากๆ

Colosseum - โคลอสเซียม

ค่าเข้าชม : เริ่ม 18 ยูโร จองตั๋วได้ที่นี่ https://chill.travel/438xTDF

เวลาเปิดปิด : 9.00 - 16.30

GPS : Colosseum

ส่วนใครสายช้อป แยกตัวไปช้อปได้เลยครับ ถนนตรง บันไดสเปน มีร้านแบรนด์เนมเยอะมาก ชาแนล มงเคอร์ กุชชี่ ลิงก์นี้เลยครับ https://goo.gl/maps/adAs4vq5qmejqYDF8
เรือ Depart 18.00 เราต้องนั่งรถไฟกลับอีกราวๆ 1 ชั่วโมง เลยทำอะไรได้น้อยหน่อย เอาไว้คราวหน้าจะมาแก้มือโรมใหม่อีกที เพราะยังมีอีกหลายที่ที่อยากไปและอยากเข้าชม แต่ดันลืมโยนเหรียญใส่น้ำพุเทรวีไว้นี่สิ ไม่รู้จะได้กลับมารึเปล่าน้อ

DAY 6 : Savona อิตาลี

เรือจอดท่า 08.30 ก็มาถึงเมืองท่า SAVONA ชื่อไม่คุ้นหูเลย อาจเป็นเพราะไม่ใช่เมืองใหญ่และมีประวัติศาสตร์มากมายของอิตาลี แต่ก็มีความสวยงามเรียบง่ายอย่างบอกไม่ถูก Savona เป็นเมืองท่าเรือที่เป็น Head office ของเรือเครือ Costa ตั้งอยู่ที่นี่ เวลาเรือมาจอดเทียบท่า เราก็จะเห็นการย้ายทั้งอาหารและของต่างๆ ขึ้นเรือสำราญลำนี้อย่างคึกคัก
เมืองนี้สามารถเดินเที่ยวได้ตามจุดต่างๆ ในแผนที่ Map guide ที่ขอได้ตรงท่าเรือเลย เพราะที่เที่ยวส่วนใหญ่แล้วอยู่ห่างกันไม่มากและยังอยู่ใกล้ท่าเรือด้วย แต่ถ้าใครขี้เกียจเดิน ก็นั่งรถไฟเล็กชมเมืองเชคอินตามจุดต่างๆ ได้เช่นกัน ผมลองแปะจุดไฮไลท์คร่าวๆ ไว้ให้ลองเดินเล่นกันตามนี้ครับ

จุดแรก (1) เราเริ่มเดินไปที่ Magdalene Square Savona เป็นถนนคนเดินที่ดูเก่า แต่ยังคงเอกลักษณ์บ้านเรือนของคนที่นี่ไว้ มีร้านค้าต่างๆ สินค้าแฮนด์เมดและคาเฟ่เล็กๆ น่ารักซ่อนอยู่

จุดต่อมาเดินเชื่อมมาใกล้ๆ เป็น (2) โบสถ์ Cathedral of St.Mary หรือ Savona Cathedral โบสถ์ที่เก่าแก่ของเมืองนี้ ข้างในมีโบสถ์มีภาพวาดและศิลปะของโบสถ์คาทอลิกที่สวยงาม

จุดที่ (3) Town Hall เดินต่อมาเรื่อยๆ ถึงศาลว่าการที่เป็นจุดใจกลางเมือง Savona ผู้คนส่วนใหญ่ออกมาใช้ชีวิตกันที่นี่เพราะมีร้านค้า ร้าอาหาร คาเฟ่ต่างๆ รวมกันอยู่จุดนี้

จุดที่ (4) Priamar Fortress ป้อมบนเขาสูงเป็นป้อมปราการเก่าแก่ที่ปกป้องเมืองนี้ สร้างตั้งแต่สมัย 1542 เข้าไปด้านในเราจะเห็นห้องขังที่เป็นคุกหินเก่า และเดินขึ้นไปด้านบนจะเป็นจุดชมวิวที่เห็นเมือง Savona ทั้งเมือง มองออกไปไกลๆ เห็นเรือ Costa จอดอยู่ด้วย ถือเป็นจุดเช็คอินที่ใครมาที่เมืองนี้ก็ต้องมาถ่ายรูปกันด้านบนจุดนี้ เพราะมองเห็นทะเลสวยงาม และที่สำคัญที่นี่ยังเปิดให้เข้าชมฟรีอีกด้วย

จุดที่ (5) Old Docks จุดต่อไปก่อนกลับขึ้นเรือ เราเดินเลาะมาเรื่อยๆ จะเห็นเรือจอดกันเรียงราย จุดนี้เรียกว่า Old Docks เป็นจุดจอดเรือสำหรับคนที่นี่ คนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เดินไปเที่ยวในเมืองก็จะมานั่งทานอาหารพักผ่อนกันตรงจุดนี้ เพราะเป็นเหมือนจุดรอขึ้นเรือ แถวนี้เลยคึกกันไปด้วยคน ร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ต่างๆ ไว้รอต้อนรับนักท่องเที่ยว

เรือแจ้ง Depart 18.00 เราก็รีบกลับกันตั้งแต่ 16.00 เลยครับเผื่อเวลาเช็คอินกันหน่อย

ทัวร์แนะนำ : สามารถเที่ยว Genoa เมืองใหญ่น่าเที่ยวของอิตาลี หรือ Monaco ได้ สอบถามเพิ่มเติมกับทางเรือได้เลยครับ

DAY 7 : Merseille ประเทศฝรั่งเศส

เรือจอดท่า 08.30 มาร์แซย์เมืองท่าน่าเที่ยวทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เป็นเมืองใหญ่เก่าแก่ที่สวยงาม มีชายฝั่งติดทะเลและยังคงประวัติศาสตร์ความคลาสสิกแบบฝรั่งเศสเดิม ที่เที่ยวในอยู่มาร์แซย์อยู่ห่างจากจุดจอดเรือพอสมควร เราต้องนั่งรถบัสหรือแท็กซี่เพื่อไปยังด้านในตัวเมือง และครั้งนี้เราเลือกนั่งชัตเตอร์บัส(บริการจากเรือ) จ่ายคนละ 19 ยูโร เวลารถกลับรอบสุดท้าย 16.45

1.นั่งรถบัสมาถึงจุดที่เรียกว่า Vieux Port หรือ Old port ของมาร์แซย์ ท่าเรือที่เหมือนเป็นจุดนัดพบหรือศูนย์กลางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่มาเที่ยวเมืองแห่งนี้ จุดนี้เป็นลานกว้างที่มีมองเห็นเรือมากมายเรียงรายจอดอยู่ ที่ว่ากันว่าคนเมืองนี้มีเรือส่วนตัวอย่างน้อยบ้านละหนึ่งลำ มีเรือเยอะมากจริงๆ เราสามารถเดินเลาะริมฝั่งชมเมือง ถ่ายรูป หาทานของอร่อย ช้อปปิ้งของที่ระลึก เช็คอินคาเฟ่เก๋ๆให้เราได้ฟินกันทั้งวัน

2.Basilique Notre-Dame de la Garde จาก Vieux Port เราซื้อตั๋วนั่งรถไฟจิ๋วสีฟ้าแบบไปกลับคนละ 9€ เพื่อขึ้นไปดูวิวที่โบสถ์ Notre-Dame แลนด์มาร์กสำคัญของเมืองมาร์กเซย อยู่บนยอดเขาสูงเด่นที่ใครมองจากระยะไกลก็เห็นวิหารนี้ตั้งอยู่ เป็นมหาวิหารใหญ่คริสตจักรคาทอลิกที่เก่าแก่ มีสถาปัตยกรรมและศิลปะสวยงามทั้งด้านนอกและด้านในวิหาร บนยอดสูดสุดของวิหารคือรูปปั้นพระแม่มารีทองคำที่คอยปกป้องชาวเมืองฝรั่งเศสตอนออกเดินเรือในอดีต และแน่นอนพอขึ้นไปด้านบนเราจะสามารถมองเห็นวิวเมืองมาร์แซย์และวิวทะเลได้แบบ 360 องศา เห็นคนแล่นเรือใบอยู่ไกลๆ กลางทะเล ,หมู่บ้านเก่าริมชายฝั่ง , Costa cruise , Fort Saint-Jean , Cathédrale de Marseille ,สนามฟุตบอล, Vieux Port, พระราชวัง Palais du Pharo เรียกได้ว่าเห็นวิวทั้งเมืองมาร์กเซยเลยก็ว่าได้ สวยงามอลังการสุดๆ การเข้าชมด้านในวิหารต้องเช็คเวลากับเจ้าหน้าที่ให้ดี เพราะที่นี่จะมีการทำพิธีทางศาสนาอยู่ด้วย เขาจะไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปด้านในตอนทำพิธี แต่ถ้าใครมาถึงแล้วแนะนำว่าต้องรอเข้าไปชมด้านในให้ได้ ที่สำคัญเข้าฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

3.พระราชวัง Palais du Pharo
อาคารที่ตั้งเด่นบนเนินเขาตรงข้ามป้อม Fort Saint-Jean ก่อนถึงท่าเรือ จุดนี้เป็นสวนที่คนเมืองนี้มักขึ้นมาปิกนิก พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย สูดอากาศดีๆ แต่วันที่เราไปลมทะเลแรงมากแถมมีฝนปรอยลงมา ทำให้หนาวแทบยืนไม่ไหว แต่บรรยากาศตรงนั้นโดยรวมคือดีมากๆ มีลานสนามหญ้ากว้างๆ ดอกไม้เล็กข้างทาง เก้าอี้ให้นั่งมองเห็นวิวทะเลเห็น MuCEM , Fort Saint-Jean, Cathédrale de Marseille , Vieux Port แบบชัดๆ ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยอีกที่ของเมืองนี้

4.Fort Saint-Jean ป้อมกราการใหญ่ยักษ์ของเมืองมาร์แซย์ อยู่ริมชายฝั่งที่อยู่ติดท่าเรือ Vieux Port ด้านในสามารถเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ของเมืองนี้ แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ขึ้นไปชมวิว ถ่ายรูป ทั้งด้านล่างและด้านบนของป้อมกำแพงยักษ์นี้

5.มหาวิหารมาร์แซย์ Cathédrale de Marseille
Cathédrale de Marseille เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก แลนด์มาร์กสวยอีกที่หนึ่งของเมืองมาร์แซย์ แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัด เราจึงไม่ได้แวะเข้าไปชมด้านในโบสถ์ ได้แต่นั่งรถบัสผ่านก่อนกลับเรือเท่านั้น

เรือแจ้ง Depart 18.00 น. รีบกลับขึ้นเรือก่อน 17.00 น. นะครับ

DAY 8 : Barcelona Spain - Airport

เรือจอดให้ลงและ Check out 09.00 สำหรับคนที่จองตั๋วที่เที่ยวบาร์เซโลน่าที่ต้องจองออนไลน์มาแล้วก็เที่ยวตามแพลนได้เลยครับ เราฝากกระเป๋ากับ Bags & go ให้ไปส่งที่สนามบิน นัดเวลากันคร่าวๆ 1.00 -1.30 น. ก็ไปรับที่เทอร์มินอล 2 ตามที่นัดกันไว้จะมีรถตู้ที่มีโลโก้ของ Bags & Go จอดอยู่ก็นำใบรับไปยื่นได้เลยครับ
แล้วก็นั่ง Taxi ออกจากท่าเรือไปที่ชายหาด Barcelona เมืองที่จัดพื้นที่ชายหาดได้ดีอันดับต้นๆ ของโลก มาดูหน่อยว่าสวยงามแค่ไหน

โบสถ์ La Sagrada Familia ไฮไลท?ที่มาบาร์เซโลน่าก็ต้องแวะมาถ่ายรูป เดี๋ยวเขาว่ามาไม่ถึง 555

โบสถ์ La Sagrada Familia
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 9.00-18.00

ค่าเข้าชม : เริ่มต้น 26 ยูโร จองตั๋วออนไลน์ได้ที่ https://chill.travel/3ZFBAxA

GPS : https://goo.gl/maps/G1CWbEyNMcqFcScm9

สวน Parc Guell (ค่าเข้าชม 10 ยูโร จองออนไลน์ล่วงหน้าเท่านั้น จองได้ที่นี่ https://chill.travel/3UbfF07 ) ชมความสวยงามของงานหิน งานอาร์ตของเกาดี้แบบจุกๆ ใครชอบแนวตกแต่งน่าจะได้แรงบันดาลใจไปเต็มๆ

สวน Parc Guell

เวลาเปิด-ปิด : 9.30 - 19.30 ทุกวัน

ค่าเข้าชม : 10 ยูโร จองตั๋วออนไลน์ก่อนได้ที่นี่ https://chill.travel/3UbfF07

GPS : https://goo.gl/maps/amf4q7dp8ZdSFZJc9

ช้อปปิ้งปิดท้ายทริป ละลายเงินที่ Passeig De Gracia ใครเงินเหลือจัดแบรนด์เนมปิดได้กันได้เลยครับ ใครอยากได้ราคาย่อมๆ หน่อย ZARA ที่นี่ใหญ่มากราคาก็ดีกว่าในไทยเยอะ ลองมาช้อปกันได้เลย

ถนนช้อปปิ้ง Passeig De Gracia

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน (ร้านแบรนด์เนมส่วนใหญ่เปิด 10.30 - 20.30)

ค่าเข้าชม : ไม่มี

GPS : https://goo.gl/maps/dmm3S2B5M5eYMgZf6

15.00 น. เดินทางไปสนามบิน เตรียมตัวกลับบ้านแล้วคร้าบ
ช้อปปิ้งปิดท้ายทริปที่สนามบินบาร์เซโลน่า น้ำหอม เสื้อผ้าน่าช้อปพอสมควร

DAY 9 : Bangkok

บินด้วยสายการบิ QATAR ไปเปลี่ยนเครื่องที่โดฮา แล้วก็นั่งมาถึงไทยประมาณ 13.00 น.

สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดบนเรือ

ค่าใช้จ่ายบนเรือ 34,333 บาท

ค่าบริการโรงแรมในเรือ คืนละ 11 ยูโร/คน/คืน เท่ากับ 77 ยูโร (2,879 บาท)
ค่าแพ็คเกจเครื่องดื่มน้ำเปล่า 13 ขวด 42 ยูโร (1,554 บาทกินได้ 2 คน ตกประมาณท่านละ 777 บาท)
ค่าห้องพัก Balcony คนละ 29,900 บาท

ส่วนค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากเรือ จะขึ้นอยู่กับแต่คนเลยนะครับว่าอยากเดินทางแบบไหน ซื้อทัวร์มั้ย? ซื้อบัตรเข้าชมที่ไหนบ้าง (แต่ละที่มักเริ่มต้น 10-35 ยูโร) และอาหารการกินของแต่ละคน บางคนชอบนั่งร้าน บางคนซื้อฟู้ดทรักเอาง่ายๆ นอกจากนี้ยังมีค่าช้อปปิ้งอีก แต่หลักๆ ควรพกเงินติดตัวไปราว 300 ยูโร (ประมาณ 11,100 บาท) เพื่อจะได้เที่ยวได้สนุกไม่ต้องพะวงมาก(ไม่รวมช้อปปิ้งนะครับ)

บอกเลยว่า ทริปในฝัน การล่องเรือสำราญที่ยุโรปของผมนั้นคุ้มค่า และเต็มอิ่มมาก เป็นอีกประสบการณ์ท่องเที่ยวที่จะจดจำไปอีกนาน และเมื่อนึกถึงก็จะมีความสุขกับภาพวิวทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสวยๆ ที่ผ่านมาผ่านไปหลายประเทศ ถ้ามีโอกาส จะกลับไปอีกแน่นอนครับ Costa Smeralda