calendar_month 25 ส.ค. 2022 / stylus Maprang Chillpainai / visibility 128,011 / สถานที่ยอดนิยม
สะบายดี..(สวัสดี) จ้าเพื่อนๆ ทริปนี้เราจะพาไปชิลกันใกล้ๆ ที่ ประเทศลาว หรือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประเทศเพื่อนบ้านเรานี่เอง พาเพื่อนๆ ไปนั่งรถไฟจีน-ลาว ตะลุยเที่ยวลาวเหนือกรูปแบบใหม่กันกัน ไปอัปเดตบรรยากาศ สปป.ลาวล่าสุดตอนนี้ จะชิลแค่ไหนไปกันเลย
1) พาสปอร์ตที่มีอายุใช้งานคงเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
2) วัคซีนพาสปอร์ต ถ้าหากมีการฉีดวัคซีนครบ 2โดสอย่างน้อย 2 สัปดาห์
3) ไม่ต้องมีประกันโควิด
4) แลกเงิน ที่ลาวใช้สกุลเงินเป็นกีบค่ะ 1 กีบ = บาทไทย **อัพเดตล่าสุดเมื่อวันที่
5) ภาษา ประชาชนทั่วไปพูดภาษาลาว ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
6) เสื้อผ้าชุดแต่งกาย สามารถแต่งตัวได้ตามสบายเลยค่ะ สภาพอากาศที่ปีนังคล้ายบ้านเราอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 28-34 องศาเซลเซียส ถ้าเป็นเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีก็จะทำให้เราเดินเที่ยวเล่นได้สบาย
7) เวลาที่ลาวเท่ากับที่ไทยเลยจ้า
8) ซิม สามารถซื้อซิมสำหรับใช้ต่างประเทศของค่ายมือถือในเมืองไทยได้ หรือ สามารถไปซื้อที่โน่นได้
Day 1 : กรุงเทพ-อุดรธานี-หนองคาย-เวียงจันทน์-วังเวียง
เช้าตรู่ของวันแรก เราออกเดินทางจากกรุงเทพไปยังด่านสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 1 จ.หนองคาย ในทริปนี้เราเดินทางด้วยเครื่องบินค่ะเพราะประหยัดเวลาและรวดเร็ว
สำหรับการเดินทางไปด่านหนองคาย มีได้ 3 วิธี ดังนี้จ้า
เดินทางโดยเครื่องบิน มาลงที่จังหวัดอุดรธานี แล้วต่อแท็กซี่จากสนามบินอุดรมาลงที่ด่านหนองคาย ราคาอยู่ที่ประมาณ 900 บาท/คัน แล้วแต่คุย
นั่งรถทัวร์จากสถานีขนส่งหมอชิดไปยังสถานีขนส่ง จ. หนองคาย นั่งรถสามล้อไปที่หน้าด่าน
นั่งรถไฟจากสถานีรถไฟบางซื่อ-หนองคาย แล้วต่อสามล้อไปที่หน้าด่าน จ.หนองคาย
หลังจากข้ามด่านจากฝั่งไทยไปได้แล้วให้ ต่อรถบัสที่ด่านเพื่อข้ามสะพานมิตรภาพไปยังฝั่งลาว ค่ารถคนละ 30 บาท มีรถออกตลอดทุกๆ 20 นาที หรือ เต็มก็ออกเลย
หลังจากทำเรื่องผ่าน ตม.เรียบร้อย เราเดินทางต่อไปยังสถานีรถไฟ จีน-ลาว นครหลวงเวียงจันทน์ ใช้เวลาประมาร 30 นาทีจากด่าน ราคาค่ารถขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ไป และอยู่ที่เราคุยกัน ถ้าเทศกาลอาจจะแพงหน่อย รถจัมโบ้(สามล้อลาว) เริ่มต้นประมาณ 500 แต่ถ้า รถแท็กซี่จะ เริ่มต้นประมาณ 700-800 บาท จ้า
ถึงสถานีรถไฟนครหลวงเวียงจันทน์
การซื้อตั๋วรถไฟต้องเพื่อเวลา
ถ้ามีตั๋วแล้วต้องมาถึงก่อนเวลาออก 40นาที - 1 ชั่วโมง
ภายในสถานีรถไฟมีห้องน้ำบริการแนะนำให้ติดกระดาษทิชชู่ไปด้วยค่ะ เพราะไม่มีให้
มีตู้น้ำหยอดเหรียญ มีตู้น้ำร้อนให้กดฟรีแต่เราต้องเอาแก้วไปเองค่ะเพราะเค้าไม่มีให้
ด้านหน้าสถานีมีร้านขายขนม ไก่ทอด ไม่ต้องกลัวหิวค่ะ
ด้านในสถานีที่นั่งสะดวกสบายกว้าง ติดแอร์
ในการเดินทางของเราครั้งนี้เราเลือกนั่ง แบบEMUชั้น 2 ค่ะ รอบบ่าย 3 โมง วันนี้เราจะไปพักกันที่ เมืองวังเวียง ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากนครหลวงเวียงจันทน์ แค่ 1 ชั่วโมง เท่านั้น ส่วนตั๋วเราได้ให้เอเจ่นที่ลาว ค่ะ มีค่าบริการนิดหน่อย ซื้อล่วงหน้าไว้ให้ค่ะ โดยทางเอเจ้นท์จะนำตั๋วมาให้เราที่สถานีเลยจ้า สะดวกสุดๆ เลย
วีธีการซื้อตั๋วรถไฟจีน-ลาวEMU
ตั๋วรถไฟ จะเปิดให้ซื้อได้ล่วงหน้า 3 วัน และเปิดเป็นรอบๆในแต่ละวัน
การซื้อตัวต้องไปซื้อที่สถานีเท่านั้น
ราคาตั๋วจะคิดเป็นเงินกีบ ราคาขึ้นอยู่กับระยะทางและโบกี้ที่เลือกนั่ง
ขบวนรถไฟจะมีที่นั่งให้เลือก 3 แบบ คือ แบบEMUชั้น 1 EMUชั้น 2 และ รถไฟชั้นปกติ
ระยะเวลาการเดินทางพอๆ กัน ต่างตรงเก้าอี้ที่นั่ง ความสะดวกสบาย และขบวนรถค่ะ
ออกจากสถานีรถไฟนครหลวงเวียงจันทน์ 15.00 ถึง วังเวียง 16.00
ระหว่างทาง นั่งชมวิววิวข้างหน้าต่างชิลๆ เบาะรถไฟสามารถหันหน้าเข้าหากันได้นะคะถ้าเรามาเป็นแก๊ง
เจ้าหน้าที่เดินตรวจตั๋ว เพราะฉะนั้นเราต้องเก็บตั๋วไว้ดีๆ หรือถ่ายรูปเก็บไว้ด้วยก็ดี เพราะถ้าตั๋วหาย เราต้องซื้อใหม่ด้วยนะ
มีที่ให้เก็บกระเป๋าสำหรับคนที่นำกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆ มาด้วยจ้า
นอนวังเวียง 1 คืน เที่ยว 1 วัน
ถึงสถานนีรถไฟวังเวียง รถจากที่พักมารอรับ (ถ้าใครไม่มีรถมารบสามารถเหมารถแท็กซี่ได้ ราคาจะประมาณ 200,000 กีบ/เที่ยว แล้วแต่ระยะทาง และการพูดคุยต่อรองจ้า)
เข้าที่พักเช็คอินกันที่ Inthira Vangvieng ที่พักสวยริมแม่น้ำซอง มองเห็นวิวทะเลหมอกยามเช้าได้จากเตียงนอน
"อินทิรา วังเวียง" Inthira Hotel Vangvieng ที่พักบรรยากาศดีริมแม่น้ำซอง ดีไซน์สวยงามมาก มองเห็นวิวแม่น้ำและภูเขาทุกห้อง ที่สำคัญเป็นที่พักที่มีสระว่ายน้ำ ห้องประชุม สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เดินทางไปเที่ยวที่อื่นๆ ได้ง่าย อยู่บนถนนริมแม่น้ำซอง บรรยากาศดีมาก ทั้งธรรมชาติรอบๆ ที่พักและการออกแบบดีไซน์ ด้วยทำเลที่ตั้งของที่พักที่มองเห็นวิวเขาสูง และอยู่ติดริมแม่น้ำซอง ในตอนเช้าเราจะได้เห็นหมอกสีขาวลอยฟุ้งอยู่บนทิวเขา ตัดกับต้นไม้สีเขียว ตอนเย็นมองเห็นวิวพระอาทิตย์ตกลับภูเขา นักท่องเที่ยวพายเรือคายัค ชาวบ้านขับเรือ ผ่านแม่น้ำซองที่ติดกับที่พัก ชิลสุดๆเลย
ตัวที่พักมีทั้งหมด 6 ชั้น 4 แบบ ตกแต่งสไตล์ลอฟ์ทเท่ห์ๆ เน้นสีเทาและสีขาว ห้องพักทุกห้องมองเห็นวิวทั้งหมดได้จากระเบียงเลย ครั้งนี้เราพักกันที่ห้อง Suite เลยจ้าเพราะได้โปรมาคุ้มมากๆ หารกัน 2 คนแล้วตกคนละ1000 นิดๆ ห้องกว้างมาก มีอ่างอาบน้ำ ระเบียงชมวิว โซนห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
สำหรับใครที่มากับเพื่อนอยากนอนแยกเตียงกันก็แนะนำ ห้อง Premier เลย เห็นวิวเหมือนกันวิวเดียวกันเลยจ้า
แดดร่มลมตก และหากใครไม่อยากออกจากที่พักไปไหน ที่นี่ก็มีร้านอาหารบริการด้วย เมนูอาหารเป็นอาหารพื้นเมืองลาว อาหารไทยและอาหารตะวันตก รสชาติอร่อยใช้ได้เลย
Day2 : เที่ยววังเวียงครึ่งวัน - หลวงพระบาง
สวัสดียามเช้าวันที่สอง เช้านี้ไปเปิดประสบการณ์ใหม่ขึ้น “บอลลูน” ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด เมื่อไปเที่ยววังเวียงจ้า
ทานอาหารเช้าในที่พักเสร็จ เช็คเอาท์ฝากกระเป๋าไว้ที่ๆพัก และไปเที่ยววังเวียงกันจ้า
นั่งรถสองแถวเที่ยววังเวียง รถสองแถวที่พาทัวร์ในวังเวียง 3 ชั่วโมง - 8 ชั่วโมง ราคา
เริ่มต้น ที่ 300,000 กีบ (ประมาณ 660 บาท) - 700,000 ກີບ ( 1,532 บาท) แล้วแต่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
เช็คอิน ถ้ำจัง และถ่ายรูปกับสะพานสีส้ม
แวะกระโดดน้ำเล่นที่บลูลากูน
เย็น เดินทางไปหลวงพระบางด้วยรถไฟรอบเย็น ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง ค่าตั๋ว ค่ารถไฟ EMUชั้นสอง จากวังเวียงไปหลวงพระบาง ถึงสถานีรถไฟ หลวงพระบางบรรยากาศชิลสุดๆ วิวสวยมาก ตัวสถานีรถไฟห่างจากตัวเมืองหลวงพระบางประมาณ 18 กิโลเมตร ในวันนี้รถจากที่พักมารับที่สถานีรถไฟเลย สะดวกสบายสุดๆ
สำหรับใครอยากจองรถพาเที่ยวในหลวงพระบาง ซื้อตั๋วรถไฟล่วงหน้า ติดต่อที่นี่ได้เลยจ้า พี่จี้ เบอร์ลาว 020-77794449 (พิมพ์เบอร์ใน WhatsApp) หรือ Facebook https://www.facebook.com/gie.luangprabang )
-ค่ารถ สถานีรถไฟ-ตัวเมือง 300,000/ครั้ง
-รับ-ส่ง สนามบิน-โรงแรม 200,000กีบ/ครั้ง
-เที่ยวน้ำตก, วัดเชียงทอง, หอพิพิธภัณฑ์, พระธาตุหมากโม, 8am-6pm 600,000กีบ/วัน
เข้าที่พัก My Dream Boutique Resort ที่พักสวยราคาหลักร้อย บรรยากาศสุดชิล ตั้งอยู่ริมแม่น้ำคาน ไม่ไกลจากตัวตลาดหลวงพระบาง ภายในที่พักมีห้องหลากหลายแบบให้เลือกพัก ไม่ว่าจะมาคนเดียว สองคน หรือมาเป็นครอบครัว ที่นี่ก็มีห้องพักให้เลือกบริการจ้า
ภายในที่พักบรรยากาศร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ พื้นที่ส่วนกลาง มีสระว่ายน้ำ ห้องรับแขก และโซนริมน้ำให้นั่งพักผ่อน
เราพักกันที่ห้อง Deluxe Pool view ช่วงที่เราไป ราคาเริ่มต้น 975 บาท เสริมได้ 1 ท่าน ราคา 250 บาท/คน รวมอาหารเช้าแล้วจ้า ถูกมากเลย ห้องกว้างมาก มีโซฟาให้นั่งเล่น ห้องน้ำในตัว สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมมีระเบียงด้านนอกห้อง ให้นั่งชิลและเดินลงสระว่ายน้ำได้เลย
สำหรับใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวแนะนำห้อง Pool Villa สำหรับห้องนี้ เรียกได้ว่าส่วนตัวสุดๆ นอกจากห้องจะกว้างมากๆแล้ว ยังเป็นห้องที่มีทั้งห้องนอน ห้องรับแขก ห้องน้ำ และครัวเล็กๆ พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวอยู่ในพื้นที่เดียวกันอีกด้วย
บ่ายแก่ๆ ยังมีเวลาเหลือ ทางที่พักมีรถไปส่งที่ตัวตลาดพอดี เราจึงไป ชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน พระธาตุพูสี กัน พระธาตุพูสี เป็นพระธาตุที่อยู่กลางเมืองหลวงพระบาง ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง 150 เมตร ต้องขึ้นบันไดไปกว่า 328 ขั้น ไม่ว่ามองจากมุมไหนของหลวงพระบางก็มองเห็นพระธาตุสีทองอร่าม ด้านบนสามารถมองเห็นแม่น้ำโขง แม่น้ำคาน ตัวเมือง สวยทั้งตอนเช้าและตอนเย็น โดยตอนเช้าพระอาทิตย์จะขึ้นทางแม่น้ำคาน ตอนเย็นตกทางแม่น้ำโขง ใครอยากไปดูพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น แนะนำว่าให้เพื่อนๆ ขึ้นกันไปจับจองที่นั่งวิวดีๆ กันก่อนเลย เพราะจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกค่อยข้างเยอะเลยทีเดียว นอกจากขึ้นไปชมวิวกันแล้ว อย่าลืมซื้อธูปเทียน ดอกไม้ไปกราบพระธาตุกันด้วย ค่าเข้า 20,000 กีบ/คน
เดินเล่นซื้อของฝากที่ ตลาดมืด สถานที่แหล่งช้อปปิ้งยามค่ำคืนของเมืองหลวงพระบาง "ตลาดมืด" ได้ยินครั้งแรกอาจจะรู้สึกแปลกๆ เพราะตลาดมืดบ้านเราเป็นคำที่ฟังแล้วรู้สึกไม่ดี แต่ที่ลาวตลาดมืด คือตลาดตอนกลางคืน บรรยากาศเหมือนถนนคนเดินบ้านเราเลย มีของขายทั้ง ของฝาก เสื้อผ้า งานศิลปะ ที่สำคัญเลยเป็นจุดที่มีของกินเยอะเลย ตลาดมืดนั้นตั้งอยู่บนถนนหน้าพระราชวัง สินค้าของแต่ร้านหน้าตาจะคล้ายๆ ความยาวตลาดอยู่ที่ประมาณ 1 กิโลเมตร
Day 3 : เที่ยวหลวงพระบาง-เวียงจันทน์
เช้าวันที่สาม พาเพื่อนๆ ตักบาตรข้าวเหนียว หนึ่งในวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของคนเมืองหลวงพระบาง ซึ่งทุกเช้าชาวลาวไม่ว่าจะผู้หญิง หรือผู้ชายจะเตรียมข้าวเหนียว กับข้าว ขนมมาใส่บาตร แต่ที่นี่ไม่นิยมใส่ดอกไม้กัน ผู้หญิงชาวลาวทุกคนจะสวมผ้าซิ่น ห่มผ้าเบี่ยง (ผ้าสไบ) นั่งรอพระเดินบิณฑบาตมาเป็นแถวยาว ยิ่งในช่วงวันพระ หรือในช่วงเทศกาลวันสำคัญทางพุทธศาสนาจะมีพระออกเดินบิณฑบาตเยอะ เรียงเป็นแถวยาว เรียกได้ว่าเป็นภาพที่สวยงามและเป็นเสน่ห์ของเมืองหลวงพระบางเลย
หลังจากที่เราตักบาตรทำบุญกันแล้ว เดินจากที่ตักบาตรไปไม่ไกล เราไปเดินเล่น ตลาดเช้าหลวงพระบาง กัน ที่นี่เป็นตลาดแบบปูผ้ากับพื้นและร้านเพิงชั่วคราว ของที่นำมาขายเป็นของแบบพื้นถิ่น มีทั้งปลาน้ำโขง เป็ด ไก่ นก หนู งู ผักพื้นบ้าน เหมาะกับการไปชมวิถีชีวิตของคนหลวงพระบาง
แวะทานข้าวปุ้นเจ้าอร่อย ร้านข้าวปุ้นแม่อุ๊ อาหารสุดฮิตของคนหลวงพระบาง ร้านตั้งอยู่ในตลาดเช้าเลยจ้า มีข้าวปุ้นน้ำข้น น้ำใส และข้าวซอยให้เลือกทาน ทำกันสดๆ ตรงด้านหน้าร้านเลยจ้า ซดน้ำร้อนๆ อร่อยสุดๆ ราคาไม่แพงด้วยถ้วยละ 25,000 เท่านั้น ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่07.00-09.00น. จ้าไปชิมกันได้
เดินเล่นตลาดเช้ากันเสร็จ ได้เวลากาแฟแล้วจ้า ครั้งนี้เราจะมาแนะนำคาเฟ่เด็ดๆ ลับๆ ของหลวงพระบางให้เพื่อนๆได้เลือกไปชิลกันได้จ้า...
เริ่มกันที่ ร้าน Joma Bakery Café ร้านกาแฟขึ้นชื่อคู่เมืองหลวงพระบาง ที่ใครต่างก็ต้องพากันไปเช็คอิน ร้านตั้งอยู่ตรงวงเวียนไนท์มาร์เกต ติดกับร้านวุฒิศักดิ์สาขาหลวงพระบาง กาแฟที่นี้อร่อย แต่ชงออกหวานมาก พนักงานพูดได้ทั้งอังกฤษและภาษาไทยเลย ร้านน่ารัก ฟรีไวไฟ เบเกอรรี่รสชาติดี เมนูทางร้านจัดได้ว่ามีทั้งของคาว หวาน และเครื่องดื่มมาแบบจัดเต็ม เมนูน่าทาน เช่น white chocolate doughnuts, mocha cake, carrot cake แวะมาทานกันได้
ร้าน Formula B ร้านกาแฟเล็กๆ ตั้งอยู่ในตึกอายุร้อยปี ใจกลางเมืองหลวงพระบาง ถนนเส้นหลัก ร้านตกแต่งน่ารักมากในบรรยากาศสุดวินเทจ ชั้นบนเป็นคาเฟ่เสิร์ฟกาแฟและขนมอร่อยๆ ชั้นล่างเป็นร้านขายเสื้อผ้าและของฝาก แถมมีมุมถ่ายรูปเพียบ ใครไปเที่ยวหลวงพระบางแวะไปเช็คอินกันได้เลย เปิดบริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ 08:00-17:00 เสาร์และอาทิตย์ 09:00-18:00
ร้าน Le Banneton Café French Bakery คาเฟ่สุดบรรยากาศดีตั้งอยู่ในอาคารไม้เก่า ใจกลางเมืองหลวงพระบาง ตรงข้ามวัดวัดสบ (Vat Sop) เสริฟอาหารเช้าสไตล์ฝรั่งเศส ครัวซองต์ กาแฟ ไข่ดาว สลัด แซนวิช เบอร์เกอร์ เครื่องดื่ม ชา กาแฟ เปิด. 06.00-18.00 ไฮไลท์ ครัวซอง แอลมอลครัวซองต์
ร้าน Comma Coffee Luangprabang จุดรวมของการเดิมกาแฟ กาแฟในร้านทางร้านคั่วเอง เป็นสาขาย่อยมาจากเวียงจันทน์ คาเฟ่ลับหลวงพระบาง ที่กาแฟดริปอร่อยแบบตะโกนเลยจ้า บรรยากาศร้านมีมีหลายมุมให้เลือกนั่งถ้าในร้านโซนแรกจะเป็น indoor ตกแต่งดิบๆเท่ห์ๆ ด้านในหลังร้าน แบ่งเป็น 2 โซน คือoutdoor และ indoor จะแต่งสไตล์ นอดิกมินิมอล เข้ากันได้อย่างลงตัว ร้านแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนน เปิด : ทุกวัน 09.00-18.00 น. ที่ตั้ง : หน้าโรงเรียนประถมอาไพร
การเดินทางในเมืองหลวงพระบางส่วนใหญ่นอกจากรถของทางที่พักแล้ว พวกเราใช้บริการสกายแล็บค่ะ ราคาไม่แพงต่อเที่ยวประมาณคนละ10,000 กีบ( 30-40 บาทเท่านั้น)
หลวงพระบางมีวัดที่สวยงามและเก่าแก่ที่สุด ชื่อว่า "วัดเชียงทอง" อยู่ติดแม่น้ำโขงมีเพียงถนนกั้น เป็นวัดที่สร้างแบบศิลปะล้านช้างได้สวยงามมาก วัดเชียงทองสร้างขึ้นตั้งแต่สมัย พ.ศ.2103 โดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ด้วยความเก่าแก่ละมีความสวยงามจนได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดสถาปัตยกรรมล้านช้าง
ค่าเข้า : 20,000 กีบ หรือ 80 บาท เวลาเปิด - ปิด : 06.00 - 17.30น
บ่ายๆ ได้เวลาบอกลาหลวงพระบางกันแล้วจ้า เดินทางสู่นครหลวงเวียงจันทน์ รถจากที่พักมาส่ง ขึ้นรถไฟรอบ 13.30น ใช้เวลาเดินทางจากหลวงพระบาง-เวียงจันทน์ ประมาณ 2 ชั่วโมง
เข้าที่พักคืนที่สาม One Vientiane Hotel ที่พักขนาดกระทัดรัดใจกลางนครหลวงเวียงจันทน์
ห้องพักตกแต่งเรียบง่ายในสไตล์โมเดิร์น สะอาดและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ราคาไม่แพงด้วยจ้า
ค่ำนี้ของฝากท้องไว้ที่ "ร้านขอบใจเด้อ" Khop Chai Deu Restaurant เป็นร้านอาหารเก่าแก่ ใจกลางเมืองเวียงจันทร์ ที่การันตีความอร่อยมาได้มากกว่า 20 ปี ร้านตั้งดูในอาคารสไตล์อาฝรั่งเศสเก่ายุคโคโรเนียว ตึกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเมืองหลวงพระบาง ภายในร้านบรรยากาศดูอบอุ่น ร้านยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารพื้นบ้าน และ อาหารนานาชาติ ที่แซ่บและ ถูกปาก นักท่องเที่ยวมาแล้วนับไม่ถ้วน ช่วงคำ่ยังมีดนตรีสดให้ฟัง ชิลสุดๆเลย
Day 4 : เที่ยวเวียงจันทน์-เดินทางกลับกรุงเทพ
สบายดี เช้าวันสุดท้ายของทริปตะลุยเที่ยวลาว วันนี้เราจะเที่ยวเวียงจันทน์กันด้วยรถตู้พาเที่ยวจ้า ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ วันละ 1500-1800 บาท ค่ารถขึ้นอยู่กับเวลา แต่สถานที่ๆ เราจะไป ในวันนี้เราจะไปเที่ยวกันสองสามแห่งแล้วให้รถไปส่งเราที่ด่านเลยจ้า
วัดสีเมือง หรือ วัดศรีเมือง เป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่บนถนนเชษฐาธิราช ในนครหลวงเวียงจันทน์ สร้างขึ้นเมื่อ ในสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช วัดนี้เป็นที่ตั้งของเสาหลักเมือง มีคำบอกเล่าเก่าแก่ว่าเกี่ยวข้องกับสาวชื่อ สี เป็นหญิงท้องแก่ ยอมสละชีวิตพร้อมลูกในท้องพร้อมกับม้าอีกหนึ่งตัว เป็นผีอารักษ์เสาหลักเมืองเวียงจันทน์ จึงนำเอาชื่อสาวสีมาตั้งเป็นชื่อวัดว่า "วัดสีเมือง" ชาวเวียงจันทน์ได้เรียกสาวสีว่า ย่าแม่สีเมือง ทุกปีก่อนจะมีบุญนมัสการที่พระธาตุหลวง ความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมากไม่ว่าใครมาขอพรก็จะสมดังใจ
ต่อกันด้วย แวะถ่ายรูปเช็คอินกันที่ ประตูชัย หรือ ปะตูไซ (Patuxay Monument) ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ต้องไปเยือน เมื่อไปถึงนครหลวงเวียงจันทน์ สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงประชาชน และทหารชาวลาวที่เสียสละชีวิตในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง และสงครามการกอบกู้เอกราชจากฝรั่งเศส เพื่อเป็นเกียรติแก่ชัยชนะของคณะปฏิวัติ และเรียกใช้เรียกกันถึงปัจจุบันนอกจากนี้ปะตูไซยังถูกเรียกว่าเป็น "อาร์กเดอทรียงฟ์" แห่งเวียงจันทน์ เนื่องจากมีลักษณะคล้ายกับอาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่มีการเปิดไฟประดับประดาด้วยจะยิ่งทำให้ดูเหมือนประตูชัยของประเทศฝรั่งเศสเลย
ที่สุดท้ายก่อนเดินทางกลับเราไปขอพรไหว้พระกันที่ พระธาตุหลวง หรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี นับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งแห่งเวียงจันทน์ และเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนชาวลาวทั่วประเทศ ตามตำนานกล่าวว่าพระธาตุหลวงมีประวัติการก่อสร้างนับพันปีเช่นเดียวกันพระธาตุพนมในประเทศไทย และปรากฏความเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ของดินแดนทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงอย่างแยกไม่ออก และยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปเยือนเมื่อไปถึงนครหลวงเวียงจันทน์อีกด้วยจ้า
เที่ยวกันเสร็จได้เวลาเดินทางกลับแล้ว พี่คนขับรถตู้เดินทางมาส่งเราที่ด่านฝั่งลาว ทำเรื่องผ่าน ตม. และเดินทางกลับฝั่งลาวไปยังสนามบิน จ.อุดรธานี
รถที่เราเหมาเที่ยว มาส่งที่ด่านฝั่งลาว
นั่งรถเมย์ข้ามสะพานมิตรภาพ คนละ 30 บาท
นั่งแท็กซี่กลับสนามบินอุดรธานี เดินทางกลับกรุงเทพ
ทริปนี้เป็นอีกหนึ่งทริปที่สนุกสนานสุดๆ ได้เที่ยวลาวด้วยวิธีการเดินทางใหม่ๆ ที่ประหยัดทั้งเวลา ประหยัดทั้งค่าใช้จ่าย และได้เที่ยวแบบจัดเต็มเลยจ้าตะลุยกิน ตะลุยเที่ยว ประทับใจสุดๆ ใครที่อยากเปิดประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวลาวรูปแบบใหม่ก็จัดทริปตามกันมาได้เลย..
ค่าใช้จ่ายตลอดทริป 4วัน3คืน เดินทางกัน 3 คน (อัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท เท่ากับ 445 กีบ)
ค่าเครื่องบินไปกลับ คนละ 1900 บาท/ท่าน (จองช่วงโปรไม่ได้ซื้อน้ำหนักกระเป๋า)
ค่าแท็กซี่จากสนามบินอุดรธานี-ด่านไปกลับ 1600 บาท/ คนละ 530 บาท
ค่ารถเมล์ข้ามสะพานมิตรภาพไทยลาวไปกลับ คนละ 60 บาท
ค่าผ่านด่านลาวไปกลับคนละ 80 บาท
ค่ารถไฟ EMUชั้นสอง จากเวียงจันทน์ไปวังเวียง คนละ 125,000 = 280 บาท
ค่ารถไฟ EMUชั้นสอง จากวังเวียงไปหลวงพระบาง คนละ 119,000 = 267 บาท
ค่ารถไฟ EMUชั้นสอง จากหลวงพระบาง กลับเวียงจันทน์ คนละ 242,000= 543 บาท
ค่าที่พักคืนแรก Inthira Vangvieng 2380บาท / คนละ793 บาท
ค่าเข้าถ้ำจัง 15000 กีบ = 33 บาท
ค่ารถพาเที่ยวในวังเวียง 600 บาท คนละ 200 บาท
ค่าที่พักคืนที่สอง My Dream Boutique Resort 1,225 บาท / คนละ 410 บาท
ค่าเข้าวัดเชียงทอง 20,000 กีบ = 45 บาท
ค่าเข้าพระราชวัง 20,000 กีบ =45 บาท
ค่าเข้าพระธาตุพูสี 20,000 กีบ = 45 บาท
ค่าที่พักคืนที่สาม One Vientiane Hotel คืนละ 1500บาท /คนละ 500 บาท
รถตู้พาเที่ยวเวียงจันทน์+ส่งที่ด่าน 1500/ คนละ 500 บาท
ค่ากินของฝากตลอด 4 วัน ประมาณ คนละ 3000 บาท
รวมทั้งทริปนี้ ใช้เงินไปประมาณคนละ 9,231 บาท / คน
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับวิธีการเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร และช้อปปิ้ง ด้วย
Tags: นั่งรถไฟลาวจีน เที่ยวลาว เที่ยววังเวียง หลวงพระบาง เวียงจันทน์
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 15 พ.ย. 2024 | 830 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 05 พ.ย. 2024 | 3,954 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 07 พ.ย. 2024 | 2,714 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 15 พ.ย. 2024 | 437 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 01 พ.ย. 2024 | 870 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่เที่ยว | 08 พ.ย. 2024 | 1,627 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 27 ต.ค. 2024 | 3,001 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่กิน | 15 พ.ย. 2024 | 237 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่กิน | 03 พ.ย. 2024 | 1,032 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 30 ต.ค. 2024 | 1,246 อ่าน
สถานที่ยอดนิยม ที่พัก | 06 พ.ย. 2024 | 383 อ่าน