0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

The Dream Invitation ดินแดนล้านนา...กาลครั้งหนึ่งในฝัน

calendar_month 21 มี.ค. 2014 / stylus Admin Chillpainai / visibility 18,098 / รีวิวที่เที่ยว

   "ข้าเจ้าเป็นสาวเชียงใหม่ แหมบ่เต้าใดก่จะเป็นสาวแล้ว " hum

อยู่ดีๆ เกียร์กระปุกก็อยากฮัมเพลงนี้ขึ้นมา เมื่อรู้ว่าจะได้ขึ้นเหนือเดินทางไปจ.เชียงใหม

เพราะภาคเหนือเป็นภาคหนึ่งที่เกียร์กระปุกชอบที่สุด

ชอบทั้งอากาศ วัฒนธรรม อาหาร

การเดินทางครั้งนี้เกียร์กระปุกเดินทางไปกับบัตรเครดิตกสิกรไทย

ที่เขาร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และพาร์ทเนอร์ที่เกี่ยวข้องจัดแคมเปญ

“บัตรเครดิตกสิกรไทย บัตรเดียว เที่ยวเหมาลำ”

พาลูกค้าบัตรเครดิตของกสิกรไทยและสื่อมวลชนเดินทางขึ้นเหนือร่วมทริป

The Dream Invitation ดินแดนล้านนา...กาลครั้งหนึ่งในฝัน

โดยใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 3 วัน 2 คืน

มาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าทริปนี้เขาจะสะดวกสบาย และสนุกแค่ไหน

 

วันที่ 1

เริ่มการเดินทางเราพร้อมกันที่สุวรรณภูมิ นั่งเครื่องบินไปยังสนามบิน จ.เชียงใหม่

ถึงเชียงใหม่ประมาณบ่ายๆ ก็เดินทางไปเช็คอินที่โรงแรมดุสิตดีทู เชียงใหม่

   

โรงแรมตกแต่งสไตล์โมเดิร์น

เน้นใช้สีส้ม ขาว ให้อารมณ์ความสนุก ความสดใส 

ภายในห้องมีทั้งไวไฟ ทีวีแอลซีดี เครื่องเล่นดีวีดี อ่างอาบน้ำ ระบบน้ำร้อนน้ำเย็น ไดร์เป่าผม ตู้เซฟ

สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมากๆ อาหารเช้าก็มีให้ทานเต็มอิ่มทั้งสลัด

ข้าวต้ม อาหารไทย อเมริกันเบรคฟาสท์

โอย เยอะแยะเลือกทานไม่ถูกเลย

ดูรายละเอียดของโรงแรมที่นี่จ้า>>โรงแรมดุสิต ดีทู เชียงใหม่

จองที่พักแบบ Online ได้ทันที

agoda_but.jpg booking_but.jpg

 

พอพักผ่อนจนหายเหนื่อย

เราก็เดินทางต่อไปยัง สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

เพื่อไปดินเนอร์สุดหรูแบบลองเทเบิล huhuhu

 

ก่อนจะไปทานดินเนอร์สุดหรูมาดูประวัติคร่าวๆ ของ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์กันก่อน

สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์เป็นสวนพฤกษศาสตร์ ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2526 บนพื้นที่ 2,000 ไร่ เดิมเรียกว่า "สวนพฤกษศาสตร์แม่สา" มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาวิจัยและให้ความรู้ทางด้านพฤกษศาสตร์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 จึงได้โอนมาจัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

และในปี พ.ศ. 2537 องค์การสวนพฤกษศาสตร์ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้ใช้ชื่อสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ว่า "สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์"

ที่นี่ตั้งอยู่บนเขาค่ะ ทำให้อากาศเย็นสบายๆ

มีพรรณไม้มากมายและเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เราได้เที่ยวชม

"เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่"

 

"แผนที่การเดินทางไปยังสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์"

 

"อัตราค่าบำรุงและค่าบริการสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์"

 

เดินชมสวนจนเพลินก็ถึงเวลาดินเนอร์สุดโรแมนติก
 
   

ดินเนอร์สุดหรู และโรแมนติกไปกับบรรยากาศ

และบทเพลงของเจนิเฟอร์ คิ้ม และโก้ มิสเตอร์แซกแมน

เป็นการปิดการเดินทางคืนแรกอย่างมีความสุข เตรียมแรงไว้ในการเดินทางพรุ่งนี้ต่อ

 

วันที่ 2

ตื่นแต่เช้า วันนี้เราจะเดินทางไปยังจ. ลำพูนค่ะ

เพื่อจะไปร่วมพิธีสืบชะตาแบบล้านนา เสริมบารมี รับปีม้า 

ณ วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร

พอมาถึงเกียร์กระปุกก็ต้องตื่นตะลึงกับความงดงามขององค์พระธาตุ

ซึ่งที่เป็นเป็นสถานที่สำคัญของชาวพุทธและชาวลำพูน

และที่นี่ยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีขาลด้วยนะคะ

ใครเกิดปีขาลมาสักการะที่นี่จะเป็นสิริมงคลมากๆ

จากนั้นเราเข้าสู่พระอุโบสถเพื่อร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ 

นั่นคือ พิธีสืบชะตาแบบล้านนา  เสริมบารมี รับปีม้า 

ได้บุญอิ่มใจกันไปถ้วนหน้า

ใกล้ๆ กับ วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร

คือที่ตั้งของ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย

เก็บรวบรวมและจัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุที่มีอยู่มากมายในภาคเหนือ

พิพิธภัณฑ์แบ่งเป็น 2 ชั้น 

ชั้นล่างเก็บรวบรวมศิลาจารึกโบราณ

ด้านบนเก็บจัดแสดงโบราณวัตถุและศิลปะวัตถุ

ในสมัยก่อนหริภุญไชย และ สมัยหริภุญไชย น่าสนใจมากๆเลยล่ะค่ะ

 

จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย ยังสามารถเดินไปยังคุ้มเจ้าราชสัมพันธวงษ์

ซึ่งเป็นอาคารเรือนไทยล้านนา 2 ชั้น 

ด้านล่างก่ออิฐถือปูน ด้านบนเป็นไม้หลังคาทรงปั้นหยา

ที่นี่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2455 ในสมัยเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 10 

โดยใช้เป็นเรือนที่พักอาศัยของเจ้าราชสัมพันธวงศ์ กับเจ้าหญิงส่องหล้า และบุตรธิดา 

ต่อมาเปลี่ยนเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีน สถานีวิทยุ อ.ส.ม.ท.ลำพูน และร้านอาหาร ตามลำดับ

ก่อนจะเป็นพิพิธภัณฑ์ชชมชนดังเช่นในปัจจุบันนี้

ด้านในจัดแสดงของใช้ในสมัยอดีต

ส่วนชั้น 2 ปล่อยเป็นพื้นที่โล่ง สามารถเดินขึ้นไปชมได้

 

จากนั้นเราเดินทางไปทานอาหารที่ร้านครัววันดี

แผนที่ร้านครัววันดี

   

อาหารร้านนี้ต้องยกนิ้วให้เลยค่ะ

ทั้งแกงโฮะ แกงแค โดยเฉพาะน้ำพริกอ่อง แคปหมูร้านนี้อร่อยมากๆ 

karok_waipra

 

   

จากนั้นเดินทางต่อมายังสถาบันผ้าทอมือหริภุญชัย เป็นสถาบันที่ส่งเสริมการเรียนรู้วิธีการทอผ้าด้วยมือ 

และสืบทอด วัฒนธรรมการทอผ้าของจังหวัดลำพูน 

ที่นี่เกียร์กระปุกได้คุยกับแม่อุ๊ยที่มาเล่าเรื่องราวของผ้าไหมยกดอกลำพูน

กว่าจะได้ทีละผืนไม่ใช่ง่ายๆ 

นอกจากนี้ที่นี่เขายังมีผ้า และผลิตภัณฑ์จากหัตถกรรมจำหน่ายในราคาย่อมเยาอีกด้วย

และความพิเศษของทริปนี้เขามีการจำลองกาดหมั้ว

หรือตลาดของชาวเหนือที่ขายสินค้า ของกินต่างๆ 

โดยเขาได้ยกกาดหมั้วมาไว้ที่บริเวณสถาบันผ้าทอมือหริภุญชัย

ให้พวกเราได้เลือกชิมอาหารอร่อยๆ กัน

 

"บรรยากาศชิลมากๆ"

 

ในตอนเย็นเราเดินทางต่อมายังยังวัดจามเทวี

ตามตำนานกล่าวว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดที่พระนางจามเทวี(พระกษัตรีย์แห่งอาณาจักรหริภุญชัย)

พระองค์ทรงมาปฏิบัติธรรม ณ วัดแห่งนี้ จนพระองค์สิ้งพระชนม์

หลังจากนั้นพระราชโอรสของพระนางจามเทวี คือ พระเจ้ามหันตยศ และพระเจ้าอนันตยศ

โปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อถวายพระเพลิง แล้วโปรดให้สร้างเจดีย์เหลี่ยมมียอดหุ้มด้วยทอง

เรียกชื่อว่า สุวรรณจังโกฏิ 

ต่อมาได้ถูกทิ้งร้าง ยอดเจดีย์ได้หักผุพัง

ทำให้ชาวบ้านเรียกวัดแห่งนี้ว่า “วัดกู่กุด” (กู่กุด เป็นภาษาล้านนา แปลว่า เจดีย์ยอดด้วน)

ต่อมาเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ผู้ครองนครลำพูนได้ไปนิมนต์ท่านครูบาศรีวิชัย ช่วยบูรณะวัดจามเทวีอีกครั้งหนึ่ง

และใช้ชื่อว่าวัดจามเทวี จนมาถึงปัจจุบัน

ความสำคัญของที่นี่ยังเป็นสถานที่จำวัดที่สุดท้าย

ของครูบาศรีวิชัย เมื่อครั้งที่ท่านอาพาธ ท่านได้มารักษาตัวอยู่ที่นี่

จนอาการของท่านเริ่มหนักขึ้น ท่านจึงขอกลับไปที่บ้านปาง

และมรณภาพเมื่อวันที่  20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2481

จากนั้นได้เคลื่อนศพของท่านเพื่อมารอพระราชทานเพลิงศพ ณ วัดจามเทวี

แต่ก็มาเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียก่อน ทำให้ไม่สามารถมีพิธีพระราชทานเพลิงศพได้

จนถึงปี พ.ศ.2489 ก็ได้มีการพระราชทานเพลิงศพครูบาขึ้นในวันที่21 มีนาคม พ.ศ.2489 

"กู่อัฐิครูบาเจ้าศรีวิชัย"

 

 

"พิพิธภัณฑ์ครูบาศรีวิชัย ภายในวัดจามเทวี"

 

จากลำพูนเราเดินทางกลับมายังเชียงใหม่

เย็นนี้เราได้ไปทานอาหารค่ำแบบล้านนาที่ บ้านม่อนฝ้าย

ถ้าใครเคยดูเรื่องรอยไหม

คงจะจำบ้านหลังนี้ได้เพราะเป็นบ้านของหม่อมบัวเงินตัวละครในเรื่อง

ที่จะมีบริวารเป็นผีหน้าตาหน้าเกลียด คือผีอีเม้ย 

คอยรับใช้ให้ไปทำเรื่องที่ไม่ดี

(เกียร์กระปุกขอไม่เอาภาพลงอีเม้ยลงนะคะเพราะหลอนplease)

"มุมบันไดที่มองเห็นระเบียงที่หม่อมบัวเงินและผีอีเม้ยในเรื่องรอยไหมมักจะนั่งตรงนี้"

pleasepleaseplease

นอกจากเรื่องรอยไหมที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครและภาพยนตร์อีกมากมาย

คนบ้าละครอย่างเกียร์กระปุกมาที่นี่เลยฟินเลยค่ะ เดินดูมุมต่างๆ ของบ้านอย่างเพลิดเพลิน

"เป็นบ้านเรือนไม้เก่าแก่ที่มีความสวยงามมากๆ"

"เจอแม่หญิงเจียงใหม่ในชุดล้านนาเลยถ่ายรูปไว้หน่อย"

"อ้ายบ่าวกำลังม่วนกับซะล้อ ซอ ซึง"

ซึ่งที่นี่เขาเอาไว้จัดเป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน

งานจัดเลี้ยงต่างๆ โดยในวันนี้เราได้มาทานอาหารค่ำแบบขันโตกที่นี่

นอกจากนี้ภายในบ้านม่อนฝ้ายเขายังมีการจำลองกาดหมั้วมาให้เราได้เลือกทานอาหารอร่อยมากมาย

มาดูบรรยากาศกาดหมั้วสุดน่ารักกันดีกว่า hum

"ซักเป๊กไหมครับพี่สาวcumpai"

 

"ข้าวซอยจ้า"

 

"ชิลดีจัง"

 

"ขนมครกก็มี"

 

  

เดินชิมของอร่อยในกาดหมั้วจนเพลิน

กลับมาที่นั่งเขาก็มีขันโตกมาเสิร์ฟ

แล้วก็นั่งฟังเพลงซะล้อซอซึง เพลงโฟล์คซองบทเพลงกำเมืองของจรัล มโนเพชร โดยศิลปินท้องถิ่น

พร้อมกับกินแค็ปหมูจิ้มน้ำพริกหนุ่มและผักสดไปด้วย ท่ามกลางอากาศเย็น โอ๊ย!! จะชิลไหน karok_beachball

ปิดท้ายคืนสุดท้ายที่เชียงใหม่อย่างมีความสุข

 

วันที่ 3

วันสุดท้ายเราเดินทางมาทานข้าวซอยกันที่ร้านข้าวซอยลำดวน

 

เป็นมื้อปิดท้ายก่อนเดินทางกลับสู่กรุงเทพ

การเดินทางครั้งนี้เกียร์กระปุกต้องขอขอบคุณธนาคารกสิกรไทย

และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ที่เอื้อเฟื้อทริปฟินๆ แบบนี้

ใครอยากตามรอยทริปฟินๆ แบบนี้ ก็ทำได้เลยจ้า ไม่หวง hum

 

เรื่องและภาพ เกียร์กระปุก

 



เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai