calendar_month 16 มิ.ย. 2022 / stylus Maprang Chillpainai / visibility 57,288 /
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวชิลไปไหน ทริปนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวประเทศเวียดนามกันค่ะ ครั้งนี้เราจะเปลี่ยนบรรยากาศโดยการใช้บริการเดินทางกับทัวร์ จ้า เราจะไปตะลุยเที่ยวเวียดนามกลาง กัน ความพิเศษคือทัวร์ที่เราเลือกไปนั้นเป็นทัวร์แบบ private trips ด้วยนะคะ จะสนุกแค่ไหนไปเที่ยวพร้อมๆ กันเลยค่ะ
ประเทศเวียดนาม Vietnam หรือ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกสุดของคาบสมุทรอินโดจีนมีพรมแดนติดกับประเทศจีนลาว และ กัมพูชา และเวียดนามยังเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ กั้นระหว่างที่ราบลุ่มแม่น้ำทางตอนเหนือและใต้ จึงทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายเที่ยวได้ทุกภูมิภาคค่ะ ในทริปนี้เราจะพาเพื่อนๆไปตะลุยเที่ยวโซนภาคกลางกัน จะสนุกครบรสขนาดไหนไปเที่ยวกันเลยจ้า...
--- Day 1 ---
เช้าวันแรก ทางคณะทัวร์นัดเจอพวกเราที่สนามบินสุวรรณภูมิ แบบที่บอกว่าทริปนี้เป็นทัวร์แบบ VIP Private Groups ในคณะทัวร์จึงมีแต่พวกเราจ้า ข้อดีข้อแรกของการเดินทางกับทัวร์คือเราไม่ต้องจัดแจ้งเรื่องเอกสารการเดินทางเอง ทางทัวร์จะบริการทำให้ทุกอย่างเลย สะดวกสบายสุดๆ เราเดินทางโดยสายการบินเวียดเจ็ทแอร์ โดยมุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติดานัง ประเทศเวียดนาม เราใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 1 ชั่วโมง ค่ะ
เที่ยงๆ เราเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติดานัง ประเทศเวียดนาม จากนั้นก็ทำการผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร ให้เตรียมเอกสารให้พร้อมค่ะเพื่อเจ้าหน้าที่ขอดูค่ะ (เอกสารที่ทางทัวร์จัดทำให้ในแฟ้มทั้งหมด) แต่โชคดีมากในวันที่เราไปเจ้าหน้าทีขอตรวจแค่พาสปอร์ต และ Boarding pass เท่านั้นค่ะ รวดเร็วมาก แนะนำให้เก็บ Boarding pass ไว้กับตัวตลอดจนกว่าจะออกจากสนามบินดานัง เลยนะคะ ในวันที่คณะทัวร์ของเราเดินทางไปถึงหน้าสนามบินนานาชาติดานัง ด้านหน้าทางออกมีการแจกซิมการ์ดฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวทุกท่านที่เดินทางไปเที่ยวประเทศเวียดนามด้วยนะคะ แค่นำพาสปอร์ตไปลงทะเบียนก็สามารถรับซิมไปใช้ได้เลยค่ะ แต่ถ้าใครไปในช่วงที่ไม่มีซิมแจกแล้วก็สามารถซื้อซิมได้ที่สนามบินเลยค่ะ มีขาย ราคาขึ้นอยู่ที่ความเร็วเน็ตที่เราจะใช้ ประมาณ 250-500 บาทค่ะ
หลังจากจัดแจงเรื่องกระเป๋า ซิมการ์ดกันเสร็จ พี่ๆ ไกด์ท้องถิ่นรอตอนรับเราอย่างหน้ารักและอบอุ่น ไกด์พูดไทยได้ด้วยนะคะน่ารักมาก มีการแจกหมวกเวียดนาม หรือที่เรียกว่า "หนอน หลา" ให้เราด้วยค่ะ หมวกนี้จะใช้เป็นพร็อบถ่ายรูปที่สวยงาม และของขวัญจากไกด์ให้เรานำกลับบ้านได้ด้วย ข้อดีข้อที่สองขอการมากับทัวร์ คือมีไกด์คอยบริการดูแลแนะนำเล่าประวัติสถานที่ต่างๆให้เราฟัง ทักทายแนะนำตัวกันเสร็จพวกเราก็เดินทางเข้าตัวเมืองดานังกันค่ะ ตลอดทริปนี้เราเดินทางด้วยรถส่วนตัวเฉพาะกรุ๊ปของพวกเราเลย รถที่ใช้จะเป็นรถตู้ 12 ที่นั่ง ที่นั่งกว้าง มีพื้นที่ด้านหลังรถให้เก็บกระเป๋าเดินทางของพวกเราด้วยค่ะ เรียกได้ว่าส่วนตัวสุดๆ
เมืองดานัง ตั้งอยู่ในเขตภาคกลางของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ห่างจากเมืองฮานอยไปทางทิศใต้ 764 กิโลเมตร และห่างจากเมือง โฮจิมินห์ ไปทางทิศเหนือ 964 กิโลเมตร ทิศเหนือติดกับเมืองเว้ ทิศตะวันตกและทิศใต้ติดกับจังหวัดกว่างนาม ส่วนทิศตะวันออกติดกับทะเลจีนใต้ เมืองดานังเป็นเมืองที่มีหาดทรายขาว และมีภูเขาหินอ่อนสลับซับซ้อน และยังเป็นเมืองท่าที่สำคัญเพราะในแถบนี้มีหมู่บ้านชาวประมงจำนวนมากจึงทำให้เกิดเป็นเมืองท่าทางการค้าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเวียดนาม
ประเดิมมื้อแรกที่เมืองดานังด้วยอาหารกลางวัน สไตล์พื้นเมือง อย่าง "เฟ๋อ" ที่ร้าน PHO HONG ร้านอาหารเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมตึกบนถนนเส้นหนึ่งใจกลางเมืองดานัง เป็นร้านที่ไกด์บอกว่ามาดานังแล้วต้องมากินเฟ๋อที่ร้านนี้ เพราะเป็นสไตล์เวียดนามแท้ๆ ที่คนเวียดนามกินกัน ภายในร้านโปร่งโล่งในบรรยากาศที่เรียบง่าย และแน่นอนค่ะ เราจัดกันไปคนละ 1 ชามใหญ่ๆ จุกๆ คือชามใหญ่มาก ให้เยอะเวอร์ เมนูเด็ดคือ เฟ๋อเนื้อน้ำซุปหอมๆ ร้อนๆ ทานคู่กับ สปริงโรลเวียดนาม พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด แถมมีกิมจิไว้ตัดเลี่ยนอีก บอกเลยว่าเลิฟร้านนี้มากค่ะ อร่อยสุดๆ
หลังจากอิ่มท้องกันแล้วรัก่อนจะเดินทางต่อ เราขอพี่ไกด์พาแวะร้านกาแฟเพื่อเติมพลังกันอีกนิด ก่อนเดินทางไปเมืองฮอยอันจ้า พี่ไกด์ก็ตามใจสุดๆพาเราแวะซื้อกาแฟกันที่ ร้าน Ut Tich Caphe ร้านนี้บรรยากาศน่ารักตกแต่งสไตล์เมืองเก่า เหมือนยกเมืองโบราณฮอยอันมาไว้ที่ดานังเลยค่ะ มุมถ่ายรูปเยอะมาก มีทั้งกาแฟสด กาแฟดริป และเครื่องดื่มอีกมากมายให้เลือกดื่มเลย เราใช้เวลากันไม่นานก็รีบออกเดินทางต่อค่ะ ขอดีข้อที่สามของการมาเที่ยวกับทัวร์แบบ Private Groups ก็คือเราสามารถขอแวะหรือยืดหยุ่นโปรแกรมบางอย่างได้ค่ะ
เดินทางต่อไปยัง เมืองฮอยอัน ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกว่างนาม ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ห่างจากดานัง ประมาณ 25 กิโลเมตร เท่านั้นค่ะ และกิจกรรมแรกของวันนี้คือ ล่องเรือกระด้ง ที่ หมู่บ้านกั๊มทาน ถือเป็นกิจกรรมที่ห้ามพลาดเมื่อไปเที่ยวเวียดนามกลาง ชาวบ้านพาล่องเรือกระด้ง ชมวัฒนธรรมอันสวยงามของชาวท้องถิ่นที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ ระหว่างที่ล่องเรือกระด้งอยู่นั้นชาวบ้านที่นี้ก็จะมีการขับร้องพลงพื้นเมือง และนำไม้พายเรือมาเคาะเพื่อประกอบเป็นจังหวะดนตรี บางลำก็พายแข่งกัน สนุกสนามมากเลยค่ะ แต่ถ้าใครมึนหัวต้องบอกลุงนะคะว่าอย่าดริปบ่อย เพราะเดี๋ยวจะอวกเอาได้ค่ะ
ออกจากบ้านกั๊มทานเดินทางมุ่งหน้าสู่ เมืองโบราณฮอยอัน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศเวียดนาม และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก บริเวณเขตเมืองเก่ามีการผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมทั้งของท้องถิ่น ของต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นอาคารต่างๆ ภายในเมืองได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเดิมไว้ได้เป็นอย่างดีสีสันสวยงาม ทางทัวร์ได้พาเรา นั่ง Cyclo หรือ สามล้อเวียดนามเที่ยว “เมืองโบราณฮอยอัน” เที่ยวชมสถานที่สำคัญรอบๆ เมืองโบราณฮอยอันอีกด้วยนะ วันที่เราไปตรงกับวันหยุดของคนเวียดนามพอดีค่ะ บรรยากาศเลยคึกคลื้นสุดๆ มีร้านรวงขายของฝาก ของกิน ของใช้ และมีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆ มากมาย พวกเราเดินเที่ยวถ่ายรูปกันเพลินมาก จนพระอาทิตย์รับขอบฟ้ากันเลยทีเดียว
แดดร่มลมตกเราจะได้เห็นสีสันยามค่ำคืนของเมืองฮอยอันที่โรแมนติกสุดๆ
อย่าลืมแวะจิปน้ำดอกบัวสุดสดชื่นคลายร้อนกันด้วยนะคะ
เราทางอาหารเย็นกันที่ ร้าน The Hoianian ร้านตั้งอยู่ในย่านเมืองโบราณฮอยอันเลยค่ะ ติดฝั่งแม่น้ำทูโบน ถ้านั่งทานระเบียงด้านบนร้านสามารถชมวิวแม่น้ำทูโบนได้ด้วย ร้านเสริฟอาหารดั่งเดิมของเมืองฮอยอันแท้ๆ เลยนะ น่าทานทุกเมนูเลยค่ะ
ทานอาหารเย็นเสร็จห้ามพลาดเลยนะคะ เที่ยวช็อปปิ้งตลาดโคมไฟในยามค่ำคืน
ส่วนใครอยากจะมี "ชุดอ๋าวหย่าย" เป็นขอตัวเอง ก็เดินเข้าไปเลือกผ้า วัดตัว สั่งตัดในร้านได้เลยจ้า ราคาชุดนึงประมาณ 500 - 1,000 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดของผ้า แถมส่งให้ถึงโรงแรมเลยด้วยใช้เวลาตัดแค่วันเดียวเองค่ะ
หลังจากเดินเล่นชมเมืองกันอย่างจุใจ เราเดินทางเข้าที่พักกันที่ Thanh Binh Riverside Hotel ที่พักริมแม่น้ำทูโบน บรรยากาศภายในที่พักห้องตกแต่งในสไตล์ historic-style building คืนนี้เราพักกันที่ห้อง Deluxe Twin bed ห้องกว้างมากเลยค่ะ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำให้แช่ แอบเซ็กซี่ด้วยกระจกใสบานให้ที่มองเห็นทะลุจากในห้องนอนเลยจ้าแต่ถ้าใครเขิลก็ดึงม่านลงมาปิดได้ นอกจากนี้ยังมีระเบียงให้นั่งชมวิวหน้าห้องมองเห็นวิวแม่น้ำทูโบนด้วยนะ ชิลสุดๆ สำหรับบริการส่วนกลางก็มีสระว่ายน้ำว่ายน้ำกลางแจ้ง และเก้าอี้อาบแดดตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Thu Bon และบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi) อีกด้วย
--- Day 2 ---
มอนิ่งค่ะ สวัสดีเช้าวันที่ 2 เราตื่นกันแต่เช้าเลยค่ะ รีบมาทานอาหารเช้าในที่พัก ในที่พักก็จะมีอาหารเช้าให้เลือกหลากหลายเมนูนะคะ วันนี้เราสั่งเป็น ไข่ดาว ขนมปัง และกาแฟค่ะ ทานเสร็จมีเวลาเหลือนิดหน่อยออกไปเที่ยวกันดีกว่าค่ะ
เราไม่ลืมที่จะออกมาเก็บตกสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองโบราณฮอยอัน อย่าง สะพานญี่ปุ่น (Japanese Covered Bridge) อีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของเมืองฮอยอันที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือน สะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาแล้วกว่า 400 ปี สะพานมีลักษณะโค้งแบบสถาปัตยกรรมญี่ปุ่น หลังคามุงกระเบื้องสีเขียวและเหลืองเป็นคลื่นสวยงาม เดินเข้าไปกลางสะพานสามารถสักการะ ศาลเจ้ากวนอู และเมื่อข้ามสะพานมายังอีกฝั่งหนึ่ง คุณจะพบเห็นบ้านเรือนเก่าสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ตลอดจนร้านค้าริมสองฝั่งถนนให้ท่านได้เลือกซื้อเลือกชมตามอัธยาศัยมากมายสามารถถ่ายรูปได้ทุกมุมสวยๆ เลยค่ะ
หลังจากเช็คเอ้าส์ เราเดินทางต่อไยัง สวนผักตราเขว่ ชมวิธีชาวบ้านถ่ายรูปกับสวนผักแบบฉบับเวียดนาม ชิมผักปลอดสารพิษผลิตภัณฑ์ชาวบ้าน และถ่ายรูปการรดน้ำแปลงผักโดยใช้หาบบัวสไตล์เวียดนาม มีการสอนให้นักท่องเที่ยวได้ลองปลูกผักและทดลองรดน้ำผักจากฝักบัวสไตล์ด้วยค่ะ สนุกสนานมาก (โปรแกรมปรับเปลี่ยนได้นะคะถ้าไม่อยากแวะเราสามารถแจ้งทางทัวร์ได้เลยจ้า)
จากนั้นเราเดินทางต่อไป เมืองตากอากาศขึ้นชื่อแห่งดานัง บานาฮิลล์ สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของวันนี้ และเป็นสถานที่ๆ เราอยากมาที่สุดในทริปนี้อีกด้วย บานาฮิลล์ อยุ่ห่างจากเมือง ดานังออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 40-50 นาที บานาฮิลล์เป็นเมืองตากอากาศมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยได้เกิดแนวคิดการสร้างบ้านพักและโรงแรมจากชาวฝรั่งเศส ในสมัยอาณานิคมตั้งแต่ปี 1919 ปัจจุบันรัฐบาลเวียดนามได้กลับมาบูรณะเป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศแห่งนี้อีกครั้ง พร้อมกับได้มีการสร้าง กระเช้าลอยฟ้า ที่มีความยาวถึง 5,801 จากระดับน้ำทะเล เพื่อใช้เป็นเส้นทางสำหรับขึ้นไปยังยอดเขาอีกด้วย
จุดไฮไลท์แรกที่มาถึง คือ สะพานโกเด้นบริดจ์ (Golden Bridge) สะพานลอยฟ้าสีทองในอุ้งมือยักษ์ ที่เราเห็นในรูปภาพกันบ่อยๆ ในที่สุดวันนี้เราก็ได้มายืนอยู่บนมือยักกษ์แห่งนี้แล้วค่ะ สะพานแห่งนี้ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,400 เมตร ความยาว 150 เมตร โค้งไปตามแนวเขา จุดเด่นคือสะพานถูกทอดผ่านอุ้งมือหินขนาดยักษ์สองมือ ผู้ออกแบบจะทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังเดินอยู่บนเส้นด้ายสีทองที่ทอดอยู่ในหัตถ์ของเทพ และนอกจากความอลังการแรกของสะพานโกเด้นบริดจ์ที่ได้เจอแล้ว เรายังได้สัมผัสถึงอากาศที่เย็นสบายสุดๆ แถมด้านบนมีมุมให้ถ่ายรูปมากมาย ทั้งสวนดอกไม้ ร้านค้าต่างๆ เดินเล่นเพลินได้ทั้งวันเลยค่ะ
จากนั้นนั่งเคเบิ้ลคาร์สู่ไฮไลท์ที่สองของบาน่าฮิลล์ คือ เดินเล่นชมเมืองฝรั่งเศส บนยอดเขา
ทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารนานาชาติแบบบุฟเฟ่ต์ (รวมอยู่ในทริปแล้วไม่ต้องจ่ายเพิ่มจ้า)
เติมพลังกันแล้วเวลายังเหลือ จัดต่อเลยจ้ากับ สวนสนุก The Fantasy Park (ราคาทัวร์รวมค่าเครื่องเล่นภายในสวนสนุกทุกเครื่องเล่นเลยนะ ยกเว้นพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง และเครื่องเล่นที่ใช้ระบบหยอดเรียญค่ะ) รออะไรคะไปลุยกันเลย เครื่องเล่นในสวนสนุกของบานาฮิลล์ มีหลากหลายรูปแบบค่ะ เช่น โรงภาพยนต์ 4D โลกของไดโนเสาร์ รถไฟเหาะแมงมุมที่ชวนให้ทุกท่านระทึกขวัญไปกับเครื่องเล่น รถราง บ้านผีสิง และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีร้านช้อปปิ้งให้ท่านได้เลือกซื้อของที่ระลึกภายในสวนสนุกอีกด้วย หรือใครอยากเล่น “รถราง หรือ Alpine coaster” เครื่องเล่นขึ้นชื่อของประเทศเวียดนาม ก็ไปต่อคิวรอเล่นกันได้เลยจ้า เราสนุกและเพลินมาก เที่ยวจนวินาทีสุดท้ายจนถึงเวลานัด ประทับใจสุดๆ
ลงจากบาน่าฮิลล์ เราเดินทางสู่เมืองดานังกันค่ะ ก่อนเข้าที่พักเรา แวะเที่ยวกันที่ วัดลินห์อึ๋ง วัดที่หญ่ที่สุดในเมืองดานังภายในวิหารใหญ่เป็นสถานที่บูชาเจ้าแม่กวนอิม และเทพองค์ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นปูนขาวเจ้าแม่กวนอิมซึ่งมีความสูง 67 เมตร หันหน้าออกทะเลคอยปกป้องชาวประมงที่ออกไปหาปลา เป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งของเมืองดานังค่ะ
ได้เวลาเดินทางเข้าที่พักคืนนี้เราพักกันที่ Maximilan Danang Beach Hotel ที่พัก 4 ดาว ริมหาดดานัง ที่พักตกแต่งสไตล์ Modern อยู่บนตึกสูงมองเห็นวิวหาดดานังด้วยนะ มีสระว่ายน้ำอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมบรรยากาศดีสุดๆ เราพักกันที่ห้อง Deluxe ห้องขนาดพอดีโทนสรเรียบง่ายสบายตา มีกระจกบานใหญ่มองเห็นวิวชายหาดไกลๆ อยากฝั่งเห็นวิวภูเขา เตียงนุ่ม แอร์เย็น น้ำแรง พนักงานน่ารักบริการดีสุดๆ
เช็คอินเก็บของเข้าที่พักกันเรียบร้อย เย็นนี้เราทานอาหารเย็นกันร้านซีฟู้ดริมหาดดานังเลยค่ะ บริเวณริมหาดดานังจะเต็มไปด้วยร้านซีฟู้ดมามายให้เลือกทานเลยค่ะ ใรวันนี้เราฝากท้องกันที่ ร้าน LE GIA 1 ร้านซีฟู้ดขึ้นชื่ออีกร้าน ริมหาดดานังค่ะ (มื้อนี้รวมอยู่ในทัวร์แล้วค่ะ) แต่ถ้าใครอยากสั่งนอกเหนือจากในเมนูที่ทางทัวร์จัดให้ ก็สามารถเลือกซื้อเมนูที่ชอบได้เลยค่ะ การันตรีความสด อร่อย ทุกเมนูเลยจ้า
ก่อนกลับที่พัก ทางทัวร์พาแวะเดินย่อย ถ่ายรูปเล่น ชมความสวยงามของ สะพานมังกร (Dragon Bridge) ยามค่ำคืนชมวิถีชีวิต และสีสันยามค่ำคืนของคนเมืองดานังริมแม่น้ำหาว มุมถ่ายมีมุมถ่ายรูปเยอะเลยค่ะ ถ้าใครไปเที่ยวช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ หรือช่วงเทศกาลต่างๆ ที่สะพานมังกรแห่งนี้จะมีการปิดถนน และมีการแสดงมังกรพ่นไฟสุดอลังการให้คมด้วย
--- Day 3 ---
เช้าวันที่ 3 เราตื่นกันแต่เช้าทานอาหารเช้าที่โรงแรม จากนั้นก็เดินทางสู่เมืองเว้ ขาไปเราเดินทางตามเส้นทาง Hai van pass ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ จากเมืองดานังไปยังเมืองเว้ ระหว่างทางเราสามารถชมวิวภูเขาน้อยใหญ่ที่ตั้งสลับซับซ้อน มีจุดพักรถที่เราสามารถชมวิว เข้าห้องน้ำ จิบกาแฟได้ด้วย วิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากเลยค่ะ แต่ถ้าใครมีเวลาน้อย ก็สามารถวิ่งรอดอุโมงค์เรียบตามชายฝั่งทะเลตะวันตกตามเส้นทางหมายเลข 1A ได้เลยค่ะ ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้นค่ะ
แวะข้างทางชมวิวที่สวยงามของ อ่าว Lang Co หนึ่งในสิบอ่าวสวยงามที่สุดในโลก ชาวเวียดนามที่หมู่บ้านนี้ส่วนมากมีอาชีพเลี้ยงหอย เพื่อการผลิตหอยมุกส่งออกค่ะ
ในที่สุดเราก็เดินทางถึงเมืองเว้กันแล้วจ้า...เมืองเว้ ตั้งอยู่ในจังหวัดเถื่อเทียน-เว้ ประเทศเวียดนาม ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหงียน ช่วงปี พ.ศ. 2345–2488 มีชื่อเสียงจากโบราณสถานที่มีอยู่ให้เห็นทั่วเมืองเลยจ้า
และที่แรกที่เราไปเช็คอินกันก็คือ สุสานจักรพรรดิไคดิงห์ สุสานแห่งนี้เป็นเพียงสุสานเดียวที่มีการออกแบบงานสร้างโดยใช้การผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันออก และตะวันตกเข้าด้วยกัน สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างดีโดยใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 11 ปีเลยทีเดียว ภายในมีความวิจิตรสวยงามมาก สุสานแห่งนี้ถือเป็นสุสานที่ยังคงเดิมมากที่สุดเมื่อเทียบกับบรรดาสุสานที่เหลือของจักพรรคด์ต่างๆ ในยุคสงครามโลก สวยงามและยิ่งใหญ่สุดๆ ค่ะ
ทานอาหารกลางวันกันที่ ร้าน Madam THU Restaurant ร้านอาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อในเมืองเว้ เป็นร้านที่เราชอบและประทับใจสุดๆ ร้านนี้จะเสิร์ฟอาหารพื้นเมืองแบบฟิวชั่น มีหลากหลายเมนูค่ะ เช่น ออเดิร์ฟ สปริงโรลสไตล์เวียดนาม เฟ๋อก็มี ไฮไลท์คือ แหนมเนืองที่มีทั้งแบบเส้นสดและเส้นสุขให้เลือกทานเลยนะ พี่เจ้าของร้านน่ารักมาก มายืนอธิบายรายการอาหาร และวิธีการทานให้พวกเราทุกเมนูเลยค่ะ ที่สำคัญคือรสชาติอาหารอร่อยทุกเมนูจริงๆ ค่ะ
แวะซื้อของฝากเมืองเว้กันที่ ตลาดดงบา (CHO DONGBA MARKET) เป็นตลาดช้อปปิ้งซื้อของฝาก และตลาดสินค้าขนาดใหญ่ของเมืองเว้ ตั้งอยู่ติดกับเมื่อน้ำเหือง หรือ แม่น้ำหอม สินค้าที่นี่สามารถต่อรองราคาได้ สินค้าส่วนใหญ่จะนำเข้าจากประเทศจีน เช่น เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทาง เกรดของสินค้าก็พอๆกับราคา สำหรับของฝากที่ใช้ในครัวเรือน ที่เป็นของท้องถิ่นจริงๆ
เช็คอินเข้าที่พัก กันที่ Romance Hotel ที่พักสุดชิลบรรยากาสดีตั้งอยู่ใจกลางเมืองเว้เลยค่ะ ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย สองฝั่งของที่พักรายล้อมไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และบาร์ ค่ะ ช่วงกลางคืนแถวนี้จะครึกครื้นมากค่ะ ในส่วนของห้องพักเราพักกันที่ห้อง Deluxe ภายในห้องตกแต่งดทนสีขาวและไม้ทำให้บรรยากาศในห้องดูอบอุ่นสุดๆ ห้องกว้างมากค่ะ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ไปต่อกันที่กิจกรรมยามบ่ายสุดคลาสสิก กับ กิจกรรมนั่งมอเตอร์ไซค์ชมเมืองเว้ จินตนาการแรกเลยหลังจากอ่านโปรแกรมว่ามีกิจกรรมนี้ คือคนขับวินต้องเป็นแก็งวัยรุ่นแว้นๆ พาเราขี่รถเที่ยวแบบเสียวๆ แน่ๆ ตัดภาพมาที่หน้าโรงแรมฝั่งตรงข้ามเรามองเห็นชาวแก๊งคุณลุงคุณตากลุ่มหนึ่ง ยืนรอ ข้างๆ มีรถมอเตอร์ไซค์คนละคัน ในมือถือหมวกกันน็อคคนละใบ ไบก์เกอร์ทุกคนแต่ตัวเรียบร้อยในชุดกางเกงสแล็ค เสื้อเชิ้ต คิดว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ ไกด์ตะโกนมาว่า เลือกเลยจะไปกับใคร ไปจ้าลุยกันเลยดีกว่า ทุกคนมันเป็นภาพที่น่ารักมากค่ะอารมณ์เหมือนคุณตาพาหลานเที่ยว อดยิ้มไม่ได้เลยค่ะ (แอบกระซิบค่ะ กิจกรรมนี้ทางทัวร์แจ้งว่าถ้าลูกค้าท่านไหนไม่สะดวกนั่งมอเตอร์ไซค์ สามารถนั่งรถบัส-รถตู้ของเราไปเที่ยวตามปกติได้เลยจ้า)
ไบก์เกอร์ของเรา พาแวะเที่ยวสถานที่ท่องๆ สำคัญต่างๆ ในเมืองเว้ ผ่านเขตเกษตรกรรม และชุมชน เยี่ยมชมหมู่บ้านธูป ที่ผลิตธูปส่งทั่วประเทศเวียดนาม เยี่ยมชมบังเกอร์ และจุดชมวิวแม่น้ำหอม และถ่ายรูปกับทีมมอเตอร์ไซเพื่อเป็นที่ระลึก และที่สุดท้ายคือ วัดเทียนมู่
จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินแม่น้ำหอม
ระหว่างทางแวะชม หมู่บ้านทำธูป หมู่บ้านเล็กๆ ที่ชาวบ้านแทบทุกบ้านจะออกมานั่งทำธูปหลากสีสันโชว์นักท่องเที่ยว เหตุที่หมู่บ้านนี้ทำธูปน่ามาจากเหตุที่ชาวเวียดนามต้องแวะซื้อธูปไปไหว้สักการะสุสานจักรพรรดิและวัดต่างๆ แต่ธูปของหมู่บ้านนี้แตกต่างจากธูปทั่วไปตรงที่ผสมกลิ่นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นอบเชย ตะไคร้ กุหลาบ ในวันที่แดดดี ชาวบ้านจะนำธูปออกมาตากแดดเหมือนทุ่งดอกไม้ แต่ละร้านจะมีมุมให้นั่งถ่ายรูปที่สวยต่างกันไป สีสันคัลเลอร์ฟูลสุดๆ
และจุดสุดท้ายที่แวะคือ วัดเทียนมู่ วัดแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนานิกายเซน ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหอม มีจุดเด่นคือเจดีย์เทียนมู่ ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเว้ มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงเก๋ง 8 เหลี่ยม สูงทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นเชื่อว่าเป็นตัวแทนชาติภพต่างๆ ของพระพุทธเจ้า คุณลุงไบก์เกอร์ส่งพวกเราและบอกลากันที่นี่ค่ะ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่แปลกใหม่และสนุกมากๆเลยค่ะ
ล่องเรือมังกรแม่น้ำหอม ชมวิวบรรยากาศสองฝากฝั่งและชมพระอาทิตย์ตกดินแสงสุดท้ายของวัน
--- Day 4 ---
เช้าวันสุดท้ายของทริปนี้ เราตื่นเช้ามาทานอาหารเช้าในที่พักเช่นเคยค่ะ จากนั้นเช็คเอ้าส์ และเดินทางไปอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเว้ คือ.. พระราชวังเว้ พระราชวังต้องห้ามแห่งเวียดนาม พระราชวังเว้ ถือ เป็นพระราชวังที่เก่าแก่ของจักรพรรดิในราชวงศ์เหงียนทั้งหมด 13 พระองค์ ถือเป็นโบราณสถานแห่งสุดท้ายของเวียดนาม และในปัจจุบัน UNESCO ประกาศให้เป็นแหล่งมรดกโลก ภายในมีสถาปัตย์ที่สวยงามใหญ่โต อลังการเป็นอย่างยิ่ง เราจะได้เที่ยวชมครบทั้งหมด 3 ส่วน ของพระราชวัง ได้แก่ กำแพงรอบนอกป้องกันตัวพระราชวังที่เรียกว่า “กิงถั่น” ที่ทำการของพระองค์กับเสนาธิการและแม่ทับ ท้องพระโรงที่เรียกว่านครจักพรรคด์ “ไถหว่า” และส่วนที่สำคัญมากที่สุดของพระราชวังคือพระราชวังต้องห้าม เป็นที่ประทับของพระองค์ พระราชินี นางสนมและกลุ่มคนรับใช้เป็นขันที ที่เรียกกันว่า ”ตื๋อกั๋มถั่น”
หลังจากเที่ยวพระราชวังกันเสร็จ เราเดินทางกลับเมืองดานัง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ตามเส้นทางหมายเลข 1 A ที่เรียบตามชายฝั่งทะเลตะวันตก รอดอุโมงค์ Hai Van ผ่าน ภูเขาหายเวิน ผ่านทะเลสาบ Tam Giang เป็นทะเลสาบน้ำก่อยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียเป็นพื้นที่ชาวเวียดนามใช้ในการเลี้ยงกุ้ง ปลา จำนวนมาก เราแวะทานอาหารกลางวันกันแถว Lang Co เป็นร้านอาหารทะเลสดๆ (มื้อนี้เราดูแลตัวเองจ้า)
แวะซื้อของฝากกันที่ ตลาดหาน แหล่งรวบรวมสินค้ามากมายเป็นที่นิยมทั้งชาวเวียดนามและชาวไทย สินค้าที่โดเด่นคือ งานหัตถกรรม เช่น ภาพผ้าปักมืออันวิจิตร โคมไฟ ผ้าปัก กระเป๋าปัก ตะเกียบไม้แกะสลัก ชุดอ๋าวหย่าย (ชุดประจำชาติเวียดนาม) และนอกจากนั้นยังมีสินค้าอีกมากมาย
เวลายังเหลือ แวะชิลกันที่ Cong Ca Phe คาเฟ่ร้านดังในเมืองดานังที่ห้ามพลาด ร้านกาแฟสุดชิคสไตล์เวียดนาม จุดเช็คอินใหม่ ใกล้ตลาดหาน เมนูเด็ดคือ กาแฟมะพร้าว รสชาติกลมกล่อม ที่หวานหอมถูกใจคอกาแฟสุดๆ คอกาแฟต้องห้ามพลาด
นั่งจิบกาแฟกันสักพัก ก็ได้เวลาเดินทางกลับแล้วค่ะ หมดเวลาสนุกแล้วสินะ บอกลาพี่ไกด์คนสวยที่ดูแลเราดีมากๆ ตลอดทริป เดินทางสู่ท่าอากาศยานนานาชาติดานัง เพื่อเดินทางกลับประเทศไทยค่ะ โดยสวัสดิภาพค่ะ
ทริปนี้เต็มอิ่ม ครบรส มากค่ะ เราแบกความประทับใจ และมิตรภาพกลับบ้านมาเต็มกระเป๋าเลย ประเทศเวียดนาม ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามทั้งธรรมชาติ และวัฒนธรรม ในทริปนี้ยังถือเป็นการเปิดประสบการณ์ครั้งใหม่ของเราเลยค่ะ ที่มีโอกาสได้เที่ยวกับทัวร์ครั้งแรก ข้อดีของการเดินทางแบบทัวร์ส่วนมีข้อดีตามนี้เลยนะ ข้อแรก ทางทัวร์จะดู และจัดแจ้งเรื่องเอกสารการเดินทางให้ทุกอย่างเลยค่ะสะดวกสบายสุดๆ ข้อที่สอง มีไกด์คอยบริการ ดูแล และแนะนำเล่าประวัติสถานที่ต่างๆให้เราฟังด้วยนะ ข้อที่สาม ของการมาเที่ยวกับทัวร์แบบ Private Groups ก็คือเราสามารถขอแวะ หรือ ยืดหยุ่นโปรแกรมบางอย่างได้ค่ะ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางท่องเที่ยวที่เราอยากมาแนะนำกันค่ะ ทริปนี้ลากันไปก่อนแล้วเจอกันใหม่ทริปหน้านะคะ "เพราะชีวิตคือการเดินทาง"
-----------------------------
ขอขอบคุณ พี่ๆ นางแบบคนสวยจากเพจ เที่ยวสุดตัว ด้วยนะคะ